หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ

สิงคโปร์ 2009 คนโฉดพาไปโฉบ



หมู่ตึกมารสำราญ บ่วงซื่อเฮง
ooความสุขของมาร คือ การทรมานผู้คน

หุบเขาคนโฉด, หมู่ตึกมารสำราญ, ท่องเที่ยว, ไม่ง้อทัวร์, สิงคโปร์, 2009



Singapura 2009



คนโฉดพาไปโฉบเมืองสิงหปุระ ในปี 2009

พอดีปีนี้เศรษฐกิจของหุบเขาคนโฉดไม่ค่อยดี ผู้คนไม่ยอมเดินทางเข้ามาค้าขาย คนในก็ย้ายออกไปหมด ในช่วงนี้รายได้ต่างๆได้หดน้อยถ่อยร่นลงมาก เมื่อคลำกระเป๋าก็มีแต่เศษสตางค์ แถมยังมีเหรียญบาทรุ่นใหม่ที่แม่เหล็กดูดติดได้เป็นครั้งแรกของโลกอีกด้วย

งบท่องเที่ยวของผมก็มีจำกัดเต็มที ผมเลยชวนคนในครอบครัวไปทัวร์โสคะปิงสิงคโปร์กันแก้กลุ้ม เพราะมันอยู่ใกล้ๆประเทศเราดี ต่อจากนี้ไป คุณๆก็คงจะได้อ่านบล๊อกทัวร์ของผม ที่มีแต่การเหน็บแนมแกมประชดไปหลายตอน จนต้องคิดว่าผมไปทำไมกัน? ไม่ชอบแล้วกันไปหาพระอาจารย์แสงอะไร? นั่นแหละจะได้ไม่ซ้ำรอยจูบ หรือไม่ซ้ำข้อความกับคนอื่นๆเขาเขียนเอาไว้ไง แต่อย่างไรก็ต้องขอบอกก่อนนะว่า ข้อมูลที่ผมมีก็ได้มาเหมือนๆชาวบ้าน มาจากเน็ทบ้าง ผมเองมีหนังสือที่พออ่านได้บ้าง ตอนไปก็เอาติดตัวไปด้วย 2 เล่ม พอไปถึงที่โน่นก็คว้าโบรชัวร์กับแผนที่ซึ่งมีแจกแบบไม่อั้น เพื่ออัพเดทตัวเองทันที แต่ขอบอกว่าไม่มีวันอัพเดททันประเทศนี้ เพราะเขาพัฒนาทุกๆวัน ข้อมูลต่างๆก็ใช้ได้แต่ไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ และบางเรื่องก็ไม่มีวันเขียนให้เราเข้าใจได้ จนกว่าเราจะไปเจอด้วยตัวเอง

คนที่จะไปเที่ยวเมืองนอกครั้งแรกในชีวิต ขอแนะนำว่า ไป Singapore กันเถอะ ไปแล้วจะไม่ผิดหวัง คุณจะสนุกที่สุด น่าไปกว่าทุกๆเมืองในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านของเรา และปลอดภัยกว่าไปเมืองจีนเยอะเลย (ส้วมน่านั่งกว่ากันเยอะ ไม่มีคนมาแอบดู) คุณมีแค่พาสปอร์ทเล่มเดียว กับตั๋วเครื่องบิน เงินสดจ่ายค่าโรงแรมล่วงหน้า หรือจะไปจ่ายเป็นบัตรเครดิตที่โน่น บวกเงินสดสัญชาติสิงคโปร์อีกห้า 200 กว่าดอลล่าร์สิงคโปร์ ก็ไปเที่ยวได้แล้ว แม้แต่บัตรประชาชนก็ยังไม่ต้ิองพกไปเลย ไม่มีใครถามหาหรอก เอาไว้ที่บ้านยังได้ ถ้าผ่านตำรวจฝั่งเราที่แอร์พอร์ทไปได้ ไปลงเครื่องที่โน่นก็ง่าย ขากลับก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องไปสำแดงสินค้าอะไร เขาถือว่าไปสิงคโปร์ก็ต้องไปซื้อของกันแน่นอน เอกสารต่างๆมีให้เราครบครัน

