หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ

90911 จระเข้แห่งสระหนองแวง

หมู่ตึกมารสำราญ บ่วงซื่อเฮง
ooความสุขของมาร คือ การทรมานผู้คน

หุบเขาคนโฉด หมู่ตึกมารสำราญ อีสาน ชัยภูมิ สระหนองแวง วัดดอนไผ่ จระเข้ หลวงพ่อคำ
Thailand Northeast Chaiyaphum Crocodile Mysterious power

เมื่อเช้านี้ (ศุกร์ที่ 11 กันยายน 2552) ได้ดูทีวีช่อง UBC#1 หรือ ช่อง 3 (ไม่รู้ว่าจะเขียนให้อ่านแล้วงงทำไม 555) ได้เห็นภาพที่สุดจะงงมาก เพราะเป็นการถ่ายทอดสดและมีการสัมภาษณ์จาก สระน้ำ ด้านข้างวัดดอนไผ่ บ้านโนนแดง อ.บ้านเขว้า (ได้ยินเขาอ่านว่า ขะ+เหว่า ไอ้เราก็อ่านว่า เข+ว้า น่าอายจัง) จ.ชัยภูมิ อีสานบ้านเฮานี่เองครับพี่น้อง


ภาพที่เห็นคือมีคนไปยืนริมน้ำแล้วเรียกใครก็ไม่รู้จากกลางบึง ฉับพลันเขาก็มา ไม่ใช่ซิ ท่านก็มา ท่านมาจากใต้น้ำเลยหละ ท่านเป็นใครหรือ? ท่านเป็น “จระเข้” ขอรับ ตัวยาวเกือบ 2 เมตร แหม! ช่วงนี้กระแสจระเข้กำลังมาแรง ที่เขาใหญ่ก็มีข่าวหน้าหนึ่งมาหลายวัน จนทำให้คนแห่ไปชมจระเข้ แทนที่จะขอยกเลิกทัวร์ไปที่นั้น มนุษย์เรานี้ก็แปลกดีนะ ไอ้ที่คิดว่าจะไม่เป็น กลับเป็นไปซะอีกทางได้อย่างนั้นทุกที


เมื่อผมสนใจก็เลยต้องขอค้นหาข้อมูลอย่างด่วนจี๋ ด้วยวิชา DSI + CIA + KGB + FBI = เปิดหาอ่านในเน็ทเอาเอง ห้าห้า


croc2

ผมก็ได้พบเรื่องราวที่อยากจะเอามาเขียนเอาไว้ เผื่อใครจะมองต่างมุมออกไปอีก (ผมเองนั้นมองต่างมุมออกไปตั้งแต่เห็นภาพครั้งแรกแล้ว เพราะว่า มันเกินกว่าที่นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องอย่างผมจะคิดตามอย่างง่ายๆ) เขาเล่าว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2459 หรือ ร้อยกว่าปีมาแล้ว เดี๋ยว เบรกกันก่อน!!! พอผมตรวจสอบข้อมูลนี้อีกที กับแหล่งข่าวที่อื่นๆ ก็กลายเป็นเมื่อ 10 กว่าปีก่อน (คิดดูเอาเถิดนะ 10 ปี กลายเป็น 100 ปี ไปได้อย่างไร?) เอาเป็นว่านานมาแล้ว ท่านเจ้าอาวาสองค์ก่อนของวัดดอนไผ่ คือ หลวงปู่คำ (ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรนอกลู่นอกทางนักก็ได้ครับ) ในอดีตนั้นหลวงปูได้นำลูกจระเข้มาเลี้ยงเอาไว้ในบ่อปูนในวัด จำนวนหลายตัว เรื่องจำนวนก็ไม่แน่นอน เอาเป็นว่า มากกว่า 1 ตัวก็แล้วกันครับ แต่ไม่ถึงกับเป็นฟาร์มจระเข้หรอกขอรับ อยู่มาวันหนึ่งเกิดฝนตกหนักน้ำท่วมวัด จระเข้เลยหลุดหนีออกไปจนหมด croc1ชาวบ้านก็ออกตามล่ากัน เพราะมีบางบ้านบอกว่า ได้ถูกสัตว์บุกเข้ามากินสัตว์เลี้ยงในบ้าน(ซึ่งอาศัยอยู่ริมบึง) ซึ่งก็น่าจะเป็นเหล่าจระเข้ที่หิวโหยแน่ๆ ในที่สุดก็ได้ตัวมาแค่เพียง 1 ตัวเท่านั้น หลวงปู่เลยทำพิธีสะกดไม่ให้มันหนีไปไหนอีก ว่ากันว่าท่านได้ทำการตัดปลายหางจระเข้ เอาเหล็กจารมาลงอักขระเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ แล้วฝังไว้ที่ใต้บันไดกุฏิของท่าน เราฟังเขาเล่าเป็นทอดๆมาสองสามรุ่นของอายุคน ต้องทำใจให้มั่นคงหน่อยนะครับ ไหนจะเรื่องพระซื้อจระเข้มาเลี้ยง ไหนจะพระเอามีดไปตัดหางสัตว์ที่มีชีวิต เราไม่ได้เห็นมากับตาจริง ก็อย่าเพิ่งไปวิจารณ์ว่าท่านทำไปได้อย่างไร ใช่กิจของสงฆ์หรือไม่? ผมเองก็เคยเห็นจระเข้ที่วัดดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ถ้าเอ่ยชื่อหลวงพ่อองค์นี้ คนทั้งประเทศก็น่าจะทราบ และอีกที่ซึ่งห่างไปอีกหน่อยที่จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นวัดติดกับภูเขาไฟ ที่นั้นก็มีพระเลี้ยงจระเข้ตัวใหญ่เอาไว้เหมือนกัน ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีกรมประมง หรือจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือหน่วยงานไหนๆ เข้าไปช่วยดูแลอะไรเลย แล้วคุณเชื่อหรือไม่ว่าวัดใหญ่ในกรุงเทพมหานครก็ยังเคยมีพระเลี้ยงจระเข้เอาไว้ให้คนไปดูกันเลย นี่ไม่นับเอกชนคนธรรมดาที่เลี้ยงเอาไว้ในบ้านที่มีพื้นที่กว้างๆนะ ใครเคยผ่านแถวสนามมวยลุมพินี เคยได้ยินชื่อ “บ้านชาละวัน” กันบ้างหรือเปล่า? สมัยก่อนฝรั่งแถวนั้นรู้จักกันดี แต่สมัยนี้คงไม่มีแล้วหละ ป่านนี้คงกลายเป็นตึกสูงไปหมดแล้ว เอาเป็นว่า เรื่องคนเลี้ยงจระเข้นั้น มีมาตั้งนานแล้วหละ แต่ผิดหรือถูกกฎหมายอย่างไร? อันนี้ผมไม่ทราบ


