หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ
090909:0909 ขอให้ทุกคนมีความสุข

หมู่ตึกมารสำราญ บ่วงซื่อเฮง
ooใจดี, เห็นใจคนอื่น,
ร่าเริง, มีมิตรไมตรีจิต, เบิกบานใจ
หุบเขาคนโฉด, หมู่ตึกมารสำราญ, วันพิเศษ, 9 กันยายน 2009




วันนี้
วันที่ 9
เดือน 9
ปี 2009
เวลา
09 นาฬิกา
09 นาที

ขอให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนชาติไหนๆในโลกใบนี้
ขอให้มีความสุข พ้นทุกข์ จิตใจเบิกบาน









Create Date : 09 กันยายน 2552
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:22:01 น. 7 comments
Counter : 713 Pageviews.

 
วันนี้ไปทำบุญมาแล้วครับ รู้สึกสดชื่นครับ


โดย: jommann วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:10:59:24 น.  

 
คุณ jommann ครับ
ขอแบ่งปันความสดชื่นด้วยครับ


โดย: zoomzero วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:12:16:59 น.  

 
มาไม่ทันตอน 9 โมง 9 นาที เพราะเพิ่งฟื้นค่ะ แห่ะ ๆ

งานเข้าเหรอ ม่ายเข้าหรอกม้าง แน้ก้อจาแย่แร้น *-* บีก็เข้าไปทักทายแค่ทีสองทีเองน้า ม่ายได้พิเศษอารัย ท่าทางจะเป็นเด็กใหม่เพิ่งเล่น blog ยังไฟแรงอยู่มั๊งคะ อุอุ แต่ว่าไป มาแนวเดียวกับพี่กบเลยน้า เช้า กลางวัน เย็น เหอะ ๆ เล่าให้พี่กบฟังยังขำกันเลย

แต่ช่วงนี้ม่ายค่อยซำบายก๊ะ red hot day ปวดท้องอย่างแรงตลอดเลย มาหลายวันแล้วง่า นอนปะคบถุงน้ำร้อน magic hot/cool pack ท้างวันเลย เมื่อวานเป็นหนัก ปวดหัว เพลีย ลุกไม่ขึ้น นอนยัน 6 โมงเย็นเลย *-* แถมอาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมาก้อท้องไม่ดีอีก ไม่รู้จะเรียกท้องผูกหรือท้องเสียดี มันก้อปวดท้องนะ แต่ถ่ายเป็นน้ำบ้าง เป็นขี้แพะบ้าง แบบนี้ตลอดเลยง่า กำ *-*

ตอนนี้ปวดสองอย่างปนกันอีกต่างหาก เหอะ ๆ


โดย: นู๋ Beee จ้าวเสน่ห์ IP: 124.122.207.82 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:13:35:45 น.  

 
วันนี้ 090909
มีหลายคนรู้สึกว่าเป็นวันพิเศษ บางคนถึงกับน้ำตาคลอเวลาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
บางคนเฉยๆ อะไรก็ได้ ใครจะทำอะไรก็ทำกันไป
บางคนกลับมองว่า บ้ากันหรือเปล่า ก็แค่วันที่เลขมันซ้ำๆกัน
ความคิดของคนเรา ใครจะไปห้ามไปบังคับกันนั้นไม่ถูก
แต่การที่มีคนมาร่วมมือร่วมใจกันทำกิจกรรมที่ไม่ฟุ่มเฟือยๆพร้อมๆกัน ก็น่าจะเรียกว่าเป็นกิจกรรมที่ดีได้นะ

