รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ รีวิว
ผู้แต่ง: เมิ่งซีสือ

แปล: เซียงเซียง

สำนักพิมพ์: everY

 
 
ในที่สุดก็ได้หยิบนิยายเรื่องนี้มาเขียนถึงเสียทีนะคะ นับจากที่อ่านครั้งแรกจบไปนี่ก็เรียกว่าผ่านไปประมาณ 5-6 เดือนมาแล้ว ล่าสุดก่อนที่ลงมือเขียนรีวิวชิ้นนี้ก็เพิ่งอ่านรอบที่สองจบไป ที่จริงตอนนี้งานท่วมหัวเลยค่ะ แต่ถ้าไม่รีบลงมือเขียนอาจจะลืมแล้วก็ต้องกลับไปอ่านใหม่เป็นรอบที่สาม ประเด็นคือ เรื่องนี้สิริรวมทั้งสิ้นคือ 7 เล่ม กว่าจะอ่านจบ ไม่ง่ายนะคะทุกคน แถมรายละเอียดต่างๆ ในเรื่องมีเยอะมาก ซึ่งขออนุญาตออกตัวไว้ก่อนเลยว่า คงจะไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากมายขนาดนั้นนะคะ ไม่งั้นมันจะยาว กลายเป็นวิทยานิพนธ์ไปเสียก่อน
 
เรามีโอกาสได้ผ่านหูผ่านตาซีรีย์คนแสดงที่เป็นผลงานกับกำของคุณเฉินหลงมาบ้างอยู่เหมือนกัน นอกจากหน้าตาของตัวละครหลัก 2-3 คน เราก็แทบไม่ได้ดูแบบเป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลย แต่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเนื้อเรื่อง ไม่ตรงกับต้นฉบับในหนังสือสักเท่าไหร่ แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกนายเอกก็ย่อมถูกทำให้กลายเป็นมิตรภาพไปตามคาด อันนี้ไม่แปลกใจนัก ก็เลยจะขออนุญาตไม่พูดถึงซีรีย์ก็แล้วกันค่ะ เพราะไม่ได้ดูจริงๆ บอกได้แค่ว่า น้องกวนหงที่เล่นเป็นถังฟั่นนี่คือเหมาะมากเชียวค่ะ ลุคอะไรต่างๆ เหมาะกับการเป็นบัณฑิตรูปงามผู้ฉลาดเฉลียวยิ่งนัก ส่วนฟู่เมิงป๋อที่รับบทเป็นสุยโจว ตอนแรกๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าหล่อน้อยกว่าที่คิดไปหน่อย แต่บุคลิกอะไรต่างๆ เข้าทางมาก จึงถือได้ว่าเหมาะกับบทสุยโจวมากทีเดียวเช่นกัน

 
 
สำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ นอกจากเรื่องความสัมพันธ์อันน่าติดตามของตัวละครต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่องแล้ว ก็ยังมีเรื่องราวการไขคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายไม่แพ้กัน นึกเอานะคะ 7 เล่มเนี่ย มันจะบรรจุเรื่องราวคดีน้อยใหญ่ทั้งที่ซับซ้อนและไม่ซับซ้อนเอาไว้มากแค่ไหน ถังฟั่น (หรือนามรอง รุ่นชิง) นั้น แต่แรกเริ่มเดิมที อายุเพิ่งจะยี่สิบปีก็สอบได้อันดับหนึ่งของบัณฑิตเอกขั้นหนึ่งได้แล้ว ที่สุดก็ได้มารับตำแหน่งเป็นข้าราชการขั้นหกเป็นผู้พิพากษาอยู่ที่ศาลซุ่นเทียนในเมืองหลวงนี่แหละ เรียกว่าแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ใหญ่โต แต่ดูจากอายุแล้วก็สติปัญญาแล้ว โดดเด่นอย่างยิ่ง ผิดจากนิสัยใจคอที่เป็นคนอยู่ง่าย สมถะ จะจุกจิกหน่อยก็แค่เรื่องปากท้องและอาหารการกินเท่านั้น เพราะไต้เท้าถังนั้นชอบหาของอร่อยกินเป็นอย่างยิ่ง
 