บล็อกวันนี้ คงเป็นแค่การเกริ่นและเช็คความสนใจของแฟนคลับ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีคนสนใจอย่างน้อย 1 คนเป็นแน่ (555) จึงไม่ต้องเขียนยาวมาก

เรื่องแรกๆที่ต้องคุยกันหน่อยก็คือ หนังสือเดินทาง หรือ Passport
ใครยังไม่ได้ทำก็ให้รีบไปทำซะ เสียเงินพันกว่าบาท ใช้ได้ 5 ปี และจะเป็นระบบใหม่ด้วยนะ ส่วนใครที่เหลืออายุน้อยกว่า 6 เดือนก็รีบไปต่อฉบับใหม่ดีกว่า ถ้าอยากจะรักษาข้อมูลของเก่าก็ต้องไปทำ endorsement เสียเงินเพิ่มอีกแค่ 100 บาท แต่ข้อมูลในวีซ่าเก่านั้นไม่ได้ถูกปลุกชีพขึ้นมาทุกอันนะครับ เพราะต้องไปดูว่ารัฐบาลประเทศไหนเขาไม่ยอมรับหรือเปล่า ถ้าเขาไม่ทำให้ก็ต้องไปขอวีซ่าใหม่ เวลาเอ็นดอร์สเรียบร้อยแล้ว เราก็ถือทีเดียว 2 เล่มไปเลย แต่ถ้าไปประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่า ก็ใช้เล่มใหม่เล่มเดียว เรื่อง E-Passport เป็นเรื่องที่ไม่ใหม่แล้วนะ แต่ไม่รู้ว่ามีคนรู้และเข้าใจมันกี่คน ผมเองยังไม่รู้จักดีเลย

ผมจะไปทำพาสปอร์ตครั้งแรกในชีวิต เมื่อสมัยเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆเพราะมีคนมาจ้างไปขนเขากวางเถื่อน(หนีภาษี)จากเมืองจีน แต่ก็ไม่ได้ไปทำกับเขา ต่อมาก็มีคนให้ไปถือตั๋วรถมอเตอร์ไซด์ ก็เมืองจีนเหมือนกัน ก็ไม่ได้ไป เพราะกลัวตำรวจจับพิรุธได้ พอทำงานได้ 1 ปี โบนัสก้อนแรกในชีวิตออก แทนที่จะให้เงินพ่อแม่ก็ดันหนีไปเที่ยวสิงคโปรกับแฟนเสียฉิบ นับว่าเป็นลูกอกตัญญูที่น่ารักมาก ฮิฮิ

เรื่องที่สองคือเรื่อง เงิน
ประเทศสิงคโปร์เขาใช้เงินดอลล่าร์แต่ไม่ใช่ US Dollar หรอกนะ อัตราแลกเปลี่ยนของเขาก็อยู่ที่ 23.75 (ราคา ณ วันที่ 23 กันยายน 2552) ดังนั้นให้คิดง่ายๆว่า 1 ดอลล่าร์สิงค์ เท่ากับ 25 บาท และจำคราวๆว่า 4 ดอลล่าร์คือ 100 บาท หรือ 1000 บาทเท่ากับ 40 ดอลล่าร์ ถ้ามีเงินดอลล่าร์หรือยูโร ไปหาที่แลกตรงไหนก็ได้เพราะเขามีที่แลกเงินมากมายพอๆกับเซเว่นเลย ส่วนเงินไทยก็แลกได้ไม่ได้ว่าแลกลำบากอะไรหรอก เพียงแต่ว่าเขามี ATM นะที่โน่น ไม่ต้องแบบเงินไปหรอก

