หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ
สิงคโปร์ 2009 คนโฉดพาไปโฉบ 4 - Mooncake




หมู่ตึกมารสำราญ บ่วงซื่อเฮง
ooความสุขของมาร คือ การทรมานผู้คน

หุบเขาคนโฉด, หมู่ตึกมารสำราญ, ท่องเที่ยว, สิงคโปร์, 2009, คนโฉดพาไปโฉบ Singapura ภาค 4, ขนมไหว้พระจันทร์
zoomzero, 2009, Singapore, mooncake




Singapura 2009


คนโฉดพาไปโฉบเมืองสิงหปุระ ในปี 2009 ภาค 4
2009 Mooncake Festival

Credit : //sparklette.net/food/mooncakes-2009/

ถ้าจะถามว่าแสงของพระจันทร์มาจากไหน คำตอบทางวิทยาศาสตร์ก็คงจะบอกว่า เป็นการสะท้อนของแสงจากดวงอาทิตย์มาอีกทีหนึ่ง แต่สำหรับผม ผมคิดว่าเป็นเพราะพระจันทร์ท่านได้ทานขนมที่มนุษย์ส่งไปถวายทุกปีต่างหาก ยิ่งขนมอร่อยเท่าไหร่ แสงของท่านก็ขาวนวลงามตามากขึ้นตามไปด้วย ส่วนลูกศิษย์อย่างผมก็ได้ทานขนมอร่อยๆ หลังจากการลาของที่ถวายเทพเจ้าทั้งหลาย

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ตอนที่ผมไปเที่ยวสิงคโปร์ หนึ่งในงาน mission impossible ของผมก็คือ การไปลองชิมและซื้อขนมไหว้พระจันทร์กลับมาเมืองไทย ผมจึงต้องค้นหารายชื่อร้านค้า ภัตตาคารจีน ที่เขาขายขนมแบบนี้ก่อนที่จะเหาะไปสิงคโปร์ พอดีช่วงนั้นก็ไกลวันไหว้พระจันทร์มากแล้วด้วย ร้านค้าต่างๆในสิงค์ก็เริ่มเอาขนมไหว้พระจันทร์สูตรลับที่แสนอร่อยออกมาขายกันทั่วไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นบูธเล็กๆซึ่งเอาออกมาให้ชิมและสามารถสั่งจองได้ คนสิงคโปร์เขาก็ชอบจองหรือมัดจำกันเอาไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ พอใกล้วันจริงเขาก็ไปรับขนมใหม่ๆหอมๆ ไม่ต้องไปเข้าคิวซื้อนาน เสียเวลาเปล่าๆ

Moonที่มาของการไหว้พระจันทร์ต้องมาจากคนจีนแน่นอน เพราะเขาเขียนบนขนมเอาไว้เป็นภาษาจีน แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะทุกวันนี้ขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นแท่นอินเตอร์ไปแล้ว เขาเรียกว่า mooncake กันแล้ว คนจีนยังคงไหว้พระจันทร์ในคืนวันเพ็ญเดือนแปด บางตำนานก็บอกว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมานานตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น บางตำราก็ว่ามาจากเหตุการณ์การปฏิวัติสมัยราชวงศ์หยวนเพื่อขับไล่พวกมองโกล บางก็ว่าเป็นวิธีบอกผู้คนว่าเข้ากลางฤดูใบไม้ร่วง ชาวจีนจะได้เตรียมตัวรับกับความหนาวเย็นในฤดูหนาวที่จะมาเยือน (สมัยก่อนชาวบ้านไม่ได้มีปฏิทินแม่โขงแขวนไว้ที่ฝาบ้าน) บ้างก็ว่าสาวสวยชื่อ ฉางเอ๋อ (หรือ ฉางอี้ หรือ เสี้ยงหงอ) ได้เหาะขึ้นไปเป็นเทพธิดาอยู่บนดวงจันทร์ และนางชอบช่วยมนุษย์โดยพรมน้ำมนต์ลงมาให้ ทำให้การเกษตรได้ผลดี ประชาชนจึงทำขนมไหว้ท่านเป็นการตอบแทน บางตำราอย่างเต๋า ก็สอนให้ไหว้ไท้อิมเนี๊ยะ เทพที่มีหน้าตาสวยงามที่สุดในสวรรค์ แต่ที่น่าเชื่อมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของ พระจักรพรรดิถังหมิงหวง โดยมี 2 ตำนาน เรื่องแรกเป็นเพราะพระองค์ได้ไปเที่ยวชมวิมานบนดวงจันทร์มาแล้ว พระองค์ชอบใจ ก็เลยทำการจัดงานโดยที่ทรงโปรดขนมหวานที่ทำจากแป้งและมีไส้เป็นถั่วต่างๆ อีกเรื่องก็คล้ายๆกัน กล่าวต่อไปพระองค์โปรดให้ล่องเรือชมจันทร์ โดยทรงเอาใจพระสนมชื่อ หยางกุ้ยเฟย ซึ่งอย่างหลังน่าใกล้ความจริงว่า ในวังทำมาก่อน ทำด้วยความสำราญ และต่อๆมาชาวบ้านจึงทำตาม แต่ด้วยความฉลาดของคนโบราณ จึงแฝงคติธรรมและรักษาขนมธรรมเนียมความเป็นชาติสืบต่อมาจนถึงวันนี้

สำหรับขนมที่ไหว้พระจันทร์นั้น แต่ก่อนน่าจะเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า หน้าตาน่าจะเป็นขนมเปี๊ยะมีไส้และไม่มีไส้ ไส้ที่ทำก็มาจากพวกธัญพืชในท้องถิ่น เช่น พืชพวกถั่ว ถั่วแดง ลูกนัท และเมล็ดบัว ส่วนที่เราเห็นขนมไหว้พระจันทร์ในปัจจุบัน น่ารับประทานเหลือเกินนั้น ก็เพราะว่ามีการค้นคิดไส้ขึ้นมาใหม่ๆ เช่น ทุเรียน ไข่แดงเค็ม เกาลัด พลับ หรือเมล็ดแตง และในต่างประเทศอย่างสิงคโปร์ ยิ่งมีการคิดค้นไส้มากขึ้นอีก เช่น ช๊อกโกแล็ต มะม่วง จำปาดะ แมคคามีเดีย ฯ

MoonLadyว่าไปแล้วการจะไหว้เทพเจ้าจันทราให้เหมือนโบราณ ก็น่าจะมี ขนมเปี๊ยะขนาดใหญ่ไส้หนาๆ ขนมโก๋สอดไส้ ขนมโก๋ไม่มีไส้ที่สีขาวๆ และขนมโก๋สีเหลือง หน้าที่การไหว้ได้ถูกโอนถ่ายให้เป็นหน้าที่ของผู้หญิงไปแล้ว โดยที่มักจะมีการตั้งโต๊ะแล้ววางเครื่องสำอางร่วมไหว้ด้วย และอาจจะมีเครื่องประดับ หรือหวี เพิ่มขึ้นมาอีก ของเดิมๆเขาจะต้องมีต้นอ้อยมาผูกข้างโต๊ะทำเป็นซุ้มประตูโค้ง

ต่อมามีการไหว้เจ้าแม่กวนอิมร่วมไปด้วยพร้อมๆกันในคืนเดียวกัน โดยแบ่งเป็นโต๊ะไหว้ของเจ ซึ่งประกอบด้วย วุ้นเส้น เห็ดหูหนูแห้ง เห็ดหอมแห้ง ฟองเต้าหู้แห้ง ผลไม้ และต้องมีกระดาษเงิน-ทอง เอามาเผาด้วย จึงนับว่าเป็นการไหว้ 2 เทพเจ้า ที่เป็นแบบอย่างของสตรีบูชาสตรีเทพ บางบ้านก็อาจจะมีการซื้อชุดฉลองพระองค์ใหม่ให้เทพธิดา ว่ากันว่าสาเหตุที่ไหว้เจ้าแม่กวนอิมนี้ ก็เพราะว่าเกิดความไม่เชื่อถือ หรือไม่สบายใจ เพราะฝรั่งได้เอาเท้าไปเหยียบดวงจันทร์ แล้วออกข่าวไปทั่วโลก การไหว้ดวงจันทร์ทำให้เหมือนคนโง่หรือเต่าล้านปี ส่วนการไหว้เจ้าแม่กวนอิมก็ทำให้รู้สึกว่าได้บุญไปด้วย ไม่เครียดดี นับว่าแนวความคิดแบบนี้ทำให้การไหว้พระจันทร์มีอะไรดีๆมากว่าการซื้อขนมมาทานกันเล่นๆ

สำหรับทัวร์ของเรา คราวนี้ผมจะพาไปลุยร้านขายขนมไหว้พระจันทร์ ที่โด่งดังและมีชื่อเสียงในสิงคโปร์ ประมาณ 12 ร้านกันเลย
ผมขอบัญญญัติ ศัพท์ภาษาคนโฉดขึ้นมา คำหนึ่งนะครับ ขอให้คำว่า mc แทนคำว่า ขนมไหว้พระจันทร์ จะได้พิมพ์แล้วไม่เมื่อยมือ

01เจ้าแรกคือ Tung Lok
– //www.tunklok.com
Tung Lok เป็นภัตตาคารที่มีชื่อเสียงในสิงคโปร์ มีลักษณะเป็น Chain เรียกว่า Tung Lok Group ซึ่งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยอยู่ใน สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, จีน, ญี่ปุ่น, และอินเดีย (ไม่มีสาขาในประเทศไทย) เฉพาะในสิงคโปร์ก็มีหลายแห่ง เช่น ถ้าใช้ชื่อว่า Garuda Padang ก็จะมีที่ Orchard Central, VivoCity, ถ้าใช้ชื่อว่า Lao Beijing จะอยู่ที่ Plaza Singapore, Velocity@Novena Square, Tiong Buhru Plaza, หรือถ้าเป็นชื่อ Zhou's Kitchen จะอยู่ที่ Anchorpoint, Far East Square, Square2, Jurong Point ผมลองนับดูแล้วในสิงคโปร์ มีถึง 22 แห่ง

TungLok5ร้านนี้ถนัดเรื่องอาหารจีน อาหารกวางตุ้ง เสฉวน และอาหารทางภาคเหนือของจีน

mcของที่นี่อร่อยมาก นับเป็นหนึ่งในร้านดังของสิงคโปร์อันดับต้นๆ ไปหาซื้อได้ที่ Central Plaza เขาจะอบแป้งที่ใช้หอข้างนอกให้นุ่มๆ และก่อนที่แป้งจะเย็น จะต้องรีบนำมาห่อและใส่ไส้ลงไป เขาเรียกเคล็ดลับนี้ว่า Baked-and-Chilled โดยทางร้านได้วางจำหน่ายเอาไว้ 3 ไส้คือ
Green Tea with Chestnut Lotus 1 กล่อง 8 ชิ้น $42.80
Hokkaido Milk with Mocha 1 กล่อง 8 ชิ้น $42.80
Custard 1 กล่อง 8 ชิ้น $44.94
และที่กำลังนิยมในปีนี้คือ ชิ้นขนาดเล็ก ที่เรียกว่า bite-size mooncake แบบนี้จะมีหลายไส้คละกันไป โดยเราสามารถเลือกว่าจะเอา pomelo white lotus, strawberry, purple potato หรือ longan red date ทำการบรรจุ 1 กล่องมี 16 ชิ้น ราคา $47.08


02ร้านที่สอง ชื่อ Peony Jade
– //www.peonyjade.com
Peony Jade เป็นภัตตาคารจีน ขายอาหารจีนในแบบกวางตุ้ง เสฉวน และมีติ่มซำอร่อยๆหลากหลายชนิดให้เลือกอีกด้วย ร้านอยู่แถวคลาร์กคีย์(Clark Quay) เป็นย่านขายอาหารกลางคืน บริเวณริมแม่น้ำสิงคโปร์ บรรยากาศดี มองแสงไฟจากตึกสูงยามค่ำคืน ผมไปนั่งทานอาหารร้านแถวนั้นมาแล้ว แต่กลัวยุงกัดเลยย้ายเข้าไปข้างในห้องแอร์ อดมองวิวสวยๆ

Peony มีอีกแห่งอยู่ที่ Keppel Club ซึ่งเป็นคลับกอล์ฟ มีที่พักและห้องเอ็นเทอร์เทนหลายแบบ เป็นสถานที่พักผ่อนได้ด้วย ตั้งอยู่แถวๆตึกไชน่าพอยท์ ย่านไชน่าทาวน์ ใช้จัดงานเลี้ยง งานแต่งงานที่ Club ได้

mcที่นี่ เน้นไส้ผลไม้ และคนสิงคโปร์บอกว่า ที่อร่อยต้องเป็นไส้ King of Fruits หรือ ทุเรียน เขาทำเป็นไส้ได้นุ่มอร่อยมาก แต่ช่างคิด คือเอาผลไม้ต่างๆมาทำเป็นไส้ได้อีกหลายแบบ เช่น Strawberry, กล้วย, โยเกิร์ต ราคาขายก็มีดังนี้ เช่น
Strawberry ขาย 4 ชิ้น $42
กล้วย-Banana ขาย 4 ชิ้น $40
บางอย่าง ต้องบอกว่าทึ่ง เช่น alcoholic lychee-tini and ganache เขาว่าเจ้า ganache มีรสชาดอร่อยมาก มันเป็นพวก icing ที่ดูเหมือนจะมีช๊อคโกแล็ตผสมกับครีมอะไรสักอย่าง พ่อครัวสวิสและฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับคิดขึ้นมา ส่วนไส้ลิ้นจี่แบบนี้ เขาชอบเรียกมันสั้นๆว่า lychee matini และขายกัน 1 กล่อง 9 ชิ้น $45


03ร้านที่สาม InterContinental Singapore
//www.singapore.continental.com
ภัตตาคาร หมาน ฟู่ หยวน (Man Fu Yuan) อยู่ในโรงแรม Intercontinental เป็นอีกร้านที่ดังในเรื่องการคิดหาอของมาทำไส้mc ใครมาร้านนี้ต้องเรียกหา mini snowskin mooncake ไส้ Japanese sweet potato paste and champagne chocolate และขายกัน 1 กล่อง $42.80

ในปี 2009 นี้ เขาได้ทำไส้แบบใหม่ขึ้นมาอีก ได้แก่ อโวคาโด้, มูสมะม่วง, หรือ cempedak ราคาก็ใช้อัตราเดียวกันคือ 1 กล่อง 8 ชิ้น $42.80

cempedak ก็คือ จำปาดะ ผลคล้ายๆขนุน แต่ยาวกว่า รสอร่อย มีปลูกทางภาคใต้ของไทย มาเลเซีย และอินโดฯ ที่ว่าทุเรียนนั้นกลิ่นสุดจะอื้อหือแล้วนะ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ถ้าเอาจำปาดะใส่ไว้ในรถยนต์ ขับไปประมาณ 30 นาที ต้องจอดรถลงไปโอ๊กอากข้างทาง เพราะทนกลิ่นมันไม่ได้ แต่คนทางแหลมมาลายูเขาว่าอร่อย