ต่อมาหลวงปู่จึงนำจระเข้ตัวนั้นมาปล่อยให้อาศัยอยู่ในสระน้ำ ชื่อว่า สระหนองแวง ซึ่งอยู่ด้านหลังวัดดอนไผ่นั่นเอง สระนี้มีขนาดใหญ่มาก โดยมีความกว้างนับเป็นกิโลเมตรกันเลยหละ ที่ตรงนี้จึงเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญมาก คุณต้องเข้าใจให้ดีว่าในสมัยก่อน ทางอีสานเขาไม่มีประปาหรือโรงงานทำน้ำดื่มขายเหมือนทุกวันนี้ ดังนั้นชาวบ้านจึงต้องไปอาศัยตักน้ำในสระมาอาบ มาใช้บริโภคหรือทำประโยชน์ต่างๆ คู่กันไปกับน้ำฝน และภาพที่ชาวบ้านสมัยปู่ย่าตาทวดเห็นจนชินตานั้นก็คือ มีจระเข้ตัวหนึ่งชอบขึ้นมานอนอาบแดดที่ริมตลิ่ง บางวันก็ออกมานอนกลางถนนหนทางก็ยังเคยมีเลย คนในหมู่บ้านโนนแดงรู้ดีว่า เขาเป็นจระเข้ที่หลวงปู่เลี้ยงไว้ และเชื่อว่าถูกมนตร์สะกดให้เชื่อง ซึ่งก็ไม่เคยมีใครถูกจระเข้ตัวนี้ทำร้ายเลย นานวันเข้าผู้คนรุ่นลูก รุ่นหลานก็ให้ความเคารพจระเข้ตัวนี้ เพราะถือว่าเป็นลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่คำ แห่งวัดดอนไผ่


ในทุกปี เมื่อถึงวันสงกรานต์ ชาวบ้านโนนแดง ก็จะไปเรียกจระเข้ขึ้นมาจากน้ำ แล้วพาขึ้นรถนำไปแห่รอบหมู่บ้าน แถมยังมีการจัดบ่อจระเข้ชั่วคราวเอาไว้บนบก เพื่อให้จระเข้ได้พักผ่อน และเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้าชม แล้วก็มีหลายๆคนที่เมื่อได้เห็นจระเข้ตัวนี้อย่างชัดเจนกับตาตนเอง ก็อดที่จะแสดงความศรัทธาและระลึกถึงหลวงปูคำไม่ได้


croc3ปัจจุบันทางท่านผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน ท่านก็ยังอนุรักษ์และให้การส่งเสริมกิจกรรมและการดูแลจระเข้ตัวนี้เป็นอย่างดี มีการให้ลูกศิษย์วัดและพระในวัด นำอาหารไปให้จระเข้กิน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโครงไก่ และปลาสด และยังมีชาวบ้านหลายคนนำอาหารอื่นๆ มาร่วมสมทบอีกด้วย เรียกว่า เจ้าจระเข้ตัวนี้ไม่อดไม่อยาก เลยอาจจะเป็นสาเหตุที่จระเข้ไม่ออกไปล่าหาอาหาร ซึ่งจะเป็นรบกวนชาวบ้านและสร้างความหวาดกลัวในหมู่บ้าน แต่จากการไปดูการแสดงจระเข้มาหลายแห่ง ผมเชื่อว่าเขาก็ให้อาหารพวกมันจนพุงกางแน่นอน แต่ทำไมพวกมันยังดุ และทำท่าจะงับขาของคนที่ทำการแสดง จึงทำให้แปลกใจว่า จระเข้ตัวนี้เชื่องมาก มากจนกระทั้งสามารถเอามือลูบตัว ลูบหัว ลูบจมูกของมันได้เลย แถมพูดคุยอะไรด้วยภาษามนุษย์นี่แหละ เขาก็เข้าใจ ราวกับเป็นคนๆหนึ่งเลยทีเดียว


เป็นการหลีกเลี่ยงไม่พ้น เนื่องจากคนเรานั้นเกิดมาก็ย่อมมีทุกข์และสุขปนกันไป แต่ส่วนใหญ่อัตราส่วนของทุกข์จะมากกว่าสุขอยู่เสมอ ดังนั้นจึงมีคนมาขอพรและขอความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปูคำ ผ่านทางจระเข้ตัวนี้ หลายคนก็พ้นเคราะห์ หลายคนสมประสงค์ดั่งที่ขอเอาไว้ และหลายที่ได้ทำการ “บน” เอาไว้ แล้วก็สำเร็จ จึงมีภาพกิจกรรมการแก้บ่น ให้เห็นอยู่ที่ริมสระแห่งนี้อยู่เป็นประจำ ว่าไปแล้วก็เท่ากับเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงอำนาจหรือความเร้นลับในพื้นที่ภาคอีสานให้เราได้เห็นกันจะจะแบบนี้ ผมยังทราบว่ามีเสียงลือเสียงกระซิบกันอีก เป็นการเล่าบอกกันต่อๆมา เหมือนนิยายปรัมปรา โดยกล่าวอ้างกันด้วยความสงสัยว่า ใต้น้ำนั้น มีอะไรกันแน่ที่น่าฉงน จะเป็นเส้นทางไปวังบาดาล ไปถ้ำวิมานจระเข้ หรือไปยังขุมทรัพย์นับค่ามิได้กันแน่ ดั่งนิทานโบราณบางเรื่องเล่าให้เด็กๆฟังว่า มีคนมาเสียชีวิตในน้ำเพราะเรือลำใหญ่ล่มลง ทำให้เพชรนิลจินดามากมายจมลงไปใต้น้ำ แต่ด้วยความที่ตัดกิเลสเรื่องทรัพย์สมบัติไม่ขาด จึงกลายมาเป็นจระเข้ที่ต้องเฝ้าของที่มูลค่ามากมาย บางเรื่องก็ว่าเป็นดวงวิญญาณทหารที่รับผิดชอบเรื่องคลังสมบัติ เมื่อสมบัติหลวงตกอยู่ที่ใด วิญญาณก็ต้องดูแลอยู่ตรงนั้น หรือไม่ก็ว่าเป็นคำสาบ หรือกรรมเก่า ที่ว่า ได้ทำอะไรๆไว้กับพระพุทธศาสนา กรรมจึงฉุดรั้งมิให้ไปเกิดในภพภูมิอื่น อีกเรื่องก็คงจะเป็นเพราะมีใจเมตตาหรือใฝ่ธรรมมะจึงวนเวียนอยู่ท่าน้ำหน้าวัด เรื่องเล่าต่างๆมากมายเกี่ยวกับจระเข้ ใช้เป็นคติสอนใจคนได้ดี ถ้าคิดจะเอาดีจากเรื่องเหล่านี้