ตอนนี้ก็ต้องนอนคิดว่า สิงคโปร์มันจะต่างจากประเทศไทยตรงไหน น่านนะซิ มันก็น่าจะเหมือนๆกัน ถ้าไม่ไปตำหนิเมืองเขาว่า เป็นแค่ประเทศเล็กๆ ที่มีแค่แค่เกาะใหญ่ๆ 2 เกาะ ที่เหลืออีก 60 กว่าอัน ก็เป็นเกาะเล็กๆ แต่เกาะเล็กๆแค่นี้แหละทีมีคนอยู่หลายเชื้อชาติ เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยศาสนาสถานต่างๆ อาหารหลากหลาย และมีความอร่อยเหนือคำบรรยาย ผู้คนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษกับจีนแมนดารีนได้ กฎหมายและภาษีมีความศักดิ์สิทธิ์ เรื่องอื่นๆ เอาไว้ค่อยเล่าให้ฟัง

อ้อ...ชื่อเดิมตามสูติบัตรของสิงคโปร์คือ เทมาเส็ก Temasek คนท้องถิ่นเขาอ่านว่า เทมาสิก ก็มี ส่วน Temasek Holding Pte Ltd. นั้นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ได้เคยเข้ามาเขมือบหุ้นกลุ่มต่างๆของไทย และที่เป็นข่าวโด่งดังที่สุดในปี ค.ศ.2006 ก็คือ การเทคโอเวอร์บริษัทในเครือชินคอร์ป รวมทั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ไทยคม” ความจริงแล้วเทมาเส็กถือเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ มีกระทรวงพาณิชย์ของสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีเพียงรายเดียว ตอนนี้เสือตัวนี้ได้กินลูกตัวเองและธุรกิจในประเทศไปเรียบร้อยแล้วหลายแห่ง ตัวอย่างเช่น ธนาคารดีบีเอสฯ สิงค์เทล(SingTel) รวมทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญของ ทอ หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ซึ่งบริหารสนามบินในประเทศไทย 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, เชียงราย, เชียงใหม่, และหาดใหญ่ ดังนั้นถ้าเจอคนสิงคโปร์ ก็อย่าไปมีเรื่องกับพวกเขานะครับ เพราะอีก 12 ปีข้างหน้า เขาอาจจะเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆของเราทั้งหมด ก็ขนาดหุ้นของชินคอร์ปไป 49.595% เขายังมีเงินจ่ายตั้ง 7.32 หมื่นล้านบาทเพียงแค่สิงโตทะเลตัวนี้กระดิกครีบหางเท่านั้น


zOOmzERo2009








 

Create Date : 24 กันยายน 2552
6 comments
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:20:20 น.
Counter : 921 Pageviews.

 

มาตามอ่านค่ะ
เพราะยังไม่เคยไปเลย

 

โดย: mungkood 24 กันยายน 2552 20:30:48 น.  

 


เอาการ์ตูนมาฝาก ฮาโคตรๆ อิๆๆๆๆ
โจ...พลังชีวิต
คลิกเพื่อไปเติมพลังชีวิตจ้า
//powerup.bloggang.com

 

โดย: พลังชีวิต 24 กันยายน 2552 21:45:46 น.  

 

อุอุ แฟนคลับคนเดียวของบ้านนี้มาแว๊วก๊ะ คิคิ อ่านแล้วขำเน๊อะ กะว่าจะไม่โพสต์แล้วเชียว จะได้รู้ตัวว่าไม่มีแฟนขับซะหน่อยอ่ะ

ไม่เข้าใจเรื่อง endorsement อารัยเนี่ยะค่ะ มานคืออารัยหว่า เอ็น ๆ ดอ ๆ งง ๆ *-* (จะโดนแบนมั๊ยเนี่ยะ)

อืม เป็นประเทศที่มีเกาะเล็กเกาะน้อยเยอะเลยเหรอคะ ว่าไปก็เหมือนแผนที่ประเทศฟิลิปิน อะไรประมาณนั้นป่าวคะ เห็นในแผนที่เป็นจุดเล็กจุดน้อยเพียบไปหมด กำลังงงว่าเวลาไปเที่ยวแล้วจะไปเกาะไหนเนี่ยะ หลงไปผิดเกาะงงแย่เลยเน๊อะ อุอุ

แต่ก็ชื่นชมนะคะที่เป็นประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ แต่เจริญกว่าประเทศเราซะอีก แถมเหมือนจะเคยได้ยินว่ามาการเอาทรายไปถมทะเลเพื่อขยายพื้นที่ด้วย อันนี้จริงรึเปล่าคะ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.112.168 24 กันยายน 2552 23:53:50 น.  