โรงแรม InterContinental ตั้งอยู่บนถนน Middle Road มีเอกลักษณ์คือ จะมีกลิ่นไอของชาวเปรานากาน (Peranakan) ซึ่งนี่แหละคือ จีนสิงคโปร์หรือจีนมาลายูต้นตำหรับ สังเกตุได้จาก ผ้าลายดอกกล้วยไม้ ชุดเสื้อสตรีรัดรูปแขนยาว ผ้าโปร่งบาง มองเห็นความงามของผู้หญิง(อือ...) พวกเครื่องประดับศีรษะ เช่น ปิ่นปักผมก็เป็นเอกลักษณ์ บ้านหรือตึกต่างๆ ก็จะมีลายไม้ฉลุที่มองแล้วโปร่งตา ตามโรงแรมใหญ่ เวลาเราเข้าไปนั่งทานอาหารในห้องอาหารของโรงแรมนั้น เขามักจะพับผ้าเช็ดหน้าเป็นรูปต่างๆ วางไว้บนจานอาหาร แต่ที่นี่เขาเอาดอกกล้วยไม้วางไว้แทน


KH01ร้านที่สี่ The Fullerton
– //www.fullertonhotel.com
Fullerton Hotel คือที่ ที่คนไปดู Merlion พ่นน้ำและถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ตัวโรงแรมอยู่ติดกับสถานีรถไฟ MRT Raffles Place ที่นี่คนส่วนใหญ่จะไปเพื่อเดินชมสถานที่ น้อยคนที่จะรู้ว่ามีmcอร่อยๆขายอีกด้วย ใครมาสั่ง mooncake ที่นี่แล้วเอาไปเซอร์ไพรส์เพื่อนพ้อง โดยไม่บอกว่าซื้ออะไรมา อาจจะโดนเพื่อนเอาไปทำเป็นสบู่อาบน้ำ เพราะเขาทำขนมได้เหมือนสบู่มากๆ เรื่องไส้ข้างในก็ไม่เป็นรองใคร ไส้ที่อร่อยและขายดี คือ
Chocolate Baileys ขาย 1 กล่อง 4 ชิ้น แต่ราคาถึง $52
และไม่ต้องตกใจ ไม่แพงอย่างที่คิดหรือก เพราะเขามีพวก gift set แถมให้(ปลอบใจ)ทุกคน

ส่วนmcที่ แม้ว่ามนุษย์ต่างดาวก็ต้องตกตะลึง ก็เพราะมันมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 6 นิ้ว (โอ้ 6 นิ้วจริงๆ) ข้างในมีไข่แดง 8 ฟอง (โอ้ 8 ฟองจริงๆ) ขายกันก้อนละ $168
ผมพยายามชวนให้นายหญิงไปซื้อ เพราะเราก็เดินอยู่แถวนั้น แต่เจ้านายบอกว่าไม่กล้ากิน มันใหญ่ไป ผมก็งงว่า ก็ใช้มีดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตอนกินก็ได้ แต่ไม่เอาก็คือไม่เอา อ้อ..เขายังมีไส้ cranberry, blueberry และ แอปเปิ้ลเขียว ให้เลือกอีกด้วย ราคาก็ $52 ต่อ 1 กล่อง (4 ชิ้น)


KH01ร้านที่ห้า Kia Hiang
– //www.kiahiang.com.sg
Kia Hiang เป็นภัตตาคารที่เปิดมานานถึง 30 ปีแล้ว อาหารที่นี่เขาว่า คือ east-meet-west ในปีที่ผ่านมา ผู้คนต้องตกตะลึงกับไส้ชนิดใหม่ ใครจะไปคิดว่า ร้านอาหารลือชื่อ ต้นตำรับสูตรลับจากพ่อครัวในวังหลวง ชาวจีนฮกเกี้ยน ได้เอา หมูแผ่น มาทำไส้mc อย่าเพิ่งหัวเราะครับ หมูแผ่นของสิงคโปร์ อร่อยมาก เขาจะทำเป็นแบบหมูสวรรค์ที่ขายแถวปากช่อง กลางดง หรือมวกเหล็ก ฯ คือ จะเป็นหมูหวานนุ่มๆ แต่สูตรของคนสิงคโปร์จะหวานนิดหน่อย เค็มนิดหน่อย แต่เนื้อนุ่มมาก) ใครไปสิงคโปร์ถ้ามีญาติเป็นคนจีน ต้องฝากซื้อ ผมก็ต้องหนีบขึ้นเครื่อง 3 ถุง หนักพอประมาณ หมูที่ว่านี่ ซึ่งเขามีชื่อเรียกว่า Bak Kwa (หรือ sweet barbecued pork)
ร้านนี้ก็กล้าทำmcไส้หมูหวานแผ่น หรือ bak kwa mooncake ออกมาขาย แล้วคนก็ซื้อไปทานกันอีกด้วย

Kia Hiang มีร้านใหญ่อยู่ 2 แห่ง คือ ที่ Kim Tian Road กับอีกแห่งอยู่ในตึก International Plaza แต่เขาก็มีการขยายบูธออกไป หลายแห่ง เช่น Century Square, Chevron House (Change Alley), Takashimaya Square, VivoCity, Raffles City, …

เฒ่าแก่เจ้าของร้านบอกว่า เขาเป็นเจ้าแรกที่คิดเอาทุเรียนมาทำเป็นไส้mc (อ้า...จริงหรือ? ใครเชื่อบ้าง?) เขายังบอกอีกว่า แม้แต่ไส้ช๊อกโกแล็ต เขาก็ทำมาก่อนใครๆ สูตรเด็ดเคล็ดลับ เฒ่าแก่ยังบอกว่า เราใช้น้ำมันถั่ว เราไม่ได้ใช้มันหมูอย่างร้านอื่นๆ แถมเรายังควบคุมความหวานของน้ำตาล เราคิดค้นไส้ด้วยการทดลอง ทดสอบ มากกว่า 200 ชั่วโมง (มีการจดบันทึกเอาไว้ด้วย) เรา รู้ว่าเราควรจะใช้ส่วนผสมจากอะไร เช่น almonds, walnuts, pumpkin seeds, sunflower seeds, winter melon seeds, … ทุกคำที่คุณทาน เรารับประกันว่าต้อง อร่อยที่สุด และแค่กล่อง คุณก็ต้องยอมรับว่าเราเป็นมืออาชีพ เราให้คุณในรูปกล่องไม้ ตามแบบโบราณกันเลย


06ร้านที่หก Wah Lok Cantonese
– //www.carltonhotel.sg
Wah lok หรืออีกชื่อที่คนชอบเรียกคือ Carlton อยู่ใน Carlton Hotel ซึ่งมีภัตตาคารที่มีชื่อเสียงโด่งดังของสิงคโปร์ ชื่อ Wah Lok ทางร้านได้เป็นเจ้าแรกๆที่นำเสนอลูกค้าด้วยmcในแบบ SnowSkin พร้อมด้วยไส้หลากหลายชนิด เช่น Lavender, Wheatgrass & Melon Seed(เม็ดก๋วยจี๋ นี่หว่า), White Lotus(เมล็ดบัว), Walnut, และ Hazelnut ผสม Nata De Coco (ไส้อะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยชิมเลย) ขายกัน 1 กล่อง 8 ชิ้น $47.08
ลาเวนดอร์นั้น แค่เป็นน้ำหอมก็หอมชื่นใจอยู่แล้ว บางคนว่าเอาไปใช้ในสปาก็ได้ พอเขาเอามาทำเป็น mooncake แบบนี้ก็ ทำให้โต๊ะอาหารมีกลิ่นที่น่าหลงใหล ผมหละกลัวว่าถ้าซื้อมาแล้ว แม่บ้านจะเผลอเอาไปวางในห้องน้ำ เพราะคิดว่าเป็นก้อนดับกลิ่น
สำหรับไส้อื่นก็ได้แก่ Lotus paste with single yolk, Lotus paste with double yolk, Durian, Tiramasu, Rum and Raisin, …

โรงแรม Carlton อยู่บนถนน Bras Basah ใกล้แยกตัดกับถนน Victoria จะอยู่ตรงข้ามภัตตาคาร Chijmes ถ้าไปทาง MRT ลงที่สถานี BRAS BASAH (CC2) ปี 2009 นี้ทางโรงแรมได้ไปออกบูธที่ UOB Plaza ชั้นใต้ดิน และที่ Novena Square 1 อีกด้วย ข่าวว่าขายดีมาก แถมขึ้นราคาอีกตอนหลัง (แน๊ะ แหล่งข่าวชักจะไม่น่าเชื่อถือเสียแล้ว) ทางร้านบอกว่าต้องจ้างแรงงานพิเศษเพิ่มเพื่อให้ผลิตทันเวลา ร้ายกาจจริงคนสิงคโปร์นี่ ค้าขายเก่งชะมัด


07ร้านที่เจ็ด Fairmont Singapore
- //www.fairmont.com/singapore
ความจริง Fairmont เป็นโรงแรมเก่าได้เปลี่ยนกิจการ หรือเปลี่ยนมือผู้บริหารใหม่ครับ ชื่อเก่า คือ Raffles The Plaza (บอกแบบนี้ taxi พาไปถูกแน่ๆ)

ชื่อ Fairmont Singapore นั้นเป็นชื่อที่นำชื่อเสียงมาให้อย่างมาก ด้วยการบริหารงานตามแนวโรงแรมแม่ ในซานฟรานซีสโก ทำให้ Fairmont Singapore ได้รางวัลมาอย่างต่อเนื่องทุกๆปี อย่างล่าสุดก็คือ Top 50 Hotels in Asia 2008
ที่นี่มีสปาชื่อ Willow Stream Spa สปาที่เรียกว่า อัครมหาอภิสมบูรณ์แบบของสปาแห่งเอเชีย (ผมตั้งของผมเอง เพราะมีกิ๊กทำงานอยู่ที่นี่ 555) โรงแรมนี้หาไม่ยากหรอกครับ อยู่ห่างจาก Carlton Hotel มานิดหน่อย อยู่บนถนน Bras Basah คุณเดินมาจากทางตึก Esplanade ก็ได้ แต่ก็เหมือนๆกับร้านดังอื่นๆ เขาได้ออกบูธตามจุดช๊อบปิ้งอื่นๆ ด้วย เช่น Szechuan Court, Raffles City Atrium, Tampines Mall Atrium, Takashimaya, VivoCity, Isatan Parkway, …

ปีหน้า 2010 ทางโรงแรม Fairmont จะได้เป็น Official Hotel to Host ของการแข่งขันกีฬา Singapore 2010 Youth Olympic Games ซึ่งจะจัดในช่วงวันที่ 14 – 26 สิงหาคม ผมคงต้องแอบหนีนายหญิงไปเป็นกำลังให้กิ๊กผม เพราะงานคงจะล้นมือน้อยๆของเธอ

ภัตตาคารในโรงแรม Fairmont มีหลายร้านเหมือนกัน สำหรับร้านที่บริการอาหารจีนรสเลิศนั้น เน้นไปทาง อาหารเสฉวน จนถือว่าเป็นหนึ่งในสิบภัตตาคารจีนที่ต้องลองไปลิ้มรสอาหารให้ได้ (เชียร์เกินไปหรือเปล่า?) ในปีนี้พ่อครัวได้ประกาศว่า เราจะทำmcแบบใหม่ ไส้สีชมพู pink feuiletine-hazelnut with wafer crunch nuts เขาว่าmcร้านนี้สุดยอดในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำให้ไส้ตรงกลางนั้นเป็น chocolate ball หุ้มไส้ข้างในอีกชั้นเป็น Swiss chocolate อีกชั้น ขาย 1 กล่อง 8 ชิ้นราคา $45 ส่วนไส้ที่มีคนถามหาไม่เคยขาดก็คือไส้ champagne truffle กับ ganache ขาย 1 กล่อง 8 ชิ้น $48 (ข่าววงในว่ากันว่า ร้าน Peony Jade กะว่าจะมาโค่นแชมป์สำหรับ mooncake ไส้ ganache ให้ได้ ไม่ทราบว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร?) สำหรับไส้ใหม่อีกแบบที่น่าจะมาแรงเหมือนกัน ก็คือ mixed nuts เขาบอกว่าต้องใช้ของใหม่และสดมากๆ ไม่มีการใส่สารกันบูดหรือแต่งสีใดๆ ส่วนผสมล้วนมาจาก macadamia, walnut, almond, งา, และเมล็ดแตงโม เป็นการเพิ่มสารอาหารประเภทวิตามิน E, แม็กนีเซี่ยม, และฟอสฟอรัส ซึ่งจะไปช่วยบำรุงกระดูกและฟัน โดยเฉพาะเด็กในวัยเจริญเติบโต


08ร้านที่แปด Concorde
- //www.singapore.concordehotelsresorts.com
ร้านนี้เป็นเป้าหมายหลักของผม เพราะผมไปพักที่โรงแรม Concorde Hotel นั่นเอง โรงแรมอยู่ช่วงกลางๆ ค่อนไปทางปลายนิดๆของถนน Orchard ใกล้ๆห้าง Plaza Singapore (มีห้างคาร์ฟูอยู่ข้างในซ้อนอีกที) ตอนที่ติดต่อกับผู้ชำนาญการจองตั๋วและโรงแรมระดับพระกาฬในประเทศไทย เราปรึกษาไปว่าอยากได้โรงแรมบนถนน orchard แต่ต้องไม่แพง หรือถ้าเป็นที่อื่นต้องอยู่ไม่ไกลจาก Chinatown เพราะอยากซื้อหมูแผ่น และmc ผลออกมา ก็ได้โรงแรม Concorde Hotel โดยที่โรงแรมนี้เป็นพันธมิตรกับ SIA หรือ Singapore Airline เขาจึงลดราคาห้องพักให้เกือบ 50% แถมยังให้บัตร gift voucher มูลค่า $80 (เอาไว้ซื้อของฝากข้างในสนามบินชางงีเท่านั้น) พวกเราก็กะว่า จะเอาไว้ซื้อmcในสนามบิน กรณีที่เราลืมซื้อในเมือง แถมยังให้ทานอาหารในโรงแรมได้ในราคา 50% ทุกร้าน ทุกวัน ทุกภัตตาคารในโรงแรม และเราก็ทราบมาว่า Concorde เขาดังเรื่อง mcอีกด้วย