การมีจระเข้ศักดิ์สิทธิ์ หรือลูกศิษย์หลวงปู่คำ คอยดูแลน้ำในสระหนองแวงแห่งนี้ ด้วยความเชื่อในเรื่องลึกลับแบบนี้ สิ่งที่ตามมาก็คือ ไม่มีใครกล้าทำความสกปรก หรือก่อเรื่องไม่ดีกับแหล่งน้ำแห่งนี้ มีคนเคยลองดีมาแล้วหลายราย สุดท้ายก็ไม่มีความสุขและส่วนมากก็ไม่มีชีวิตให้อยู่ลองดีอีกต่อไป มีเรื่องเล่าว่า มีคนนำเหล็กปลายแหลมแทงดวงตาข้างขวาของจระเข้ตัวนี้จนบอด แล้วอีกไม่นานคนที่แทงตาจระเข้ก็ต้องกลายมาเป็นคนตาบอด โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ชาวบ้านไม่คิดอย่างนั้น เพราะพวกเขาเชื่อว่า กรรมตามสนองชายคนนั้น


สำหรับผม ผมได้ข้อมูลที่พอจะเชื่อว่าทำไม จระเข้ตัวนี้ถึงเชื่อง หรือเชื่อฟังคนเลี้ยงหรือผู้ดูแลได้ขนาดนี้ แต่ก็ได้แต่คิดเพราะ ถ้าเขียนอะไรโดยไม่เคยไปดูสถานที่จริง ไม่เคยไปสัมผัสกับเหตุการณ์จริง ข้อมูลก็เอามาจาการเล่าๆกันต่อๆมาอีกที จริงบ้าง เท็จบ้าง ก็อาจจะเป็นการลบหลู่กันเปล่าๆ และมีอีกเรื่องที่ผมต้องไปหาข้อมูลเพิ่มก็คือ เรื่องอายุของจระเข้ ว่า เขาจะสามารถอยู่ได้นานกี่ปีกันแน่


croc4

สำหรับแฟนคลับหุบเขาคนโฉดที่ทนอ่านมาจนถึงตรงนี้ได้ก็ต้องขอขอบคุณ และมีโบนัสแถมให้อีกด้วย โดยเรื่องแรก เรื่องที่ว่าเลี้ยงจระเข้นั้นผิดกฎหมายหรือไม่ อันนี้ต้องไปดูกฎหมายว่าด้วยสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งปัจจุบันเราใช้ อันที่ประกาศเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2535 ซึ่งมีการพยายามแก้ไขกันมาตั้งแต่ ฉบับปี 2490 ดังนั้นจึงมีเรื่องที่ว่าเคยมีคนเอาจระเข้มาเลี้ยงที่บ้าน หรือสถานที่ส่วนตัวได้ แต่ถ้าเป็นวันนี้ ปี พ.ศ.2552 ก็คงไม่ได้อีกแล้ว เพราะกฎหมาย ได้กำหนดการจัดการควบคุมการครอบครองจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย จระเข้น้ำเค็ม และตะโขง (รวมเป็น สามเกลอ 3 ชนิด) โดย ห้ามล่า ห้ามค้า ห้ามครอบครอง ห้ามเพาะพันธ์ ห้ามนำเข้า ห้ามส่งออก และครอบคลุมไปถึงผลิตภัณฑ์จากจระเข้ด้วย (ไม่ใช่คุมเฉพาะสัตว์ที่ตัวเป็นๆ) แต่ใครว่าคนอย่างเราๆท่านๆจะเลี้ยงจระเข้ไม่ได้ กฎหมายก็มีช่องเอาไว้ให้ด้วย (เราทำได้ 555) แต่คุณต้องไปศึกษาเรื่องอื่นอีกมาก อย่างน้อยก็ต้องหัดรู้จัก IUCN หรือ International Union for Conservation of Natural Resource และอีกคำก็คือ ไซเตส (CITES = Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) เพราะถ้าไม่รู้จักอะไรเลย เวลาเลี้ยงๆ จระเข้ไป อาจจถูกตำรวจมาเชิญไปคุยก็ได้


วิธีแรกก็คือ ลงทุนสร้างสวนสัตว์ หรือไม่ก็ไปสมัครทำงานที่สวนสัตว์ใหญ่ๆในเมืองไทย หรือไม่ถ้าอยากเป็นเจ้าของจระเข้จริง เราก็ต้องลงทุนเป็นหุ้นส่วนของธุรกิจทำฟาร์มจระเข้กัน วิธีนี้ก็คือ ไปซื้อหุ้นของฟาร์มใหญ่ 5 แห่ง ของประเทศไทย ได้แก่


1. ศรีราชาฟาร์ม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
2. ฟาร์มจระเข้สวนสัตว์รีสอร์ท หรือที่เรียกกันว่า ฟาร์มจระเข้หนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี
3. ฟาร์มจระเข้พัทยา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
4. ฟาร์มจระเข้วสันต์ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
5. ฟาร์มจระเข้สามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม

แน๊ะ ท่านคิดว่าหายไปอีก 1 แห่งหรือเปล่า? คำตอบก็คือ ใช่ครับ อันที่ 6 ก็คือ ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ อันนี้ต้องขอบอกว่า ต้องเอาไว้เป็นรายการพิเศษทีเดียว เพราะฟาร์มจระเข้สมุทรปราการนั้น เป็นฟาร์มแห่งแรกของประเทศไทย (จดทะเบียนเมื่อ พ.ศ.2493) เขาว่าทุกวันนี้เป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใครไม่เคยไปก็น่าจะลองไปดูซะหน่อยนะ เรามีเพื่อนอย่างน้อยที่สุด 40,000 ตัว รอต้อนรับท่านอยู่ ใครที่อยากจะเลิกกับแฟน หรืออยากดีลีท (delete) กิ๊กเก่า ผมในฐานะ “เจ้าพ่อแห่งหุบเขาคนโฉด” ขอแนะนำให้พาไปที่นี้ แล้วแกล้งผลักให้กิ๊กเก่าเราลงไปนอนในปากตะเข้ซะเลย 555





ขอขอบพระคุณแหล่งข้อมูลจาก
โอเคเนชั่น
ไทยฟี๊ด
มหาชน
พลังจิต
Mthai
เดลินิวส์
และคุณไวพจน์ เพชรสุพรรณ


In the Northeast of Thailand or in Thai it is called “Eee-Sarn” area. There is a curious and strange story of an animal which, you know, is not a lovely and attractive pet. With no doubt, it is a beast. People (in Thailand) are talking about a story of friendly crocodile who lives in the big “lake placid” very near the village (if I say “in the middle of the village”, Will you believe me?).There are many films or movies both in Thai and other countries about crocodiles and alligators, most of them told people that crocodile is a very dangerous, dreadful, and bloodcurdling hunter. But this real story in Thailand is showing me in the other side of the point of view.