ที่ทำงานของเพื่อนอยู่แถวสีลม
เขาโทรฯมาเล่าว่า พวกเจ้านายไม่ค่อยมากัน
ส่วนใหญ่ลางานครึ่งวันเช้า กลัวรถติดแถวสวนลุมฯ กลัวฝนตกตอนเช้าด้วย
พวกพนักงานก็มากันตอนเช้า ไม่ได้ทำงานกันหรอก ยืนคุยกันซะมากกว่า
พอแปดโมงครึ่งกว่าๆก็ลงลิฟท์ไปข้างล่าง
ไปทำไม?
ไปร่วมกันร้องเพลงและแสดงความเคารพหน้าตึกกับบริษัทอื่นๆ
พอทำกิจกรรมเสร็จ ส่วนหนึ่งก็หายตัวไปจนบ่ายถึงกลับขึ้นมาบนตึก
พวกที่เข้ามาทำงานตอนเก้าโมงครึ่งก็เข้ามาคุยกันอย่างต่อเนื่อง
เพราะวันนี้พวกเจ้านายไม่มีประชุม
เลขาฯก็ว่าง พวกส่งเอกสารก็ไม่ได้ไปไหน
พวกฝ่ายขายฝ่ายตลาดไม่เข้าบริษัทช่วงเช้า (คงจะอู้เหมือนกันหมด)
พวกฝ่ายบัญชี พวกฝ่ายadmin ก็ไม่ค่อยมีอะไรทำ
วันนี้กลายเป็นสบายๆ ไม่ซีเรียส

สำหรับผม
เรื่องวันดีหรือวันไม่ดี ถ้าใครได้คุยกับผมก็มักจะอยากเตะก้นผมสัก 2 ป๊าบ
ก็เพราะผมคิดว่าวันไหนๆมันก็ไม่ดีและวันไหนๆมันก็ดีนะซิ
อย่างวันที่เขาดูฤกษ์ล่างฤกษ์บน บางทียังทรงเจ้าเข้าผีห่าซาตานเอาเวลาที่ดีที่สุดมาเลย
เห็นว่าทำการเปิดโรงงาน โรงแรม โรงหนัง กิจการใหญ่โต ไปจนถึงคนสูงเกียรติ คนไฮโซแต่งงาน
ก็เห็นมีบางรายที่เจ๊ง สามีภรรยาหย่าร้างเตียงหักลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งยันหน้าสามสิบกว่าๆ
ส่วนไอ้วันที่เขาทายทักว่าร้ายนัก จะมีแผ่นดินไหว สึนามิ พายุกลางวันสลาตันกลางคืน
ก็เห็นมีคนเกิดในโรงพยาบาลที่คิดค่าทำคลอดที่หนึ่ง แพงกว่าค่ามอเตอร์ไซด์สามคันเสียอีก
วันดีมีคนตายเป็นร้อยก็ยังตายกันได้ วันร้ายมีคนเกิดเป็นพันเป็นหมื่นก็ยังขยันมาเกิด
ลองอ่านหนังสือพิมพ์ก็มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย

ถ้าคุณไม่เมาพุทธศาสน์ประสมไสยศาสตร์มากไปแล้ว
คุณจะเห็นกับผมว่า คนเราดีร้ายอยู่ที่กรรม
ถ้าทำกรรมดีก็ย่อมได้ผลดี ซึ่งอาจจะช้าหน่อยแต่ก็มาถึงจนได้
ส่วนพวกทำกรรมเลว อย่างไรก็ต้องรับกรรมนั้น ไม่มีใครหนีพ้น
ปัญหาอยู่ที่ทุกวันนี้คนเราแยกไม่ออกว่าทำอย่างไรคือทำดี
รู้แต่ว่าทำอะไรก็ได้ขอให้ตัวเองสบายใจ ก็เหมาเอาว่าเป็นกรรมดีไปแล้ว
ส่วนชาวบ้านหรือคนอื่นจะเดือดร้อนอย่างไรก็ไม่รับรู้
พอมีคนมาบอกว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ได้บุญหรอกเพราะเป็นการทำให้เกิดเรื่องนั้นๆ
ก็ทำใจไม่ได้ บ้างก็จิตตก บ้างก็โมโหโกรธเคืองเขาไปหมด

ผมมีเรื่องให้ลองคิดตามดู ไม่เกี่ยวกับวันที่เก้านี้หรอก
ในวันพระ ป้าสำอางแกจะเอาเครื่องเล่นซีดีมาเปิดเพลงธรรมมะเสียลั่นบ้าน
แกก็ว่าทำให้ใจแกสงบ และแกก็เผื่อแผ่ให้สัตว์โลกรอบๆบ้าน
อยู่มาวันหนึ่ง บ้านข้างๆของป้าสำอางมีคนย้ายมาอยู่ใหม่ (เป็นบ้านเช่า)
พอมาเจอป้าสำอางสำแดงธรรมเสียงดัง
ก็เกิดเรื่อง มีการมาขอร้องให้ปิดเครื่องเสียง
ป้าแกก็ไม่ยอม และก็ไม่พยายามเข้าใจว่าการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านของตัว จะไปทำความเดือดร้อนให้ใคร
วันหนึ่งลูกสาวของป้าสำอางซึ่งได้แต่งงานออกไปอยู่กับครอบครัวสามีได้มาเยี่ยมแก
คนข้างบ้านก็เข้ามาฟ้อง ลูกสาวก็เอาเรื่องมาปรึกษาแม่
ป้าสำอางโมโหมาก เพราะคิดว่าลูกเข้าข้างคนอื่น
แกบอกว่าแกเปิดซีดีดังๆแค่วันพระวันเดียว เพื่อเป็นทาน
เรื่องจบอย่างไรผมก็ไม่รู้
เพราะว่าผมเองก็ยังได้ยินเสียงป้าสำอางเปิดวิทยุซีดีดังลั่นในวันพระเหมือนเดิม
แต่หลายคนไม่เดือดร้อนเพราะว่าพวกเขาไปทำงานกัน เด็กๆก็ไปโรงเรียน
ป้าแกเปิดแค่ 11 โมง แกก็ปิดแต่คนที่ต้องอยู่บ้านติดกับแกตอนกลางวันนี่ซิไม่ค่อยพอใจ

เพื่อนผมเองมันก็มีแฟนที่ติดเทปซีดีธรรมมะมาก
เข้ามาบ้านก็ต้องเปิด เปิดทั้งวัน ตัวอยู่ไหนก็ไม่รู้แต่เสียงสวดมนต์จากซีดีดังตลอด
จนภรรยาต้องขอแยกไปอยู่ที่อื่น เพราะเขาก็เสียใจที่ต้องมาทะเลากันเรื่องเกี่ยวกับพระเกี่ยวกับศาสนา
เรื่องจริงนะ เพราะพี่แกคิดว่าการกระทำของแกไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
นี่แหละคนเราต่างคนต่างคิด แต่ในที่สุดถ้าจะอยู่ในสังคมเดียวกันก็ต้องหาทางสายกลางเดินกัน



โดย: zoomzero วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:14:00:18 น.  

 
ตามมาแอบอ่านค่ะ อิอิ

ปัญหานี้มีอยู่ทั่วไป ทั้งแฟลต คอนโด บ้านติดกัน หรืออะไรก็ตามแต่ ไปอยู่เมืองทองก็เจอเหมือนกันค่ะ เพราะดันทำโครงสร้างตึกแบบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส คือทุกห้องประดูหันออกสี่ทิศ หน้าต่างหันเข้าหากันทั้ง 4 ด้าน ด้านที่ติดหน้าต่างเป็นพื้นที่ภายในทำเป็นสวน และลานโล่งให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนใช้ร่วมกัน ก็มีทั้งคนแก่ หรือผู้ใหญ่บ้าง เช้ามานั่งเม้าท์แตกกันในสวน เสียงดังล้งเล้ง ไม่รู้จะคุยให้ได้ยินกันหมดทุกห้องเลยหรือเปล่า เด็กนักเรียนบางคนมานั่งฝึกเป่าขลุ่ย สีซอกัน อืมนะ เสียงเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นไล่จับกัน หรือเล่นเกมส์อะไรกันตอนกลางวันบ้าง ทะเลาะกัน แหกปากร้องลั่นเสียงดังบ้าง น่าหนวกหูชะมัด

พอดีว่าไม่ได้เป็นนางงามรักเด็กซะด้วยสิ เกลียดเด็กอย่างกับอะไรดี ก็เพราะไม่ชอบไอ้เสียงแหกปากร้องลั่นแบบนี้นี่แหล่ะนะ เป็นคนดึก ๆ ไม่หลับไม่นอน ชอบนอนตอนกลางวันซะด้วยสิ นอน ๆ อยู่สะดุ้งตื่นทุกที อารมณ์เสียมาก คนข้าง ๆ ที่อยู่ด้วยกลับบอกว่า เสียงธรรมชาติไง เหอะ ๆ เราก็เถียง ธรรมชาติตรงไหน ถ้ามันเป็นเสียงนก เสียงต้นไม้ไหว อะไรก็พอรับได้หรอกว่าเป็นเสียงธรรมชาติ แต่นี่มนุษย์สร้างขึ้นแท้ ๆ แล้วความถี่เดซิเบลล์สูงซะขนาดนี้ใครจะไปนอนหลับได้ สรุปก็ต้องปิดหน้าต่างกระจก แทนที่ปรกติจะเป็นหน้าต่างมุ้งลวดธรรมดาให้มีลมเข้าได้ ก็ทนร้อนแล้วเปิดแอร์ เปิดพัดลมอะไรกันไป แต่โลกสงบสุข เหอะ ๆ

สรุปแล้ว แก้กับภายนอกไม่ได้ ก็ต้องแก้ภายในกันเองแบบนี้ไป *-* เฮ้อ

มาบ่นให้ฟังรอบดึก ๆ แล้วก้อไป ฟิ้ววว


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (Beee_bu ) วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:0:20:05 น.  

 
“สรุปแล้ว แก้กับภายนอกไม่ได้ ก็ต้องแก้ภายในกันเองแบบนี้ไป”

SATORI!!!
คิดได้แบบนี้ ถึงขั้นบรรลุธรรมเลยนะหนู
ในพระธรรมได้กล่าวไว้หลายแห่งว่าให้กลับมา ปรับ-เปลี่ยน-ถอย-ตั้ง ที่ตัวเราเอง
นั่นคือ สติสัมปชัญญะ (sensibility หรือ apperception)

ศีลข้อหนึ่งนี่ สุดยอดประเสริฐจริงๆ ละเว้นจากการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น
ถ้าไม่ไประรานทำร้ายใคร ชีวิตก็มีแววสงบได้เยอะอยู่นะ
แต่ก็นั่นแหละนะ มนุษย์กิเลสหนาปัญญาอ่อนมันก็มีเยอะ
แม้แต่ตัวพี่ชายเองก็ยังโง่เขลามัวเมาในเรื่องโลภ โกรธ หลง กลัว ตั้งแต่เกิดจนถึงทุกวันนี้
แค่คำว่า “เบียดเบียน” นี่ก็แปลต่างกันแล้วหละ จะเอาแบบไม่ชาวบ้านๆก็ได้อีกความหมาย
อย่างถ้าเป็นระดับเปรียญธรรม ท่านจะเมตตาสอนเราว่า
“ให้งดเว้นจากการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วง”
และท่านก็มักจะอธิบายเสริมว่า ไม่ได้บ่งชี้ว่า “ฆ่าสัตว์” แต่อย่างเดียว
นักธรรมสมัยใหม่นี้เขามีข้อบัญญัติแบบกฎหมายเลย
ใครตัวสั่นขวัญแขวนเพราะมีคนทรงเจ้าเข้าผีห่าซาตานมาบอกว่าได้ทำกรรมไว้ กรรมจึงตามมาสนอง
ต้องไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา หรือ ญาติที่นอนประงาบๆ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย
ก็จะมีเรื่องที่มีผู้หวังดีมาบอกเรื่องการทำบาปในชาติก่อนและชาตินี้
เขาก็มีวิธีอธิบายกรรมในศีลข้อหนึ่งว่า ศาลแห่งธรรมจะตัดสินเช่นไร เช่น
ข้อแรก สัตว์นั้นต้องมีชีวิต อย่างขับรถไปเหยียบซากแมวตาย แบบนี้ไม่ผิดศีลข้อหนึ่ง
ถึงผีแมวจะมาหลอกหลอน หรือเข้าฝัน ก็ให้จุดธูปหอมบอกแมวมันไปว่า พระว่าฉันไม่ผิดเฟ้ย อย่ามั่วๆ E-แมว
ข้อสองต้อง ไม่คิดว่าเขามีชีวิตหรือพิจารณาแล้วเชื่อว่าเขาไม่มีชีวิต เช่น เอากุ้งฝอยสดๆมาทำพล่า
บังเอิญกุ้งตัวหนึ่งจากจำนวนหนึ่งพันตัว มันดันกระโดดตอนที่โดนน้ำมะนาว กระตุกๆกระเด็นออกมานอกกะละมัง แล้วสิ้นใจตายไป
แบบนี้ ศาลแห่งธรรม บอกว่าไม่ผิด เพราะคิดว่าพวกมันไม่มีชีวิต (แต่มันดันไม่ยอมตาย 555)
ข้อสาม ต้องมีจิตคิดจะฆ่า เช่น เดินผ่านหน้าบ้านน้องทาทา ไอ้เจ้าหมาดำรอดไวเลอร์ดันวิ่งออกมาเห่า แล้วเอาหัวลอด
ช่องประตูอัลลอยด์ทองคำ แต่ดันเอาหัวกลับเขามาข้างในไม่ได้ เราก็ไม่รู้เดินไปทำงาน พอกลับมาบ้านเห็นหมาตายคาประตูที่เดิมเพราะเอาหัวออกมาไม่ได้ เจ้าของบ้านก็ไม่รู้ว่าหมามาเห่าอยู่ที่ประตูด้านนี้ มันตากแดดตากฝนเลยม่องเท่ง
แบบนี้ ศาลแห่งธรรม ตัดสินยกฟ้อง ผีหมาไม่มีสิทธิ์มาหลอกหลอนได้อีกต่อไป เพราะถือว่าไม่ได้ทำบาป
ข้อสี่ แค่คิดในใจไม่ได้บอกให้ใครไปทำ อันนี้เจอกันบ่อยและมีปัญหามาก เช่น หลวงตาเดินบิณฑบาตผ่านมาหน้าบ้าน
แล้วบอกว่าช่วงนี้ฝนตกเสียงกบเสียงอึ่ง(อ่าง) ร้องระงม ทำให้นึกถึงสมัยก่อนบวช ลุงสินซึ่งเป็นเพื่อนรักกับหลวงตาได้ยิน ก็เลยออกไปจับกบในคืนนั้น เอามาให้เมียทำเป็นกบผัดกะเพราให้พระในวันรุ่งขึ้น พระก็ให้พรไปตามระเบียบ พออีกวันลุงสินนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานป้าสำลี(เมียของแก)ได้ใส่บาตรกบผัดใบกะเพรา เลยถามพระว่าเมื่อวานฉันกบอร่อยสมอยากหรือเปล่าครับหลวงพ่อ แบบนี้พระไม่ผิด เพราะอาจจะคิดถึงความอร่อยของกบ แต่ไม่ได้สั่งให้ใครไปจับกบมาฆ่า
กรณีนี้ ศาลแห่งธรรมก็ว่าไม่ผิด ดังนั้นแค่เราโกรธและอยากให้ไอ้คนที่ออกทีวีบ่อยๆมันตายเสียที
พอเขาขับรถทำงาน ดันโดนลอบยิงตายกลางถนน
อันนี้เราไม่ได้ผิดศีลข้อหนึ่ง เพราะจิตแค่เคืองไม่ได้สั่งให้ปากไปสั่งฆ่าเขา
ข้อห้า (ข้อสุดท้ายเสียที) สิงมีชีวิตนั้นต้องต้องตายด้วยความพยายามจริงๆ อย่างเช่น เราเกิดไปเมาแล้วมีเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นดาราหนังแถวซอยทองหล่อ เรียกว่า เลือดอาบทั้งสองฝ่าย เราเองต้องนอนไอซียูเพราะถูกเตะตกบันได ทั้งสองฝ่ายก็โดนตำรวจจับไปจ่ายค่าปรับ ขึ้นโรงขึ้นศาล และก็ทำการรักษาพยาบาลกันเรียบร้อย แต่พออีก 2 สัปดาห์ต่อมา เจ้าดาราคนนี้ดันไปกินเหล้าร้านเดิมซึ่งเพื่อนเราก็ดันไปอีก เลยมีการตีกันอีก แต่คราวนี้เพื่อนเราต่อยถูกแผลเก่าที่เราเคยเอาขวดแตกเสียบเจ้าหมอนั้นในคราวก่อนไว้ เลือดเกิดตกใน พอตอนเช้าหมอนั้นก็ตาย แบบนี้เราไม่ได้ทำผิดศีลข้อหนึ่ง
เพราะศาลแห่งธรรมบอกว่าไม่ได้พยายามจะทำให้เขาตาย
ทั้ง 5 ข้อ บอกตรงๆ บางอันก็รับได้ บางอันก็รับไมได้ ก็เพราะคนที่เอาเรื่องนี้มาสอนเรา ก็ไม่ได้เป็นระดับบรรลุธรรมขั้นสุดยอด พอเวลาผ่านไปเขาอาจจะมากลับมาสอนเราอีกแนวก็ได้

เรื่องบาปนี้ยังมีอีกเวอร์ชั่น คือ ทำบาปนี่มีหน่วยวัดหรือเปล่า?
ทำแบบนี้บาปมาก ทำแบบนั้นบาปนิดเดียว

อย่างคนแหกปากทำให้เราตื่นนี้
ไม่ผิดศีลหรอก เพราะไม่เจตนาจะปลุกเรา
และอีกอย่างถ้าจะบาปก็นิดเดียว
เชื่อหรือเปล่าหละ?
พี่ว่าคราวหน้า เอาน้ำเดือดจัดๆร้อนๆ สาดมันลงไปข้างล่างเลยดีมั๊ย
เพื่อนพี่ยังมีคดีสาดน้ำสุกึ้พร้อมหม้อร้อนๆใส่เด็กทารกเลย 555
ไอ้หมอนั้นมันเพิ่งย้ายมาอยู่หุบเขาคนโฉดแค่ 5 ปีเอง คนนี้พี่ชอบมันมากๆ ฮะ ฮะ

อันนี้ก็ตามคำว่าแก้ภายนอกไม่ได้
เราก็เอาน้ำร้อนภายในบ้านเรา สาดมันออกไปแก้ปัญหานอกบ้านเสียเลย
ก็คงจะเหมือนหลายๆคนที่ชอบสาดความโกรธแค้น
ใส่ผู้คนรอบๆตัว เพื่อระบายความร้อนในจิตใจ




โดย: zoomzero วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:9:37:34 น.  

 
*-* แง่ะ ม่ายอาวค่ะ ม่ายดีน้า มาสอนน้องสอนนุ่งแบบนี้ได้ไงคะพี่ชาย มาให้สาดน้ำร้อน ไม่คลาสสิคเลยค่ะ เดี๋ยวไปหาซื้อน้ำกรดดีกว่า เร้าจายกว่ากานเยอะรุย อิอิ (อ้าว แล้วกัน)

เรื่องนี้คุยกันได้หลายวันเลยนะคะ แค่ศีลข้อเดียวเนี่ยะ นู๋ว่าคำว่าศีลข้อ 1 นี่ การทำร้ายร่างกาย ทำให้ผู้อื่นได้รับความเจ็บปวดเช่น ตัวอย่างของพี่ที่ต่อยถูกแผลเก่า ก็ผิดนะ หรือพูดจาทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ อันนี้ก็เจ็บเหมือนกัน เจ็บเข้าไปถึงทรวงเลยด้วย แต่ข้อนี้อาจจะไปอยู่ในข้อ 4 แทนก็ได้แฮะ

ตามที่พี่ชายว่ามา 5 ข้อย่อยนั้น ข้อ 1 ไม่มีชีวิตแล้วไม่ผิด แต่ก็ไม่เห็นต้องไปซ้ำเติมนี่คะ ซากแมวตายไปเหยียบทับทำไมอ่า ทำมายมะทำตัวเป็นพระเอกสุดหล่อ น้ำใจดี อุ้มมาช่วยฝัง ทำพิธีกรรมอะไรให้เรียบร้อย รับรองสาว ๆ ต้องหันมาหลงรักเพิ่มอีกหลายคนแน่ ๆ เลย อิอิ

ข้อ 2 คิดว่าไม่มีชีวิต อ่า แต่มีชีวิตนี่นา ความคิดอาจไม่ใช่ความจริงที่ถูกต้องเสมอไป แบบนี้เกิดเกลียดขี้หน้าพี่ชายแล้วอยากฆ่า ก็คิดเสียว่าพี่ชายไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เป็นแค่ซอมบี้เดินได้ เป็นคนไร้จิตใจของความเป็นคน แบบนี้จะฆ่าก้อม่ายผิด ชิมิ อุอุ มิน่า ข่าวเลยขึ้นหน้า 1 กันทุกวันเลย เพราะคิดกันแบบนี้นี่เอง

ข้อ 3 ต้องมีจิตคิดจะฆ่า แปลว่าไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เจตนาไม่ผิดง้านเหรอคะ โอ๊ย อันนี้ทำบ๊อย บ่อย ผู้ชายเมื่อวาน 5 คน นู๋แค่เดินควงไปเดินห้างแล้วอีก 4 คนบังเอิญเดินมาเจอกันเองเล้ย มีเรื่องกันโดยเราม่ายได้เจตนา อุอุ แบบนี้ม่ายผิดชิมิ นางโมรา ไม่ได้มีจิตคิดจะฆ่า แต่ยื่นกริชให้ ไม่ได้เจตน๊า เจตนาจะฆ่าเลยคร้า

ข้อ 4 คิดในใจ ไม่ผิดงั้นเหรอ เอ อันนี้จำได้ว่าตั้งแต่สมัยเรียนประถม มัธยมแล้ว ครูวิชาพุทธศาสนา และจริยธรรมสอนเอาไว้ว่า แค่เรามีจิตคิดไม่ดี จิตคิดประทุษร้ายผู้อื่น ก็ถือว่าทำบาปแล้ว 50 % โดยยังไม่ต้องลงมือใด ๆ ถ้าเตรียมการจะกระทำก็ผิด 70% ถ้าลงมือก็ผิด 100% เค้าว่ามางี้อ่ะค่ะ คือแม้แต่จิตคิดไม่บริสุทธิ์ก้อถือว่าผิดแล้วน้า

ข้อ 5 ต้องตายเพราะความพยายามจริง ๆ *-* จ้างวานฆ่าก้อไม่ผิดง้านเหรอคะ ตามหลักกฎหมายผู้จ้างวานฆ่าก็ยังถือว่ากระทำความผิดด้วยเลย แต่แค่ 1 ใน 3 ส่วนของผู้ลงมือกระทำความผิด ซึ่งจริง ๆ ก็ขัดแย้งในใจตั้งแต่ตอนเรียนกฎหมายแล้ว เพราะจริง ๆ ผู้จ้างวานฆ่านั่นแหล่ะเป็นต้นเหตุให้เกิดกรรมเลย ถ้าไม่มีคนสั่ง ไม่มีคนจ่ายเงิน คนจะฆ่าก็ไม่ได้รู้จักกัน แต่ทำเพราะเงินทั้งนั้น นู๋ว่าจริง ๆ ผู้จ้างว่าน่าจะผิดเท่ากันหรือมากกว่าไปซะเลยนะนี่ เดี๋ยวเป็นนายกหญิงก่อนจะเปลี่ยนกฎหมายเอ่ย อุอุ

เฮ้อ เรื่องพวกนี้ซับซ้อนนะคะ อย่างที่บอกว่าคุยกันไปประเด็นเดียวได้อีกยาวเลยแหล่ะ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.118.156 วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:16:15:40 น.  

zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
9 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.