เริ่มเรื่องมา มีคดีแรกให้ทำก็ส่อแววยุ่งยากใจขึ้นมาเสียแล้ว เพราะทั้งเจ้าทุกข์และผู้ต้องหาล้วนเป็นคนในครอบครัวข้าราชการมั่งคั่ง อำนาจของถังฟั่นก็ใช่ว่าจะมีมากมายอะไร ก็ให้บังเอิญต้องได้มาร่วมสืบคดีร่วมกับองค์รักษ์เสื้อแพรที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอำนาจและความโหดนั่นแหละค่ะ ทำยังไงได้ เพราะถึงยังไงทีมองครักษ์เสื้อแพรก็เรียกว่ารับคำสั่งจากฮ่องเต้โดยตรง ดังนั้นใครเห็นเป็นต้องกลัว ต้องครั่นคร้ามมากเป็นธรรมดา ก็จังหวะได้มาร่วมมือ (อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก) กับสุยโจว (ชื่อรอง ก่วงชวน) ที่รั้งตำแหน่งเป็นถึงนายกององครักษ์เสื้อแพรแห่งกองปราบฝ่ายเหนือ ซึ่งเทียบกับถังฟั่นแล้ว สุยโจวเป็นคนที่พูดน้อยมาก เงียบขรึม เย็นชาอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นคนมากฝีมืออย่างยิ่งเช่นกัน

 
 
แม้ตอนที่รู้จักกันครั้งแรก สุยโจว ก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรในตัวข้าราชการเล็กๆ อย่างถังฟั่นนัก จะโทษก็คงต้องโทษศาลซุ่นเทียนมีพันปิน หัวหน้าของถังฟั่นที่มีนิสัยไม่เอาไหนดูแลอยู่นั่นแหละ ก็เลยทำให้ภาพของศาลดูไร้น้ำยาเหลือเกิน แต่พอได้สืบคดีร่วมกัน สุยโจวได้เห็นถึงความสามารถและความใส่ใจทุ่มเทในการทำงานอย่างเต็มที่ของถังฟั่น ก็เลยเริ่มรู้สึกดีกับเจ้าตัวมากขึ้น ถึงขั้นนับถือกันเป็นสหายกันหน้าตาเฉยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกที เวลามีคดีอะไร ถังฟั่นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว องครักษ์เสื้อแพรจะมีส่วนหรือไม่ ถ้าสุยโจวไม่มาคอยช่วยด้วย ก็เป็นต้องส่งคนของทีมมาคอยซัพพอร์ตได้เท้าถังอยู่เรื่อยไป ก็ใครใช้ให้ถังฟั่นไร้ฝีมือด้านวรยุทธ์ขนาดนี้ล่ะคะ เพื่อนก็อดห่วงไม่ได้แหละ

 
 
ทีนี้แรกๆ ถังฟั่นก็ไม่ได้มีเงินมีทองอะไรมากมาย ประสาข้าราชการตัวเล็กๆ ล่ะค่ะ ก็เลยอาศัยเช่าบ้านของคหบดีคนหนึ่งอยู่ในราคาถูกมาก เพราะเคยมีคนตายในบ้านหลังที่ว่า ถังฟั่นที่ไม่ได้เกรงกลัวอะไรก็เลยเข้ามาเช่าอยู่ ไปๆ มาๆ บ้านหลังนี้ก็เกิดคดีฆ่ากันตายขึ้น เดือดร้อนถึงถังฟั่นต้องมาไขคดีที่ว่านี้ หารู้ไม่ว่านอกจากตัวเองจะต้องกระเด็นออกจากบ้าน ยังได้ตัวเด็กหญิงอาตงที่เขาไถ่ตัวมาจากเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวติดมาด้วยส่วนหนึ่งก็เป็นความช่วยเหลือของสุยโจวด้วยล่ะค่ะ แถมเจ้าบ้านที่เป็นฆาตกรยังหนีไปได้ แถมตอนหลังมาสร้างความวุ่นวายใหญ่โตให้กับทั้งถังฟั่นและสุยโจวอีก เมื่อไม่มีบ้านจะอยู่ ก็พอดีสุยโจวออฟเฟอร์ให้มาอยู่บ้านเดียวกันเสียเลย เนื่องจากสุยโจวอยู่คนเดียว คนใช้สักคนก็ไม่มี บ้านก็ใหญ่โตนัก ถังฟั่นมาอยู่นอกจากจะไม่ได้สร้างความลำบากอะไร ยังมีเด็กหญิงอาตงมาคอยช่วยเรื่องงานบ้านไปด้วยซะอีก แถมได้อยู่ใกล้หูใกล้ตาด้วยแบบนี้ มีแต่ได้กับได้นะคะสุยโจว