โรงแรม Concorde มีชื่อเก่าว่า Le Meridian Hotel ดังนั้นเรื่อง Mooncake ของ Le Meridian คนจะยอมรับว่าอร่อย แต่เราก็ไม่ได้ซื้อที่นี่ เพราะเราไปชิมหลายที่ จนรู้ว่าที่อื่นก็อร่อยไม่แพ้กัน

Mooncake ที่นี่แปลกประหลาดอีกแล้วครับท่าน เพราะมีคนมุสลิมมายืนชิมได้อย่างหน้าตาเฉย ยืนจิ้มๆแล้วซื้อเลยนะซิครับ อ้าว.....ไม่เชื่อก็ตามใจ เพราะว่าmcร้านนี้ได้เครื่องหมาย Halal Certified ครับ

ตอนที่พักอยู่ก็รู้สึกว่าทำไมมีคนมาเลย์มาพักมากกว่าคนจีนหรือฝรั่ง บางทัวร์เป็นแขกมาเลย์มากัน 40-50 คนเลย

สำหรับรายการเมนูที่เขาภูมิใจนำเสนอให้ผมชิม ก็คือ mcสูตรสุขภาพอนามัย เป็น Low Sugar Mooncake ข้างในเป็นเม็ดบัว และไข่แดง ขายในราคา $40 บรรจุ 4 ชิ้นต่อ 1 กล่อง ต้องบอกว่าตกใจมาก แพงเป็นบ้าเลย แต่ได้ลองชิมแล้ว ก็อร่อย เท่าที่จำได้มี 3 แบบให้ชิมเท่านั้น ไม่ค่อยมีให้เลือกมากแบบนัก แต่เขาพยายามเชียร์อันที่เป็นไส้ Chocolate Omochi เขาใช้โฆษณาว่า sumptuous (ซึ่งกลับมาเปิดพจนานุกรมที่เมืองไทยถึงทราบว่า แปลว่า ฟุ่มเฟือย หรือ ไม่อั้น ในเรื่องส่วนผสมของไส้) โดยขาย 1 กล่อง 4 ชิ้น $38


09ร้านที่เก้า Polar Puffs & Cake
– //www.polarpuffs-cakes.com
ร้านนี้แหกกฎของการทำmcได้น่าทึ่งมาก เพราะเขาทำเป็นรูปทรงตัวการ์ตูน และที่ขายดีมากทีสุด ก็คือ รูป Hello Kitty ยอดการ์ตูน ขวัญใจคุณหนูๆ ที่มาจากการ์ตูนของประเทศญี่ปุ่น โดยปีนี้มีของใหม่มาให้เลือก 4 แบบ คือ White lotus, Pumpkin Taro(ฟักทองผสมเผือก), Yam (ผลไม้กวน),และ White Chocolate Cheese ขายในราคาเดียวกันหมด คือ 1 กล่อง 6 ชิ้น $30.80 ใครที่มีลูกสาวตัวเล็กๆ หรือตัวคุณเองที่ยังมีหัวใจเล็กๆเป็นเด็กน้อยๆ ก็คงจะชื่นชอบกับmcรูปร่างการ์ตูน และสีอันแสนหวานแหวว ของร้านนี้ สิ่งที่สุดยอดอีกเรื่องก็คือ เป็น mooncake ที่ได้รับการการันตีว่า Halal Certified อีกด้วย แปลว่าการตลาดอาหารของลูกค้าชาวมุสลิม น่าจะเป็นเงินที่มีมูลค่าสูงพอสมควร

Polar Puffs & Cake มีกลไกการทำตลาดที่แข็งแรงมาก เพราะมีสาขามากมาย มากจนน่ากลัวเลยครับ Polar แฝงตัวอยู่ตามสถานีรถไฟ MRT โดยแบ่งออกเป็นโซน เช่น North, South, North-East, East, และ West อย่าว่าแต่ที่สถานีรถไฟเลย ที่สนามบินก็มี นอกจากนั้นก็ไปอยู่ตามโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าดังๆ สถานีในพื้นที่ทางด่วน และปั๊มป์น้ำมัน ESSO โดยเข้าแบ่งเป็น 2 ค่าย ได้แก่ ESSO CHEERS กับ ESSO FAIRPRICE EXPRESS เรียกว่า ถ้าฝนตกในสิงคโปร์จะต้องโดดหลังคาร้านที่ขาย Polar Puffs มากกว่า 1 ร้าน

Tumbleร้าน Polar Puffs มีทั้งสำนักงานและโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่แถวถนน Woodlands Link แต่เราไม่จำเป็นต้องไปซื้อของที่สำนักงานใหญ่ ร้านนี้จึงเป็นร้านที่มีความโดดเด่นในเรื่องการหาซื้อง่าย และมีรูปผลิตภัณฑ์ที่เก๋ไก๋ ซึ่งเมื่อแยกประเภทของmcแล้ว ก็จะได้ 3 ประเภท คือBaked Skin Mooncake, Mini Snow Skin Mooncake และ Hello Kitty สำหรับแบบธรรมดาๆนั้นก็มีไส้ให้เลือกจนพอใจ ได้แก่ Pure Lotus, Pure Lotus Single Yolk, Pure Lotus Double Yolks, White Lotus, White Lotus Single Yolk, White Lotus Double Yolks, Pandan และก็อีก 4 ไส้พิเศษที่ได้กล่าวไว้ในเรื่องของ Kitty

และสำหรับแบบเล็ก หรือ Mini นั้นก็จะมีไส้ไม่เหมือนพวกก้อนใหญ่ โดยมีไส้ Black Sesame(งาดำ), Green Tea, Durian, Buttery Chocolate

ถ้าคุณเป็นคนสิงคโปร์หรือทำงานอยู่ที่โน่นนานๆ คุณอาจจะได้ถือบัตร Polaris Club โดยสมัครแล้วเสียตอนแรกเข้า $10 จะได้เว้าเช่อร์ $5 คืนกลับมา และซื้อของก็ได้ส่วนลด 5% เว้นในวันเกิดคุณจะได้ถึง 20% นอกจากนั้นก็ยังแถม $20 Gift Voucher ให้ไปใช้ที่ Tumble Tots ถ้าคุณซื้อของเขาเยอะมากๆ ขนาดว่าเกิน $600 ภายใน 2 ปี คุณจะได้ต่ออายุบัตรฟรี

TumbleTumble Tots เป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (6 เดือน ถึง 7 ขวบ) ที่ดังมากในประเทศอังกฤษ ซึ่งในประเทศไทยก็ได้มีการเข้ามาตั้งธุรกิจนี้ ประมาณปีหรือสองปีนี่กระมัง ใครไปห้างเซ็นทรัลบ่อยๆก็จะเห็นชื่อนี้ ผมเองก็ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมที่นั้น แต่เท่าที่รู้เขาสร้างธุรกิจนี้ขึ้นมาเพื่อ ช่วยสอนให้เด็กมี IQ+EQ กล้าทำกล้าคิด รวมทั้งฝึกให้มีการพัฒนาการเดิน การนั่ง การปีนป่าย ความคล่องแคล่ว ฯ ก็ประมาณสอนให้เป็นเด็กอนุบาลโรงเรียนอินเตอร์เกรดเอ แต่สอนเด็กๆเป็นภาษาไทย นอกจากนั้นเขาก็ยังจำหน่ายของเล่นของใช้ต่างๆสำหรับเด็ก เช่น เสื้อยืด กางเกงยิม ชุดว่ายน้ำเด็ก หมวก กระเป๋าสะพาย ร่ม ลูกบอล ตุ๊กตา ฯ ปัจจุบันพ่อแม่ ได้มาถึงยุคที่ต้องใช้คำว่าลงทุนในตัวบุตรแล้วหละครับ ถ้าอยากให้เขาเป็นคนดี มีหน้าที่การงานมั่นคงในอนาคต ก็ต้องยอมควักกระเป๋าลงทุนกันเสียตั้งแต่เกิดมากันเลย การได้ลูกที่แข็งแรงหรือฉลาด แต่นิสัยก้าวร้าว ซึมเศร้า หรือเข้าสังคมไม่ได้ คงไม่ดีสำหรับเขา แต่การเสียเงินมากๆก็ใช่ว่าจะทำให้ลูกเป็นยอดมนุษย์ได้เสมอไป

Chanขอโม้เรื่องเก่าๆที่อยากให้อ่านแล้วเกิดความศรัทธาในตัวของคุณเองมากขึ้น เรื่องก็คือ Polar นั้นเดิมเป็นแค่ Polar Café ก่อตั้งโดย Chan Hinky อดีตชายหนุ่มชาวฮ่องกง ที่มาเหยียบเกาะสิงคโปร์ด้วยเงินในกระเป๋าเพียง 90 เซ็น (สมัยนั้นก็คงจะพอซื้ออาหารได้ไม่เกิน 3 มื้อ) เขาทำงานหนัก ภาพที่เราท่านน่าจะเห็นก็เหมือนๆ เฒ่าแก่แห่งห้างใหญ่ๆแถวเยาวราช ที่หอบเสื่อผืนหมอนใบ เข้ามาเสี่ยงชะตาในแผ่นดินของประเทศอื่น พอในปี 1926 Chan ก็มีร้านกาแฟเป็นของตัวเองได้แล้ว ต่อมาก็โดนรัฐบาลขอพื้นที่ตรงนั้นสร้างเป็น Parliament House จึงต้องมีการย้ายไปอยู่ที่ OUB Centre ใน Raffles Place ต่อมาเมื่อรุ่นลูกรับช่วงมา ได้มีการทำธุรกิจในรูป retail outlet โดยเปิดสาขาไปเรื่อยๆ จนมีผู้ถือหุ้นที่เก่งเรื่องการตลาดอีกรายเข้ามาร่วมคิด นั่นก็คือ ExxonMobil ในปี 1996 เรื่องต่อไปไม่อยากเล่า เพราะรายละเอียดเยอะมากจนย่อไม่ลง เอาเป็นว่า ลูกหลานตระกูล Hinky ไม่ได้เป็นพวกคนจรหมอนหมิ่นอีกต่อไป และข้อได้เปรียบของ Polar ก็คือ เมื่อเขาใช้การโฆษณาว่า “Bring Love and Joy to Every Occasion” ความที่เขาเป็นเหมือนเพื่อนของครอบครัวมาตั้งแต่ลูกค้าบางคนยังไม่เกิด ทำให้เขาทำตลาดได้ง่ายและได้รับความไว้วางใจจากชาวสิงคโปร์อย่างมาก คุณเองก็อย่าท้อเลยนะ ขนาดคนมีเงินติดตัวไม่ถึง 100 บาท (เทียบกับวันนี้) เขายังสามารถสร้างรากฐานและธุรกิจอันมั่นคงให้ลูกหลานได้เลย


10ร้านที่สิบ Goodwood
– //www.goodwoodparkhotel.com
โรงแรม Goodwood Park Hotel บนถนน Scotts ซึ่งเป็นช่วงระหว่าแยกถนน Orchard ไปยังถนน Bukit Timah ซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟ MRT Newton mcจากร้านนี้ ได้รับคำชมว่า ยอดแห่งขนม mooncake ก็ว่าได้ ตัวเด่นๆ ที่สร้างชื่อและสามารถรักษาเข็มขัดแชมป์ได้ตลอดกาล เป็นไส้ผลไม้เขตร้อนต่างๆ ได้แก่ มะม่วง, ทุเรียน, cempedak(จำปาดะ), และ pomelo(ส้มโอ)

ภัตตาคารใน Goodwood Park Hotel แห่งนี้ มีชื่อเสียงเรื่องอาหาร ประเภท ปูขน โดยเฉพาะร้าน Min Jiang ซึ่งตอนนี้(เดือนตุลาคม) กำลังถึงฤดูจับปูชนิดนี้อยู่พอดี สนนราคา เขา(บีบคอ)ขายที่ตัวละ $62 หรือคิดเป็นหัวๆละ $80 การโทรไปสั่งจอง ในวันที่มีโปรโมชั่นพิเศษ เขาอาจจะยอมขายให้เป็น dinner set สำหรับ 2 คน เหมาจ่ายที่ราคา $98 (แต่อาจผันแปรไปจนถึง $118 ก็ได้ ราคาเขาไม่แน่ไม่นอนในแต่ละปี) ถ้าไปถามแม่ค้าส้มตำปูปลาร้า ว่าเขาเคยทานปูนึ่งตัวละ 2,000 บาทหรือไม่? เขาอาจจะไม่ตอบว่าเคยหรือไม่เคย แต่คงจะด่ากลับมาว่า จะบ้าเหรอ? มากกว่า ผมว่าไปบางปูดีกว่านะ ปูเนื้อแน่นๆ ไม่ว่านึ่งหรือเผาเขาขายตัวละ 500 บาทเอง ผมไปทานมาเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ยังราคานี้อยู่ ไม่ต้องบินไปสิงคโปร์หรอกครับ

ผมไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว ภัตตาคารหรือครัวส่วนไหนของ Goodwood ที่ทำmc ออกมาจำหน่าย แต่จากข้อมูลภัตตาคารจีน ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ก็น่าจะเป็น Min Jiang ซึ่งเป็นชื่อพ้องกับแม่น้ำ Min ในมณฑลเสฉวน ของประเทศจีน ติ่มซำ ยามบ่าย (High Tea Buffet) ที่นี่เลื่องชื่อมาก และมีขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดเท่านั้น ส่วนครัวด้านนอก (Outdoor grill kitchen) เปิดให้บริการตอนค่ำ มีชื่อเสียงเรื่อง ปิ้งๆย่างๆ หรือ Barbecued

ในปี 2009 ได้เกิดการคิดค้นการทำไส้แบบแนวความคิดใหม่ขึ้นมา โดยทาง Goodwood ใช้คำว่า sour sop (รสชาติคล้าย คัสตาดแอปเปิล) โดยทำให้ไส้อยู่ในรูป puree (น้ำแกงข้น) ซึ่งมาจากเนื้อของผลไม้ที่มีลักษณะนุ่มนิ่ม (pulp) อย่างเช่น มะม่วง ทุเรียน ...ฯ สนนราคานั้นคิด 1 กล่อง 2 ชิ้น $22 แต่ถ้าเป็น 1 กล่อง 4 ชิ้น $40 ยกเว้นไส้ทุเรียน ขาย 2 ชิ้น $26 และ 4 ชิ้น $48