Before I tell you about the original of this story. Let me tell and update you the big news in my country. For many years ago, people, more and more than thousand, went to see the truth and most of them asked for hopes and extraordinary assistance. They believe that the spirit in the crocodile, a spirit of an ex-abbot of Wat Don-Pai, Noendaeng village, Chaiyaphum province. This crocodile is very friendly. Monks in the temple (Wat Don-Pai) can call for it anytime. Just only hit one hand on the surface of the water in the marsh. Then, in a few minutes, two-meter reptile will show his face (or head) to your eyes. Then, it will walk up to the marsh bank. Like normal animal, it can do as the routine if you give it a gift. In this case, there are ribcages of chicken, fresh fish for it. The more quickly showing itself quickly, the more quickly food for serving. In normal day, gambles walked in and asked for the lucky number for the lottery from the magic crocodile. Some people came from the pained and suffering problems. They wanted the magic spirit to help them and their folks. Most of them are poor, lack of educations and underdeveloped life.

Nobody was hurt by this crocodile (But I am not sure). It often roams and promenades on the street. After lunch time, it has a sunbathe in the middle of the village while villagers spent their life in the simple way. People in the village see these pictures day after day, big car and small car have to drive detour or change the direction. This story looks like a single simple wild animal’s story with was grubbed by human. Until now, it changes itself to be an obedient pet.

This story began from many years ago, the abbot named Luang Por Kam (Long Por means monk and Kam means gold) bought a group of small crocodiles and put them in a cement aquarium. One bad day in the rainy season, all crocodiles escaped from their cage. Many men in the village found only one escaped prisoner. The abbot cut its tail’s tag and hypnotized the crocodile. Crocodile’s tag was entombed in. It was buried under his parsonage. After the dead of abbot, villagers believed that his spirit or magic power was possessed in the body of his pet (= crocodile). In the middle of April of each year, there is a Songkran day. Songkran is a Thai traditional New Year which starts from April 13 – 15 (some area they have this festival until the end of the month). For the foreigner, Songkran means Water Festival. Villagers will call the crocodile and carry it on the truck, drive that truck around the village to show the other villages and tourists. There are many reason for doing this, people believe that the magic of crocodile will protect all people in that area. Religion followers will donate their money and these will transfer for crocodile’s expenses (let’s say “crocodile fund”). Of course, some money should go to the religion’s activities and monk’s need. Nobody will take money for their own, because they are afraid of mysterious power.

It is not different from the open-zoo. But, listen to me carefully. Can we leave it in the nature?


zOOmzERo2009





Violent Valley
Violent Valley
Violent Valley
Violent Valley





 

Create Date : 11 กันยายน 2552
8 comments
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:21:20 น.
Counter : 842 Pageviews.

 

งิงิ ดีใจจัง นู๋อ่านว่า เขว้า ถูกด้วยแหล่ะ ^_^

โอ้โห อ่านจนจบแล้ว เพิ๋งเห็นว่าพี่ชายมี Logo ประจำดีแล้วเหรอคะนี่ อิอิ Zoomzero Follow me! อารัยเนี่ยะ อุอุ

ว่าแต่ credit ที่เขียนมันแปลก ๆ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ มาให้สัมภาษณ์ด้วยเหรอคะนี่ โอ้ ^_^

เรื่องตะเข้นี่ก้อน่าสนใจ เพราะอยู่คู่บ้านคู่เมืองไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีหนังเกี่ยวกับจระเข้มากมาย ตั้งแต่โครตไอ้เขี้ยม หรือสารพัดชื่อมากมาย ดูกันไม่หวาดไม่ไหว ที่โด่งดังและรู้จักตั้งแต่เด็กจนโตก็คงหนีไม่พ้นไกรทอง และชาละวัน งิงิ เห็นม้า ว่าจระเข้สมัยก่อนเค้าแปลงร่างเป็นคนได้ด้วย แถมเจ้าชู้มีกิ๊กที 3-4-5 คนอีกต่างหาก หุหุ

จะว่าไปเรื่องแปลกของพี่ชายนี่ ถ้าคิดในทางวิทยาศาสตร์ธรรมด๊า ธรรมดาทั่วไปเลยนะคะ ก็น่าจะเหมือนสัตว์เลี้ยงปรกติทั่วไป ที่ถ้าเราเลี้ยงและอยู่จนชิน สนิทสนมกันมาก ๆ แล้วก็จะเชื่องแบบนั้นแล ขนาดเสือกับหมูเขายังเลี้ยงด้วยกันได้เลย หรือแมวกับหมาก็ไม่กัดกัน อะไรแบบนี้ งู ก็เห็นออกจะบ่อย ถึงขนาดเป็นข่าวแต่งงานกันคนเลยเชียว แต่ประเด็นน่าจะเป็นที่ให้โชคให้ลาภอีกต่างหาก อุอุ ก็ธรรมดาคนไทยแหล่ะเน๊อะ บนเป็นพัน ถูกเป็นสิบ ก้อดังแร๊ ว่าแล้วเดี๋ยวเราไปเปิดสำนักกันมั่งดีกว่า เอามะพี่ชาย งิงิ คนมาหา 10 คน ก็บอกเลขไป 0-9 สิบคนสิบเลขพอดี ต้องถูกซักคนแน่นอน เดี๋ยวรวย งิงิ

ง้าย คุยอารัยเนี่ยะ วันโกนม่ายละ วันพระม่ายเว้นเรย ม่ายอาวแระ วันนี้วันโกน พรุ่งนี้วันพระ สงบปากสงบคำดีฝ่า งุงิ (นี่สงบแล้วหรือนี่ *-*)

แวะมาเจิม แล้วก็ไปวิ่งเล่นต่อคร้า จุ๊บ ๆ ๆ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.101.150 11 กันยายน 2552 18:41:24 น.  

 

สวัสดีวันพระค่ะ แวะมาทักทายเย็น ๆ วันเสาร์นะคะ ^_^

 

โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) 12 กันยายน 2552 21:08:29 น.  

 

สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ค่ะ ^_^

 

โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) 13 กันยายน 2552 10:30:57 น.  

 

โอ้โห...คนเดียว 3 คอมเมนท์ แถมมาวันละอัน
ขอขอบคุณในความขยันนะน้อง

พี่เองก็แปลกใจคนที่เขามีแฟนคลับเยอะๆ ไม่รู้ทำอย่างไร ถึงมีเพื่อนเป็นร้อยๆคอมเมนท์
อย่างเราเหรอ
แค่น้องสาวคนเดียวก็คุณภาพคับแก้วแล้ว (ฮือฮือ)

อาไวพจน์ เขามาในรูปแบบ youtube ไงหละ
ก็เลยต้องขอบคุณท่านเสียหน่อย
เดี๋ยวท่านจะมาปิดลิงค์ แล้วเราจะจ๋อย

เรื่องเอาสัตว์ป่ามาเลี้ยงให้เชื่องนั้น พี่ก็ยอมรับว่าทำได้
แต่มันจะเชื่องเฉพาะคนเลี้ยง แต่ในคลิปของฝรั่งที่เคยเห็นมาบ้าง
คนเลี้ยงก็นิ้วกุด มือกุด แขนกุด มาก็ไม่น้อย
อย่างไรก็ขอยกมือภาวนาว่าอย่ามีใครทะลึ่งไปแหย่จระเข้ตัวนี้เลยนะ
เพราะแรงงับของเขานั้นมากว่าสิบเท่าของลมพัดประตูดัง “ปัง” เสียอีก
แต่เท่าที่ดูในทีวีมาสองสามครั้ง
พี่ว่าเขาไม่แข็งแรง แถมตายังบอดอีกด้วย
ดูแล้วน่าสงสารเขามากๆ
น่าจะกันพื้นที่เอาไว้ให้เขา
เพราะวันหนึ่งอาจมีไอ้บ้ายาม้าขับสิบล้อห้อมาแถวนั้นก็ได้

เรื่องเสือกินนมหมูนั้น ก็เป็นเรื่อง ลูกเสือกับแม่หมู นะจ๊ะ
พอเสือโตขึ้น ฟันเต็มปาก เขาก็แยกกันอยู่ มิเช่นนั้นแม่หมูจะเป็นอาหารกลางวันของลูก
ส่วนคนซื่อบื้อบางคน เอาไปเล่าว่า ลูกหมูกินนมเสือจนโต อันนี้มั่วไปใหญ่เลย
เขาเล่าเป็นเรื่องตลกๆกัน แต่เชื่อหรือเปล่า มีคนเชื่อว่าหมูมันไปกินนมเสือจริงๆ
แต่พี่ชายก็งงๆว่า สัตว์กินผักกับสัตว์กินเนื้อ มันให้สารอาหารแทนกันได้อย่างไร

ส่วนเรื่องจระเข้ตัวนี้ พอเห็นว่าเขาทำอะไรกับมันบ้าง
ก็พอจะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร
ไม่ใช่เรื่องลี้ลับหรือไสยศาสตร์อะไรมากมาย
เรื่องจริง มันก็หนีไม่พ้นเรื่อง เงิน

 

โดย: zoomzero 13 กันยายน 2552 15:41:37 น.  

 

อิอิ แบบว่าช่วงนี้อยู่บ้านตัวเองเยอะไงคะ ก็เลยว่างมาก ไม่มีอะไรทำ ก็มาวิ่งเล่นแบบนี้แล blog คนรู้จักก็มีไม่ค่อยเยอะซะด้วยสิ งิงิ ที่สงสัยว่าคนอื่นเค้ามีแฟนคลับมา comment กันเยอะ ๆ ได้ยังไงเหรอคะ ก็ไปเหม็นเอ๊ย เม้นท์ บ้านใคร คนนั้นก็แวะกลับมาเหม็นกลับ เหม็นกันไปเหม็นกันมา อะไรประมาณนั้นแล งิงิ

ประมาณได้ว่า อยากมีคนมาเข้าเยอะ ๆ ก็ต้องไปเยี่ยมคนอื่นเยอะ ๆ มีเพื่อนฝูงเยอะ ๆ ว่าง้านเถอะ ถ้าขี้เกียจ ก็คุณภาพคับแก้วรอนู๋มาเหม็นคนเดียวพอเหมือนเดิมแบบนี้แล งิงิ บีก็ว่าง ๆ แวะไปทักบ้านคนอื่นบ้างตามอารมณ์ค่ะ ^_^

ขอบคุณสำหรับเรื่องย่อ ที่ย้าว ยาว เรื่องพระจันทร์สีรุ้ง อีตาตะวันนี้ก็คืออีตาบู้บี้ใช่มั๊ยล่ะคะ บีได้เปิดเจออยู่แว๊บ ๆ แต่ไม่ได้ดูแต่ต้นแล้วก็เลยไม่รู้เรื่อง ก็เลยขี้เกียจติดตามด้วยค่ะ เห็นแค่ว่าบี้กะแอฟเล่น บีฟามจำเสื่อม แล้วก็มีพัฒน์พงศ์เป็นพ่อกระเทย อะไรประมาณนี้แหล่ะค่ะ ได้อ่านเรื่องเต็ม ๆ จากพี่ชายก็สนุกดีเน๊อะ

แต่ตอนนี้นู๋ติดละครเรื่องนี้ค่ะ รอยรักรอยบาป ช่อง 7 แบบว่าเป็นโรคจิตชอบหนังตบตีกันสนั่นจอแบบนี้ เร้าจายย เอิ๊กกก ก็ได้ดูผ่าน ๆ แค่แว๊บ ๆ เองค่ะ แต่เห็นว่าตบตีกันมันส์กระจายดีจริง ๆ เล้ยย หนังอะไร ตบกันได้ทุ๊กฉาก ด่ากันได้ตลอดเวลา ชอบคุณนายระย้ากุมภาพันธ์ (ชื่ออารัยก้อมะรู้เรียกแต่ยัยกุมภาพันธ์ อิอิ) ชอบที่เขาสวยดี งิงิ แต่ร้ายได้ใจมาก เรื่องจริงเป็นอีกอย่างก็สามารถทำตัวเป็นโจโฉ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง พลิกแพลงพูดให้ลูกฟังเป็นอีกอย่างได้ จนลูกที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรเก่ากลับชาติมาเกิดหูเบา เชื่อ แล้วก็ไปตบตีคนที่ตัวเองเกลียได้อีก อุอุ ได้ดูแค่วันสองวันนะนี่ แล้วไม่หนำใจ เพราะไม่ได้ดูแต่ต้น ว่าจะไปดูย้อนหลังในเวป แต่มันเริ่มฉายวันไหนไม่รู้อีก กำ สรุปก็เลยไปหาโหลดในบิท มีคนมาลงครบทุกตอนทำเป็นซีรี่ให้โหลดเลยเชียว แบบว่าหนังทุกเรื่อง อะไรก็ตามที่ฉายโทรทัศน์มีให้โหลดหมด หนังจบปุ๊บ มีคนมาอัพปั๊บเลยเชียว แต่แต่ซิทคอม บางรัก หรือ เป็นต่อ หรือแก๊งสามช่า ก็ยังมีมาปล่อย เพราะมีคนติด เหอะ ๆ โหลดมาดูแต่ต้นแล้ว โอ้โห ตบกันแต่ต้นเรื่องเลยเชียว เมื่อวานนอนดูไปแผ่นนึง เป็นของศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หือ แผ่นเดียว 6 ชม. จุใจมั่ก ๆ งิงิ เดี๋ยวไปไรท์แผ่นต่อไปดูต่อ งิงิ

ดูหนังกี่เรื่อง ๆ ก็ชอบตัวร้ายแฮะ รู้สึกว่า ถ้าฉันได้เป็นดารานะ หึ ฉันไม่เล่นหรอกนางอ่งนางเอก ไม่เร้าใจเลย อะไรก็ต้องสงบเสงี่ยม เรียบร้อย ให้เค้าตบฝ่ายเดียว ชิ ระดับฉันต้องตัวอิจฉาย่ะ จะได้ตบคนอื่น ฮุฮุฮุ เร้าใจกว่ากันเยอะเรย แต่ตอนนี้ไม่ได้เล่นหนังก็หาเรื่องทะเลาะกะตาลุงข้าง ๆ ตบตีคนข้าง ๆ แทนไปก่อน จนคนข้าง ๆ ด่าอยู่ทุกวันว่าเป็นไอ้หมูโรคจิต ชอบใช้ความรุนแรง ใช้งานลุงอย่างทาสแร้ว แง๊ว ๆ -_-!! แต่พี่ชายอย่าไปหูเบื่อเชื่อคนอื่นนะเจ้าคะ เค้าป่าวน้า เค้าแค่เป็นคุณนายระย้าชี้นิ้วอย่างเดียวแค่น้านเอง งิงิ

เฮ้อ เป็นกรดไหลย้อนง่ะ แบบว่า มะวานก็กินเตี๋ยวเรือตอนกลางวันแล้วบ่าย 2 เลิกงานก็ไปกินเครปไอติม ที่คาร์ฟู รัชดาแล้วก็กลับบ้านนอนดูหนังเนี่ยะแหล่ะ ไม่ได้กินอะไรอีกเลย แต่ตกกลางคืนก็อาการจุกเสียดแสบร้อนหน้าอกเหมือนเดิม เฮ้ออ กำเวง เปงไรหว่า กินยาที่โฆษณาว่ากินแล้ว 5 นาทีหาย ทุกทีก็ได้ผล แต่คราวนี้ไม่หายแฮะ ตื่นเช้ามาก็ยังไม่หายเลยเนี่ยะ จนป่านนี้ แง๊ว ๆ เป็นแบบนี้ไปนาน ๆ สงสัยจะผอมแน่ ๆ เพราะกินอะไรไม่ค่อยจะได้แห่ะ ๆ มะวานไปชั่งน้ำหนักที่ห้างนั้นนั่นแหล่ะมา เหลือ 50.7 โล จากคราวก่อนชั่งเครื่องเดียวกันแท้แท๊ ล่อไป 56 โล เหอะ ๆ ตาชั่งดิจิตอลนี่มันติงต๊องรึเปล่าหว่า หรือว่าเราน้ำหนักลดไปตั้ง 6 โล โอ้มายก๊อด คิดว่าเป็นอยางหลังแล้วกันจะได้มีกำลังใจ งิงิ ลดพุงต่อไป อุอุ ผอมรอกิ๊กใหม่คร้า ช่วงนี้งานเข้า *-*

โม้กันไปโม้กันมา มีใครมาแอบอ่านป่าวไม่รู้ งิ ว่าแต่เราสองคนไม่มีมือถือกานเหย๋อ ต้องมาคุยกันในนี้อ่ะ งิงิ อ๋อ ลืมไปว่างก และคุณนายที่บ้านโหดแอบโทรหากิ๊กม่ายได้ โอเค คุยในนี้กันต่อไป ว่าง ๆ เดี๋ยววิ่งมาเม้าท์ใหม่นะเจ้าคะ คุณหลวง อุอุ อิระย้าไปทำงานก่องเจ้าค่ะ อู้มานานแร๊ งิงิ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 124.122.181.140 14 กันยายน 2552 11:50:26 น.  

 

ถ้าชอบพวกเสแสร้ง ปั้นน้ำเป็นตัวก็เรื่องรอยรักรอยบาป นี่ก็โอเค
แต่ถ้าชอบแบบผัวเมียตบตีกัน ใช้ทั้งมือและเท้า ด่ากันหยาบๆ ก็ต้อง ไฟรักอสูร ที่อวสานไปเมื่อวาน
หรือว่า ผู้หญิงแย่งผู้ชายกันแบบตบกันกลางโรงแรมห้าดาว ก็อวสานไปเหมือนกัน เรื่อง ไฟโชนแสง
แต่ตอนนี้ต้องดู ชิงชัง ทางช่อง 5 จันทร์-พฤหัส ขนาดพี่น้องคลานตามกันมา
ยังอยากจะให้พี่น้องตายไปวันนั้นวันนี้เลย
แต่เรื่องที่เป็นจริงอย่างหนึ่งแล้วเอาไปเล่าอีกอย่างอันนี้ ยังเป็นเสน่ห์ของละครอยู่

สำหรับพี่ ต้องบอกว่า ...
ผมเจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ เหมือนสมจิตร จงจอหอ ขอรับ
เราทำอย่าง เขาเอาไปเปลี่ยนเรื่องเป็นอีกอย่าง
เขาบอกว่าเราทำอย่างนั้นกับเขา แต่เรื่องจริงกลับกัน เป็นคนละเรื่อง ไม่รู้ว่าใครทำใคร
บางคดี ถึงกับโดนใช้อุปกรณ์สื่อสารเป็นหลักฐานมัดตัว ว่าทำตัวไม่ดีดั่งเขาว่าอย่างนั้น
อยู่ๆคนรู้จักกันก็เกลียดเราได้อย่างที่เขาไม่มีวันเกลียดใครได้อีกเท่านี้
ทั้งๆที่เขาก็เป็นคนดี มีคนนับถือ แต่เขากลับอยากฆ่าเรา
ต้องบอกว่าโดนเล่นซะย่อยยับคาอุ้งเท้ากันเลยหละ 555
โบราณว่า ให้หญ้าให้น้ำใคร ต้องระวังตัวไว้เสมอ
ชีวิตก็แบบนี้แหละ

เรื่องให้ไปเที่ยวเหม็นท์บ้านคนโน้นคนนี้
เห็นจะต้องขอตัว ไม่ชอบทำ ถ้าไม่โดนใจจริงๆ ไม่ขอเหม็นท์ให้หรอก
ไม่ใช่เพราะรังเกียจเขา เขาต่างหากที่ควรจะรังเกียจเรา
แต่การจะมีสังคม ก็คงต้องทำแบบนั้น แต่..เฮ้อ...เสแสร้งหรือเปล่าคะ
จริงๆเลยนะไม่ชอบพวกที่เหม็นท์เหมือนไม่ได้คุยกับ จขบ
แต่เป็นการคุยหน้าจอกับคนอื่นซะงั๊น
เอาเถอะ ไว้วันหนึ่งเราต้องมีเพื่อนในนี้เป็นร้อยให้ได้

เรื่องที่ว่ามีใครมาสแกนคอเหม็นท์ของเราหรือเปล่า
ก็ต้องบอกว่า น่าจะมี
และก็อยากให้เขาฝากรอยแค้นรอยคุ้นให้เราได้อ่านบ้าง
แค่บอกว่าได้เข้ามานะ ก็ชื่นใจ
หรืออยากให้เราไปเอาเรื่องอะไรมาคุยก็ชอบนะ
เพราะทุกวันนี้ รู้หมดทุกเรื่อง
ขนาดมีคนขอร้องว่า ไม่รู้สักเรื่องจะได้ไหม?
แน๊ะ ดูซิ ชมกันตรง เค้าก็อายนะ เขาไม่เก่งขนาดนั้นหรอก แค่เก่งที่สุดในโลกก็เท่านั้น

ไม่เป็นไรหรอก เราไม่มีมือถือคุยกัน
ไม่ว่างดินเนอร์กัน
อีเมล์ก็ไม่มีใช้
ก็ทำกันโจ๋งครึ่มแบบนี้แหละ

ฝากข้อความถึงเพื่อนหน่อยนะ

If you're not speak Thai.
You can give me a short comment.
I'm not good at English, but I'd like to share my idea with you.
My friends often tell me that foreigner's opinion is good as gold.


 

โดย: zoomzero 14 กันยายน 2552 13:44:20 น.  

 

อ่า พี่ชายยังเพื่อนกับเค้าอยู่อีกเหรอคะ อุอุ แถมเป็นฝรั่งด้วยเหย๋อ ถึงพิมพ์ภาษาปะกิดอ่ะ ว่าแต่มันแปลว่าอะไรอ่ะคะ แปลม่ายออกรุย *-*

แหม ถ้าไม่ชอบไปเม้นท์บ้านคนอื่น แต่บอกสักวันจะมีเพื่อนเกินร้อยให้ได้ ก้อ... รอปายเต๊อะ คงจามีหรอก งิ เรียกเสแสร้งมั๊ยน่ะเหรอก็ไม่หรอกนะ บางทีอยากเข้าไปทักเจ้าของ blog นั้นแต่ไม่ได้อยากอ่านเรื่องที่เขาลงนี่นา ก็อยากทักก็เข้าไปทักอ่า ไม่อ่านก็ได้นี่นา ว่าง ๆ มีอารมณ์อยากอ่านก็ค่อยไปอ่าน แบบบ้านพี่ชายบางครั้งลงเรื่องยาว ๆ แล้วยังไม่สะดวกหรือยังไม่อยากอ่านก็มาวิ่งเล่นทักทายแล้วก็ไป ค่อยมาตามอ่านทีหลังเลย แบบนี้ไง งิ แต่คนแบบอื่นก็คงจะมีอยู่บ้างมั๊ยคะ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกาน

แล้วไอ้เรื่องเล่นจริง เจ็บจริง ไม่มีสแตนอิน นี่ ม่ายช่ายจีจ้า ดื้อสวยดุ เหรอคะ คิคิ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เอาน่า คิดเสียว่า ดีใจเถอะนะ ที่ครั้นหนึ่งก็ได้เล่นบทคล้าย ๆ จะเป็นพระเอกน้ำเน่ากับเขาบ้าง อุอุ เรื่องราวในหนัง แบบว่าดูแล้วยังไม่สะใจ ไปแอบหาเรื่องย่อมาอ่านจบแล้วด้วย งิงิ แม้แต่ในหนังอ่ะน้า กว่าความจริงจะเปิดเผยก็ยังใช้เวลาตั้งนานเลย อาจเป็นหลายปีหรือหลายสิบปี แต่ในชีวิตจริงอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็ได้นะคะ กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว หรือไม่ก็อาจไม่รู้ไปจนชั่วชีวิต แบบว่า โง่จนตายก็ยังมีเลย อย่างแนวผู้ชายชั่วยังไง๊ ยังไง ก็อยากจะรัก รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ทน ท๊น ทน อ่ะเคยเห็นป่าว เคยดูรายการตีสิบอยู่วันนึงเอาผู้หญิงที่โดนผัวจุดไฟเผาไปครึ่งหน้า หน้าเละยับเยินมาก เรื่องราวประมาณว่า อยู่ด้วยกันก็โดนผัวตบตีมาเรื่อง มาตลอด พิธีกรก็ถามว่าแล้วทำไมถึงทนอยู่ได้ตั้งนาน คำตอบเหรอคะ ก็คือ "เพราะรัก" ถึงทนอยู่ เฮ้อ พิษรักนี่ร้ายแรงจังเน๊อะ พอคุณเธอคิดได้อยากจะเลิก ขอเลิกแล้วผัวโกรธจุดไฟเผามันซะเลย สวยนักใช่มั๊ย กลัวจะไปมีกิ๊กใหม่ เอาให้เละกันไปข้าง *-* กำเวร

พูดแล้วขอต่อไปอีกเรื่อง ไอ้เรื่องขับรถโดยประมาททำชาวบ้านตายนี่ก็อีก ไม่ว่าจะเมาแล้วขับ หรือฝ่าไฟแดง อะไรทั้งหลาย แล้วพอออกโทรทัศน์ก็ชอบพูดกันจัง ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่ทำแบบนี้ เหอะ ๆ พูดไปทำไมเนี่ยะ ล่าสุดได้ยินจะ ๆ แล้วเซ็งมาก ที่สาดน้ำสงกรานต์กันด้วยหม้อสุกี้ ก็พูดแบบนี้เหมือนกัน หรือพวกปาหินใส่รถทั้งหลาย เฮ้อ จอมมารช่วยไปกวาดเอาคนพวกนี้มาอยู่หุบเขาให้หมดเลยได้มิ เผื่อโลกจะสงบสุขขึ้นบ้าง บีก็มานั่งคิดนะว่า บางทีการที่ไม่มีโทรทัศน์ ไม่ได้ดูข่าวสารบ้านเมืองอะไรบ้าง จนคนอื่นมองว่าเป็นคนโลกแคบ ตกข่าว แต่มันก็ดีกว่าการได้มาเห็นข่าวอะไรแบบนี้กว่ากันเยอะเลย บางเรื่องที่ไม่ดี ๆ แบบนี้นี่ ไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นซะยังจะดีกว่า ว่ามั๊ยคะ อ๋อ แต่พี่ชายคงไม่ใช่หรอก เพราะจอมมารชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องไม่ดี ๆ ของชาวบ้านนี่ชอบรู้ใช่มั๊ยล่ะ อุอุ

บ่นเรื่องชาวบ้านและสังคมเสร็จแล้ว ไปดีกว่า (นี่ขนาดไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์นะเนี่ยะ อุอุ)

อ้อ ไม่ลืมค่ะ ว่าก่อนออก ต้องมาส่งจุ๊บ ๆ ให้พี่ชายด้วย คิดถึงนะคะ แวะมาบ้านแรกและบ้านเดียวเลยนะเนี่ยะ เพราะเดาว่าต้องมาบ่นอะไรคนเดียวแน่ ๆ เลย อิอิ เดาไม่ผิด บับบายค่ะ เดี๋ยวว่าง ๆ แวะมาดูใหม่ ^_^

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมซน (Beee_bu ) 15 กันยายน 2552 14:29:42 น.  

 

อ่านแล้วเหมือนคุยกันฉันลุง-หลาน
แต่...พออ่านทวนอีกรอบทำไมมันเจ็บๆใจยังไงก็ไม่รู้
เหมือนโดนกล่าวร้ายป้ายอึยังไงๆ ชักจะงงๆ
หลอกด่ากันหรือเปล่า? โกรธจริงๆนะ

ไอ้เรื่องเจ็บมาเยอะนี้ไม่ได้หมายฟาย เอ้ย หมายฟาม เอ้ยหมายความ เอ้ย..ถูกแล้ว หมายความ
ถึงคนที่ไหนเลย ก็ยายเจ้เจ้าของรถซีวิคสีปลาฉลามไงหละ
ยิ่งเจอกันไปยิ่งรู้ว่ากรรมมีจริง คือ เราเองหนะที่ได้ทำกรรมเอาไว้มาก่อนจริงๆ
ขนาดลูกของยายเจ้ยังหาว่าเราไม่ได้เรื่องเลย 555
คิดแล้ว อยากจะพาคุณเจ้ไปเที่ยวฟาร์มจระเข้พรุ่งนี้เลยจริงๆ หุหุ

โอเค เรื่องคอมเมนท์เราก็แค่สะแหววแว๋ว (ภาษาไทยวิบัติหมดกัน)
แซวกันเล่นๆ เพราะพี่ก็รู้ดีว่าแต่ละคนย่อมมีเสรีภาพในการทำอะไรก็ได้ที่ไม่ได้ไประรานผู้ใด
และสังคมของคนกลุ่มหนึ่งจะให้ไปเหมือนกับทุกๆกลุ่มย่อมไม่ได้
แต่เคยอ่านข้อความจากแฟนคลับป้าวีท่านหนึ่ง
เขียนเอาไว้เป็นคำสอนเตือนใจมากเรื่องของ “นักล่าดาวบริวาร” ของบล็อกเกอร์บางคน
ซึ่งตัวอย่างก็เห็นง่ายๆ ไม่ต้องไปมองที่ไหน ก็...บล็อกของคนที่มีรายชื่อทางขวายาวๆเยอะๆ เหมือนของนู๋บีไง 555
เฮ้ย...ไม่ได้ว่านะ เพราะคนที่เขาเฟร็นลี่จริงๆนั้นมีหลายคน เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า เดี๋ยวงานเขา
เราไม่ได้ตั้งใจว่าเขา แต่เขาอาจจะคิดว่าเราเอาเขามาว่า งั๊นขอผ่านๆๆๆไปเลยเด้อ ขี้เกียจเขียนอธิบายยาว

การไม่มีทีวี ก็เหมือนการไม่รู้ธรรมมะมากมาย
ไม่ใช่กำลังจะว่าเป็น คนโลกแคบ
แต่กำลังจะบอกว่า รู้มากก็คิดมาก พูดมาก ตระหนกมาก กลัวมาก จนเกินเหตุก็มี
เคยสังเกตหรือไม่ว่าคนที่ไปวัดที่เขาไม่ค่อยมีฤทธิ์เดชพลังทางธรรมมากมาย เขาจะค่อนข้างเงียบและสงบ
ส่วนพวกที่รู้มากกลับพูดได้เรื่อยเปื่อย ไม่ว่าสวรรค์ นรก ดาวลูกไก่ กาแล็กซี่ หลุมดำ ราหู พญานาค ฯ โอ้ย...เข้าใจไปหมด
รู้ว่าทำบุญแบบไหนได้บุญมาก ได้บุญจริง วัดไหนมีพระที่เป็นเทพ เป็นเซียน เป็นอรหันต์ หรือเหนือมนุษย์

เรื่องศีลข้อ 1 ในเอ็นทรี่ก่อนโน้น ยังไม่ได้ยอมแพ้นะ แต่ขี้เกียจตอบ
เพราะคงต้องคุยกันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน จะดีกว่าเขียนกันคนละที
แต่มีคำถามทีไม่อยากได้ยินคำตอบว่า พระตีเณรเพราะขโมยเงินจากตู้ในโบสถ์ ผิดหรือไม่? บาปหรือไม่? อะ อะ อะ

 

โดย: zoomzero 15 กันยายน 2552 16:46:56 น.  


zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
11 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.