 
ตอนหลังก็เลยกลายเป็นเหมือนครอบครัวกันไปเลยจริงๆ อาตงเองก็ไม่ได้มาอยู่ในฐานะคนรับใช้ แต่อยู่ในฐานะน้องสาวของพี่ชายสองคน ที่เคยออกไปทำงานกว่าจะกลับบ้านก็ดึกดื่น กินข้าวมั่ง ไม่กินมั่ง กินมาจากข้างนอกมั่ง ตอนหลังก็กลายเป็นความเคยชินที่ออกไปทำงานแล้ว ตอนเย็นก็จะกลับมานั่งกินข้าวพร้อมหน้ากัน ที่สำคัญที่สุดสุยโจวทำอาหารเก่งมาก เรียกว่าถ้าไม่ใช่คนสนิทใกล้ตัว การจะได้กินอาหารฝีมือสุยโจว ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่สำหรับเรื่องนี้ ขอแค่เป็นถังฟั่น ไต้เท้าสุยจึงได้ลงมือทำอาหารเองอยู่บ่อยครั้งทีเดียว
 
อีกตัวละครที่จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้ เพราะมีส่วนสำคัญมากทั้งในการดำเนินเรื่องและในความสัมพันธ์ของทั้งถังฟั่นและสุยโจว นั่นก็คือ วังกงกง ผู้เลื่องลือแห่งวังหลวง หรือที่คนใกล้ชิดจะเรียกว่า วังจื๋อ นั่นล่ะค่ะ วังจื๋อผู้นี้ อย่าเห็นว่าเป็นขันทีอายุน้อยนะคะ แม้นิสัยจะเย่อหยิ่งจองหองเจ้าเล่ห์เพทุบายในเลเวลที่น่าตบอย่างยิ่ง แต่ก็มากฝีมือมาก ไม่ว่าจะเป็นความเฉลียวฉลาด ฝีมือการต่อสู้ และอำนาจที่เจ้าตัวมีอยู่ในมือ ใครเห็นเป็นต้องก้มหัวให้ทีเดียวค่ะ แรกๆ ตอนที่ตัวละครตัวนี้โผล่มา เราเหม็นหน้านางน่าดู เพราะแลดูจะสร้างปัญหาให้ทีมพระเอกนายเอกของเราเหลือเกิน
 
แต่ตอนที่ถังฟั่นได้เจอกับวังจื๋อครั้งแรก ถังฟั่นนอกจากจะไม่เกรงกลัวอะไรแล้ว เจ้าตัวยังร่วมนั่งกินอาหารอร่อยไปกับเขาโดยไม่แคร์สักนิดว่าตัวเองแค่ติดตามพันปินมา เจ้ามือไม่ได้เชิญด้วยซ้ำ ตอนหลังถังฟั่นได้แสดงให้วังจื๋อได้เห็นถึงความฉลาดเฉลียวชนิดหาจับตัวได้ยาก วังจื๋อจึงรู้สึกว่าถังฟั่นไม่ธรรมดา จริงๆ ไม่ธรรมดามาตั้งแต่ที่หน้าหนามานั่งกินอาหารเค้า แถมยังต่อปากต่อคำแบบไม่กลัวเกรงใดๆ ประสาคนชิวๆ นั่นแล้วล่ะ วังจื๋อแม้จะปากร้าย แต่ก็ไม่อาจทำให้ถังฟั่นรู้สึกโกรธหรือถือสาอะไรได้เลยด้วยซ้ำ จุดเริ่มต้นในการสมรู้ร่วมคิด เอ้ย... ล่มหัวจมท้ายด้วยกันระหว่างถังฟั่น วังจื๋อและสุยโจวจึงได้เริ่มต้นขึ้นก็คราวนั้น ที่จริงความสัมพันธ์ระหว่างถังฟั่นกับวังจื๋อออกจะน่าสนใจอยู่นะคะ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่อาจจะเรียกอีกฝ่ายว่าเป็นมิตรสหายได้เต็มปาก เพราะนิสัยเสียๆ ของท่านวังกงกงที่แก้ไม่หาย แต่คนที่วังจื๋อไว้ใจที่สุดก็คือถังฟั่น ถึงขนาดคุยกันได้หมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแค่ไหน ถังฟั่นก็ไม่อาจจะนับถือวังจื๋อเป็นเพื่อนอะไรขนาดนั้น แต่เมื่อไหร่ที่วังจื๋อมาขอให้ช่วย ถังฟั่นก็ไม่เคยอิดออด ถึงขนาดเรื่องความรู้สึกในใจของถังฟั่นที่สับสน ก็ได้ไม่พ้นวังจื๋อจะได้เข้ามารับรู้ไปเสียอย่างนั้น เรียกว่าการพบกันของสองคนนี้เปลี่ยนอนาคตของทั้งคู่ไปในแบบที่พลิกฟ้าคว่ำมหาสมุทรกันเลยทีเดียวค่ะ
 