 

ทักทายก่อนอ่านค่ะ

 

โดย: หนูหลิน IP: 118.172.30.147 25 กันยายน 2552 9:27:00 น.  

 

Zz090925-0835
ขอขอบคุณสมาชิกใหม่ 3 ท่านและสมาชิกเก่า(มากๆ) 1 คน(ที่ไม่เคยทอดทิ้งกันเลย)
หวังว่าเรื่องที่จะเอามาเล่า(ผสมโม้นิดหน่อย คงจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอ่าน)
ว่างๆก็เข้ามาทักทายกันอีกนะครับ คุณมังกุด เอ้ย มังคุด กับคุณพลังชีวิต
ผมจะพยายามสลับเรื่องปัจจุบันกับเรื่องกึ่งวิชาการ และตำนาน ปนๆไปด้วยกัน จะได้ไม่หนักหัวจนเกินไป
แต่อย่าหวังสาระมากมายเลยคุณ

หนูหลิน มาเป็นสมาชิกถาวรเลยนะ
ลุงซูมจะบริการระดับห้าดาวเลย (มีนวดเท้าให้ด้วย)
ขาประจำบางคนจะได้เป็น แมวหัวเน่าเสียที 555

นู๋ Beee ครับ
เรื่อง E-Passport กับ Endorsement คนที่ไม่เคยทำหนังสือเดินทาง หรือกำลังจะมีพาสปอร์ต (ทำไมสะกดด้วย ต เต่าก็ไม่ทราบนะ) เป็นเล่มแรก ไม่ต้องกังวลอะไรเลยครับ
การเอ็นดอร์สเป็นเรื่องที่หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันถูกใช้จนหมดหน้าสุดท้าย หมดอายุตามกำหนด หรือเหลืออายุไม่ถึง 6 เดือน
ในเล่มเก่าดันมี visa ที่ยังไม่หมดอายุ แถมวีซ่านั้นๆ กว่าจะได้มาก็ยากเย็น ต้องเอากายกรรมเข้าแลก เช่น วีซ่าไปอเมริกา ไปออสเตรเลีย ไปแคนาดา ไปบางประเทศในยุโรป
ดังนั้นถ้าได้เล่มใหม่แล้วสิทธิในการขอเข้าเมืองหมดไปกับเล่มเก่า ใครเล่าจะไปยอมเสียของดีไปฟรีๆ

เพลงใน youtube นี้ เสียงไม่ค่อยเพราะเลยนะ
ฟังตอนก่อนไปสิงคโปร์ก็เฉยๆ
เพราะไม่รู้ว่าเขาขำอะไรนักหนา
พอไปแล้ว ได้อ่านข้อมูลบางอัน ได้เห็นของจริง
พอกลับมาฟังทีไรก็ฮาทุกที
มันช่างประชดได้เหมือนเราจริงๆ

อย่างเรื่อง หมากฝรั่ง
คนสิงคโปรเขาห้ามคนในประเทศเคี้ยวหรือคายหมากฝรั่งให้ตำรวจเห็น
เราก็ว่าเขาบ้า คิดว่าเรื่องอำกัน โม้แหงมๆ
แต่ที่ไหนได้
รัฐบาลเขาเอาจริง ห้ามนำเข้าและจำหน่ายหมากฝรั่งกันเลย
แต่เขาใจดีนะ
เขาจะแจกลูกอมฟรีๆทั่วไปหมด ไม่ว่าสนามบิน โรงแรม ร้านค้าใหญ่ๆ
พี่เลยหยิบๆๆๆ แบบไม่เกรงใจผู้ใด (ไปกี่รอบก็ทำตัวน่ารักแบบนี้ไง)
หยิบจนเจ้าหน้าที่เขามองว่าอดอยากมาจากประเทศอะไรหรือ
ในเพลงเขาร้องว่า เขาขอให้เพื่อนซื้อมาจากประเทศไทย
ฟังแล้วก็ไม่รู้ว่าคนสิงคโปรมาเที่ยวไทยแล้วแอบซื้อหมากฝรั่งกลับไปให้เพื่อนกันเอง
หรือคนไทยซื้อแล้วบินไปเที่ยวก็เลยเอาไปให้เพื่อนคนนั้น
ช่างเถอะ เรื่องขนของแปลกๆเขาออกประเทศ คนไทยไม่เคยกลัวอยู่แล้ว
ที่ฝรั่งเศส ตอนเข้าประเทศเขา
พี่ยังเห็นว่า มีคนไทยเอากล้วยหอมมายืนกินที่สนามบิน
เพราะตำรวจเขาจะทิ้งถังขยะ แต่ใจดียอมให้กิน
พี่มองเห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า
ถ้าในกล้วยมันมียาบ้ามัดซ่อนเอาไว้ 2-3 เม็ด
แล้วยายสาวสวยคนนั้นกลืนลงท้องไปทั้งกล้วยทั้งถุงยา
ตม. ปารีส เขาจะรู้ทันหรือเปล่า?
รัฐบาลเขาไม่ให้นำอาหาร ผลไม้ต่างถิ่นเข้าเมือง ก็น่าจะให้ทิ้งๆไปอย่างเดียวเลย
พี่ไม่แน่ใจว่าเขาพูดว่าอะไรกัน
น่าจะ ให้เลือกระหว่างทิ้งกับกินหรือเปล่า
ไกด์ก็โดนห้ามเข้าไปยุ่ง
พี่คิดว่าคนไทยพวกนั้นฟังไม่ได้ศัพท์ เห็นตำรวจเขาพูดๆ และทำท่ากินให้ดู
เลยตกใจนึกว่าเขาบังคับให้กินหรือเปล่า
ครอบครัวที่พี่เห็นนั้น
เขามากัน 5 คน เขาเอากล้วยมาแบ่งกันทานคนละ 2 ลูก
น้ำก็ไม่มี สงสารเด็กๆก็ต้องมาทนกลืนกล้วยอย่างเร็วๆ
ถึง 2 ลูก ยื่นกินกันในห้องตรวจเปิดแสดงของนำเข้า
เห็นแล้วไม่ขำเลย

ขากลับ เอาเครื่องขึ้นไม่ได้
ขนาดเครื่องใหม่เอี่ยมของ Singapore Airline เชียวนะ
ไม่ได้มีปัญหาทางเทคนิค หรือหมอกหนา ฝนตกหนักหรอก
แต่มีผู้โดยสารเหม็นและแพ้กลิ่นทุเรียนอย่างแรง
มีการประกาศให้เอาทุเรียนมาให้แอร์โฮสเตสเก็บ
ไอ้ฟายตัวนั้นมันก็ทำเงียบ
คงคิดว่าใครจะรู้ว่าตูเอาใส่กระเป๋าแล้วโยนไว้ในตู้เหนือหัว
เอาหูฟังมาเสียบปลั๊กแล้วแกล้งทำหลับ
แอร์ก็เดินถาม ดูยูบริงดุเรียนออนบอร์ด?ๆๆๆๆๆๆ
ทุกคนก็เงียบ
พอกัปตันประกาศอีกรอบ แกเลยยอมจำนน
เดินไปกระซิบแอร์ แอร์ก็เอาไปไว้ในห้องด้านหลังเครื่อง
เรื่องก็จบ เครื่องขึ้นได้
พี่กะว่า ถ้าขึ้นไม่ได้ พี่จะยืนด่ามัน
ตั้งแต่ที่นั่งแถวที่ 1 ยัน 60 ซะเลย
ไม่รู้จักฤทธิ์จอมมารอ้วนดำเสียแล้ว

อ้อ...อีกเรื่องก่อนเปลี่ยนเป็นภาค 2
การไปเที่ยวไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วไปได้ทุกแห่งในโลกนะ
บางประเทศเขาจะถามว่ามาจากประเทศไหน
หรือบินมาจากประเทศไหน
และเคยไปประเทศไหนมาในระยะเวลาไม่นานมานี้
เห็นรายชื่อประเทศแล้วก็ไม่อยากเอามาบอกใคร
เพราะจะเป็นการทำลายรายได้ของคนประกอบอาชีพท่องเที่ยวและการโรงแรมเสียเปล่าๆ
สำหรับพี่ พี่ก็ว่าไม่ซีเรียสนะ
แต่ทำไมบางประเทศเขาซีเรียสหละ
อย่างสิงคโปร์เขาเป็นเมืองเปิด เขายังต้องให้เรากรอกว่ามาหรือไม่ได้มาจากประเทศนั้นๆหรือเปล่า
ก็แปลว่าบางประเทศยังเป็นแหล่งแพร่โรคร้ายที่เขากลัวกัน
แต่คนไทยไม่เคยกลัวหรอก
มาเลยเข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้เลย

 

โดย: zoomzero 25 กันยายน 2552 11:08:42 น.  

 

อุอุ ตามมาอ่านที่ตอบของเก่าก่อนค่ะ ^_^

เคยได้ยินแว่ว ๆ เหมือนกันเรื่องที่มีข้อกำหนดห้ามเอาของอะไรขึ้นเครื่องเนี่ยะ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรห้ามมั่ง คงต้องดูข้อกำหนดของแต่ละประเทศมั๊งคะ ถ้าจะได้ไปเมื่อไหร่ค่อยอยากรู้ดีกว่า เพราะรู้ไปตอนนี้ก็ไม่ได้จะไปไหน อุอุ

งืม เรื่อง Endorsement นี่พอจะเข้าใจแล้วค่ะ ส่วนเรื่อง E-passport น่ะเหรอ โอ๊ย บีทำมาตั้งนานแล้ว งิ 2-3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นว่าจะไปดูโรงงานเห็ดฯ ที่มาเลเซียน่านแล แต่แล้วก็ไม่ได้ไป เหอะ ๆ ดวงมันจะไม่ได้ไปต่างประเทศอ่ะนะ โดน cancel ซะงั้นอ่ะ *-* สรุปมันก็คือ passport ทำมะด๊า ทำมะดานี่เองแหล่ะ แต่รุ่นใหม่เขาเรียกว่า E-passport แค่นั้นเอง แล้วก็ไฮเทคกว่าตรงนี้พอเอาบัตรประชาชนไปรูปปื๊ดสแกนเข้าไปแล้ว เขาก็เอาข้อมูลจากบัตรประชาชนที่ทำเอาไว้แล้วดึงมาใช้งานได้เลย พนักงานสบายมั่ก ๆ แค่กรอกอะไรเพิ่มนิดหน่อย แล้วก็ถ่ายรูปแค่นั้นเองก้อเสร็จแร๊ แต่ตอนทำตอนนั้นยังเป็นชื่อเก่าอยู่ค่ะ พอหลังจากนั้นไม่นานบังเอิ๊ญ บังเอิญต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ไพเราะไฉไลอลังการกว่าเดิม ก็เลยกลายเป็นว่า passport ที่ทำมาพันนึงก็เสียเปล่ายังว่างเปล่าไม่ทันได้ใช้อะไรเร้ย เหอะ ๆ จะไปไหนคงต้องไปทำใหม่สิเนี่ยะ เพราะรุ่นใหม่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทำใหม่อย่างเดียวเท่านั้นเลย เฮ้ออ ยังไม่ได้ไปไหนไว้ก่อนแล้วกัน ตั้งพันนึงแน่ะ

เหอะ ๆ เรื่องเอาทุเรียนขึ้นเครื่องนี้ฟังแล้วเซ็งแทนนะคะ แย่จังเลยเน๊อะ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นของมีกลิ่นแรงขนาดนี้ ยั๊งจะทำไปได้อีก แบบนี้เรียกอย่างหนาจริง ๆ เลย

ว่าแต่ประเทศกลุ่มเสียงที่เป็น black list ของประเทศอื่น ๆ นี่มีอะไรบ้างน้า พูดให้อยากรู้แล้วไม่บอกกันเหรอ ชิ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวตัวป่วน IP: 125.24.160.18 26 กันยายน 2552 14:56:41 น.  


zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
24 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.