Goodwood เดิมเป็นคลับ ชื่อว่า Teutonia เป็นสถานที่พิเศษของคนเยอรมันในสิงคโปร์ (ทำไมมีคนหลายชาติในสิงคโปร์เหลือเกิน) ต่อมาในปี 1929 ก็ได้เปลี่ยนโฉมและใช้ชื่อใหม่ว่า Goodwood Park Hotel เพื่อต้อนรับแขกมีระดับจากมาเลเซีย ชื่อ Goodwood Park นี้ผมว่าคล้ายๆกับ Goodwood Cricket Club ใน Chichester ในเมือง West Sussex ประเทศอังกฤษ เพราะดูตึกและสิ่งก่อสร้างแล้ว ก็คล้ายๆกับของประเทศอังกฤษมาก (อันนี้เป็นความเห็นของผมคนเดียวในโลกเท่านั้นนะครับ) โดยเฉพาะ เสาสไตล์โรมัน ที่เรียกว่า fluted column ร่วมทั้งซุ้มประตูรูปโค้ง เหมือนที่ Colosseum ในอิตาลี นั้นย่อมเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เห็นว่าคนออกแบบตึกนี้ จะต้องมีความรู้เรื่องศิลปะของยุโรปมาก พอถึงปี 1989 ตึกนี้ก็ได้รับการยกย่องให้เป็น National Monument อีกแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ ใครที่ชื่นชมศิลปะของพวกโรมัน ควรจะไปที่ดูนี่ ถ้ามีโอกาส


11ร้านที่สิบเอ็ด Bakerzin
– //www.bakerzin.com
Bakerzin เป็นร้านขนมหวาน สไตล์ขนมฝรั่ง (dessert) ระดับชั้นแนวหน้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสาขาอยู่ทั้งในสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ในสิงคโปร์มีอยู่ 2 แห่ง คือ Jurong Point และ Millennia Walk บนถนน Raffles Boulevard ในร้าน Bakerzin มีอาหารพวก cakes & pastries และขนมปังแบบต่างๆ ลูกค้าจะชอบสั่งซื้อ เค้กวันเกิด และงานปาร์ตี้ต่างๆ ซึ่งใครได้ชิมก็ต้องร้องว่า เอาอีกๆๆๆ ปัจจุบันได้มีการเพิ่มจุดขายหรือ outlet ตามห้างสรรพสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ

ร้าน Bakerzin เริ่มต้นกิจการในปี ค.ศ. 1998 ถึงจะเป็นน้องใหม่ แต่ก็โตเร็วมาก ในปี 2000 ทางสำนักงานใหญ่ ได้ดำเนินนโยบาย นำเสนอลูกค้าด้วยเมนูใหม่ๆ ที่มีความอร่อยตามความต้องการของลูกค้า (indulgence) อย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับบุกตลาดโลก ในปี 2009 Bakerzin ได้เจาะตลาดเด็ก โดยให้เป็น section ชื่อว่า Bakerzin Kids โดยสรรหาเมนูที่เค้กที่เด็กๆชอบ และที่แหวกแนวที่สุดคือ Baby Full Month Package ซึ่งของคนอื่นก็คิดได้แค่ Birthday Cake หรือ Birthday Party Cake เรียกว่าเรื่องการตลาดของเขา น่าศึกษาเป็นตัวอย่างมาก

ใครว่าพระจันทร์มีแต่สีขาวนวล ร้านBakerzin บอกว่าเราจะทำพระจันทร์ข้างแรมหรือพระจันทร์เดือนมืดขาย และคุณจะต้องชอบและซื้อ ดังนั้นเขาจึงเอากาแฟ โกโก้ หรืองาดำ มาลองทำเป็น Black Mooncake โดยเรียกอีกชื่อว่า Midnight-colored Mooncake และก็มาลงตัวที่ งาดำ โดยพยายามทำให้เป็น สีถ่านไม้ไผ่ไหม้ (บางทีเขาอาจจะเอาถ่านไม้มาผสมตรงๆเลยก็ได้) และด้วยส่วนผสมของ 2 อย่างที่พอเหมาะ คือ lotus paste และ sesame paste แล้วไปเอาไส้ที่ทำจาก white chocolate ganache มาตัดสีกับเปลือกสีดำๆ แต่ถ้าคุณไม่เก็ตไอเดียอันบรรเจิดนี้ ก็กลับไปหาmcสีสวยๆทานกันแบบเดิมดีกว่าครับ เขาก็มีให้คุณเลือกหลายอย่าง เช่น brandied cherry truffle, รัมย์กับเรซิน, pink champagne truffle, และ malt whiskey truffle ขาย 1 กล่อง 8 ชิ้น $36 และการอุดหนุนร้านนี้เราจะได้บุญนิดหน่อย เพราะเขาจะหักจากรายได้ทุกๆกล่อง เป็นเงิน $1 หรือประมาณ 50 บาท ส่งเข้ากองทุนมูลนิธิ Singapore make-a-wish


RF01ร้านที่สิบสอง Raffles Hotel
- //www.raffleshotelmooncake.com
Raffles Hotel เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์ ตั้งอยู่อยู่บนถนน Beach ย่านที่คนนิยมมาเที่ยวชมสถาปัตยกรรมของตึกเก่าๆในเมือง และก็อยู่ใกล้ย่านธุรกิจอีกด้วย ถ้าท่านพักที่นี่ และชอบการเดินออกกำลังกาย ท่านจะได้เที่ยวชมสถานที่สำคัญๆของสิงคโปร์แบบอิ่มจุใจ โรงแรมนี้เป็นต้นกำเนิดของค๊อกเทลชื่อดัง Singapore Sling ผลงานคิดค้นของ Ngiam Tong Boon พร้อมกับตำนานและเรื่องเล่าอีกมาก เช่น เสือตัวสุดท้ายบนเกาะสิงคโปร์ถูกยิงตายในโรงแรมนี้ ในห้องเล่นสนุกเกอร์ ฯ

รายชื่อแขกที่เคยมาพักที่นี้ มีมากมายที่คนต้องเก็บเอาไปพูดถึง ตัวอย่างเช่น สมเด็จพระราชินี Queen Elizabeth II, พระราชินี Sopia แห่งสเปน, นอกนั้นก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง เช่น Michael Jackson, Ava Gardner, Elizabeth Taylor, George H.W. Bush, Charlie Chaplin, ….

ถ้าอยากไปพักที่นี่ต้องมีเงินอย่างน้อยคืนละ 8,000 บาทเป็นอย่างน้อย เว้นแต่จะมีคนมาช่วยหารสอง และได้ส่วนลดพิเศษ หรือจ่ายให้เราหมด แบบนี้ก็แบ่งเบาภาระได้หน่อย เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ของการเข้าพักที่นี่ เจ้าเรื่องใหญ่ คือ เขาเข้มงวดเรื่องการแต่งกายมาก ราวกับเข้าพระราชวังบัคกิ้งแฮม หรือ ที่สำคัญทางศาสนา ก็ว่าได้ เขาใช้คำว่า the old British colonial official treatment คนที่จะยอมให้เราเข้าไป ได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่ ผู้จัดการโรงแรม แต่เป็น Doorman นะครับ ขนาดในใบโบรชัวร์ยังมีการแนะนำว่า ถ้าจะมาทานอาหารที่ห้องอาหาร หรือไปกินเหล้าใน Long Bar จะต้องแต่งตัวอย่างไร ถึงจะเรียกว่า “เหมาะสม” ผู้หญิงต้องแต่งตัวประมาณไหน ว่ากันแบบนั้นเลยครับ แต่ถ้าเราเดินเล่นอยู่ส่วนนอกที่พัก ก็ไม่เป็นไร ใครชอบดูหนังเก่าๆของอังกฤษ คงจะเข้าใจว่าโรงแรมลักษณะแบบนี้ เขามักทำอะไรเป็นระเบียบและเคร่งครัด แต่มันก็ได้สร้างมนต์ขลังในเรื่องความประทับใจ(ของคนมีสตางค์)

มีเรื่องที่คนที่ได้พักที่นี่ควรจะ ได้พบได้เห็นได้ยิน กับตัวเอง คือ ในห้องลอบบี้ จะมีนาฬิกาเก่าแก่รุ่นคุณปู่ ตอนเช้าๆจะมีคนมาไขลานทุกวัน และเมื่อถึงเวลา 2 ทุ่ม นาฬิกาตี 8 ครั้ง เปียโนจะถูกบรรเลงเพลงอมตะของ Noel Coward ในเพลงชื่อ I’ll see you again โดยไม่เคยมีวันเปลี่ยนแปลง เขาว่า ให้ขอแต่งงานกับหญิงสาวตอนนั้น จะได้รับคำตอบว่า “คะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ” แต่ถ้าโดนปฏิเสธ ก็มาอยู่ที่หุบเขาคนโฉดได้ทันที่ เพราะผู้หญิงที่นี่จะเป็นคนขอคุณแต่งงานเอง 555


โรงแรม Raffles ให้ความเอาใจใส่ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ Mid-Autumn Festival นี้มาตลอดสิบๆปีที่ผ่านมา mooncake ที่นี่จะมีทั้งแบบอนุรักษ์หรือแบบclassic และก็ยังมีแบบความคิดสร้างสรรค์ อีกด้วย ตัวที่ทำคะแนนเด่นนำหน้าเพื่อนๆ ก็คงจะเป็น snow-skin ประกอบด้วยไส้ champagne truffle & Ganache (เขาว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีคนถามหาตลอดเทศกาล) และในปี 2009 นี้ ก็ได้แนะนำน้องใหม่ไส้ apricot ผสม popping candy ขาย 1 กล่อง 8 ชิ้น $50

ทางโรงแรมมีการเตรียมพร้อมมากในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ ขนาดที่ว่าเปิดให้จองขนมทางโทรศัพท์หรือแบบออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม (วันไหว้คือ 3 ตุลาคม) คนที่ไม่เชื่อว่าจะขายดี พอใกล้วันไหว้ประมาณ 4-5 วัน ก็ต้องร้องว่าปีนี้พลาดไปแล้ว และที่พลาดไปนั้น คือ ราคาพิเศษที่ได้ส่วนลดถึง 10-20% ไปด้วย (ที่สิงคโปร์ พวกบัตรเครดิตธนาคารชอบร่วมรายการลดราคาพิเศษในเทศกาลต่างๆ อย่างรายการนี้ Citibank ก็มาจับมือกับ Raffles มอบส่วนลดเพิ่มให้ด้วย)

สำหรับความหลากหลายในการเลือกไส้และชนิดของขนมนั้น ผมว่าเขาให้โอกาสเราเลือกน้อยไปหน่อย เขาแบ่งขนมออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ snow-skin กับ baked แต่ราคาขายราคาแพง ก็ประมาณกล่องละ $50 - $52 ส่วนผมจะขอแบ่งประเภทตามจำนวนชิ้นที่บรรจุในกล่อง เพื่อให้คุณจำง่ายๆ ดังนี้ พวกที่มี 8 ชิ้นต่อ 1 กล่อง ได้แก่ snow-skin ไส้ champagne truffle & ganache, snow-skin ไส้ cognac truffle, snow-skin ไส้ mocha truffle, snow-skin ไส้ dark chocolate crunchy pearl, และน้องใหม่ snow-skin ไส้ apricot with popping candy ส่วนอีกพวกก็เป็นบรรจุ 4 ชิ้นต่อ 1 กล่อง ได้แก่ baked mooncake ไส้ pine nuts + macadamia nuts + white lotus paste, baked mother of pearl mooncake ไส้ 1 ไข่แดง + white lotus paste, และ baked mooncake ไส้ไข่แดงคู่ + macadamia nuts + white lotus paste

โรงแรม Raffles เป็นโรงแรมเก่าแก่มาก มีอายุมานานกว่า 120 ปี ผ่านการปรับปรุงดูแลมาหลายครั้ง มีรูปแบบโครงสร้างตึกและการตกแต่งสมกับเป็นหน้าตาของประเทศสิงคโปร์ ธุรกิจเริ่มต้นจากบังกะโลทรงเก่าๆ เรียบง่าย ในปี ค.ศ. 1887 ผู้คนเรียกว่า Beach House จนติดปาก และต่อมาก็ใช้ชื่อตามท่าน Sir Stamford Raffles ผู้ค้นพบและก่อสร้างประเทศสิงคโปร์

ก่อนปี 1930 เจ้าของโรงแรมไม่ยอมให้แขกชาวเอเชียเข้าพัก สาเหตุไม่แน่นอน อาจจะเป็นเพราะเจ้าของรุ่นแรกๆเป็นคนเชื้อสายอามาร์เนีย(Armenian) ซึ่งมาจากเปอร์เซีย หรือไม่ก็เป็นเรื่องกีดกันประเภทของคน (ซึ่งเรื่องนี้เป็นมากในธุรกิจโรงแรมสมัยก่อน)

จนในปี 1987 ได้รับชื่อว่าเป็น National Monument นับเป็นอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์ไม่คิดค่าเข้าชม มีกลิ่นไอของประวัติศาสตร์โลก โดยเฉพาะเรื่องการบุกยึดดินแดนของทหารญี่ปุ่น ในปี 1942 (ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) และได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Syonan Ryokan แต่ไม่มีคนสิงคโปร์คนไหนยอมรับชื่อนี้ จนมาถึงปี 1991 ได้ทำการปรับปรุงก่อสร้างกันขนานใหญ่ จนได้รับชื่อว่า The Crown of Singapore’s Hospitality Industry

ภายหลังการปรับปรุงอย่างยอดเยี่ยมทำให้ Raffles ได้รางวัลมามากมาย เอาเฉพาะช่วงปี 2006-2009 บางส่วนนะครับ ได้แก่ Top 500 World’s Best Hotels (2009), Top 100 World’s Best Hotels (2008), Luxury Hotels: The World’s Ultimate City Escapes (2008), Best Hotel in Asia (2007), Best Luxury Hotel (2007), Best Boutique Hotel in Asia-Pacific (2007), World’s Best Place to Stay, Ultimate Address for the Luxury Traveler (2006)




ในทางธุรกิจนั้น บริษัททุนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เข้ามาซื้อหุ้นของราฟเฟิลล์และสวิสโซเทลจากกลุ่มทุนเก่า ธุรกิจพวกนี้จะมีถือหุ้นซ้อนๆกันเป็นวงๆ คนที่อยู่ปลายสายป่านก็คือ เทมาเส็กโฮลดิ้ง ซึ่งเป็นของรัฐบาลสิงคโปร์ ประเด็นที่เอามาเล่าอยู่ที่ว่า โรงแรมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศอย่างนี้ อยู่ในมือกองทุนของรัฐบาลสิงคโปร์แท้ๆอย่างนี้ ทำไมถึงต้องขายให้นายทุนชาติอื่น

โคโลนีแคปปิตอล ตกลงเข้ามาซื้อหุ้นของ Raffles ด้วยมูลค่า 34,300 ล้านบาท แล้วทำไมคนอื่นไม่เข้ามาแย่งซื้อหละ เหตุผลก็เพราะว่า ใครมาซื้อจะต้องแบกภาระใช้หนี้ให้โรงแรมราฟเฟิลส์และเครือ ถึง 5,500 ล้านบาท แถมยังต้องให้คนไปเจรจาซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกเป็นเงินประมาณ 1,325 ล้านบาท (ผู้ถือหุ้นรายย่อยนี่แหละเหมือนแมลงหวี่ที่ชอบต่อยตาช้างจนช้างเดินตกหน้าผาได้ง่ายๆ พวกซื้อกิจการมักจะรำคาญหุ้นพวกนี้) งานนี้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ประโยชน์ ผลประกอบการเดิมไม่เวิร์ค เงินปันผลหดหาย แต่จู่ๆ มีนายทุนเอาเงินมาให้ ใครจะไม่รีบขายหุ้น แถมโก่งราคาให้สูงกว่าปกติได้อีกด้วย การซื้อขายธุรกิจจึงผ่านไปได้อย่างเร็ว

แล้วทำไมโคโลนีฯ ต้องมาซื้อหุ้นโรงแรมเจ็ดดาว เอ้ย ห้าดาวของสิงคโปร์ เหตุผลก็น่าจะอยากยึดธุรกิจด้านนี้ในสิงคโปร์ นักลงทุนจากสหรัฐฯกลุ่มนี้ มีกองบัญชาการอยู่ที่ลอสแองเจลิส มีข่าวว่าชื่อกลุ่ม โคโลนีแคปปิตอลได้หว่านเม็ดเงินลงบนธุรกิจโรงแรม หรือ สถานที่พัก มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 แล้ว เชื่อว่าได้กลืนกินธุรกิจด้านโรงแรมและรีสอร์ทใหญ่ๆทั่วโลกไปแล้วเกินกว่า 8 พันแห่ง ความพอใจในช่วงแรกๆของโคโลนี น่าจะเป็นแผนการยึดธุรกิจโรงแรมใหญ่น้อยในอังกฤษมาถือเอาไว้ในมือ ซึ่งแน่นอน...โรงแรมในยุโรป หรือแม้แต่ในสหรัฐเองก็ถูกกวาดเข้าตู้ไปทีละราย ทีละแห่ง

โคโลนีฯทราบว่ากลุ่มเครือราฟเฟิลส์ โฮลดิ้งส์ ว่ามีความแข็งแกร่งระดับที่ 17 หรือ 18 ในกลุ่มทุนข้ามชาติ คำถามต่อมา...แล้วพวกที่ถือหุ่นของราฟเฟิลส์เก่า เขาเจ้ง หรือเขาจะเอาเงินไปแก้ปัญหาอะไร คำตอบแรกคือไม่เจ้งหรอก แต่ก็แทบบ้าเพราะพิษเศรษฐกิจ และการก่อการร้ายสากลที่ผ่านมา

คนที่ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนมากๆของเครือราฟเฟิลส์ คือ แคปปิต้าแลนด์ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด คือ เทมาเส็กฯ และคนที่ถือหุ้นมากที่สุดในเทมาเส็ก ก็คือ รัฐบาลสิงคโปร์ ภาพตรงนี้เราจะเห็นว่าสิงคโปร์มีรัฐบาลที่เป็นนักลงทุน และไม่กลัวประชาชนจะโวยว่าเอาเงินภาษีของเขาไปเล่นหุ้น เพราะประเทศเขาได้รับการพัฒนา ก็มาจากเงินที่เป็นรายได้หรือกำไรจากการเข้าไปถือหุ้นในธุรกิจต่างๆนี่แหละ บทบาทการเป็นรัฐบาลที่เข้าไปถือหุ้นธุรกิจในชาติตัวเองและต่างชาติ เขาทำกันได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องศึกษากันมากๆ สำหรับผม สติปัญญาไปไม่ไหวแล้วหละครับ

กลับมาที่คำถามแล้วตอบว่าเทมาเส็กไม่ได้เจ้ง แต่เอาเงินไปไหน คำตอบคือว่า เขาหันมามองธุรกิจแบบใหม่ คราวนี้เขาจะเล่นเรื่อง ช๊อปปิ้งมอลล์ (หมายถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่นะครับ พวกขายของมีแบรนด์ดังๆ กำไรปีละร้อยล้าน) ตอนนี้เทมาเส็กมีหุ้นในธุรกิจประเภทนี้อยู่อย่างน้อย 40 กว่าแห่ง ต่อไปจะขยับไปที่ 150 แห่ง โดยมี จีน เป็นสนามใหญ่ของการลงทุน

สิงคโปร์มีเรื่องติดค้าง หรือคาใจกับประเทศญี่ปุ่นมานาน ไม่ทราบว่าคนรุ่นใหม่จะเลิกคิดไปหรือยัง เพราะถ้าสลัดเรื่องไม่ชอบญี่ปุ่นออกไป สินค้าและห้างดังๆของญี่ปุ่น ก็น่าจะมาลงทุนในสิงคโปร์ได้มากกว่านี้ ลองสังเกตุชื่อตึกหรือห้างที่เป็นภาษาญี่ปุ่นในสิงคโปร์ มีน้อยมากครับ ผมรู้จักแค่ห้าง Takashimaya ซึ่งก็ต้องซ่อนอยู่ใน ห้างหงี่อันซิตี้ อีกที

เหนื่อยมั๊ยครับ ผมพาไปชิมขนมมา 12 ร้าน สำหรับผมนั้นอิ่มมากๆ เพราะมัวแต่มองหน้าคนขายจนเพลิน ต้องหาน้ำชามาจิบเสียหน่อย เชื่อหรือยีงว่า แค่mc ก็มีเรื่องราวต่างๆของสิงคโปร์มาให้เราได้ซึมซับกันได้แล้ว อยากไปสิงคโปร์กันหรือยังครับ คราวหน้าจะเป็นการไปหาเครื่องบินกันเสียที



zOOmzERo2009







Create Date : 06 ตุลาคม 2552
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:19:05 น. 34 comments
Counter : 2143 Pageviews.

 
อือหือ คราวนี้ยาวได้ใจจริง ๆ แวะมาสองรอบแล้ว เพิ่งอ่านได้ 10 ร้าน *-* ที่เหลือพรุ่งนี้มาอ่านต่อนะก๊ะ มึนแระ -_-!!

แต่ชอบขนมร้านคิตตี้จัง ว่าแต่นอกจากตัวคิตตี้แล้วมีตัวไรอีกอ่าคะ โดเรม่อน ชินจัง เคโระ มีมั๊ยง่า งิงิ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวตัวแสบ IP: 124.121.116.3 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:2:04:03 น.  

 
นู๋ Beee
เขาเรียกว่ากระทู้วัดใจไง
งานนี้ทำเพื่อไล่แขกเลยหละ ใครไม่อดทน ไม่ได้ comment

อ้า...นะ อ่านได้ตั้ง 10 ร้าน สู้ ศู้ ษู้ ประเทศไทย
ก่อนอ่านก็ดูไมเคิลเต้น mooncake เอ้ย...moonwalk ด้วยนะ
พี่จ้างมาเต้นถวายนางฟ้าบนดวงจันทร์ (คริ คริ)

ร้าน Polar Puffs นี่ พี่ให้คะแนนเต็มสิบเลยนะ
เก่งทั้งทำขนมและการตลาด
แถมเฒ่าแก่ยังอดทนมีมานะเหมือนคนจีนที่มาอยู่เมืองไทยเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา
ส่วนขนมนั้นเขาทำเฉพาะ Kitty
ก็ไม่รู้ว่าไปขออนุญาติญี่ปุ่นหรือยัง
ร้านนี้ต้องเรียกว่าเป็นร้านของคนฮ่องกงจึงกล้าเอาของญี่ปุ่นมาเป็นจุดขาย
ที่ว่า "กล้า" ก็เพราะตอนสงครามโลกครั้งที่ 2
ญี่ปุ่นเข้ายึดประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งขวานทอง ด้ามขวาน คมขวาน โดนซามูไรยึดหมด
พูดแล้วนึกถึงทองโกโบริ มันมีจริงหรือเปล่าหว่า?
มีเรื่องสุดโหดบนเกาะสิงคโปร์ เรื่อง Singapore War
คนที่นั้นโดนซามูไรสังหารอย่างโหดร้าย
ศพน่าจะตายเกลื่อนพื้นที่ ที่เป็นสนามบินทุกวันนี้นะ
เรียกว่าใครมาเหยียบแผ่นดินเขา โดนผีจับขาหมดทุกคน (บรื๋อ)
พลเรือนตายไป 2,000 บาดเจ็บ 5,000 คน
พลเรือนและทหารโดนจับเป็นเชลย 50,000 คน
เด็กและผู้หญิงถูกทารุณอย่างสุดจะบรรยาย
สมัยนั้นนักศึกษาของสิงคโปร์ก็ไม่ต่างจากคนเดือนตุลาของไทย
ใครจะไปจำได้ว่าคนไทยเคยเดินขบวนไม่ซื้อสินค้าญี่ปุ่นมาแล้ว
ที่สิงคโปร์ คุณปู่ Tan Chong Tee กับคุณตา Lim Bo Seng ได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง
จนสิงคโปร์ต้องทำอนุสรณ์เอาไว้เตือนความจำว่า
ถึงชาติเราจะเล็ก เราจะมาจากต่างเผ่าพันธุ์ แต่พวกเรารักชาติยิ่งชีพ

สำหรับชื่อ Changi Airport
คนสิงคโปร์ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปจะนึกถีง Changi Prison มากกว่า
รูปนี้ไม่เหมาะกับการทานขนม
แต่อยากเปิดมุมมองให้เห็นว่า สงคราม ให้อะไรกับเราบ้าง

อาม่า 2 คนร้องไห้ให้หลานของท่านเมื่อวันที่ญี่ปุ่นบุกสิงคโปร์



โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:9:34:55 น.  

 
อุอุ กระทู้ไล่แขกจิง ๆ ดั๊วะ อุตส่าห์มีแฟนขับ(ไล่) มาติดตามตั้งสองสามคน หายหมดเลย คิคิ

แหม ว่าจะถามแล้วเชียวว่าขนมไหว้พระจันทร์มันเกี่ยวอะไรกับ ไมเคิลมาเต้นเปิดตัว ที่แท้ก้อจ้างมานี่เอง คิคิ ตอนแรกคือจะดูว่าไมเคิล ตัวจริงตัวปลอม เพราะหลัง ๆ มานี้ได้คลิปคนเต้นเลียนแบบซะเยอะ แต่ดูไปดูมา อ่า อันนี้ของจิงวุ้ย คนดังนี้ทำอะไรแฟน ๆ ก็กรี๊ดไปหมดเลยเน๊อะ ใส่ถุงมือก็กรี๊ด ใส่หมวกก็กรี๊ด ลูบเป้าก็กรี๊ด ไม่เห็นเหมือนพี่ชายเค้าเลยแฮะ ต้องลงทุนไปแก้ผ้าเปิดชุดคลุมยาวโชว์ สาว ๆ ถึงจะกรี๊ดซักที อุอุ

สงครามให้อะไรกับเราบ้างเหรอคะ อู๊ยให้เยอะแยะมากมายค่ะ ให้เลือด และความตาย ให้โลกมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เพราะที่เหลือโดนฝังไว้ใต้ดินหรือใต้น้ำไปแล้ว อากาศถ่ายเทสะดวก หึหึ แถมยังทำให้มีเรื่องจะเอาไปทำหนังฮอลลีวู๊ดอีกมากมายหลายเรื่องเลยเชียว เหอะ ๆ เดี๋ยวอ่านจบมาเม้นท์ใหม่ก๊ะ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวตัวแสบ IP: 124.121.116.3 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:13:38:40 น.  

 
โห..เข้ามาแล้วไม่ผิดหวัง

กินMOON CAKE ไป..ดู MOON WALK ไป...เพลินจริงๆ
แถมตัวหนังสือเท่าหม้อ เอาใจผู้สูงวัย
ข้อมูลก็เพียบ .....แจ๋วจริงๆ




โดย: ดราก้อนวี วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:14:27:53 น.  

 
อ่า อ่านจบแล้วค่ะ ขนมไหว้พระจันทร์เชื่อมั๊ยถ้าจะบอกว่าเกิดมาไม่เคยกินเลย *-* ทั้ง ๆ ที่อยู่เยาวราช ร้านขายขนมขึ้นชื่อก็อยู่บ้านถัดไปแค่ 2-3 หลัง ขายดิบขายดี หึหึ ก็นะ ไส้แต่ละอย่างกินม่ายเปงง่ะ ทุเรียนงี้ เม็ดบัวงี้ โหงวยิ้ง อารัยก้อมะรุ๊แปลก ๆ ไม่กล้ากิง แต่เห็นของสิงคโปร์มีไส้ช๊อคโกแล๊ต งืม น่ากินดีนะคะ ลาเวนเดอร์ด้วย เป็นกลิ่นที่บีชอบมากเลยแหล่ะ ^_^ เพราะมันช่วยให้หลับสบาย เหมาะกับคนนอนยากแบบเราจริง ๆ แล้วมันก็ช่วยได้จริง ๆ นะคะ วันไหนที่ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์แล้วจะนอนได้เร็วดีจัง

ขอบ่นซักหน่อย จะบอกว่าอ่านจนจบเนี่ยะ พาไปกินมาเป็นสิบกว่าร้าน ไส้อะไรก็ไม่รู้มากมาย ไม่รู้เรื่องเลย ก็คุณพี่ชายเล่นเขียนไส้เป็นภาษาปะกิดนู๋อ่านไม่ออกง่ะ เอาภาษาไทยด้วยสิคะ จะได้เก็ทหน่อย อย่างจำปาดะ นี่แปล๊ก แปลก แต่ไม่กล้ากินแน่นอน เพราะแค่ทุเรียนก็หนีจะแย่แล้ว ถ้าอันนี้กลิ่นแรงกว่าทุเรียนคงขอผ่าน ว่าแต่หน้าตามันเป็นยังไงน้า เคยได้ยินแต่ชื่อ หึหึ

ว่าแต่พี่ชายพาไปมาสิบกว่าร้านนี่ อย่าบอกนะคะว่าไปชิมมาหมดทุกร้านพวกนี้แล้วน่ะ แล้วอุดหนุนเขาทุกร้านรึเปล่า ถ้าใช่ ป่านนี้ขนมไหว้พระจันทร์ก็เต็มบ้านช่องไปหมดเลยสิคะเนี่ยะ กะว่าไปซื้อที่เดียวเก็บไว้ไหว้ได้อีกหลายปีแบบนั้นเลยอ่ะเหรอ *-* งิงิ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 124.121.116.3 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:15:37:35 น.  

 
To “ดราก้อนวี”
ป้าวีขา ชายน้อยขอกราบขอบพระคุณมั๊กมาก ใน Comment ดีๆ
รักชายน้อยๆ แต่อย่ารักนานๆ นะครับ เอ้...ชักงง อยากให้เกลียดมากๆ
ตัวหนังสือยังใหญ่กว่านี้ได้อีก แต่ยิ่งใหญ่มันยิ่งจัดช่องไฟให้ห่างเป็นโยชน์ ผมว่าจะหดลงอีกนิดในกระทู้หน้า เพื่อเป็นการขัดใจป้าวี 555
สำหรับข้อมูลนี้ต้องหักกลบลบหายไปประมาณ 30% เพราะที่เว็บนี้เข้ามีกฎว่าห้ามเขียนเกิน 40,000 ตัวอักษร
เฉพาะทำกรอบซ้อน 5 อันก็ใช้ code ไป 39,999 ตัวแล้วหละครับ (ไม่ได้โม้...แค่พูดไม่จริง ฮิฮิ)
--------------------------------------------------
To “นู๋ Beee”
เก่งมาก อ่านจนจบ มามะ มาลูบหัวที พรืดๆ อ้าว...ลูบไป 2 ที ขอโทษๆ
น่าสงสารนะ เกิดมาบนไชน่าทาวน์เทริทอเรียล(เขียนภาษาไทยแล้วนะ) แล้วไม่ทานขนมไหว้พระจันทร์ ป๊าดดด! เวรี่อะแฉ่ม
แล้วขนมเปี๊ยะนี่ทานได้หรือเปล่า แย่นะพี่ชายซื้อmc มาฝากเรา 1 กล่อง 2 พันกว่าบาท เดี๋ยวเอาไปวางหน้าบ้านให้แมวแถวนี้มันมาทานดีกว่า เช๊อะ
พี่ไม่ได้ไปชิมมาถึง 12 แห่งหรอกแต่ ได้ชิมเกิน 12 เจ้า เอ้...งง หรือเปล่า
เพราะว่า ตลอดถนน Orchard ซึ่งเป็นถนนหน้าโรงแรม Concorde มันมีบูธให้ชิมเกือบตลอดทาง
ยิ่งบนห้าง หรือใกล้ๆศูนย์อาหาร เขาแย่งกันขายมาก กล้าให้ชิมบ้าง ขี้เหนียวบ้าง คงดูจากการแต่งตัวของเรา
เพราะว่าวันที่เราแต่งตัวดีมีชฎาสวมหัว ใส่สร้อยสังวาลเพชร(ที่ยืมมาจากคณะลิเกหน้าตลาดแฮปปี้แลนด์)
พวกเขาก็จะยิ้มแย้ม พูดจาหว่านล้อม เสียงระงมว่า โอเค..ล่า เวรี่กูด..หน่อ เราก็หน้าด้านชิมเรื่อยเปื่อย(เพราะหมั่นไส้)ไปเรื่อยๆ
จนวันกลับ เราก็ไปซื้อร้านที่เราเล็งเอาไว้ เพราะเขาขายอย่างอื่นมากกว่าขนมไหว้พระจันทร์ที่เราต้องการ
และที่พี่เขียนชื่อไส้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่าต้องมีมหาเศรษฐีของไทยมาอ่านเจอแล้วจดเอาไปซื้อในปีหน้า (หวังมากไปหรือเปล่า)
เพราะไปที่โน่น ระดับคนขายของแบบนี้ บางคนก็เจรจาภาษาฝรั่งไม่ได้ แล้วเราก็พูดจีนกลางหรือมาเลย์ก็ไม่ได้
ร้านใหญ่ๆหน่อยก็จะมีเมนูหรือโบรชัวร์ที่มีภาษาจีนและอังกฤษ เราจะได้จิ่มซื้อได้ถูก
ที่พยายามบอกราคาเป็นกล่องเพราะว่า เวลาที่คนขายส่งภาษาจีนมาจะได้ระวังไว้
เช่น อยากซื้อไส้นี้ 3 ก้อน กับไส้โน้น 1 ก้อน ดันยก 3 นิ้วกับ 1 นิ้ว พอเขาถามก็พยักหน้าตอบมั่วๆ ผลก็คือได้มา 4 กล่อง รวมแล้ว 16 ชิ้น (คนเคยโง่มาแล้ว จึงมาบอกกัน)
แต่คนที่ไม่คิดจะไป ไม่อยากไป หรือเกลียดไอ้คนเขียนกระทู้นี้ เขาก็ไม่สนใจที่จะจำหรอก ก็เลยไม่ได้เขียนให้เขาอ่าน 555
บอกแล้วว่าเราต้องการต้อนรับขับไล่ ไม่ใช่เอาใจใสซื่อ เรียกร้องความสงสารเหมือนใครบางคน (อ้าว...ว่าใคร แรงนะเนี๊ยะ)



โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:8:45:26 น.  

 
วันนี้มาทาน MC เป็นอาหารเช้ากัน
เริ่มต้นก็เอากล่องมาโชว์ก่อนว่า กล่องใหญ่มาก ไม่กล้าวางบนโต๊ะทานข้าวกลัวโต๊ะถล่มลงมา
ขนาดใหญ่กว่าแผ่นหินอ่อน 1 แผ่นเชียวนะ หินอ่อนนี่ พี่สั่งซื้อมาจากอิตาลีเลยนะ จ้างเรือเอี้ยมจุ้นขนมา



โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:9:01:41 น.  

 
พอแกะกล่อง ก็จะพบว่ามีขนมขนาด 4 นิ้ว คูณ 4 นิ้ว อยู่ 4 ชิ้น (แต่ขนาดขนมนั้น จริงๆมีเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ 3 นิ้ว แฮะๆ )

ฝากล่องมีการฝังแม่เหล็ก วางปั๊บ ติดปึก

ภายในขนมมีการซีลอย่างดี มีการใส่ถุงพลาสติกหนา

เขามีซองสารดูดความชื้นถึง 2 แพ็ค (แหม...กลัวเหม็นหืนมาก เขาว่าเจ้านี้ใช้น้ำมันหมูทำไส้ ไม่ใช่น้ำมันพืชเหมือนเจ้าอื่น)
มุมซองก็มีเว้ารอยฉีก ทำให้เปิดออกง่ายมา
มุมซ้ายล่างของรูปคือ ยี่ห้อ
เอ๊ะ...เขาให้โฆษณาแฝงได้หรือเปล่า เอาเป็นว่าอ่านเอาเอง เดี๋ยวจะหาว่ามาเชียร์ร้านญาติกันเอง 555




โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:9:17:59 น.  

 
ขนมขนาดยักษ์
อยากอ่านภาษาจีนออก
เสียดายเราไม่มีกิ๊กเป็นคนจีน
กลิ่นหอมมาก
ผิวนุ่มๆ แต่ไม่มันเยิ้มนะ
ในรูปเหมือนว่าฉ่ำๆเลยนะ
ขอวิ่งไปชงน้ำชาก่อน อาจจะวิ่งช้าหน่อย เพราะใส่ผ้าขาวม้าผืนเดียวอยู่นะ




โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:9:24:09 น.  

 
เอามีดมาผ่าครึ่งให้ดูก่อน
ชิ้นนี้เรียกว่า Durien White Lotus with 2 Yolks หรือ ทุเรียน เม็ดบัว ไข่คู่
ถ้าไปบอกว่า Lotus seed อาจจะได้ไส้คนละเรื่อง
คนขายพูดว่า two yolks แต่เป็นสำเนียงจีน
ผมฟังไม่เข้าใจ เพราะผมเรียนจบอ๊อกฟอร์ด เลยบอกกลับไปว่า two eggs
คนขายก็หัวเราะ แถมแอบมองกางเกงผมอีก
ทำให้ผมต้องนึกทบทวนว่าลืมใส่ กกน มาหรือเปล่าวันนี้
เอ๊ะ..เจ้แกคิดอะไรนี่ ทำผมเสียเซ็ลฟ์ ต้องเดินหนีบขาออกจากร้านเลย บ้าจัง

เกือบลืม ดู ภาพอีกทีนะ
จะเห็นได้ว่าผิวแป้งที่ห่อบางมาก




โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:9:35:37 น.  

 
หั่นอีกที
เอ้า ชิ้นนี้ผมให้คุณ
อีก 3 ชิ้น ผมขอหม่ำคนเดียว
มีสิทธิ์น้ำตาลล้นในเลือดเลยนะเนี๊ยะ
สงสัยต้องหาใบคื่นฉ่ายมาต้มดื่มเสียแล้ว




โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:9:38:42 น.  

 
^
^
^
^
น่าหม่ำเป็นที่ซู๊ด


โดย: หนูหลิน IP: 118.172.20.196 วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:14:41:45 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

หวัดดีค่ะคุณจอมมาร
ความตายไม่ใช่เรื่องใหม่หรอกค่ะ
แต่ มันก็นาน ๆ ผ่านเข้ามาที
ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนิท
หรือ ญาติห่าง ๆ อ่ะค่ะ แต่ คุณพ่อมินเสียไป
ตอนปี 47 ช่วงนั้นก็เสียศูนย์ ไปเหมือนกัน
แล้วก็มาเมื่อปีที่แล้ว เด็กที่ทำงาน ผู้ช่วยมินเอง
ก็เบลอไปเป็นเดือน ๆ คือ รู้อยู่แล้วค่ะ
ว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องปกติของสัตว์โลก
แต่ เวลาเป็นคนใกล้ชิดทีไร
มันก็อดที่จะเศร้า ๆ หดหู่ ไม่ได้ซักที
กรณีของเพื่อนที่ทำให้รู้สึกแย่มาก ๆ
เพราะมินมัวแต่ผลัดวันว่า เดี๋ยวไปเยี่ยมพรุ่งนี้ก็ได้
คือ ไม่คิดว่าเพื่อนจะเป็นมากขนาดนั้นอ่ะ
เพราะเห็นเพื่อน ๆ คนอื่นไปเยี่ยมมาแล้ว
ก็โทรเล่ากันฟังว่า กำลังใจเขาดีเยี่ยม
เฮฮา บ้า ๆ บอ ๆ สนุก ๆ และก็ไม่กลัวเรื่องตายด้วย
ขอเวลาซักนิด เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ
ยังไงก็ขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับข้อคิดดี ๆ อ่ะค่ะ
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:17:54:16 น.  

 
To "หนูหลิน"
ต้องขอบอก(หรือ โม้)ว่า อร่อย...ล้าย...หลาย
ทุเรียนที่เขาเอามาทำกลิ่นไม่แรงและเนื้อก็ไม่แข็ง
ที่แปลกคือไม่หวานจัด
เชื่อแล้วหละว่าทุเรียนดีๆเราส่งไปขายให้พวกเขาหมด
พวกเราถึงได้ทานทุเรียนกันแบบนี้ในบ้านเราเอง


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:17:56:47 น.  

 
แวะมารายงานตัวก๊ะ แต่ยังขี้เกียจตอบ ไว้มาใหม่อีกทีนะก๊ะ กะลังแชตกะกิ๊กอยู่อีกสองคนไม่ว่าง ไปดีกว่า แว๊บบ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.98.63 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:0:27:42 น.  

 
To "มินทิวา"
เขียนตอบตรงนี้ดีกว่า
ขืนไปเขียนที่โน่น คงโดนยำเละเป็นโจ๊กหมูสับใส่ไข่ลวกแน่ๆ

ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่มาเม้นท์ซะแล้ว
ขอโทษด้วยที่ไม่ได้แสดง ความเสียใจ
เพราะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น (โฉด เน๊อะ)
และคนที่จากไปก็เป็นเพื่อนของคุณ คุณรู้จักเขา แต่ผมไม่รู้จักเขา
เลยไม่รู้ว่าจะบอกไปทำไมว่าเสียใจ แต่ก็ใช่ว่าจะมาบอกว่า ดีใจ นะ
อันนั้นมันคนบ้าแล้วหละ
และถ้าจะบอกว่า รู้สึกเฉยๆ ก็จะโดนคนเขามองว่า ไอ้นี่มารจริงๆ

และก็ต้องขอโทษที่ไม่ได้ให้กำลังใจอะไรมากมาย
เพราะอย่างที่ถามว่า เรื่องใหม่หรือเปล่า?
เราไม่รู้ข้อมูล เราก็อยากรอข้อมูลก่อน
ถ้าคุณได้เจอมาหลายครั้ง มันก็แค่จิตตกเป็นช่วงเวลาหนึ่ง
และเคสนี้ก็ไม่ใช่เคสใหญ่ ก็คงไม่ถึงกับเซหรอกนะครับ
อารมณ์เราก็ประมาณว่า ไม่รู้ว่าเขาหิวขนาดไหน ก็ต้องถามเขาก่อน
ไม่ใช่ีรีบทำอาหารมากมาย ทำจนเว่อร์ ไม่มีจริงใจ
ทีนี่รู้แล้วว่า คุณพอรับกับเรื่องนี้ไหว ก็โอเคนะ เดินหน้ากันต่อไป

ไม่ทราบว่าคุณจะได้กลับมาอ่านข้อความพวกนี้เมื่อไหร่นะ?
แต่เรามี comment เรื่องการบอกข่าวร้ายกับเพื่อนอีกคน
ถ้าไม่อยากบอกก็ต้องตกลงกับเพื่อนคนอื่นๆไปเลยว่าจะพูดอย่างไรให้ตรงกัน
เช่น บอกว่าแย่เหมือนกัน ไปเยี่ยมมาแต่ไม่ได้คุยกัน หรือว่า บอกเขาไปว่าเราไม่คุยเรื่องเศร้าไม่อยากเล่า ฯ
แต่ถ้าเป็นผม ผมจะคุยธรรมดาๆกับเพื่อนที่ยังป่วยอยู่อีกคนว่า
คนโน้นเขาอาการไม่ค่อยดี น่าเป็นห่วงเหมือนกัน (ซึ่งเราก็รู้ว่าเพื่อนเราเขาจากไปแล้ว)
และก็ถามเลยว่าถ้าคนโน้นเป็นอะไรๆหนักๆ จะไม่บอกเธอนะ อย่ามาโกรธกัน
ถ้าเพื่อนเราทำเฉยๆ หรือเห็นด้วยก็ โอเค
แต่ถ้าเขายืนยันว่าต้องบอกกัน เราก็ต้องบอก
อย่างน้อยจะได้ให้คนที่นอนอยู่ได้กล่าวคำอโหสิกรรม
และอาจจะได้ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลกับเรา ก่อนที่เขาจะไม่ได้มีโอกาสทำให้เพื่อนเขา
ถ้าเราปิดเขา เขาก็ไม่รู้ เขาก็ไม่ได้ทำสิ่งดีๆให้เพือนที่จากไป
อันนี้ comment ในความรู้สึกว่า ถ้าเราเป็นคนที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:8:21:48 น.  

 
To "นู๋ Beee"
เที่ยวอำไปเรื่อย
กิ๊ก 2 คน 3 คน อารัยวุ้ย
เดี๋ยวพวกแก๊งค์นางฟ้าชาลีมาอ่านเจอเข้า
ก็จะโดนเหน็บแนมแถมเอาไปขยายทั่วภูมิภาคหรอก
คร่าวก่อน เรื่องก็ดังข้ามจังหวัดไปถึงไหนๆ จำไม่ได้หรือไง?
อย่ามาเลียนแบบพี่ชายเลย
สำหรับพี่ชาย ฟ้าส่งผู้หญิงมาให้เกาะแขนเกาะขาพี่ วันละคน ปีละ 365 เชียวนะ

darkmagenta 8B008B


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:8:30:47 น.  

 
งานนี้ลูกศิษย์หม่อมถนัดศรีมาเองเลย บล๊อคนี้ปล่อยของแหงม ๆ เขียนได้ยาวสะใจดีแท้ เป็นคนอื่นคงแบ่งอัพได้หลายบล๊อค

นั่งอยู่ในบ้านคุณซูมเป็นนานสองนานกว่าจะอ่านหมด เขียนเก่งแบบนี้ แอบคิดว่าคุณซูมต้องเป็นนักเขียนแน่เลย

พาไปชิมขนมไหว้พระจันทร์จนทั่วเมืองลอดช่อง บรรยายแบบเก็บรายละเอียดยิบ แค่ดูก็อิ่มแว้วววว ต้องซูฮกให้เจ้าของร้านแต่ละร้านนะคะ มีใส้แปลกใหม่เยอะ ลูกเล่นก็แยะ ถ้าไปซื้อเองก็คงเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อแบบไหนดี

เราเฉย ๆ กะขนมชนิดนี้ค่ะ ที่กินได้ก็เป็นใส้ทุเรียน ติดใจกล่องที่ใส่มากกว่า เดี๋ยวนี้เมืองไทยทำแพคเกจสวยมาก



โดย: haiku วันที่: 10 ตุลาคม 2552 เวลา:21:02:22 น.  

 
มาแร้วคร้า รอบดึก ๆ จริง ๆ กลางวันมาแอบอ่านที่พี่ชายตอบทีแระ แต่ไม่ได้ตอบอารัย อารมณ์ศิลปิน ฟิลด์มันมาตอนดึก ๆ งิงิ

อารัย ใครว่านู๋โกหกคร้า แหม ดูซิ พี่ชายเนื้อหอมขนาดนั้น น้องสาวก็ต้องเนื้อหอมยิ่งกว่าอยู่แล้น งิงิ วันนี้แชตอยู่อีก 3 คน แวะมาคุยทับ แล้ววิ่งหนีไป กร๊ากกก


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.147.229 วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:0:16:29 น.  

 
To "haiku"
ขอบคุณมากครับคุณไฮ ที่ทนอ่านจนจบ
เมื่อวานผมยังเห็นท่านนายกนั่งค๊อปเตอร์เอาเช็ค 4.9 ล้านไปมอบใหุ้คุณไฮ ที่อุบลราชธานี อยู่เลย
อ้าว...คนละไฮ หรอกเหรอ 555

ผมขอสาระแน เอ้ย...สารภาพ ว่า ผมเองก็ไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มกับขนม mc มากมายอะไร
แต่ที่เอามาทำเป็นหัวข้อคุยกันนี้ ก็เผื่อว่าจะมีคนสมองใส ผ่านมาอ่านแล้ว ได้ความคิดบ้างว่า
แค่ขนมโบราณ เราก็สามารถพัฒนาให้ทันสมัย และการเอาการตลาดมาช่วย ก็ทำให้กลายเป็นธุรกิจใหญ่ได้

ตอนนี้กำลังรอคนที่มีไฟรักชาติไทยแรงๆ จะเข้ามาเขียนcomment
ว่า เมืองไทยนั้นก็มีขนมที่ขายเฉพาะเทศกาลเหมือนกัน
เราก็น่าจะทำเป็นธุรกิจ หารายได้ ในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ได้บ้าง
แต่ก็ไม่ยักจะมีฮิ

สิ่งที่ผมต้องยมก้มหัว ยกมือไหว้ ยอมรับความคิดของอากงอาม่าในอดีต ก็คือ
การนำ ขนม มาผสม ขนบธรรมเนียมประเพณี
และยังแฝงเรื่องราวทั้งแบบธรรมมะและทางโลกให้เราได้ศึกษาย้อนไปในยุคของพวกท่าน

darkgreen-006400


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:10:55:07 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

ขอบคุณเม๊นท์ของคุณจอมมารนะคะ
มินเพิ่งได้อ่านวันนี้ อันที่จริงตั้งใจ
จะเข้ามา Beautiful Sunday ด้วยอ่ะค่ะ
แต่ ก็ได้ข้อคิดดี ๆ กลับไปอีกเพียบ
มินรู้ค่ะว่า วันนั้นที่ไปเม๊นท์ที่ บล๊อคมินอ่ะ
คุณพูดทุกอย่างด้วยความจริงใจแบบผู้ใหญ่คนนึง
ซึ่งมินก็รู้สึกและสัมผัสได้ และมันก็เป็นแบบที่
คุณพูดและให้ข้อคิดจริง ๆ นั่นแหละ
ส่วนตัวมินที่บอกว่ารู้สึกแย่ ๆ เพราะมินเอง
ผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะไปเยี่ยมเพื่อนไง
คือ ไม่คิดว่าเพื่อนจะจากไปเร็วแบบนี้
แต่ พอได้ไปงานสวดเพื่อนทุก ๆ คืนแล้ว
รู้สึกดีขึ้นมาก ๆ และโล่งใจที่เพื่อน
ไม่ต้องเจ็บปวด ทรมานอีกต่อไปค่ะ
ส่วนเพื่อนผู้หญิงที่ยังรักษาตัวอยู่เซ็นต์หลุยส์อ่ะ
พวกเราเสียงส่วนใหญ่ตกลงกันแล้วว่า
จะไม่บอกให้เขารู้ มินก็ไม่รู้ว่ามันจะถูกหรือผิด
แต่ถ้าส่วนใหญ่แล้วต้องการแบบนี้ ก็ต้องตามเพื่อน ๆ ค่ะ
วันนี้ 4 โมงครึ่ง เผาเพื่อนผู้ชายแล้วค่ะ
พวกเราก็จะตั้งจิตอธิษฐานส่งเพื่อนให้ไปภพที่ดี ๆ กันอีกครั้ง
ปล.ที่พวกเราไม่กล้าบอกเพื่อนผู้หญิงกัน
ก็เพราะรู้ว่า ผู้หญิงยังไงใจก็ไม่เข้มแข็งเหมือนผู้ชายค่ะ
กลัวเพื่อนจะใจเสียค่ะ เพราะตอนนี้เพื่อนก็ไม่แข็งแรงพอ
ที่จะให้ยาด้วย จากวันอังคารเลื่อนเป็นวันเสาร์
หมอก็ยังไม่สามารถให้ได้ เพราะเห็นว่าเกล็ดเลือดต่ำ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ บางครั้งเราได้ความคิดเห็นจาก
หลาย ๆ คน มินว่าดีกว่าความคิดของเราคนเดียว
ที่บางครั้ง อารมณ์มันอาจพาไปแบบไร้ทิศทางก็ได้อ่ะนะมินว่า


โดย: มินทิวา วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:11:23:11 น.  

 
อิทัง สัพพะ สัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
midnightblue 191920


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:17:49:50 น.  

 
อ้าว... พี่ชาย ทำมายทำแบบนี้ง่ะ ตอบเม้นท์คนอื่นทุกคนเลย ยกเว้นเม้นท์เรา แงงงง เสียจายยย ไปโดดรถไฟฟ้ามาหานะเธอฆ่าตัวตายดีฝ่า จาได้ดังเป็นข่าวหน้าหนึ่ง อุอุ

วันนี้โดดงาน (อ้าว จุ๊ ๆ อย่าเอ็ดไปนะคะ *-*) ไปทำสังฆทาน และนั่งสมาธิตอนเที่ยงมาค่ะ งิงิ ไปแล้วสงบสติอารมณ์ขึ้นมาได้บ้าง (นิดหน่อยและแป๊บเดียวเท่านั้นแหล่ะ อิอิ :P) ไปแล้วตอนจบให้แผ่ส่วนกุศล คนที่มาร่วมฝึกด้วยหลายคนเลยที่เขียนชื่อคนตายทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก หรือญาติพี่น้องของเขามา ครูผู้ฝึกก็อ่านชื่อเหล่านั้นและอายุแต่ละคน บางคนก็อยู่ได้ถึงอายุ 96 ปีแน่ะ เกือบร้อย บางคนก็คนเป็นแม่เขียนชื่อลูกของตัวเองส่งมา เพิ่งจะ 19-20 ก็ไปซะแล้ว ด้วยอุบัติเหตุบ้าง รถชนบ้าง ยิงตัวตายบ้าง ป่วยตายบ้าง แก่ตายบ้าง เฮ้อ อนิจจังจริงหนอชีวิต

อ๊ะ อ๊ะ ว่าแต่ว่า ทำไมวันนี้เข้าบ้านพี่ชายแล้วคลิ๊กขวาได้ล่ะเนี่ยะ แปลกใจจัง ไม่ตบจูบแล้วเหรอคะ คิคิ

พูดถึงขนมพื้นบ้านตามเทศกาลเหรอคะ พอดีอยู่กรุงเทพฯ เลยไม่ค่อยจะเห็นเท่าไหร่แฮะ แต่ที่นึกได้รู้สึกเทศกาลออกพรรษานี่จะมีขนมลูกโยนใช่มั๊ยคะถ้าจำไม่ผิด แต่คงต่างจังหวัดมั๊งถึงจะมีกัน หรือสารทไทยก็มีขนมกระยาสารทที่หากินไม่ค่อยจะได้ แต่อร่อยจัง งิงิ อารัยอีกน้าตอนนี้นึกไม่ออกค่ะ

ว่าแต่ว่าพี่ชายสนใจอยากกินขนมกระยาสารทมั๊ยคะ อาทิตย์หน้าจะไปอุทัยฯ มีขนมกระยาสารทด้วยน้า จะได้ซื้อมาฝากค่ะ ^_^ แต่ไม่ต้องกลัวอ้วนนะคะ เพราะกว่าจะถึงมือพี่ชายนู๋คนจกกินไปค่อยถุงแว๊ว เหลือให้พี่ชายจิ๊ดนุงแระกานน้า ลดแคลอรี่ให้พี่ชายไปในตัว คิคิ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.147.229 วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:18:10:26 น.  

 


Goodnight ค่ะ


โดย: มินทิวา วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:19:39:21 น.  

 
พี่ชายนู๋หายไปไหนคร้า เงียบผิดปรกติอย่างไม่น่าเชื่อ กลับหลุมเดี๋ยวนี้น้าาาา น้องสาวคิดถึงค่ะ


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:19:52:09 น.  

 
To นู๋ Beee
ไม่ได้หายไปไหน ก็เข้ามาตรวจดูสถานที่ทุกวัน
พอดีอยากเว้นวรรค เข้าโหมดสงบสติ แผ่กุศล แค่วันสองวัน เหมือนชาละวันนั่งทำสมาธิ

มาดู comment เก่ากันหน่อย...
ดีนะ หนีงานไปนั่งสมาธิ ถวายสังฆทาน ได้บุญ จิตว่าง และ...อาจจะว่างงานตลอดไปเลยนะ แบบนี้
เพื่อนนายหญิงคนหนึ่งก็ลางาน 5 วัน ไปนั่งสมาธิกับพวกสมาคมวัดดูดซับ
ที่มีโลโก้เป็นรูปหมวกกุยเล้ย ยูนิฟอร์มสีขาวล้วน ใครต่างสี โดนไล่เด้งด้วยสายตา
เขาว่าไปกันเป็นร้อย มีทั้งขับรถส่วนตัว นั่งรถทัวร์ และบินลัดฟ้า มีหลายระดับกัลยาบารมี
ป่านนี้คงถอดจิตไปเฝ้าพระศาสดาบนสวรรค์กันแล้วหละ วันจันทร์ก็จะกลับมากินเจต่อ

เออ...ตกลงว่าเจ เป็นความเชื่อของฝ่ายเถรวาท-มหานิกาย? หรือ อาจาริยวาท-มหายาน?
แล้วพวกเต๋าเขากินเจหรือเปล่า? ทำไมแขกอินเดียก็มีกินเจกินมัง?
โอ้ย...อยากเม้าท์เรื่อง เจ มั๊กมาก แต่ติดงานเขียนเรื่องไปเที่ยวนี้แหละ 555
ในหัวมันมีคำถามและคำตอบมากมาย
อย่างตำนานที่ว่าของการกินเจ มีตั้งหลายค่ายนะ ไม่ใช่ฝีมือคนจีนชาติเดียวหรอก
แล้วไหงมีวัดและพระในศาสนาพุทธ ที่ฉันมังสะวิรัติหละ หลวงพ่อมาจากนิกายใหม่เหรอครับ? หรือว่ามีมานาน?
แล้ว เจ กับ มังสะวิรัตินิยม ต่างกันอย่างไร?
คนที่บอกว่าคล้ายกัน แค่มังสะ กินไข่ได้ อันนั้นพี่เค้าคงไม่มีเวลาตอบยาว
สำหรับ Vegetarina Diets เขามีอย่างน้อย 4 แบบ พวก Lacto-ovo เท่านั้นที่ท่านไข่ นม และน้ำผึ่ง
พวกอื่นๆ เขามีทานบางอย่าง ไม่ทานบางอย่าง โดยเฉพาะมังสะฯแบบเคร่ง เขาไม่ทานของ 3 อย่างนี้เลย

อาหารเจ ให้เหตุผลว่า ทานแล้วต้องไม่เกิดความกำหนัด หรือจิตใจว้าวุ่น
พี่ติดใจตรงประเด็นที่ว่า จะต้องไม่ทำร้ายอวัยวะหลัก 5 อย่าง คือ หัวใจ ปอด ตับ ม้ามและไต
ส่วน จำเลย 5 ตัว คือ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยฉ่าย และ ใบยาสูบ
มี 3 ตัว ที่พี่อยากจะขวางความคิดคนแบบนี้ คือ กระเทียม หัวหอม และกุ้ยฉ่าย เป็นของไม่ดี?
เพราะเท่าเรียนมา (ถึงไม่ใช่หมอ แต่ก็เคยจีบหมอ) อย่าง เช่น กระเทียม นี้มันมีประโยขน์มาก
หมอบอว่า มีสาร perxidase, invertase, tyrosinase, ... ช่วยลดโคเลสเตอรอล ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน และกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน
แบบนี้พวกหมอ พวกนักวิทยาศาสตร์ พวกเภสัชกร ก็แหกตาเรามานานแล้วหละซิ โถ่ หน้าซื่อใจคด
ไปภาคเหนือ ก็ต้องซื้อกระเทียมโทนมาฝากสมัครพรรคพวกเป็นโหลๆ
มีบริษัทยักษ์ใหญ่ทำกระเทียมแห้งอัดเม็ดขายไปทั่วโลก เรายังเคยซื้อมาทานเลย
แต่พวกเขาบอกว่า มันให้โทษต่อหัวใจ อ้าว....
คนขายกระเที่ยม หัวหอมกับ กุ้ยฉ่าย นี่บาปมากๆเลยนะ ฆ่าพวกเราช้าๆ เห็นๆ
เดี๋ยววันนี้จะไปโวยอาซิ้มขายกุ้ยฉ่ายที่ตลาดพลูซะหน่อย
จะไปว่าเขาว่า ทำร้ายตับของคนบริสุทธิ์ไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ดูซิเขาจะร้องไห้ สำนึกหรือเปล่า?
แบบนี้เมื่อรู้ว่าพวกมันไม่ดี ก็อย่ากินมันตลอดชีวิตซิครับ

นี่ขนาดไม่ว่างคุยเรื่องนี้นะ

fuchsia FF00FF


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 14 ตุลาคม 2552 เวลา:10:08:48 น.  

 
แหม พี่ชายต๋า พวกเราสองคนก้อม่ายมีใครคบแว๊ว เหลือแต่บ๊อกนี้ไว้คุยกาน ก้อยังจะเว้นวรรคอีกหรือนี้ *-* ก้อนู๋เหงาง่ะ

เรื่องกินเจ กินมังฯ นี่ไม่ยู้อ่ะค่ะ เพราะว่าม่ายกิงผัก งิ ก้อเลยม่ายรู้รายละเอียดหรอก รู้แต่ว่ามีเทศกาลเจทีไร ที่เยาวราชขายแต่เจกันทุกร้านเลย ถึงจะมีแต่ผัก แต่ราคาก็ไม่ได้ถูกลง แถมยังแพงอีกต่างหาก น้ำมันก็เพียบ ๆ เห็นคนกินเจก็บ่นกันว่ากินแล้วอ้วนขึ้นกว่าเดิมซะอีก นู๋ก็หาอะไรกินไม่ได้เลย เฮ้อ เหลือแต่ร้านหูฉลามกะร้านอาหารทะเลเท่านั้นที่ไม่เจ บีว่ามันเป็นเทศกาลหากำไรแก่ลูกค้าแห่งปีช่วงสิบวันกันเลยมากกว่า ใครจะคิดยังไงไม่รู้จิ

ว่าแล้วก็มาร่ำลาพี่ชายเลยนะคะ พรุ่งนี้จะเดินทางไปต่างจังหวัดแล้ว กลับมาอีกทีวันจันทร์เลยน้า ฝากไปปัดกวาดบ้านนู๋ด้วย งิงิ ตอนแรกมีพี่สาวที่เห็ดฯ จะไปด้วย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจไม่ไปแล้วซะงั้นอ่ะ เพราะข้างห้องเขาโดนงัดห้องซะเละเทะไปหมดเลย เขาเลยไม่กล้าทิ้งบ้านไปหลายวัน *-* เขาก็ยังบ่นแปลกใจเลย ว่าข้างห้องโดนงัดขนาดนั้น ตัวเขาเองนอนอยู่ห้องติดกันกลับไม่ได้ยินเสียงแปลกมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นคนที่ถ้าได้ยินเสียงอะไรก็จะตื่นง่าย อาจจะเพราะฝนตกด้วยมั๊ยเลยทำให้ไม่ได้ยินเสียง หรือไม่ก็คราวซวยไป *-*

สรุปแล้วก็คงได้ไปเองคนเดียว แง๊ว ๆ คนสวย ๆ เสน่ห์แรงแบบนู๋จะเป็นอารัยมั๊ยเนี่ยะ กั๊ว กัว จังเยย :P พี่ชายจะหนีคุณนายที่บ้านไปเที่ยวกับนู๋มั๊ยก๊ะ งิงิ :D ไปจัดกระเป๋าต่อดีฝ่า แว๊บ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.138.240 วันที่: 14 ตุลาคม 2552 เวลา:13:17:09 น.  

 
แวะมารายงานตัวซะหน่อยค่ะ
กัวเดี๋ยวพี่ลุงซูมจะไปประกาศตามหาคนหาย คิคิ
กลับมาแล้วนะคะ


โดย: หนูหลิน IP: 118.172.33.189 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:9:38:16 น.  

 
To "หนูหลิน"
ที่นี่เราไม่ประกาศตามหาคนสวยหรอกจ้า
เพราะเรามีสมัครเข้ามาเยอะมาก
เยอะจนเจ้าหน้าที่แผนกทะเบียนราษฎร์ไม่อยากจะรับอีกแล้ว
ตัวพี่หนะ... อยากได้หล่อๆ ปึ๊กๆ ปากแดงๆ แบบอั๊ม-อภิชาติ มากกว่า นะตัวเอง

อย่างไรก็ดี ขออนุโมทนาบุญกับการบวชชีพราหมณ์ของหลินด้วยนะ
ขอให้คุณพ่อได้กุศลผลบุญเป็นทวี
คนอะไรนะทั้งสวยและก็ใจบุญ ซี๊สส์ซ๊าวส์

เรื่องไม่สบาย ขอให้หายเร็วๆ
อย่าลืมทานยาให้ตรงเวลา ก่อนกินก็อ่านด้วยว่าเขาทานกี่เม็ดหละ
พักผ่อนเยอะๆ อย่าคิดมากอย่างมากแค่ตาย

เรื่องแฟน ถ้ามีปัญหามากนัก เชิดใส่ไปเลย อย่าไปง้อ
เดี๋ยวเฮียขอรับจ๊อบฟรีแลนซ์เป็น แฟน ให้
คิดไม่แพง แค่วันละ 150 บาทเองจ๊ะ
แต่ต้องทำประกันชีวิตให้ก่อนนะ
ไม่อย่างนั้นนายผู้หญิงจะสมน้ำหน้าลุงเอาได้

MediumVioletRed C71585


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:10:48:02 น.  

 
To "มินทิวา"

ขอบคุณครับที่วันก่อนมา GoodNight Kissssss
เมื่อคืนวันอังคาร ผมได้นอนหลับ แล้วฝันดีมาก
ฝันว่างูเกล็ดเพชรตัวใหญ่เลื่้อยมารัดตัว ครานี้จะได้กิ๊กใหม่เป็นคนดีมีสตางค์แน่เลย
พอตื่นขึ้นมา ดันเป็นท่อนขาหลังของนายหญิง คาดว่าน้ำหนักเกิน 50 กก.
ที่กำลังพาดพัดผ่านกระดูกสันหลังของผม เสียงดังอึ๊ก
ทำให้เช้าวันพุธเป็นวันที่อารมณ์ บ่ จอย เลยครับ
แหม...ฝันดีกลายเป็นร้ายไปได้

เรื่องเพื่อนอีกคน ถ้าจะปิดข่าวคนที่จากไป...
เมื่อที่ประชุมเขาว่าแบบนั้น ก็เอาแบบนั้น ถือเป็นมติเอกฉันท์เถอะครับ
ผมคิดว่า ไม่มีคำว่า ทำถูก หรือ ทำผิด หรอกครับ
มุมมองมันตรงข้ามกันอยู่แล้ว มันก็คมทั้งสองทางเลือก
อยู่ที่ว่าอย่ามาว่ากันเองวันหลัง ว่่า ให้บอกเขาก็ไม่เชื่อ เพื่อเลยไม่ได้อโหสิกรรมกันเลย อะไรแบบนี้
ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง ก็ขอให้เกิดกับเพื่อนของคุณมิ้นนะ


RoyalBlue 4169E1


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:11:12:47 น.  

 
To "นู๋ Beee"
เรื่องกระยาสาร์ท กับ ลูกโยน ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจดีนะ
ขอบคุณที่ยังมีคนไทยปนจีน รู้ว่าเมืองไทยก็มีขนมคู่เทศกาลต่างๆ

ไปทำบุญที เอาซะหลายวันเลยนะ เจ้านายไม่ว่าหรือไง?

เมื่อก่อนคนไทยเรา ก็ทำบุญกันหน้าบ้าน หรือศาลาชุมชน
พระสงฆ์เดินเท้าบ้าง พายเรือบ้าง มาโปรดญาติโยมถึงหน้าบ้าน
หลังจากให้พรเสร็จ พระก็กลับวัด
ไม่่เคยมีภาพพระสงฆ์ยืนแอ่นพุงรับอาหารถุงเวียน อยู่แถวหน้าตลาดเป็นชั่วโมงๆ แบบนี้
ดีว่าปัจจุบันเขาสั่งห้ามไปแล้วนะ องค์ไหนมายืนแช่โดนตำรวจจับทันที

พอตักบาตรเสร็จ ชาวบ้านก็ขึ้นเรือน เข้าห้องพระ สวดมนต์เช้า
วันไหนวันพระ วันพระใหญ่ ก็ถือศีลแปด
ถ้าร่างกายแข็งแรง สายๆก็เดินทางไปรับศีล ฟังเทศน์ ที่วัดกัน
แต่เดี๋ยวนี่การใส่บาตรหน้าบ้าน ไม่ใช่วิสัยของคนหนุ่มสาว ไปเสียแล้ว
พวกเราโดนล้างสมองให้เป็น สัตว์สังคม
ทำอะไรต้องมีคนอยู่เยอะๆ
บางคนปากบอกว่าไม่ได้ทำโชว์ แต่พฤติกรรมก็ล้วนแต่โชว์ความเคร่งขรึมมากล้นบารมี
ที่สุดก็มาลงที่ เอานะ มาทำบุญ อย่าคิดมาก ใครทำอะไรก็ช่างเขา เราก็ทำของเราไป
ถ้าเราทำของเราไป ทำไมเราไม่สามารถเดินดุ่มๆไปใส่บาตรเจ้าอาวาสได้หละ
เอ๊ะ ไม่ได้ว่าคนไปทำบุญ นะ
เพียงแต่ว่า เป็นคนบาปแล้วมันอดว่าคนมีบุญไม่ได้ 555
แบบว่าไปทำบุญที่โน้น ที่นู้น มา
เดินทางไกลๆหน้าฝนไม่กลัวอันตรายกันบ้างหรือ
แถมคนพวกนี้แปลก ทำบุญต้องไปไกล แต่สะสมซีดีธรรมมะ เอาไว้ฟังที่บ้านหรือในรถ
พอถูกถามว่าทำไมพกซีดีธรรมมะ ก็บอกว่าได้สะดวกไง ฟังที่ไหนก็ได้ อยู่บ้านก็ได้บุญ
แต่พี่ครับ พวกพี่ก็ยังไปทำบุญนอกเมืองอยู่ดีนี่ครับ เอาไงกันแน่

เฮ้อ...ใส่บาตรหน้าบ้าน 50 บาท ไม่ได้บุญ
ต้องเสียเงินเป็นพัน ไปที่ไกลๆ ถึงจะได้บุญ
อย่างไรก็สร้างธรรมในใจให้มากๆกันนะจ๊ะ ไม่ได้ประชด แต่ออกมาจากใจล้วนๆ
อย่าไปเชื่อหลวงพ่อหนุ่มๆมากนัก เอาแต่สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลา เสนาสนะ ศาสนสถาน อย่างอลังการ
บ้านเมืองในยามนี้ ข้าวยากหมากแพง หยุดๆเมกกะธรรมมะโปรเจคกันบ้างก็ดี
เห็นบางวัดสร้างอะไรกันแล้ว อ่อนเปลี้ยเพลียใจจริงๆ
สร้างไปทำไม วัดนะ ไม่ใช่แลนด์มาร์ค หรือสถานท่องเที่ยว พวก "อันซีนไทยแลนด์"
จนเดี๋ยวนี้วัดของท่าน จะเป็น "อันศีล" อยู่แล้ว

มีคนบอกว่า ก่อนตายเราต้องสร้างพระหน้าตักกว้างมากกว่าอายุถึงจะสมบูรณ์ดี
ปีนี้พี่ก็ 108 พอดี ต้องสร้างพระขนาด 108 นิ้วเชียวหรือ
ความยาวเท่ากับไม้บรรทัด 9 อันเชียวนะ


Fuchsia FF00FF


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:11:57:17 น.  

 
ถึง พี่ลุงซูม

สาธุ.. สำหรับการอนุโมทนาบุญ

เรื่องป่วย อ่านไปแรก ๆ ก็รู้สึกดี
มาตอนท้าย "อย่างมากก็แค่ตาย"
หนูขออย่างน้อยมาก ๆๆๆๆๆ ได้รึป่าวคะ อิอิ

ส่วนเรื่องแฟน...
หนูป่าวบ่นเรื่องนี้เลยน้า..
แสนรู้จิง ๆ คิคิ


โดย: หนูหลิน IP: 118.172.30.42 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:14:27:13 น.  

 
คิคิ หนูแซวเล่น.. อย่าโกธรหนูน้า...


โดย: หนูหลิน IP: 118.172.30.42 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:14:30:26 น.  

 
To "หนูหลิน"
555 ไม่โกรธ หรอกเฟ้ย
ช่วงนี้ช่วงโปรโมชั่นสำหรับสมาชิกใหม่
เอาไว้หมดช่วงก่อน จะโกรธย้อนหลัง

ในชีวิต ลุงเคยโกรธ ก็มีแต่ คนแก่ กับเด็กเท่านั้น
เพราะกล้ารังแกคนพวกนี้ อิอิ
นอกนั้นไม่เคย(กล้า)โกรธกับใครเลย
ขนาดโดนกิ๊กพาเพื่อนมาสอนวิชา สหบาทาบนใบหน้า
ลุงยังลุกขึ้นยืนยิ้มทั้งน้ำตาได้เลย (ไปออกเรื่องไหนแล้วนี่ ???)

เรื่องแฟน ก็รู้ว่าไม่ได้บ่น ไม่เคยบ่น
แต่อยากบอกเผื่อเอาไว้ ว่าลุงก็ยังรับจ๊อบแบบนี้อยู่
ทุกวันนี้ก่อนนอน ลุงก็จะแช่งให้คนรักกันเขาเตียงหักให้หมด
โดยเฉพาะเจ้าพวกมีแฟนสวยๆ ลุงยิ่งแช่งๆๆๆๆ 555


MediumVioletRed C71585


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:15:39:52 น.  

zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.