เรื่องราวต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ ไม่เพียงจะมีเรื่องของคดีฆาตกรรมเท่านั้น ยังมีเรื่องข้าราชการโกงกิน มีเรื่องการใช้อำนาจมิชอบจนประชาชนเดือดร้อน ภัยพิบัติ เรื่องเหนือธรรมชาติ หรือแม้แต่เรื่องการแก่งแย่งอำนาจชิงดีชิงเด่นในวังที่พลาดไม่ได้ ไหนจะเรื่องฮ่องเต้ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ งมงายเรื่องไสยศาสตร์ความเชื่อ แถมยังหลงใหลวั่นกุ้ยเฟยที่เรียกว่ากุมอำนาจในวังมานานชนิดหัวปักหัวปำ ไหนจะองค์รัชทายาทที่เหมาะสมแต่กลับถูกปองร้ายสารพัด เพราะมีคนไม่อยากให้พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์อีก เรียกว่าแต่ละเล่มพระเอกนายเอกของเรามีงานเข้ากันมาแทบไม่หยุดหย่อน ไหนจะมีคนคอยปองร้าย มีคนคอยเพ็ดทูล ปัดแข้งปัดขากันให้วุ่นวาย ก็อาศัยว่าถังฟั่นเป็นคนสบายๆ และยอมรับความจริงแถมปล่อยวางอะไรได้ง่าย ไอ้โมเม้นต์ที่ควรจะตึงเครียด กลับผ่อนคลายไปซะงั้นเลยค่ะ
 
ขนาดโดนปลดจากตำแหน่งชั่วคราว ก็กลายเป็นว่านี่คือช่วงเวลาว่างที่ถังฟั่นนานๆ จะมีซักที เลยตัดสินใจไปเยี่ยมพี่สาวเพียงคนเดียวที่ออกเรียนไปเป็นสะใภ้อยู่นอกเมืองหลวงดีกว่า ก็ยังไม่วายเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีก เพราะนอกจากจะมีคดีเกิดขึ้น ถังฟั่นต้องคอยช่วยเหลือพี่สาวให้ได้หย่ากับสามี ตัดขาดจากครอบครัวสามีและพาลูกชายเพียงคนเดียวกลับเมืองหลวงพร้อมถังฟั่นไปด้วย เลยมีความดราม่าเล็กๆ เกิดขึ้น แต่ฝีมือและฝีปากระดับไต้เท้าถังนะคะ ถ้าไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรม น้อยครั้งจะไม่สำเร็จ แถมสุยโจวยังเข้ามามีเอี่ยวคอยช่วยชนิดออกหน้าไปอีก มีหรือทุกอย่างจะไม่คลี่คลาย ตอนหลังกลายเป็นบ้านของทั้งคู่ในเมืองหลวงช่างคึกคักและอบอุ่นไปด้วยสมาชิกในครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา แล้วก็ช่วงนี้ล่ะค่ะที่ไต้เท้าสุยมีอันให้ได้ปวดกบาลกับความซื่อบื้อในเรื่องความรักของไต้เท้าถังเหลือเกิน ขนาดวังจื๋อ หรือแม้แต่ถังอวี๋พี่สาวของถังฟั่นยังถึงกับส่ายหน้าในความฉลาดมันทุกเรื่องของเจ้าตัว แต่โง่อยู่เรื่องเดียวนี่แหละ กว่าเจ้าตัวจะยอมรับนะคะ โดนไต้เท้าสุยจู่โจมฟันกำไรไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่นั่นแหละ ถึงได้ยอมรับว่าใจตรงกันเสียที แต่พอได้ยอมรับเท่านั้นแหละ มือที่สามที่ไหนเข้ามา เป็นอันถอยกรูดทุกราย ก็ใครจะไปสู้ไต้เท้าสุยที่อยู่ใกล้ตัวถังฟั่นกว่าใคร คอยปกป้องยิ่งกว่าใคร ตำแหน่งอำนาจในมือก็ล้นเหลือ หนักแน่นเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่า รักใครก็รักจริง แถมฝีมือทำอาหารขนาดวังจื๋อที่ปากร้ายจู้จี้ยิ่งกว่าอะไรยังต้องยอมรับ ใครจะมาแทนที่สุยโจวได้ล่ะค่ะถามจริงๆ
 
ตอนพิเศษท้ายเรื่องก็สนุกมากค่ะ เหมือนเป็นการสรุปทุกอย่าง นับเป็นการปิดจบที่สมบูรณ์มาก เทียบกับเล่มแรกแล้ว พอได้เห็นว่าตัวละครแต่ละตัวพัฒนามาไกลแค่ไหนนี่ มันอดฟินไม่ได้จริงๆ เลยล่ะค่ะ เชื่อว่าคนที่เคยได้อ่านรัชศกฯ มาแล้ว ก็น่าจะชอบเนื้อเรื่องและตกหลุมรักตัวละครในเรื่องมากเหมือนๆ กับเรานี่แหละค่ะ คุณเมิ่งซีสือน่ะเป็นคนที่เขียนนิยายสนุกมาก การวางพล็อต การดำเนินเรื่อง หรือแม้แต่การออกแบบตัวละครต่างๆ ผ่านการคิดและวางแผนมาแล้วจริงๆ เรื่องราวถึงได้สนุกน่าติดตามขนาดนี้ คือเป็นอีกหนึ่งนักเขียนที่ทำการบ้านมาดีมาก ตัวละครในเรื่องนี้มันมีมากมายเสียจนเราตัดสินใจจะไม่หยิบมาพูดให้มากความล่ะ เอาแค่พูดถึงตัวหลักๆ นี่ก็เรียกว่ายาวเกินเหตุไปแล้ว
 
ใครที่ยังตัดสินใจอยู่ว่า เอ... จะซื้อมาอ่านดีไหมนะ มันยาวเหลือเกิน 7 เล่ม ขอบอกเลยค่ะว่าไม่ต้องลังเล มันคุ้มค่ามากที่จะซื้อหามาอ่านและเก็บไว้อ่านซ้ำได้อีกหลายๆ รอบ เรายังอ่านไปได้แล้วตั้ง 2 รอบ อย่าได้กลัวค่ะ นิยายสนุกขนาดนี้ คอนิยายไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเชียว
 
ในที่สุดก็ได้หยิบนิยายผลงานของนักเขียนคนนี้มาเขียนเสียที ทั้งๆ ที่อ่านของเขามาก็หลายเรื่อง ตอนนี้ก็ยังมีที่อ่านค้างไว้อยู่ ถ้าไม่ติดอะไร ก็หวังไว้ว่าจะได้นำมาเขียนถึงในอนาคตเช่นกันค่ะ อย่าลืมติดตามอ่านเรื่องต่อไปกันนะคะ และขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการติดตามจากเพื่อนนักอ่านทุกท่านค่ะ
 
 



Create Date : 06 พฤศจิกายน 2563
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2563 9:40:45 น.
Counter : 3782 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณnewyorknurse

ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Fingers-crossed.BlogGang.com

fingers-crossed
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด