หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ

สิงคโปร์ 2009 คนโฉดพาไปโฉบ 5 - Plan Plain Plane





"ความสุขของมาร คือการทรมานผู้คน"
หุบเขาคนโฉด, หมู่ตึกมารสำราญ, ท่องเที่ยว, สิงคโปร์, คนโฉดพาไปโฉบ Singapura ภาค 5
zOOmzERo, Violent Valley, Singapore, Low-Cost Airline



Singapura 2009


คนโฉดพาไปโฉบเมืองสิงหปุระ ในปี 2009 ภาค 5
Plan Plain Plane

Entry นี้เป็นตอนที่ 5 เป็นเรื่องของยานพาหนะในการเดินทางไปสิงหปุระ
ผมขอใช้คำว่า SGP แทนคำว่า สิงคโปร์ บางแห่งนะครับ


พาหนะไป SGP น่าจะมี 4 ทาง คือ รถยนต์ รถไฟ เรือ และเครื่องบิน สำหรับคนที่อยู่ภาคใต้ ถ้าเป็นภูเก็ต ผมแนะนำว่าให้ไปทางเครื่องบิน

เรื่องรถยนต์ ผมไม่คิดจะไป เลยไม่หาข้อมูล จบ!

เรื่องรถไฟ ปลอดภัยมั๊ง ค่าโดยสารไม่แพง ปี2551 ตกราง 149 ครั้ง ปี2552 ไม่อยากบอก รถเก่า รางผุ ระบบเบรค พนักงาน อุปกรณ์สื่อสาร ถ้าเดินทางไปกับหญิงที่ยังจีบไม่ติด มีเวลาจัดการเยอะดี 555



ไปทางเรือ ผมไม่มีข้อมูลใหม่ มีแต่เรื่องมาโม้ว่า เมื่อ 13 ปีก่อน เพื่อนแต่งงาน ได้ไปฮันนีมูนอันดามันทางเรือ กลับมาบอกว่า โง่มากที่ไปหน้ามรสุม เรือจอดนิ่งๆตอนกลางคืน คลื่นแรง เรือโคลงเคลงทั้งคืน อ้วกแตก อึราด กลับมาไม่ได้ลูก อีกปีไปที่ปาย ได้น้องคะนิ้ง เป็นของขวัญจากการฮันนีมูนรอบสอง


สำหรับเครื่องบิน น่าจะดีที่สุดในการไปต่างประเทศ เดินทางง่าย ไว ปลอดภัย เชื่อใจได้ ค่าตั๋วเทียบกับเวลาในการเดินทางและการรักษาความปลอดภัย ก็สมราคา เลือกจ่ายน้อยได้ ถ้ารู้จักวางแผน ได้ไปแน่

การไป SGP มีสายการบินไปได้หลายสาย ทั้งในประเทศไทย และของต่างชาติ ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน ต้องหมั่นตรวจสอบบ่อยๆ ลองหัดจองตั๋วทาง Internet จะได้ข้อมูลใหม่ๆ จัดเตรียมงบประมาณ จังหวะดีๆ ตั๋วไปกลับอาจจะแค่ 2,000 บาท ผมมีข้อคิดในการเที่ยวทางเครื่องบิน ดังนี้



1. ไปเครื่องบิน ต้องมี Passport เสมอ ไปทำใหม่ หรือต่ออายุให้เรียบร้อย ตรวจดูอายุว่าน้อยกว่า 6 เดือนหรือไม่ ถ่ายสำเนาเก็บไว้หลายๆที่เผื่อยามโชคร้าย

2. งบประมาณ แค่หมื่นต้นๆ ก็ไปได้ แต่อย่าฝันสูง ต้องแบ่งเอามาจ่ายค่าที่พักด้วย

3. สนามบินที่จะขึ้นจากเมืองไทย มีมากกว่า 1 แห่ง นอกจากออกที่สุวรรณภูมิแล้ว ยังขึ้นเครื่องได้อีกที่ เชียงใหม่ หาดใหญ่ กระบี่ ภูเก็ต และอุดรธานี แต่ไม่ใช่ทุกสายการบินนะ

4. ถ้าบ้านอยู่ในที่ปลอดภัย เดินคนเดียวในซอย แล้วไม่โดนโจรลากไปข่มขืนทุกวัน ก็สามารถเลือกเที่ยวบินเช้าตรู่ และกลับเที่ยงคืนได้ การนั่ง Taxi คนเดียวเช้ามืดหรือดึกๆ คงไม่ดี

5. ถ้าไม่เป็นโรคร้าย เป็นคนสบายๆ ใช้กระเป๋าเดินทางใบเล็กเพียง 1 ใบ ไม่เรื่องมากเรื่องอาหาร ให้เลือกสายการบินราคาถูกได้ทันที

6. ตั๋วราคาถูก จะมากับคำว่า "ไม่ได้" ซึ่งต้องยอมรับว่า ห้ามเปลี่ยน จะไม่ได้เงินคืน ไม่ยืดหยุ่น เช่น เลื่อนวัน เปลี่ยนชื่อคน แถมจำกัดนำหนักของที่นำขึ้นเครื่องหรือโหลดใต้เครื่อง แต่มันก็คุ้ม

7. "ใครเป็นพ่อเด็ก" เอ้ย...ดูตัวเองว่าตั้งครรภ์หรือไม่ เป็นโรคที่ต้องอยู่ใกล้หมอหรือไม่ เขาไม่ปล่อยให้ขึ้นไปคลอดลูกบนเครื่องง่ายๆ ถ้าพาเด็กไป ต้องดูสุขภาพเด็กด้วย คนที่มีลูกเล็กๆ อย่าไปเที่ยวเลย อยู่บ้านเถอะ มันรบกวนชาวบ้านมากๆ ผมรู้ว่าบางท่านมีเหตุผลจำเป็น เอาแบบนี้ ถ้าคุณมีลูกอ่อน คุณต้องขอเขานั่งแถวหน้าที่สุด เพราะมีพื้นที่ข้างหน้ามากกว่า จะลุกนั่งง่าย โอ๋เด็กได้ถนัด และเสียงเด็กร้องจะไปดังทางด้านหน้า เครืองบินใหญ่ๆ เขาจะมีชั้นให้วางเด็กทารกตรงกำแพงด้านหน้า (มันซ่อนอยู่) เราขอให้พนักงานเขาปลดออกให้ แต่เที่ยวบินสั้นๆ คงไม่มี

8. ไม่ว่าจะไปสายการบินแพงๆ หรือlow-cost ขอแนะนำว่า ให้ซื้ออาหารแห้งตุนไว้นิดหน่อย ขนมแท่งๆ กรอบๆ ที่เรียกว่า energy bar เป็นธัญพืชผสมน้ำตาล หรือจะเป็นพวก Pokky ทานแล้วหายหิวไปได้ เคยมีเครื่องบินถูกกักบริเวณเพราะมีปัญหา ทางหอบังคับการไม่อนุญาตให้ขึ้นบิน ต้องจอดนิ่งๆ นานเป็นชั่วโมง ถ้าคุณนั่งรถยนต์มาไกลๆ เจอเครื่อง delay แล้วมาเจอจอดแช่กลางแดด ต้องมีอาหารทานรองท้อง

9. ประเภทของที่นั่งในเครื่องบินมี 3 แบบ เฟิร์สคลาส, บิสซิเนสคลาส, และอีโคโนมิค เครื่องที่มี FC จะเป็นเครื่องลำใหญ่มาก เราบินเที่ยวสั้นๆ ไปชั้นประหยัดก็พอ

10. การสูบบุหรี่ ไม่อนุญาตในสนามบิน หรือบนเครื่องบินแทบทุกลำ อย่าอวดฉลาดคิดว่าดูดในส้วม ใครจะไปรู้

11. การจองตั๋วสายการบินที่ว่าแพงๆล่วงหน้านั้น ถ้าจองทาง Internet ก็จะได้ราคาถูกลงกว่าปกติ แต่ต้องมีบัตรเครดิตแข็งๆ หรือรอโปรโมชั้นก็ได้ ให้สมัครเป็นสมาชิกเว็ปสายการบิน เพราะเขาจะมีข่าวดีมาบอก เคยมีตั๋วแค่ 1 บาทมาแล้ว เราแค่จ่ายค่าค่าภาษีสนามบิน และค่าธรรมเนียมน้ำมัน(ซึ่งปัจจุบันเขาไม่ค่อยคิดกัน)

12. ของในห้องน้ำ เอาไปใช้ได้หมด ทิชชู่ แม้แต่ผ้าอนามัย หยิบฉวยไป 1-2 ชิ้น แต่อย่าขโมยขวดสบู่ หรือน้ำหอม และห้ามใช้ห้องน้ำตอนเครื่องขึ้นลง เขาจะมาตามถึงห้องน้ำเลย

13. พอเครื่องจะขึ้นหรือลง ต้องพับถาดทานอาหารเก็บ จัดเก้าอี้ให้ตรง ถ้าอยู่ริมหน้าต่างก็ต้องเอาแผ่นกันแดดขึ้น แม้ว่าแดดจะส่องจ้าก็ต้องทำ รัดเข็มขัดนิรภัย อย่าประมาทความเร็วของเครื่องบินขณะวิ่งขึ้นและลงเร็วมาก

14. ถ้าใช้สายการบินที่แจกอาหารฟรี อะไรที่ไม่อยากทานตอนนั้น เอาใส่ถุง ออกไปทานนอกสนามบินได้ ขาออกไม่ผ่านเครื่องสแกน พวกมีดและช้อนก็เอาไปได้ เวลาขอเครื่องดื่มฟรี ถ้าเป็นน้ำอัดลม ขอเขาเป็นกระป๋องเลย

15. ตอนเดินเข้าประตูเครื่อง ถ้าเห็นรถวางหนังสือพิมพ์ ให้คว้าหมับเลย ถ้ารอเขาเดินแจก อาจหมด และอย่าอ่านมันหลายๆฉบับ แบ่งคนอื่นอ่านบ้าง จะมีหนังสือเหน็บตรงพนักด้านหน้าเรา อ่านได้ เอากลับบ้านได้ แต่อย่าเอาแผนผังเครื่องบิน หรือคำแนะนำเกี่ยวกับสนามบินไปเลย

17. ถ้าเขาแจกหูฟัง เวลาจะใช้มันเป็นปลั๊ก 2 ขา เสียบดีๆ ไม่เหมือนหูฟัง iPod นะ ต้องคืนเขาตอนเครื่องจะลง อย่าขโมยเอาไป ไม่ได้ใช้กับอะไรหรอก

18. ถ้าหนาว ขอผ้าห่มได้ มันน่าเอากลับบ้านเป็นที่ระลึกมาก ผ้าเนื้อดี ถ้ากล้าทำ ก็ต้องแนบเนียนหน่อย

19. บนศีรษะ สามารถเอากระเป๋าเอกสาร หรือกระเป๋าลากเล็กๆ ยัดเอาไว้ได้ และเดี๋ยวนี้คนโฉดมีเยอะมาก พวกมันขึ้นเครื่องก่อนเรา เอาของใส่บนชั้นของมันไม่พอ มันก็หน้าด้านเอามายัดในกล่องบนศีรษะเรา เราเลยไม่มีที่ใส่ของ ให้แหกปากบอกเจ้าหน้าที่ได้ เขาจะทำอย่างสุภาพที่สุด โดยไม่เอาของไอ้ควายนั้นออกไปหรอก แต่จะพยายามยัดๆๆ ของเราให้ลงไปในนั้นให้ได้ หรือไม่ก็หาช่องใกล้เคียง





สำหรับเรื่องที่ต้องเตือนกัน ในการไป SGP ของคณะทัวร์ของเรา เรียกว่าคำขู่ ก็แล้วกัน

ข้อ1 ไปถึง SGP ต้องปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง หมายความว่าตอนเช้าถ้ามีอาหารเช้า ก็อย่าเผลอตื่นสาย

ข้อ2 ระยะเวลาของเที่ยวบิน ประมาณ 2 ชม.กว่าๆ ขากลับนานนิดหน่อย เพราะกัปตันต้องไม่อยากให้เราถึงบ้านเร็ว อ่านตารางเวลาให้เป็น

ข้อ3 การเก็บกระเป๋า ถ้ามียาประจำตัว ต้องหัดพกยาเม็ด ส่วนยาน้ำเป็นขวดๆ ควรloadไว้ใต้ท้องเครื่องบิน ถ้าเอาของขึ้นเครื่อง (hand carry) พวกของเหลวหรือเจล ถ้าซีลไม่ดี เขาไม่เกรงใจที่จะโยนทิ้งถังขยะต่อหน้าเรา ครีมทาหน้าแพงๆ เขาก็ทิ้ง ถ้าซื้อน้ำหอมในสนามบินเอาขึ้นเครื่องได้ พวกโลหะก็เจ้าปัญหา เครื่องจะร้องติ๊ดๆ จนกว่าจะหาเจอ ทางที่ดีอย่าเอาไปเลย ของอะไรที่ใช้ในห้องน้ำ ไปซื้อที่SGP หาซื้อที่ 7-11ได้ ส่วนน้ำดื่ม เขาให้โยนทิ้งหรือดื่มให้หมด ส่วนรองเท้ามีส้นต้องถอดใส่กล่องให้เขาตรวจ

ข้อ4 ปลายทางที่จะไปลง คือ สนามบิน Changi แต่แตกต่างที่อาคาร (Terminal) ที่สายการบินนั้นๆถูกกำหนดให้ไปจอด ซึ่งไม่ต้องกลัวเพราะเขามีรถไปราง (เหมือนรถลอยฟ้า) วิ่งวนไปทุกตึก ที่ต้องจำคือ จะไปรับกระเป๋าที่ Terminal อะไร ในแผ่นสลิปตั๋ว(boarding pass)ของเรา จะมีบอกเอาไว้ว่าราง (belt) หมายเลขอะไร

ข้อ5 ถ้าไม่มีรถโรงแรมมารับ หรือถ้าแบกกระเป๋ามาใบเดียวและถือขึ้นเครื่องได้ ก็ออกมาหารถ MRT แล้วเข้าเมืองได้เลย ก่อนซื้อตั๋วให้วางแผนว่าจะเที่ยวด้วยรถไฟฟ้ามากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่แน่ใจ ให้ซื้อตั๋วครั้งต่อครั้ง แต่รู้ว่าใช้เยอะก็ซื้อตั๋วพวกการ์ดแม่เหล็ก พวก EZ-card สามารถเติมเงินได้ และยังซื้อสินค้าที่ 7-11 ได้

ข้อ 6 ราคาตั๋ว แบบรวมทุกอย่าง เที่ยวเดียว ปกติ อยู่ที่ ประมาณ 3,000 - 4,000 บาท บางเจ้าอาจถึง 6,000 บาท ทำไมต้องบอกกัน ไม่มีใครซื้อตั๋วไปกลับ แล้วซื้อเพิ่มหรอก? เหตุผล คือ ถ้ามันเกิดเรื่องร้ายๆ ทำให้ต้องบินกลับด่วน จะต้องซื้อตั๋วแพง ควรสำรองเงินสดไว้ด้วย เว้นแต่จะมีบัตรเครดิต

ข้อ 7 การเดินทางไปเที่ยว ในช่วงวันหยุดยาวๆ อาจจะเป็นวันที่ห่วยที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวเปิดจริง แต่ Service Center ต่างๆ ปิดวันอาทิตย์ ราชการไทยก็ปิดด้วย ถ้าไปกับทัวร์ ก็พึ่งไกด์ ถ้าไปกันเอง งานนี้หนาว ส่วนมากมีอยู่เรื่องเดียว ทำ passport หาย

ข้อ 8 ห้ามนำหมากฝรั่งเข้าประเทศ SGP ซุกซ่อนเข้าไปได้แต่ห้ามเคี้ยวบนท้องถนน อันนี้น่าจะมาจากมีคนชอบบ้วนซากหมากฝรั่งลงบนพื้นถนน ท่อระบายน้ำตัน รัฐบาลเลยหักดิบ ห้ามนำเข้า ระวังขนมของลูกๆ จะมีหมากฝรั่งติดกระเป๋าขึ้นเครื่องไป เขาไม่ให้เอาเข้าจริงๆ และไม่ให้บ้วนน้ำลายลงพื้นถนนอีกด้วย




สายการบินจาก BKK ไป SGP มีหลายสาย เราสามารถเลือกได้ แต่ต้องเช็คข้อมูลดีๆ ผมตัดพวกที่ไม่ค่อยชัวร์ เพราะอาจจะยกเลิกบางเที่ยวบินในปีหน้า ดังนั้นจึงเหลือทางเลือกเท่านี้ ขอบอกว่า Low-Cost พยายามแข่งกับ Standard International Service ตลอดเวลา ดังนั้นอีกไม่นานเกินรอ เราก็ได้ไปเที่ยวใกล้ๆด้วยงบประมาณที่ถูกลง






สายที่ 1. ไทยแอร์เอเชีย
//www.airasia.com หรือ //www.airasia.com/site/th/th/home.jsp
โทร...02-5159999 ถ้าเป็นหมู่คณะให้โทร...02-5159888


Thai AirAsia หรือ ไทยแอร์เอซีย ใช้รหัส FD นำหน้าเที่ยวบิน
FD มีสโลแกนว่า “ใครๆ ก็บินได้ – Everyone Can Fly” สายการบินนี้เป็นกลุ่ม สายการบิน Low Cost หรือ Low Price ธุรกิจบริการด้านการบินใช้ต้นทุนสูง แต่ถ้าเราตัดเรื่องโฆษณา เรื่องอาหาร การกำหนดที่นั่ง การโหลดกระเป๋าหนักๆ ค่างจ้างเจ้าหน้าที่แพงๆ ลดการบริการเอาใจลงหน่อย มันก็คือ ลดต้นทุน ในทางกลับกันคนจะกลัวว่า เครื่องบินเก่า กัปตันใหม่ ดังนั้นต้องทำการตลาดให้ดี อย่างในปี 2548 เคยแจกตั๋วฟรี 2 ล้านใบมาแล้ว คงจะจำกันได้ว่า การตลาดของเขาเป็นแบบนอกกรอบตลอด เช่น ทำบัตรเครดิตไทยแอร์เอเชีย การจองตั๋วที่นั่งผ่านเครือโรงหนังเมเจอร์ เช็คช่วยชาติเพิ่มมูลค่า การแข่งประกวดทรงผมของแอร์โฮสเตสเพื่อสร้างเป็นแบรนด์ไอคอน เหมือนสาวๆสิงคโปร์แอร์ไลน์ ด้วยชุดแต่งกายที่สวยงามจนวงการสะเทือน การตลาดต่างๆมาจากสมองของ CEO คนปัจจุบัน

แอร์เอเชีย เป็นสายการบิน Low-Cost รายเดียวที่บริการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเครื่องขึ้น-ลง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ สัญลักษณ์เด่นของเครื่องบิน คือ แพนหางทาสีแดง มี สนญ.อยู่ในกรุงเทพฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2008 ได้เป็นสายการบินแห่งแรกในโลกที่ประกาศไม่คิดค่าธรรมเนียมน้ำมัน ในขณะที่คู่แข่งแทบสิ้นใจเพราะพิษราคาน้ำมัน Jet fuel ทะลุ 50 เหรียญต่อบาร์เรล

เที่ยวบินของFD ไม่มีอาหารหรือเครื่องดื่มแจกให้ฟรี แต่มีขายบนเครื่อง มีบะหมี่ต้มยำกุ้ง หรือซีฟูด ขาย ส่วนของอย่างอื่นก็มี เช่น sandwich ขนมขบเคี้ยวเป็นถุงๆ และน้ำอัดลมกระป๋อง
ค่าตั๋วของ FD ไปกลับ เริ่มต้นที่พันกว่าๆ ต้องบวกภาษีอีก 700 ขึ้นอยู่กับการจองและอายุของตั๋ว


สำหรับเที่ยวบิน FD กรุงเทพ-SGP มีให้เลือกวันละ 4 เที่ยว


เมื่อก่อนตั๋วราคาถูก ต้องบวกราคานี้รวมภาษีสนามบินและค่าธรรมเนียมน้ำมัน ปัจจุบันเสียอีกแค่ 700 B สำหรับภาษีสนามบิน
ผมลองทำการทดลองจองตั๋วทาง Internet แบบปกติ จองช่วง 19 – 25 พ.ย. 2552
ปรากฏว่าได้ขาไป FD3501 07:05 และขากลับ FD 3506 20:40 เครื่องคำนวณเงินให้ดังนี้
ขาไป 1,840 B (ค่าตั๋ว 1,140 + ภาษีสนามบิน 700 B)
ขากลับ 2,300 B (ค่าตั๋ว 1,600 + ภาษีสนามบิน 700 B)
รวมไปกลับ คิดเป็นค่าใช้จ่าย 4,140 B
มีรายละเอียดอีกนิด คือ ถ้าสั่งอาหาร online ล่วงหน้าได้ส่วนลด 20% จองที่นั่งแบบ fixed จ่ายเพิ่ม 50 B สัมภาระที่เกิน ถ้าแจ้งล่วงหน้านำหนักที่เกินนั้นคิดอัตรา 50%
สัมภาระ load มากที่สุด 15 กก. หิ้วขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กก. ถ้าเกินคิดเงิน แต่ต่อรองได้
การจองที่นั่ง ไม่ระบุเลขที่นั่ง ต้องวิ่งไวๆหน่อย ถ้าไม่สนใจว่านั่งท้ายเครื่อง ที่ว่างจะเยอะ จะบอกให้ ส่วนใหญ่คนรอดตายจากเหตุร่อนลงฉุกเฉินร้อยละ 80 เป็นพวกที่นั่งหลับอยู่ท้ายเครื่อง เพราะเครื่องจะเอาท้องลง เว้นกรณีเอาปีกฟาดพื้นข้างเดียว แบบนี้รอดยาก อุ้ยส์

จำนวนเครื่องบิน หรือ ฝูงบิน (ข้อมูลล่าสุด ก.ค. 2552)
Airbus A320-216 (ผู้โดยสาร 180 คน) จำนวน 10 ลำ
Boeing 737-300 (ผู้โดยสาร 148 คน) จำนวน 5 ลำ

ไทยแอร์เอเชีย เปิดบริษัทเมื่อ 8 ธันวาคม ค.ศ.2003 และให้บริการในเดือน ก.พ. 2004 ผมคิดว่าน่าจะเป็นสายการบิน low-cost รายแรกๆที่เปิดตัวในไทย เป็นการร่วมทุน ของสายการบินของมาเลย์ ชื่อ AirAsia ถือหุ้น 49% อีก 50% เป็นของกลุ่ม Shin Corp (ชินคอร์ป) พอปี 2006 นายกทักษิณขายหุ้นให้ Temasek ก็เกิดปัญหาว่า นี่ไม่ใช่สายการบินของไทย แบบนี้ก็อยู่ในไทยไม่ได้ ในเวลาต่อมา Asia Aviation ที่เป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยได้เข้ามาซื้อหุ้นส่วนนี้ไป คงต้องเรียกว่าเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของไทยจริงๆ เพราะเราถือหุ้นมากกว่ามาเลย์ถึง 1% แต่ไม่อยากคิดว่าใครเป็นเจ้าของ Asia Aviation ส่วน 1% เป็นของ ทัศพล แบเลเว็ลด์

FD มี CEO ชื่อ ทัศพล แบเลเว็ลด์ เขาเป็น 1 ใน 50 Young Executive ของนิตยสาร Positioning เป็นหนุ่มหล่อ ลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์ วัย 40 ปี จบตรี-ABAC โท-ธรรมศาสตร์ มีภรรยาสวย 1 ลูกสาวน่ารัก 1 คนๆนี้ มีความคิดนอกกรอบ และกล้านำออกมาใช้ เช่น บัตรเครดิตไทยแอร์เอเชีย, การประกวดทรงผมแอรืโฮสเตส เพื่อสร้าง Business Icon แบบ Singapore Airline ที่มีชุดสวยงาม อีกทั้งโปรโมชั่นใหม่ๆ ฯ






สายที่ 2. ไทยเกอร์แอร์เวย์
//www.tigerairways.com
เบอร์โทร..ยังหาไม่เจอ 555

Tiger Airways หรือ Tiger Airway Private Limited ใช้รหัส TR
TR เป็นสายการบิน low-cost มี สนญ. อยู่ที่ SGP เป็นสายการบินของชาติสิงคโปร์ ถือหุ้นใหญ่โดย บ. Tiger Aviation ในสัดส่วน 49% และยังมี Temasek Holding ถือหุ้นอยู่อีก 11% จึงทำให้ได้เปรียบเพราะได้ทุนจากรัฐบาลSGP
TR เป็นสายการบิน LC ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ มีอาคารจอดเครื่องที่สร้างแบบ operating-cost savings เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องต้นทุน

TR มีเที่ยวบินจาก SGP มาลงไทยหลายจุด เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต กระบี่ และอุดรฯ คิดว่าไม่ต่ำกว่า 122 เที่ยวต่อ 1 สัปดาห์เชียวนะ

บนเครื่องไม่มีอาหารแจกฟรี แต่มีเมนูอาหารให้สั่งซื้อ ได้แก่ บะหมี่พร้อมอุ่นร้อนๆ ซุป sandwich เครื่องดื่มร้อนเย็น แถมยังขายเหล้าบนเครื่องอีกด้วย ถ้าใครอยากดูหนังฟังเพลง เขามีเครื่องเล่นวีซีดี ให้เช่าในราคา 15 เหรียญSGP และต้องคืนเครื่องเล่นก่อนลงจอด ในปี 2006 ได้รางวัล Top Low Cost Airline of The Year จาก CAPA

ฝูงบินสนับสนุนการให้บริการ ประกอบด้วย เครื่องบินใหม่ทั้งหมดครับ (สียังไม่แห้งเลย)
Airbus A320-232 จุผู้โดยสาร 180 คน จำนวน 8 ลำ
Airbus A319-132 จำนวน 2 ลำ จุผู้โดยสาร 156 คน
ตอนนี้ TR กำลังและรอเครื่องใหม่อีก 57 ลำ ในปี ค.ศ. 2011-2014 ซึ่งแปลว่า ต้องมีสายการบิน LC บางรายต้องล้มกิจการแน่นอน



เที่ยวบินจาก BKK ไป SGP มีวันละ 4 เที่ยว แต่ราคาตั๋วบางเที่ยวไม่เท่ากัน
ผมลองจองตั๋วทาง Internet เพื่อไปกลับ 10-16 เม.ย. 53 ได้ผลออกมา
ขาไป TR 2103 08:20-11:45 ราคา 1,070 + 1,745
ขากลับ TR 2102 06:30-07:50 ราคา 1,070 + 1,340
โปรแกรมทำการคำนวณให้ เป็น 2,815 + 2,410 = 5,225 B
แต่ราคาไม่จบ/ลงตัวเท่านั้น เราต้องบอกเขา online ด้วยว่าเราจะโหลดของหรือเปล่า ถ้าไม่มีของ ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ถ้ามีก็ต้องมาจ่าย ถ้าไม่เกิน 15 กก. จ่าย 330 บาท, ถ้าไม่เกิน 20 กก. จ่าย 400 บาท, ถ้าไม่เกิน 25 กก. จ่าย 917 บาท, ถ้าไม่เกิน 30 กก. จ่าย 1,834 B

ที่สนามบินชางงี (ใน SGP) มีอาคารจอดเครื่องบิน ชื่อ Budget Terminal เป็นอาคารที่ลดค่าใช้จ่ายจนทำให้ TR ได้เปรียบผู้อื่น ผมก็ไม่เคยไปที่อาคารนี้ แต่ได้ข่าวมาว่า มีต้นทุนต่ำจริงๆ
แค่ปี 2008 TR ก็เปลี่ยนจากขาดทุนสะสมมาเป็นกำไรสุทธิ

ทำให้คิดถึงภาพว่า เครื่องบินคงจะใช้เชือกกล้วยมัดประตูตอนเครื่องขึ้น บินไปก็เห็นควันดำปี๋ แอร์ฯก็คงอายุ 50-55 ใส่เสื้อยืดคอกระเช้า กางเกงขาก๊วย รองเท้าแตะ ผมเผ้ารุงรัง ผู้โดยสารต้องกระโดดลงจากเครื่อง แล้วเดินไปลากกระเป๋าเดินออกจากใต้ท้องเครื่องเอง จากนั้นก็เดินตากแดด-ตากฝน ไปที่อาคารตรวจคนเข้าเมือง ในตึกนั้น ผ่านประตูบานพับโบราณ (แบบร้านขายเหล้าในหนังคาวบอย) บันไดเลื่อนหรือทางเลื่อนอัตโนมัติคงไม่มี ห้องน้ำไม่มีประตู หรือไม่ก็เป็นส้วมหลุม เอ้า.....เชื่อเข้าไปๆ

TR ก่อตั้งในปี 2003 และได้ทำการเปิดบริการในเดือนสิงหาคม(เดือนแห่งเสือ) ปี ค.ศ. 2004 ธุรกิจเติบโตเร็วมาก สามารถขยายการตลาดได้ดี จนให้บริการผู้โดยสารได้ปีละ 1.2 ล้านคน ในปี 2006 ซึ่งมาจากกลยุทธ์ที่ยอมเสี่ยงทำตามสายการบิน LC อื่นที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมน้ำมัน ทำให้ราคาตั๋วถูกลงมาก

TR พยายามหาทำเลทองในเส้นทางออสเตรเลีย ซึ่งมี Jetstar และ Qantas เป็นเจ้าถิ่น โดย TR ได้ลงไปทำตลาดที่ Perth และ Melbourne จนได้เปิดตัวสายการบินในเครือขึ้นมาอีก ชื่อ Tiger Airways Australia Pty จากนั้นก็ยังตามกระแสเกาหลี TR ขอไปเยือนกรุงโซล และเล็งเป้ากว้างออกไปที่ ญี่ปุ่น จีน มองโกเลีย รัสเซีย มีการโปรโมทข่าวว่า TR จะไปแวะดื่มโสมที่ Incheon Airport แต่งานนี้โดนระงับ ไปอย่างน่าเสียดาย






สายการบินที่ 3. เจ็ทสตาร์
//www.jetstarasia.com หรือ //www.jetstar.com/th/th/index.aspx
ในประเทศไทย เบอร์โทร. 02-2675125 (Hotline 001 800 61 1 2957)
ถ้าอยู่ในสิงคโปร์ โทร +65 6822 2288 (Hotline 800 6161 977)

Jetstar Asia หรือ Jetstar Asia Airways PLd. ใช้รหัสว่า 3K เป็นสายการบิน low-cost ที่มีสนญ. อยู่ที่สิงคโปร์ โดยเป็นบริษัทในเครือของสายการบิน Qantas เป็นสายการบินที่ทำกำไรได้ในเวลาสั้นมาก แม่ว่าจะก่อตั้งในปี 2004 ทั้งนี้คงเป็นเพราะมี Temasek เข้ามาร่วมถือหุ้นอยู่ 19% จุดเด่นของ 3K คือ ไม่ค่อย delay ที่นั่งก็แน่นอน ตรงตาม boarding pass (บัตรยืนยันที่นั่งบนเครื่อง) และเป็นเบาะหนังใหม่เอี่ยม เหมือนนั่งรถเบนซ์ มีการจัดระยะห่างระหว่างแถวที่นั่ง(Seat Pitch) ห่าง 30 นิ้ว ถือว่าใจดีมาก แต่คนอ้วนๆก็ต้องการถึง 34-35 นิ้ว


3K มีเที่ยวบินไปจากBKK ไปกลับ SGP วันละ 3 เที่ยว


ตอนนี้มีแค่ สุวรรณภูมิ กับภูเก็ต เท่านั้นที่ 3K ให้บริการ
ฝูงบินประกอบด้วย Airbus A320-200 จุคนได้ 177 มี 23 ลำ (ข้อมูลเมื่อ ปี 2549) แต่ในโซนเอเชียปจัดเป็น 180 ที่นั่ง เบาะหนัง กว้างและนั่งสบายที่สุดในกลุ่ม LC
ส่วน A330-200 มี 303 ที่นั่ง ใช้บินทางไกล จึงมีห้องชั้น Star Class และชั้นประหยัด เบาะนวมผสมหนังสีเทา
และ Boeing 787-700 ซึ่งใช้บินในออสเตรเลีย
ค่าตั๋วในแต่ละเที่ยวบินในหนึ่งวันไม่เท่ากัน และยังแตกต่างตามระดับการให้บริการ เช่น
JetSaver Light
Jetsaver
JetFlex
ซึ่งจะแตกต่างกันตรงสัมภาระ ในเรื่องน้ำหนักและการลงทะเบียน




จากการทดลองจองทาง Internet
ถ้าเลือกแบบถูกสุดๆ ขาไป 2,100 B และขากลับ 2,669 B เท่ากับ 4,769 B รวมภาษีฯและค่าธรรมเนียมแล้ว ราคานี้ห้ามโหลดกระเป๋า เพราะเลือกเป็น JetSaver Light







เขาจะถามเน้นอีกทีว่า เราเข้าใจเงื่อนไขจริงๆหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนใจตอนเช็คอิน ต้องโดนคิดเงินเพิ่ม

บนเครื่องมีอาหารและเครื่องดื่มขาย เช่นเดียวกับ LC ทั้งหลาย มีอาหารแบบ buy on board ที่อร่อย

การจองตั๋วผ่าน บ.Singapore Package โดยจัดเป็นชุด 3K+Hotel 3D&2N จะได้รถรับ-ส่งสนามบิน แต่จะเป็นโรงแรม 3 ดาว ราคาเริ่มต้นรวมแล้วประมาณ 8,000 B/คน ผมดูจากหน้าเว็ปของ 3K อ่านง่าย เช่น คำโฆษณาว่า "ฟันธงว่าต้องดีกว่าแน่" สงสัยมีคนไทยทำให้

ในปี 2004, 3K ได้เกิดจาการควบรวมสายการบินเดิมคือ ValuAir (VF) ในการถือหุ้นนั้นนอกจาก Qantas ที่ถืออยู่ 49% มี Temasek Holdings ถืออยู่ 19% นอกนั้น(อีก 22+10) เป็นของนักธุรกิจใหญ่ 2 คน ชื่อ Tony Chew กับ FF Wong เรื่องการถือหุ้นนี้ ข้อมูลของผมยังมั่วๆอยู่ เพราะน่าจะเป็น Newstar คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

แรกเริ่มนั้น Jetstar ให้บริการให้ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ก่อน แล้วจึงเริ่มขยายการบินในเอเชีย มี Qantas เป็นผู้จัดการแบ่งสายการบินให้กับทางเอเชีย เพื่อที่จะหาลูกค้าในช่วงแรกๆ
3K ยอมเสี่ยงบินไกลออกไปในรัศมี 5 ชั่วโมง (คู่แข่งบินแค่ 4 ชั่วโมง) ช่วงแรกๆนั้น ก็มีปัญหามากเพราะประเทศที่มีมากกว่า 1 สนามบิน ไม่ยอมให้สายการบิน LC ใช้มากกว่า 1 สนามบิน ตอนแรก 3K ไม่สามารถมาลงกรุงเทพฯ ลงได้ที่พัทยา ด้วยราคาเที่ยวเดียว 725 บาท

3K ยังสืบหาเส้นทางใหม่ๆ เช่น เขมร (พนมเปญและเสียมเรียบ) ได้ผู้โดยสารพอสมควร
เมื่อ 3K ทราบข้อมูลว่า คู่แข่งสามารถทำเงินจากการไปลงที่ภูเก็ต ทำให้ขอเปิดเส้นทางไปภูเก็ตตามบ้าง ต่างชาติไม่กลัวคลื่นยักษ์แล้ว เลยมีนักท่องเที่ยวมาก
เที่ยวบินจากภูเก็ตไปSGP มีเที่ยวเดียว 3K534 09:40, 3K538 22:00 และขากลับ 3K535 06:35, 3K537 20:35

เมื่อเปิดบริการได้ไม่นาน ก็เกิดการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร คนมาใหม่ก็เป็นแค่รักษาการ ทุกอย่างมืดครึ้ม พนักงานหวาดหวั่น พอต้นเดือน ก.พ. 2006 นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ชื่อ Chong Phit Lian ก็ได้เข้ามารับตำแหน่ง CEO อย่างจริงจัง และปีนั้น 3K ก็ได้มาถึงสุวรรณภูมิเป็นเที่ยวแรก ต่อมาในปี 2007 3K ได้ office ใหม่ที่ Termina 2 ใน สนามบินนานาชาติฮ่องกง ทำให้การจองตั๋วและการให้บริการต่างๆทำได้ดียิ่งขึ้น ลูกค้าพอใจ เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนบริษัทได้กำไร แถมมีรางวัลตามมาอีกหลายอัน เช่น Best Asian Low-Cost Carrier (2006&2007) ฯ






สายการบินที่ 4. การบินไทย
//www.thaiairways.co.th หรือ //www.thaiair.com
สนญ. 02-5451000
ศูนย์บริการสำรองที่นั่ง 02 356 1111
Royal Orchid Holidays ทัวร์เอื้องหลวง 02-6282456-7, 02-2887152-3
Royal Orchid Plus 02-3561111

การบินไทย หรือ Thai Airways International Pub Co.,Ltd. ใช้รหัสว่า TG
TG เป็นสายการบินของไทย สนญ.อยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประช... เอ้ย...พันธมิตร Star Alliance เคยได้รับรางวัลจาก Skytrax ให้เป็น Worlds Best Cabin Staff and The Best Airline in the World in 2006 การบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม ถือเป็นรัฐวิสาหกิจใหญ่ของชาติ บริการเที่ยวบินทั้งในและระหว่างประเทศ

เที่ยวบินที่ไม่หยุดพัก หรือ non-stop ที่นานที่สุดของ TG คือบินไป Los Angeles ใช้เวลา 18 ชั่วโมง
การบินไทยมีหุ้นอยู่ใน Nok Air (นกแอร์) ประมาณ 39%


เที่ยวบินจาก BKK ไป SGP มีวันละ 3-5 เที่ยว ต้องตรวจสอบอีกที





การจองตั๋วทาง Internet ถ้าจองแบบปกติแพงเอาการ ต้องหาจาก Royal e-Booking จะมีโปรโมชั่นตั๋วราคาถูก

บนเครื่องมีอาหาร เครื่องดื่ม แจก อย่างแรกก็มีผ้าร้อนให้เช็ดมือ แล้วก็จะแจกหูฟัง
อาหารมี 2 อย่างให้เลือก มักจะเป็นข้าว กับก๋วยเตี๋ยว แต่มีขนมปัง เนย น้ำ และ ผลไม้ เสมอ
น้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือ ไวน์ มีเสิร์ฟ ขอเติมได้

ผมทดลองจองแบบปกติ ไปกลับชั้นประหยัด ได้ ขาไป TG403 ขากลับ TG402 ค่าตั๋ว 6,120 บาท บวกภาษีและค่าธรรมเนียมอีก 3,865 รวมเป็น 9,985 B


ในเดือนต.ค. ปีนี้ มี Big Surprise โดยไปกลับ BKK-SIN แค่ 2,100 B
ต้องจ่ายเพิ่ม ค่าภาษีและอื่นๆ อีก 3,865 B รวมเป็น 5,965 B



หรืออยากได้ Package เราก็ไปหาข้อมูลจากทัวร์เอื้องหลวงได้ ซึ่งตอนนี้ก็มี ชุดสิงคโปร์พาเพลิน ประกอบด้วย
ตั๋วเครื่องบินไปกลับ BKK-SIN
รถรับ-ส่ง สนามบิน-โรงแรม
โรงแรม 2 คืน มีอาหารเช้าด้วย
City tour ครึ่งวัน
โรงแรมมีให้เลือก 3 ระดับ
3 ดาว ได้แก่ Mirama, Allson, และ York ห้องมีทั้ง DLX, Premier, และ Supr ราคาประมาณ 11,615 - 14,560 B
4 ดาว ได้แก่ Holiday Inn Park View, Park Royal on Kitchen, Concorde, Carlton ประมาณ 13,500 - 15,500 B
5 ดาว ได้แก่ Conrad Centennial ห้อง Classic คนละ 15,700 B

จำไว้เลยว่า Package Tour มาตรฐาน เขาจะเป็นห้องคู่ นอน 2 คน ถ้าจะนอนเดี่ยวจ่ายมากกว่า ถ้าจะเสริมเตียงให้ผู้ใหญ่หรือเด็กต้องบอกเขา จ่ายเพิ่ม และไม่เท่ากัน
ถ้าไปแล้ว 2 วันแล้วยังฮันนีมูนไม่เต็มอิ่ม ก็ขออยู่ต่อได้ จ่ายอีกประมาณคืนละ 5,000 B ต่อ 2 หัว (จะคุ้มมั๊ย) แต่ห้ามอยู่ยาวจนเลย 30 วัน

เรื่องนอน 3 คน หรือการเสริมเตียง ผมคิดคร่าวๆให้แบบนี้
ถ้าราคาต่อหัว 12,000 B เพื่อนคนที่3 ที่ให้นอนร่วมด้วยต้องจ่าย 11,000 B ถ้าเขาอยากแยกไปนอนเองคนเดียว เขาก็ต้องจ่าย 17,000 B
ถ้าเรามีเด็กแล้วจะให้นอนรวมเป็น 3 คน จะคิดค่าหัวเด็ก ประมาณครึ่งหนึ่ง เช่น 5,800 B
แนะนำว่าอย่าขอเสริมเตียงเลย นอนแค่วันละ 8 ชม. และ 2 คืนเอง นอนเบียดกันก็ได้

ถ้าจะให้เขาพาไปเที่ยวที่อื่นๆ ต้องบอกล่วงหน้า เขาคิดค่าพาเที่ยว เช่น
เซ็นโตซ่า ครึ่งวัน 1,700 B
ไนท์ซาฟารี ตอนค่ำ 1,300 B
สวนนกจูร่ง ครึ่งวัน 1,000 B
สวนสัตว์ ครึ่งวัน 1,000 B เป็นต้น
ส่วนใหญ่หาอาหารทานเอาเอง มีให้เลือกซื้อเยอะแยะ

ปัจจุบันมีเครื่องประจำการในฝูงบิน ถึง 91 ลำ ของใหม่อีก 11 ลำกำลังมา
เครื่องที่ใหญ่ที่สุดก็จะมาในอนาคต คือ Airbus A380-800 จุได้ 501 คน
ปัจจุบันรุ่นที่ยังจุคนได้มากที่สุดยังเป็นรุ่น Boeing 747-700
รุ่นที่จำนวนเครื่องมากที่สุดคือ Airbus A300-600R มีถึง 17 ลำ
และยังมีเจ้าตัวเล็กที่สุด ATR72 จุได้ 66 คน

มีคำ 2 คำ คือ Royal First Class กับ Royal Silk Class ซึ่งน่าสนใจ RFC มีในเครื่อง Airbus A340-600 และ Boeing 747-400s ห้องโดยสาร First Class มี 8-12 ที่นั่ง มีอาหารให้เลือก 22 แบบ โดยจองล่วงหน้าได้ก่อนขึ้นเครื่อง ระยะห่างเบาะนั่งประมาณ 85 นิ้ว

ส่วน RSC ก็คือ Business Class ใช้กับเครื่อง A340-500, A330 และ Boeing เช่น 777-300, 77-200ER (ซึ่งลำเก่าๆจะก็ไม่มีทีวีให้ดู) ระยะห่างของที่นั่งก็เหลือ 50 นิ้ว
ทั้งสอง RFC และ RSC ได้สิทธิพิเศษมากมาย เช่น เข้าเช็คอินสะดวกและรวดเร็วกว่า ได้นั่งรอที่ห้องรับรองพิเศษ (ขึ้นเลาจ์ได้) โหลดกระเป๋าได้มากถึง 30 กก. เดินขึ้นเครื่องก่อนใคร ได้อ่านหนังสือพิมพ์มากมาย อาหารดีกว่า (โทรมาสั่งก่อน)
พวก RFC นอกจากได้ใช้จาน ช้อน แบบหรูๆ แล้ว เขายังมี Travel Kit แจกให้ด้วย ซึ่งบางลำจัดชุดนอนมาให้ใส่เลย

ประวัติย่อๆของ TA ก็คือ การร่วมทุนของ SAS (Scandinavian Airline) กับ TAC หรือ Thai Airways Co.,Ltd. (บ.เดินอากาศไทย) ในปี ค.ศ. 1960 การบินเป็นทางการครั้งแรกในระดับต่างประเทศก็คือในปี 1971 เป็นเที่ยวบินไป Australia ปีต่อมาจึงไปยุโรป และอเมริกาเหนือ ต่อมาในปี 1977 ฝ่ายไทยขอซื้อหุ้นของ SAS จนหมด ยกเลิกการร่วมทุน และทำการบริหารโดยรัฐบาลไทย ตอนนี้เขาบอกว่าขาดทุน แต่ไฟล์ทเต็มทุกวัน

วันที่เขียนเรื่องนี้ การบินไทยไม่มีใครเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มีแต่ เรืออากาศโท นรหัช พลอยใหญ่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ มานั่งรักษาการ






สายการบินที่ 5. สิงคโปร์แอร์ไลน์
//www.singaporeair.com
Silom Center 02-3536000
Suvannaphumi 02-1342685
Ticketing 02-3536030
Package Tour 02-6327168

Singapore Airline หรือ SIA ใช้รหัสว่า SQ
SQ มีคำขวัญว่า Singapore Airline - A Great Way to Fly

SQ เป็นสายการบินของสิงคโปร์ มีรัฐบาลสิงคโปร์เป็นเจ้าของ มีชื่อเสียงมาก ถือว่าเป็นจอมยุทธ์ด้านการให้บริการทางอากาศ ใน Southeast Asia, East Asia, และ South Asia แถมยังไปบินในเส้นทางของ Qantas ซึ่งเป็นเส้นทางที่เรียกว่า Kangaroo Route ผลงานที่โด่งดังในปัจจุบัน คือ การนำ Airbus A380 จำนวน 10 ลำ ซึ่งมีฉายาว่า Super Jumbo Airbus จุคนได้ 471 คน เข้าประจำการ



เที่ยวบินจาก BKK ไป SGP มีวันละ 4 เที่ยว


ผมลองจอง Eco ไปกลับ ค่าใช้จ่ายประมาณ 8,395 บาท ซึ่งยอมให้เปลี่ยนวันได้

เครื่องบินของ SIA มีทั้งแบบขนส่งสินค้าและบริการผู้โดยสาร
ฝูงบินของ SIA มีถึง 109 ลำ น้องใหม่จะมาอีก 60 แถมยังจะหาทางเพิ่มอีก 59 ในอนาคต เครื่องบินต่างๆ ได้แก่
กลุ่ม Airbus ได้แก่ A330-300, A340-300, A380-800
กลุ่ม Boeing ได้แก่ 747-400, 77-200, 77-200ER, 77-300, 77-300ER
ของใหม่ที่จะมารวมพลได้แก่ A350-900 (20 ลำ) และ Boeing 787-9 (20 ลำ)
รุ่นที่จุคนได้มากที่สุด คือ A380-800 มี 10 ลำ จุคนได้ลำละ 471 คน

ใน SGP มีบริษัททัวร์ ชื่อ Tradewinds Tour ทำงานประสานการท่องเที่ยว ร่วมกับ SQ โดยแยกออกเป็น 2 องค์กรย่อย ชื่อว่า SIA Holiday กับ SilkAir Holiday เราจะสนใจกันที่ SIA Hol. เพราะว่ามีสาขาอยู่ในประเทศไทย
Package Tour – Tradewinds อยู่ที่ไหนไม่รู้ มีเบอร์โทร..02-632-7168 น่าจะที่ ตึกสีลมเซ็นเตอร์ ข้อเสนอของเขาก็มักจะเป็น ตั๋ว+โรงแรม+รถรับส่งสนามบิน

ถ้าใครจะไป SGP ขอแนะนำว่า ให้ไปที่ Singapore Visitors Centre อยู่ที่ตึก ยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ ถ.สีลม โทร.ไปถามได้ที่ 02-6304774-6 ตรงนี้เข้าจะใช้สโลแกนว่า Uniquely Singapore เขามีสำนักงานอยู่ที่ SGP และอีกหลายๆประเทศทั่วโลก ไปแล้วจะได้เอกสารใหม่ๆมากมาย เพื่อเอามาวางแผนการเที่ยวได้ดีมากๆ ผมก็ไปที่นี่มาแล้ว
SQ ยังมีอีกหน่วยงานหนึ่ง ชื่อ Singapore Stopover Holiday ซึ่งที่นี้จะให้ส่วนลดมากมาย และยังมี คูปองทานอาหารในโรงแรมลด 50% แจกตั๋วรถ SIA Hop-on ซึ่งเป็นรถเมล์ปรับอากาศวิ่งวนรอบเมือง มี 2 สาย ยังไม่หมด ยังให้ SIM โทรศัพท์เพื่อใช้ใน SGP และเติมเงินได้ถ้าเงินในหมด ถ้าเป็นช่วงดีๆ เขาจะพาไปเที่ยว ซึ่งอาจจะเป็น Sentosa, National Orchid, River Cruise, Jurong BirdPark, Zoo, หรือ หมู่บ้านพื้นเมือง ถ้าไม่ใช่ช่วงโปรฯ เขาก็อาจจะให้บัตรลดราคา 50% แต่ที่ฟรีๆ เพราะเขาคิดเงินเข้าไปแล้วนะ ของฟรีไม่มีในโลก

สำหรับหางตั๋วเครื่องบิน หรือ Boarding Pass อย่าทิ้งเพราะมีหลายจุดในสิงคโปร์ สามารถเอาไปแลกสิทธิต่างๆได้มากมาย ถึงขั้นทานอาหารฟรีก็มี

SIA ได้เปิดบริษัทขึ้นในปี 1947 มีเที่ยวบินมากมาย อยู่ในกลุ่ม Star Alliance ในปัจจุบันมีเที่ยวบินแบบ non-stop commercial flights ถึง 2 เส้นทางคือ ไป New Jersey และ Los Angeles ด้วย Airbus A340-500 ในด้านการลงทุน SIA มี Temasek คุมอยู่ 54% และ SIA เองก็เข้าถือหุ้นของ Tiger Airways อยู่ 49% จากการจัดลำดับต่างๆมากมาย SIA ได้เป็นลำดับที่ 6 ของ International Airline

ก่อนหน้านี้ในปี 1937 SIA เป็นบริษัทร่วมกับ MAL (Malayan Airline) โดยอยู่ในฟาก Ocean Steamship Co. (Liverpool), Straits Steamship Co. of Singapore และ Imperial Airways เริ่มแรกก็บินแค่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และก็ปีนัง

ในปี 1963 มีการรวมดินแดนระหว่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ ซาบาห์ และซาราวัค เป็น Federation of Malaysia สายการบินจึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า Malaysian Airline หรือ MAS ตอนนั้นก็มีการควบรวมเอา Borneo Airways เข้ามาด้วย แต่พอปี 1966 สิงคโปร์ได้แยกตัวออกไปเป็นอีกรัฐ ทำให้มีการขอเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Malaysia-Singapore Airlines (MSA)

ในปี 1972 ประเทศมาเลย์กับSGP เกิดความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ MSA หยุดให้บริการ มีการผ่าบริษัท มีการแย่งเครื่องบิน และมีเรื่องราวต่างๆมากมาย ยิ่งกว่าละคร มาเลย์กลับไปใช้ชื่อ MAS และสิงคโปร์ก็ใช้ชื่อ SIA ขึ้นมาอีกที มีการทำการตลาด หาคำขวัญ สร้างความแตกต่าง แม้กระทั้งชุดที่มองแล้วรู้ว่าหุ่นดีมากๆ ของสาวแอร์โฮสเตส ซึ่งต้องเรียกเธอว่า Air Stewardess โดยเป็นผลงานของ Pierre Balmain ดีไซเนอร์ดังของฝรั่งเศส มาออกแบบ sarong กับ kebaya-clad และ คำแรกในโลกก็ได้เกิดใหม่ และเป็น business icon อีกด้วย คำนั้น คือSingapore Girls คนครึ่งค่อนโลกพูดถึงชุดที่สวยงามนี้ จนต้องนำไปแสดงในพิพิธภัณฑ์ Madame Tussaud ใน London

หลายๆคนเชื่อว่าไปเที่ยว SGP ก็ต้องใช้บริการ Singapore Airline เรื่องนี้ก็มีส่วนจริง เพราะเขาบริการดี ได้เปรียบเรื่องการเที่ยบท่าบิน (เดินไม่ไกล) ฯ และผมก็ชอบเลือกSQ แต่เหตุผลของคนเราย่อมต่างกันได้ ผมได้ไปเพราะ บ.เป็นคนจ่าย กับผมไปเที่ยวเองก็เลือก SQ เพราะมีเด็กหรือคนแก่ไปด้วย แต่ถ้าถามว่า ไปเอง 2 คน จะเลือกอะไร? ผมก็คงเลือก LC ของไทย ดีกว่าเพราะจะได้มีเงินเอาไว้ทานอาหารอร่อยๆ






สายการบินที่ 6. คาเธย์แปซิฟิค
//www.cathaypacific.com/th


Cathay Pacific Airways Ltd. มีรหัสว่า CX
CX เป็นสายการบินของฮ่องกง มีสนญ. อยู่ที่ Hong Kong International Airport เป็นสายการบินพันธมิตรกลุ่ม Oneworld มีการให้บริการรับส่งผู้โดยสารและสินค้า 144 จุดหมาย ภายใน 36 ประเทศทั่วโลก โดยมีเที่ยวบินในจีนถึง 17 แห่ง ให้บริการกรุงเทพฯ-ฮ่องกง 35 เที่ยวต่อสัปดาห์ (ไว้ไปทัวร์ฮ่องกง คงได้เขียนเรื่องนี้อีก) และยังมีสายการบินในเครือชื่อ Dragonair กับ Air Hong Kong ซึ่งดราก้อนแอร์ พาคนจากภูเก็ตไปฮ่องกง 9 เที่ยวต่อสัปดาห์

แต่เที่ยวบิน CX จาก BKK ไป SGP มีวันละเที่ยว และคิดว่าเป็นครื่องที่บินมาจากฮ่องกงแล้วมารับคนเพิ่ม การจองตั๋วจึงลำบากนิดหน่อย
เที่ยวบินขาไป CX713 12:45 ส่วนเที่ยวบินขากลับ CX712 13:55






เรื่องการจองตั๋วของ CX ผมลองดูแล้ว เลือก economy ไปกลับ 13-20 พ.ย. 52 เขามีทางเลือกแปลกๆ ออกไปดังนี้คือ เราสามารถเลือกได้ 1 ใน 5 แบบ คือ
Eco Save,
Eco Special,
Eco Core,
Eco Standard,
และ Eco Flex

ผมขออธิบายบางอัน คือ Eco Save คือตั๋ว ถูกที่สุด อยู่ที่ 4,500 B ส่วน Eco Standard อันนี้มีการยืดหยุ่นได้ ราคาอยู่ที่ 9,000 B แต่แบบ Eco Flex นั้นแพงที่สุดคือ 26,525 B

CX มีเครื่องบิน 2 ลักษณะ
งานขนส่ง มีเครื่องอยู่ 25 ลำ (รอของใหม่อีก 10 ลำ)
งานบริการผู้โดยสาร มีเครื่องบินอยู่ 98 ลำ (รอของใหม่อีก 27 ลำ)
กลุ่ม Airbus ได้แก่ A330-300 32 ลำ (รอลำใหม่ 8 ลำ), A340-300 15 ลำ
กลุ่ม Boeing ได้แก่ 747-400 23 ลำ, 777-200 5 ลำ, 777-300 12 ลำ, และ 777-300ER (รอลำใหม่ 19 ลำ)

CX เปิดธุรกิจเมื่อ 24 ก.ย. 1946 ด้วยตำนานว่า อดีตนักบินอเมริกันชื่อ Roy C Farrell ชวนอดีตนักบินออสเตรเลียชื่อ Sydney H de Kantzow ไปจดทะเบียนบริษัทเป็นธุรกิจสายการบินด้วยเงินเพียง 1 เหรียญฮ่องกง (ในสมัยนั้น) 1 ใน 2 คนนี้เป็นคนคิดตั้งชื่อคำว่า Cathay Pacific ด้วยเหตุผลที่คนรุ่นหลังก็บอกกันว่า Cathay หมายถึง จีน เป็นคำโบราณ ส่วนคำว่า Pacific นี้เป็นคำที่ Farrell ชอบมามาก เพราะเขาฝันจะให้มีการบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคในช่วงชีวิตของเขาให้ได้

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ CX คือ บ. Swire Pacific ซึ่งเป็นกลุ่มทุนของอังกฤษ มีสนญ. อยู่ที่ London บริษัทนี้เป็นเจ้าพ่อในวงการขนส่งทางเรือเดินสมุทร รวมทั้งทางรถยนต์ แถมยังมีหุ้นในอุตสาหกรรมการเกษตร เช่น Taikoo Cube Sugar คำว่า Swire ถ้าภาษาจีนจะอ่านออกเสียงว่า Taikoo

ข่าวล่าสุด ในปี 2009, เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2552 มีข่าวจาก DC Consultants ฯ แจ้งมาว่า คาเธ่ย์ฯ ได้รับรางวัล สายการบินคุณภาพในปี 2009 เป็นปีที่สองติดกัน และ คาเธ่ย์ฯยังได้รับรางวัล ชื่อ RRG Travel Awards 2009 ในฐานะสายการบินยอดเยี่ยมประเภทชั้นธุรกิจ (Business Class) จาก บ. ทีทีจี มีเดีย เอเชีย ยักษ์ใหญ่แห่งสื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำด้านการท่องเที่ยว และเป็นผู้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวที่สำคัญในเอเชียแปซิฟิก โดยรางวัลนี้ คาร์เธ่ย์ฯได้เป็นปีที่ 2 ติดกัน (เหมือนประกวดนางงามจักรวาลปี 2009 เลย) และ ในปีนี้ SKYTRAX World Airline Awards ได้มอบรางวัล The 2009 Airline of the Year เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 10 ปี ให้กับ CX อีกด้วย นับว่าเป็นสายการบินคุณภาพจริงๆ

นอกจากรับรางวัลแล้ว CX ก็ยังมอบรางวัลให้ผู้อื่น เช่น รางวัล The Wings Awards ให้กับผู้ประสบความสำเร็จในการลงทุนทำธุริจในฮ่องกง เพราะเท่ากับเสริมให้มีการเดินทางติดต่อระหว่างไทยและฮ่องกงมากยิ่งขึ้น คิดแบบนี้ก็ Win+Win





ยังมีอีก 2 - 3 สายการบิน ไว้จะค่อยๆ เอามาเพิ่มเติมให้ ถ้าได้ข้อมูลชัวร์ๆก่อน

zOOmzERo2009









 

Create Date : 17 ตุลาคม 2552
37 comments
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:18:43 น.
Counter : 2411 Pageviews.

 

ข้อมูลเยอะจริงๆ ขอบคุณครับ

 

โดย: ใบไม้ต้องลม 17 ตุลาคม 2552 22:50:41 น.  

 

To "ใบไม้ต้องลม"

ได้แวะไปเยี่ยม blog ของคุณมาแล้วนะครับ
ขอเก็บ comment ของตัวผมเองไว้ตรงนี้

"น่าคิดเหมือนกันที่ ท่านรุสโซ เห็นว่า มนุษย์จริงๆ มีความต้องการพื้นฐานเพียงไม่กี่อย่าง
ทำให้มองไปที่ภาพทารกแรกเกิด
อือ...เขาต้องการแค่อาหาร ที่พัก และความเอาใจใส่เรื่องสุขอนามัย เท่านั้น?
พอวัยเปลี่ยน ความต้องการพื้นฐานก็ถูกเติมด้วยสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ฯ
แล้วจะลดความต้องการได้อย่างไร นี่ซิ น่าคิด"


saddlebrown 8B4513

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 18 ตุลาคม 2552 7:58:48 น.  

 

กลับมาแล้วคร้าพี่ชายขาาาาาาา แขนไม่เอา กลับมาก็รีบวิ่งมายั่วยวนพี่ชายก่อนเลยอย่างรวดเร็ว อุอุ ไปตามอ่านที่ตอบเม้นท์ในบ๊อกก่องมาแว๊วน้า อ่านไปอ่านมา อ่านมาอ่านไป ไม่เข้าใจ ช่วงมันเถอะ อย่าไปเข้าใจอะไรที่พี่ชายบ่นเลยเน๊อะ เหอะ ๆ บ่นไปเต๊อะ น้องสาวก็ทำหูทวนลมต่อปาย ไม่รุ๊ ไม่ชี๊ แบร่

นู๋ไปทอดกฐิน มาบุญใหญ่แห่งปีมา เพราะต้องการขออะไรใหญ่ ๆ อ่ะคร้า มะได้หวังอะไรมากเลย แค่ขอให้หาแฟนหล่อ ๆ ล่ำ ๆ และร่ำรวย มีเวลาให้ มาคอยเอาใจแบบมีนอนกินนอนใช้ตลอดปีละ 368 วัน ไปไหนไม่ต้องเดินอุ้มแล้วก็เป็นแขนเป็นขาให้ด้วยเลย เอาแบบนี้ซัก 30 คน สลับกันมาบริการวันละคนก็พอเจ้าค่ะ อ้อไม่ลืมพี่ชายนะคะ เอาบุญมาฝากด้วยค่ะ นู๋อธิฐานเผื่อพี่ชายด้วยแน่นอนค่ะ ไม่ต้องห่วง ไม่ลืมกันแน่นอนค่ะ อิอิ แต่อธิฐานเผื่อพี่ชายว่า ขอให้พี่ชายอยู่ดีกินดี อ้วนท้วนและสมบูรณ์ตลอดไปค่ะ ที่ที่มีอะไรอยู่แล้วให้มีเพิ่มเป็นสิบเป็นร้อยเท่าค่ะ (เช่นความอ้วน หรือความลำบาก อะไรประมาณนี้ งิงิ) เอ๊ะ นู๋อธิฐานเผื่อให้ถูกใจรึเปล่าค่ะนี่ ^_^ อ๊ะ ๆ ไม่ต้องขอบใจกันนะคะ นู๋เต็มใจ๊ เต็มใจ งิงิ

เรื่องสิงคโปร์ยังขี้เกียจอ่าน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปแอบอ่านเวลางานเอา อุอุ เวลาไม่ทำงานไม่ค่อยอยากอ่าน มีรายป่าว อุอุ เอาเวลาไปคุยกะกิ๊ก ๆ ดีฝ่า :P ว่าแต่ทำไมต้องย่อว่า SGP ด้วยอ่ะ เอา sg หรือ สิงหา สิงห่า แบบที่ฝรั่งเรียกเบียร์ไทยของเราได้มิ :P (ว่าแต่มีคำไม่สุภาพจะโดนแบนมั๊ยเนี่ยะ หึหึ)

มาบ่นต่อท้ายอีกนิด บอกว่าให้ไปปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้ด้วยตอนนู๋ไม่อยู่ไงคะ ไม่มีเลยซักเม้นท์ ชิ งอลแว๊ว มัวแต่ไปวิ่งเล่นบ้านสาว ๆ กิ๊ก ๆ ใหม่ ๆ ล่ะสิ เชอะ

คิดถึงมากมายนะคะ จุ๊บ ๆ ๆ ^_^

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวตัวแสบ IP: 125.24.146.136 19 ตุลาคม 2552 0:19:01 น.  

 

To "นู๋ Beee"
Welcome เวลกำ เวลกรรม เว...ฯ

โมทนาสาธุ ขอให้ได้บุญเยอะๆ
Comment ของพี่ ที่ Entry ก่อนหน้านี้
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรนะ ไว้เจอใครเรียนจบดอกเตอร์ก็ให้เขาช่วยแปลให้ก็แล้วกัน 555

เรื่องไม่ได้เข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ้านของนู๋
ก็เพราะดูจากเรื่องที่เอามาลงแล้ว มันป่วนอะไรไม่ได้เลย
แถมแฟนคลับของเราก็แหล่มๆทั้งนั้น
บางคนเอารูปพระพุทธรูปมาลง
บางคนเอาพระสงฆ์มาอ้างอิง เชิญชวนทำบุญ
แสงออร่าของแต่ละท่าน ดุจเทพมาโปรด
ขืนเข้าไปซ่าส์ ศพจะไม่สวย
รู้ๆกันอยู่ว่าคนใจบุญสมัยนี้ เขาโกรธแรง เพราะใจเขาสง๊บสงบ

เรื่องตัวย่อ SGP เพราะเขียนหลายๆ section
พอเอามารวมเป็น 1 entry มันเกิน 40,000 ตัวอักษร
Bloggang ไม่ยอมรับ ต้องมานั่ง revise กันใหม่ เสียเวลาไป 3 วัน
เลยต้่องหาตัวย่อบ้าง แต่งใหม่บ้าง
และตัดทิ้งไปเกือบ 30% ก็เหลือแบบไม่ค่อยกวนเท่าไหร่
ทำให้อ่านแล้วผิดแนว concept

fuchsia FF00FF

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 19 ตุลาคม 2552 11:31:36 น.  

 

เขียนอะไรยืดยาว
ระวังเถอะ ไม่ตามกระแส ตามแนวชาวบ้าน
เบื้องหลังไม่สำคัญ
ขอเบื้องหน้าหวานแหวว แบ๊วแบ๊ว ก็พอ

 

โดย: สามานย์ชน - Vulgarian IP: 124.122.120.71 21 ตุลาคม 2552 13:00:17 น.  

 

แวะมาทักทายก่อนหยุดยาวค่ะ

พี่ลุงซูม หุบเขาจะเป็นไอติมได้ไงคะ คิคิ

ไปล่ะ วันนี้วุ่นวายเตรียมประชุม

ถ้าว่างค่อยกลับมาอ่านล่ะกัน

วันนี้ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ เพราะว่ายังไม่ได้อ่าน

ทักทายก่อนละกันค่ะ

หยุดหลายวันเที่ยวให้หนุกหนานนะค่ะ ทุกคน

 

โดย: หนูหลิน IP: 118.172.36.29 22 ตุลาคม 2552 16:53:42 น.  

 

มาแล้วคร้า แห่ะ ๆ สองวันนี้ชีพจรลงเท้า เริ่มปฏิบัติการเดินสายสับรางวุ่นวายอีกแล้วค่ะ พอดีได้ทำงานที่ใหม่ เป็นพนักงานสับรางรถไฟของการรถไฟ *-* แถมยังทะเลาะกับคอมพิวเตอร์อีกค่ะ แบบว่า เมนบอร์ดนู๋มันรุ่นเก่าอ่านะ ที่ใช้กับ pentium 4 แล้วบังเอิญไปซื้อต่อ HD 500G จากกิ๊กมา พอเสียบลงเครื่องแล้ว มันดั๊นไม่เห็นกันค่ะ สงสัยไม่รู้จักกัน ไม่อยากรู้จักกัน หรือไม่ถูกกัน หรือยังไงกันก็ไม่รู้เหมือนกัน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคนี่ก็ทะเลาะกันเป็นด้วยเน๊อะ เหอะ ๆ ลำบากเราเลยสิทีนี้ *-* วันนี้กิ๊กอีกคนมาทำให้จนเห็น HD ใหม่ใน bios แล้วเชียว แต่พอซักพักมันก็ไม่เห็นอีกแล้ว แง่ะ ทำอยู่นาน จนเหนื่อยเลยปล่อยเขากลับบ้านไปแล้ว *-* บีก็พยายามทำเองมาเป็นเดือนแล้วยังไม่สำเร็จ ปวดหัวกะมานอยู่ ทุกวันนี้ HD ที่ใช้อยู่ก็เต็มพิกัดแล้ว เฮ้อ

เหนื่อยจังค่ะ แวะมาทักทายคุยกับพี่ชายแก้คิดถึงก่อน เดี๋ยวไปเช็คอีเมล์อีกร้อยกว่าเมล์ต่อนะก๊ะ จุ๊บ ๆ ๆ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.130.211 22 ตุลาคม 2552 20:48:16 น.  

 

อ้าว มานั่งอ่าน ตอนที่ 5 ของพี่ชายพูดถึงรถไฟด้วยพอดีกันเลยวุ้ย 555 ว่าแต่อ่านการเดินทางแต่ละอย่างที่พี่ชายว่ามาแล้ว บีว่ายังเหลืออีกหลายทางนะคะ อย่างสมัยโบราณเขาไปกันยังไงน้า นอกจากทางเรือแล้วก็คงทางเท้าแบบค่อย ๆ เดินไป หนังไทยไม่ค่อยเห็นแต่ถ้ามีคนเป็นแนวลากเกวียนไปเน๊อะ คิคิ ส่วนหนังจีนแบบจอมยุทธ์ก็คงเดินท่องยุทธภพไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึง อุอุ (ไปกันใหญ่แระ)

พี่ชายอธิบายรายละเอียดได้ละเอียดดีค่ะ

หึหึ อ่านข้อต่อ ๆ มาหลาย ๆ ข้อรู้สึกว่ามีการแนะนำให้หยิบฉวยสิ่งของโน่นนี่นั่นด้วยนะนี่ ว่าอันไหนหยิบไปได้ อันไหนไม่ได้ อะไรเนี่ยะ *-* ให้เลาะเก้าอี้ที่นั่งลงเครื่องไปเอนนอนต่อที่บ้านด้วยเลยมั๊ยคะ คิคิ จะว่าไปแล้วนะ ถึงจะไม่เคยขึ้นเครื่องบินก็เถอะ แต่คนที่ชอบหยิบของอะไรที่ไม่ควรหยิบ หรืออะไรพวกนี้ก็เห็นกันเยอะแยะจริง ๆ นะ ไม่ว่าจะในรถทัวร์ เครื่องบิน หรือแม้แต่เวลาไปพักตามโรงแรมต่าง ๆ อะไรเนี่ยะ บางคนถึงขนาดทำเป็นนิสัยแล้วสะสม collection โลโก้สถานที่หรือของสายการบินต่าง ๆ กันเลยก็ยังมี ทำไปได้ *-* ท่าทางจะเป็นงานอดิเรกแบบใหม่ของพวกคุณหญิงคุณนายที่มีเงินไปเที่ยว แต่ขอเอาให้คุ้มเงินที่สุดอะไรประมาณนั้นเลย หรือไม่ก็คงทุ่มเงินมาซื้อตั๋วหมดแล้ว จนถึงขนาดว่า ที่บ้านขาดแคลนหมอน ผ้าห่ม อะไรทั้งหลายต้องไปหาเอาจากที่เหล่านี้แทนอะไรประมาณนั้น เหอะ ๆ แค่เรื่องนี้สงสัยจะเม้าท์กันได้อีกหลายวันเน๊อะคะ ^_^

อ่า เรื่องการขึ้นเครื่องนี่ดูท่าทางวุ่นวายดีแท้นะคะ พวกของเหลวห้ามเอาขึ้นเหย๋อ ว่าแต่รองเท้ามีส้นนี่ก็หมายถึงรองเท้าส้นสูงด้วยเหรอคะ งี้ก็ต้องเดินเท้าเปล่ากันสิเนี่ยะ *-*

อ่านเรื่องสายการบินต่าง ๆ แล้วที่มีตัวอย่างการจองในเน็ตแล้วก็น่าแปลกใจจังคะ ที่ทำไมขาไปและขากลับต้องคนละราคาด้วยหว่า ในเมื่อระยะทางก็เท่ากันแท้ ๆ เน๊อะไม่เข้าใจเลย ส่วนเรื่องแจ้งน้ำหนักของที่จะ load ขึ้นเครื่องก่อนแล้วได้ส่วนลด 50% หรือจองล่วงหน้าอะไรบางอย่างก่อนแล้วได้ส่วนลดนี่ก็ดีนะคะ ส่วนใหญ่ก็ทำแบบนี้กันซะเยอะ พูดถึงเรื่องโหลดของน้ำหนักเกินขึ้นเครื่องตลอดแล้ว ใคร ๆ อาจจะคิดว่าเวอร์หรือจะซื้ออะไรกลับมากันมากมาย แต่พอพูดเรื่องนี่ทีไรบีนึกถึงปุ๋ย BB2 ทุกทีค่ะ เพราะเจ้าปุ๋ยนี่แหล่ะ ขาโหลดของน้ำหนักเกินตลอดทุกเที่ยวบินจริง ๆ เลย เหอะ ๆ ก็ล่อเอาไปทั้งชุดไทยที่ต้องรำหนัก ๆ ทั้งนั้น บางทีต้องแบกกลอง หรือเครื่องดนตรีไทยยกเซ็ทอีกต่างหาก ทำไปได้ แถมคุณเธอไปอังกฤษเธอยังสามารถใส่ชุดทำเต็มยศ แต่งหน้าเตรียมพร้อม แถมยังแบกกลองสะบัดชัยขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปถึงที่หมายที่จะไปแสดงได้ด้วยนะ ทำไปได้ ฝรั่งมองกันทั้งขบวนรถ หึหึ สงสัยกลัวไม่ดัง งิงิ เท่ห์และเก๋ดีจริง ๆ ให้ตายสิ เดี๋ยวถ้านู๋กับพี่ชายมีโอกาสไปเมืองนอกด้วยกันต้องหาชุดเด็ด ๆ ใส่แล้วทำมั่งน่าจะเก๋นะคะ งิงิ

มาคราวนี้ยาวได้จุใจและข้อมูลละเอียดยิบของแต่ละสายการบินดีจริง ๆ ค่ะ บางสายการบินอย่าง jetstar หรือ tigerair นี่ไม่เคยได้ยินหรือรู้จักมาก่อนก็ได้รู้จัก แถมยังละเอียดถึงที่มาที่ไปของสารการบิน ผู้บริหาร เปอร์เซ็นต์หุ้นส่วนกันเลยทีเดียว ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นะคะ ^_^ มีพี่ชายขยันหาข้อมูลมาให้ ส่วนนู๋เป็นยัยน้องสาวจอมขี้เกียจก็ได้อ่านเรื่องราวละเอียด ๆ แบบไม่ต้องหาข้อมูล งิงิ

อ่า พออ่านมาถึง TG แล้วพูดเรื่องห้องพักในโรงแรมต้องจ่ายเงินเพิ่มอะไรนี่ อยากจะสารรูป เอ๊ย สารภาพว่าเมื่อ 7-8 ปีก่อนตอนที่เดินทางไปทำตลาดที่ภูเก็ตเป็นหมู่คณะกับพี่ ๆ หลาย ๆ ท่าน ทั้งหมดประมาณ 8 คน ก็มีคุณพี่ความคิดโฉดคนหนึ่งคิดว่า มากันเยอะถ้าพักห้องละ 2 คนค่าใช้จ่ายอานแน่เพราะไปอยู่กันเป็นอาทิตย์ และเปลี่ยนจังหวัดไปเรื่อย ๆ หลายที่ทีเดียว ก็เลยกลายเป็นว่า เช็คอินแค่ 2 ห้องค่ะ แยกแค่ชายห้อง หญิงห้อง ห้องละ 4 คน โดยเวลาเช็คอินก็ไปเสนอหน้าแค่ 4 คน สำหรับ 2 ห้อง อีก 4 คนที่เหลือรอในรถ แล้วซักพักพอกลุ่มแรกที่ลงไปเสนอหน้ารู้ห้องแล้ว ก็ค่อยแบกกระเป๋าเดินตามขึ้นห้องไป เตียงก็เอาเตียงสองเตียงมาชนติดกันนอนเบียดได้ 4 คนพอดี หึหึ ทำไปได้เน๊อะ *-* แต่ก็ทำไปแล้วหล่ะ แห่ะ ๆ

อ่า อ่านจบจนได้ค่ะ กว่าจะจบเหนื่อยเลย ยังมีอีกหลายสายการบินเหรอคะ งั้นรอภาคต่อไปค่ะ กำลังสนุกเลยเชียว ขอบคุณสำหรับข้อมูลอีกรอบนะคะ จุ๊บ ๆ ๆ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวตัวแสบ IP: 125.24.130.211 22 ตุลาคม 2552 21:54:57 น.  

 

สวัสดีวันหยุดพิเศษคร้า ^_^

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมยุ่ง IP: 125.24.130.211 23 ตุลาคม 2552 12:46:55 น.  

 

To "หนูหลิน"
ถูกต้องหุบเขาฯไม่มีทางเป็นไอติม
เฮ้ย...ไม่ใช่
เขาเขียนประชดประชันกระทบกระเทียบเปรียบเปรยยะ
หมายฟาย เอ้ย!หมายฟาม เอ้ย!หมายความว่า
ไม่ต้องมาออดอ้อน หว่านหวาน กันหรอก
ยังไงจอมมารก็เป็นมารถ่อยๆไม่อร่อยแบบนี้ไปจนนิพพานโน้นแหละโยม
เอาเนื้อๆเลือดโชกๆมาโขกกันเลย
ขออย่างเดียว ขอความจริงใจ อย่ามาไก่กา

เขาว่าชาวบ้านในหุบเขาฯ ไม่มีวันพัฒนาเพราะไม่ผ่านนิสัย 3 อย่างคือ
1 ต้องอ่านมากๆ
2 ต้องคิดมากๆ
3 ต้องออกความเห็นที่ดีมากๆ
พวกเราไม่อ่านมาก แต่คิดมาก และออกความเห็นมากๆๆๆ จนน่ากลัว
อย่างไรก็กลับมาอ่านที่ลุงเขียนไว้ให้หมดนะจ๊ะ
อ้อ...หนังที่เอามาฉายก็สนุกพอๆกับเรื่องที่เขียนด้วยหละ ขอบอก

ที่เตรียมประชุมนี่ สงสัยประชุมเพิ่มค่าเทอมกันหรือเปล่า?
สัปดาห์หน้า เจอกันใหม่นะคุณครูหนูหลิน

MediumVioletRed C71585

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 24 ตุลาคม 2552 16:21:31 น.  

 

To "นู๋Beee"
คนเดียว 3 comments เลยนะ

เรื่องแรก
พี่ว่าเรื่อง ฮาร์ดดิสมันกลายเป็นฮาร์ดจ๊อบ ไปแล้วนะ
เห็นว่าเอา HDD มาใส่เครื่องแล้ว มันเมิน ไม่ยอมมองหน้ากันมานานเป็นเดือนๆแล้วนี่
ป่านนี้มันยังไม่ยอมใจอ่อนยอมรับกันอีกเหรอ
มีทางเดียวน้อง ต้องข่มขืน เดี๋ยว CPU มันก็ยอมรับกันเอง 555
ของพี่นะ แค่เดินถือ HDD ผ่านกันห่างๆ จอคอมฯมันก็ทำท่าวูบวาบ สว่างๆดับๆเลยหละ (แปลว่ามันทักทายกัน)
ในเครื่องพี่ ตอนนี้มีฮาร์ดดิสอยู่ 3 อัน เป็นของเก่าของชาวบ้านทิ้งแล้วทั้งนั้น
ก็ของๆคนที่คลิ๊กง่ายๆก็สบายๆแบบนี้
แฟนใครเผลอ ภรรยาใครโดนทิ้ง เรารับดูแลหมด 555
ขนาดสาวๆเขามาครวญครางไม่มีค่าเทอม ทั้งๆที่ๆไม่เคยเห็นเขาแต่งชุดนักศึกษาเลย
พี่ยังใจอ่อนเป็นวุ้นในมะพร้าวอ่อน ช่วยไปหลายหมื่นเชียวนะ (เกี่ยวกันมั๊ยเรื่องนี้)

เรื่องที่สอง
นี่...ไปสิงคโปร์ เธอจะไปทางเกวียนหรือเดินเท้าจริงๆหรือ?
แล้วตอนที่ผ่าน 3 จังหวัดภาคใต้ เธอจะทำอย่างไร
มีหวังโดนระเบิดรีโมทจุดด้วยโทรศัพท์มือถือพาไปชมยมโลกหรอกยะ

เรื่องหยิบฉวยของจากโรงแรม หรือในเครื่องบินนั้น พี่ชำนาญมาก
ในเครื่องบินไม่ขอพูดเพราะเขียนเอาไว้แล้ว
มาเรื่องของในโรงแรม
ขั้นแรกต้องเอาของกินที่เขาเตรียมมาออกจากตู้ให้หมด เอาไปกองไว้บนหลังตู้เย็นนั้นแหละ
เหลือไว้แต่น้ำเปล่า 2 ขวด จากนั้นเราค่อยไปซื้อน้ำและขนมจาก 7-11 มาโซ้ยกันให้พุงปลิ้น
พวกซองชา กาแฟ น้ำตาล ครีมเทียม เก็บกลับบ้านได้หมด
สบู่ ยาสระผม เอากลับไปก็ไม่ได้ใช้ แถมอาจจะหกเลอะกระเป๋าเดินทางอีกต่างหาก ของพวกนี้ราคาไม่กี่บาท ทิ้งไปเถอะ
แต่โรงแรมพวกสปา ดันทำขวดยาสระผมกับสบู่อันเบ่อเร่อ คิดอยู่หลายรอบว่าจะเอากลับบ้านดีมั๊ย
แต่ก็โดนนายหญิงดุเอาทุกที เพราะที่บ้านซื้อสบู่ ยาสระผม ยานวดผม ซื้อมากันเป็นแกลลอนากแมคโคร ใช้กันเกือบปียังไม่หมดเลย
แต่ผ้าขนหนู กับชุดคลุมนอนนี่ซิ เห็นแล้วอยากได้จัง ถ้าไปเป็นกรุ๊ปทัวร์ เขาจะคิดค่าของหายกับทัวร์ ทัวร์ก็จะมาทวงเราอีกที
ถ้าไปเองเขาจะทวงมาทางโทรศัพท์และผ่านบัตรเครดิต (เพราะเขารู้เลขบัตรเครดิตและบัตรประชาชนของเรา) อย่างไรก็อย่าทำเลย
ทั้งเลวและปัญญาอ่อนมากๆที่คิดว่าเขาคงจะไม่รู้ และเผลอๆแม่บ้านที่โรงแรมคงจะโดนดุและหักเงินเดือนอีกด้วย อย่าๆๆๆๆ

เรื่องผ่านเครื่องสแกน
รองเท้ามีส้น โดนตรวจหมด ต้องเดินเท้าเปล่าข้ามไปเอาอีกฝั่ง แต่พื้นเขาเป็นพรมไม่ใช่หินกรวดอะไร เดินได้สบาย
พี่โดนครั้งแรกที่ปารีส ต่อมาก็อิตาลี นี่ก็มาเจอไทย และสิงคโปร์ แปลว่า เขาทำเป็นสากลไปแล้ว
สาเหตุเพราะเคยมีคนเอาระเบิด C4 ซ่อนเอาไว้ในส้นรองเท้ามาแล้ว
ความจริงมีการก่อวินาศกรรมกับเครื่องบินอีกหลายสิบครั้ง แต่เขาพยายามปิด เพราะไม่อย่างนั้นคนคงเลิกขึ้นเครื่องบินไปเลย
แต่จริงๆแล้ว พวกช่างซ่อมบำรุงนี่แหละ ที่สามารถเข้านอกออกในเครื่องบินได้หมดทุกซอกทุกมุม
เขาจะซ่อนกันตรงไหน เมื่อไหร่ ก็ไม่มีทางคุมกันได้ แต่มาตรการของการบินนานาชาติเขาไม่ใช่อุจจาระนะครับ เขาก็มีของดีเหมือนกัน

สำหรับปุ๋ยบีบี2 เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน ขานั้นเขากล้าทำ กล้าลุยจริงๆ
เสียดายที่ขาดบริษัทบิ๊กๆสนับสนุน
พี่ว่าถ้าปุ๋ยไม่ตระเวนเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ก็มาอยู่ที่โรงละครใหญ่ๆแถวพัทยาก็ดีนะ
เห็นเขาเดินทางแล้วเหนื่อยแทน

สายการบินที่มาแรงมากๆตอนนี้ก็เจ้า Jetstar นี่แหละ แถมยังมีนายทุนใหญ่ๆหนุนหลัง
ที่เอาเบื้องหลังสายการบินต่างๆมาบอกก็เพราะว่า อีกหน่อยอาจจะมีน้องใหม่โผล่ขึ้นมาอีก
หรือไม่ก็ขาใหญ่ในวงการโลคอสอาจจะล้มลงไปก็ได้ ถ้าไม่ปรับกลยุทธ์การทำตลาดดีๆ

เรื่องห้องพัก การจอง 1 ห้อง 2 คน แต่นอนกันเป็นปลาทู 4 คน
พี่ว่าก็ประหยัดดี และในประเทศเขาก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรมากมาย แหม...ก็ไทยด้วยกัน
แต่พอเป็นต่างประเทศ มันทำไม่ได้ เพราะ
1 เราต้องแจ้งที่พักชั่วคราวให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทราบ
2 ถ้าโรงแรมจับโกหกได้ เราอาจจะตายเพราะมาเฟียต่างแดน เอาร่างกลับมาได้ แต่วิญญาณอาจจะอยู่ที่โน้นนิรันดร
3 ทางโรงแรมต้องแจ้งการเข้าพักของนักท่องเที่ยวกลับไปที่หน่วยงานเบื้องบนและเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ถ้าไม่ตรงกัน ใครจะซวย
4 เจ้าหน้าที่ต่างประเทศ มองหญิงสาวไปในทางเป็นพวกค้าประเวณี และขนของผิดกฎหมายอยู่เสมอๆ ดังนั้นจึงเพ่งเล็งเรื่องที่พักมากๆ
พี่ว่าอย่าเสี่ยงเล่นกับเรื่องพวกนี้เลย เดี๋ยวตำรวจสันติบานจะเดินมาเชิญตัวถึงที่ทำงาน จะอับอายชาวบ้านเขาเปล่าๆ
มีปัญญาไปเมืองนอก แต่กลับมาโกงเขาเรื่องที่พัก แบบนี้อยู่เมืองไทยเที่ยวก็สิ้นเรื่อง

เหมือนอย่างที่พี่เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยพี่ทำงานใหม่ๆ เคยมีเพื่อนๆมาชวนไปเที่ยวเมืองจีนฟรีๆ ไปกันทุกๆเดือนยังได้
ขากลับเอาเสื้อผ้าทิ้งไปครึ่งหนึ่ง แล้วเอาเขากวางอ่อน โสม หรือยาจีน บางอย่างยัดใส่กระเป๋ากลับมา
สมัยนั้นไม่มีเครื่องสแกน CTX แถมสุนัขก็ไม่รู้จักกลิ่นพวกนี้ ยิ่งเราถือขึ้นเครื่องยิ่งไม่มีทางตรวจง่ายๆ
พี่ยังไม่ทำเลย กลัวถูกจับได้ กลัวมาเฟียหักหลังกันเอง ถูกจับติดคุกแล้วพ่อแม่จะเสียใจแค่ไหน
เขาว่าคนชั่วมันก็ชอบคบกับคนชั่ว แล้วมันก็โกง หรือไม่ก็หักหลังกันเอง
มันทำกับเราไม่ว่า กลัวมันมาทำหับพ่อแม่พี่น้องของเรา
โดยเฉพาะถ้ามันคิดว่า เราปากโป้งเอาเรื่องไปบอกคนอื่นหรือตำรวจ มันคงเอาเราถึงตาย
เราไปขนของบ่อยๆ พักโรงแรมเดิมทุกครั้ง ตำรวจคงสงสัยว่ามาเที่ยวอะไร ซ้ำๆได้ทุกเดือน
ดังนั้นเรื่องที่พักนี่แหละเป็นเบาะแสที่ดีของตำรวจ
ไม่เอาหละ วันดีๆ เอาเรื่องคุกมาคุยกัน เดี๋ยวมันวิ่งเข้ามาแถวนี้

วันหยุดยาว พี่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกล เพราะนายหญิงทานเจ
แต่เมื่อวานพี่ก็หนีไปศูนย์ประชุมสิริกิตมา เป็นงานสัปดาห์หนังสือ
มีร้านหนังสือจากหลายร้อยสำนักพิมพ์ ทำให้นึกไม่ถึงว่าประเทศเราจะมีคนทำหนังสือมากมายขนาดนี้
แถมคนไปซื้อเป็นหมื่นๆคน ต้องไหลไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เดิน พอหยุดดู ว่าจะเปิดอ่านหนังสือ
พวกที่ตามมาก็ดันๆๆๆๆ ต้องหนีออกมาหาของทานตั้งหลักด้วยข้าวราดแกงจานละ 45 บาท
หนังสือแพงมาก และลดราคาไม่มาก
จำได้ว่าสัปดาห์หนังสือยุคแรกๆ เหมือนได้หนังสือฟรีกลับบ้าน
หนังสือเล่มละ 100 ขาย 3 เล่ม หรือ 4 เล่ม 100
เดี๋ยวนี้หนังสือเล่มบางๆ ราคา 200 บาทขึ้นไป เท่ากับอาหาร 4 มื้อ
ถ้าจะส่งเสริมให้อ่าน ก็อ่านในเน็ทนี่ก็ได้
ทุกวันนี้ก็พยายามเป็นมดตัวหนึ่งที่รวบรวมข้อมูลมาให้อ่านเสริมความรู้กัน

เหนื่อยแล้วหละ ไปดีกว่า

fuchsia FF00FF

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 24 ตุลาคม 2552 17:43:27 น.  

 

สวัสดีคร้าพี่ชาย รอมาอ่านที่พี่ชายตอบอยู่ต้างนานแน่ะ ว่าแต่ว่าสงสัยหลายทีแล้วแต่ลืมถาม ว่าเวลาตอบแล้วลงท้ายข้างล่างรหัสปะหลาด ๆ นี่คืออะไรหว่า

อุแหม ทำมายอ่า ไปสิงคโปร์ไปเกียนหรือเดินเท้าไม่ได้หรอกเหรอคะ ก้อม่ายมีปัญหาซื้อตั๋วแพง ๆ ไปเมืองนอกไง ใช้เดินเอา แบบสมัยโบราณ โห นี่นู๋อุตส่าห์คิดค้นวิธีการแบบถูกสุดใจนะเนี่ยะ ไม่หนับหนุนกันเลย งิงิ

ว่าแต่เรื่อง HD บ้านบีกับสาว ๆ ของพี่มันเกี่ยวกันไปได้ยังไงเนี่ยะ *-*

อุแหม ๆ ๆ เมื่อวานแอบย่องไปเดินงานหนังสือมาก็ไม่โทรมาชวนกันเลยนะคะ นู๋นอนอยู่บ้านเบื่อจะแย่แล้วเนี่ยะ เฮ้อ อยู่ใกล้ ๆ เอง ว้า อดเจอกันเลย

เรื่องหนังสือนี่มีเรื่องให้คุยเยอะเลยค่ะ จริง ๆ แล้วงานสัปดาห์หนังสือจริง ๆ จะมีตอนช่วงเวลาเดียวกับงานกาชาดประจำทุกปีคือประมาณปลายเดือนมีนาฯ ถึงต้นเดือนเมษาฯ ประมาณสิบวันได้ แต่พอหลัง ๆ นี่การตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีเรื่องเงิน รายได้และผลประโยชน์ของบริษัทฯ มากมายแล้ว เขาเห็นว่า เออจัดงานหนังสือแล้วคนเยอะ ขายได้ ก็เลยมีจัดขึ้นมาอีกงาน ตอนช่วงปิดเทอมเล็กแบบนี้ งานนี้เรียกว่ามหกรรมหนังสือนานาชาติ และ... อะไรต่อไม่รู้ ยาวเหลือเกิน เพิ่งจัดมาไม่กี่ปี แต่อย่างที่ว่าไว้ว่าให้มันเป็นงานหนังสือเถอะ คนเยอะและขายดีแน่นอน ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าคนไทยเรารักการอ่านกันขนาดนี้ แต่ทำไม๊ ทำไม ผลโพลถึงสรุปออกมาว่าเด็กไทยหรือคนไทยนี่แหล่ะอ่านหนังสือเฉลี่ยตกแค่วันละ 8 หน้าเท่านั้น เรียกว่าน้อยเหลือเกินไปได้ซะงั้น *-*

อ่ะ นอกเรื่องอีกแล้ว ต่อเรื่องงานหนังสือ แต่ก่อนเหมือนที่พี่ชายบอกค่ะ ว่าหนังสือนะราคาถูกมา เล่มละ 5 บาท 10 บาท หรือ 5 เล่ม 100 -10 เล่ม 100 จริง ๆ หนังสือประเภทนี้ก็ยังมีอยู่นะคะ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นประเภทหนังสือเก่า ๆ หลายปีมาก ๆ ที่ขายไม่ออกแล้วมาโละทิ้งซะมากกว่า หรือพวกหนังสือสมุดวาดภาพระบายสีของเด็ก ๆ ทั้งหลาย ขายหัวเราะ มหาสนุก เล่มเก่า ๆ มาโละ หรือแม้แต้หนังสือแนว comic ซูปเปอร์แมน สไปเดอร์แมนรุ่นเก่า ๆ แพ๊คละ 20 เล่ม-100บาท ที่มีสองภาษาอังกฤษ-ไทย

ส่วนหลัก ๆ ทั่วไปที่เห็นมีเยอะแยะมากมายในปัจจุบันก็จะเป็นหนังสือใหม่ ๆ ที่เพิ่งวางตลาด ถ้าซื้อตรงร้านที่เป็นสำนักพิมพ์นั้นโดยตรงก็จะลด 5-10-15-20% แต่ก็น้อยเต็มที ส่วนใหญ่จะ 5-10 % ราคาหนังสือเดี๋ยวนี้โหดจริงอย่างที่พี่ชายบอกค่ะ แต่ก่อนเล่มร้อยกว่าบาทยังพอซื้อลง เดี๋ยวนี้ข้าวของแพง ทั้ง ๆ ที่ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และพวกกระดาษอย่างหนังสือพิมพ์ไม่ได้มีการขึ้นภาษีแต่อย่างใดเพราะเห็นว่าสำคัญต่อประชาชน แต่ก็ขึ้นราคาอยู่ดี เพราะผู้ผลิตก็อ้างว่ากระดาษภาษีไม่ขึ้น แต่ค่ากระดาษ ค่าน้ำมัน ค่าขนส่ง อะไร ๆ ก็ขึ้นอยู่ดีนี่สิเน๊อะ เอาง่าย ๆ แค่หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ซื้ออ่านตั้งแต่เด็ก ๆ โดเรม่อนเล่มละ 20 บาทสมัยนู๋ พอสมัยเรียนมหาลัย ก็ขึ้นเป็น 30-35 บาทตอนนี้การ์ตูนญี่ปุ่นใหม่ ๆ ตกเล่มละ 40-45-50 บาทกันแล้ว *-* อย่างการ์ตูนพื้นบ้านฝีมือคนไทยการ์ตูนเล่มละบาทน่ะค่ะ เดี๋ยวนี้ยังเย็บรวมเล่มละ 3-5 เรื่องแล้วเปลี่ยนราคาเป็นเล่มละ 5-10 บาทเลย

หนังสือนิยายยิ่งแล้วใหญ่ อย่างเช่น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่มแรก ๆ สองร้อยบาท แล้วเราจะเห็นพัฒนาการของราคา เอ๊ะ หรือของตัวละครก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือทั้งสองอย่าง จนเป็นสามร้อย เล่มสุดท้ายล่าสุดเล่ม 7 ที่เป็นเล่มจบนี่ราคาเกือบ 500 เข้าไปแล้ว *-* เฮ้อ เดี๋ยวนี้จะซื้ออะไรมาอ่านทีคิดหนักเลยค่ะ แพงเหลือเกิน แต่อย่างน้อยก็ยังดีใจที่ยังเห็นร้านหนังสือถูก ๆ อยู่บ้างแต่ไม่ใช่จากงานหนังสือ แต่เป็นที่ศึกษาภัณฑ์ที่เคยไปเดินสวีทกับพี่ชาย ที่ราคายังเพื่อนักเรียนในราคาพอสมควรแก่เหตุ หรือบางเล่มถูกจนแทบไม่น่าเชื่อ โดนเฉพาะหนังสือธรรมะทั้งหลาย

อ้าวพูดไปพูดมาบอกแล้วว่ายาว พอดีกว่าค่ะ งิงิ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (Beee_bu ) 24 ตุลาคม 2552 22:21:11 น.  

 

To “นู๋ Beee”

เรื่องรหัสลับนะเหรอ ทำไมต้องถามด้วยนะ ไม่หัดถาม google ซะบ้างนะเรานี่
มันเป็นรหัสสีตัวอักษร คำแรกเป็นชื่อสี รหัสที่ตามมาเป็น HTML Color Code
กำลังคิดว่า สมาชิกแต่ละคนในหุบเขาก็จะได้ไปคนละชื่อ เพราะในอนาคตมันจะเป็นประโยชน์บางอย่างของพี่
Fuchsia ฟิวเซีย หมายถึงสี ชมพูปนม่วง และแปลว่า ดอกโคมญี่ปุ่น ในอีกความหมายหนึ่ง ฯ

เรื่องฮาร์ดแวร์ของพีซีที่บ้าน พี่อยากเปลี่ยนเกียร์เปลี่ยนล้อแม็กซ์เหลือเกิน เพราะอายุมันปาเข้าไป 7 ปีแล้ว
หม้อแปลงเคยไหม้เป็นจุลชีวันไปครั้งหนึ่งแล้ว พัดลมก็เปลี่ยนไปหลายรอบ เมนบอร์ดกรอบเป็นข้าวเกรียบว่าว แต่มันก็อึดเหลือเกิน
อย่างไรก็คงต้องจำใจใช้ไปอีกหลายปี ก็คนมันจนนี่ฝ่า

เรื่องสัปดาห์หนังสือ กำลังคิดว่าจะเขียนเก็บเอาไว้ดีหรือไม่ ถ้าเอาลงก็จะแอบเอาแปะไว้ ไม่ทำเป็นนิวเอ็นทรี่ย์
ทำไมรัฐบาลไม่มีองค์กรหนังสือเป็นของตัวเอง เอาวรรณกรรมเก่าๆ ดีๆของไทยพิมพ์ออกมาเป็นล้านๆเล่ม ขายกันถูกๆ
คนที่ทำงานธุรกิจการพิมพ์เขารู้ดีว่า ต้นทุนทำหนังสือ 1 เล่ม มันประกอบด้วยต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร
ถ้าเราพิมพ์หนังสือไปในจำนวนมากระดับหนึ่งต้นทุนคงที่มันจะถูกชดเชย จนเหลือแต่ต้นทุนผันแปร
ซึ่งจะเหลือแค่ค่าหมึก กระดาษ การเข้าเล่ม ฯ ไม่ต้องซ่าส์ทำออกมาปีละร้อยเรื่องหรือหมื่นบทความอะไรเลย ขอปีละเรื่อง
เอามาขายวันเด็กในแต่ละปี ปีละเล่ม ของที่จะขายเล่มละ 200 บาท ก็สามารถขายได้ในราคา 50 บาท
อยากให้ทุกบ้านที่มีลูกหลานเป็นคนไทย มีหนังสือ พระราชนิพนธ์กับเขาบ้าง ไม่ใช่การ์ตูนลามกต่างแดนอย่างทุกวันนี้
ตามสถิติในวันนี้คนไทยซื้อหนังสืออ่านใหม่ปีละ 2 เล่ม (เป็นการประเมินจากจำนวนหนังสือที่ขายหารด้วยจำนวนประชากร)
เขาเลยเอามาตีความหมายว่า คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยวันละเท่านั้นเท่านี้บรรทัด ขอบอกว่านับเป็นบรรทัดไม่ใช่หน้านะจ๊ะ
ซึ่งความจริง อาจจะมีคนบางคนที่ซื้อหนังสือเดือนละ 20-30 เล่ม และมีคนที่ตั้งแต่เกิดจนตายซื้อหนังสือแค่ 1 เล่ม
และคนที่ซื้อหนังสือ 100-200 เล่มต่อปีนั้น มีปัญญาซื้อก็จริง แต่อาจจะอ่านไม่จบแม้แต่เล่มเดียว
ที่แน่ๆ เขาบอกว่าผู้หญิงซื้อหนังสือเยอะกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายอ่านหนังสือในเล่มหมดจรดครบถ้วนมากกว่าผู้หญิง
เพราะผู้หญิงจะชอบดูรูปมากกว่าอ่านอะไรยาวๆ เธอจะหยุดอ่านเฉพาะอะไรที่โดนใจจริงๆเท่านั้น
เช่น เรื่องแฟชั่น และความรัก ส่วนหนังสือที่ผู้ชายอ่านจบตั้งแต่หน้าแรกจนริมกระดาษหน้าสุดท้ายคือ หนังสือกีฬา(และการพนัน)

เสียดายหนังสือดีๆในอดีต ที่ล้มหายตายจากไปจากแผงหนังสือ เช่น
ชัยพฤกษ์การ์ตูน และชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์(ไทยวัฒนาพานิช) มีพี่รงค์ หรือ ณรงค์ ประภาสะโนบล เป็นบรรณาธิการ เริ่มขายเล่มแรก 7 บาท,
Student Weekly,
การ์ตูนเด็กผู้หญิงน่ารักๆอย่าง เฟรนด์(วิบูลย์กิจ),
เลมอน(สยามสปอร์ตพับลิชชิ่ง)
ฯลฯ
เอาความทรงจำมาฝาก
พ.ศ. 2495 หนังสือการ์ตูนเล่มแรกในประเทศไทย มีชื่อว่า ตุ๊กตา ของ คุณพิมล กาฬสีห์ ตัวละครได้แก่ หนูไก่ หนูนิด หนูหน่อย และหนูแจ๋ว
พ.ศ. 2500 หนังสือการ์ตูนที่ขายดีอีกเล่มหนึ่งที่ออกตามมาก็คือ หนูจ๋า (บรรลือสาส์น) ของ จุ๋มจิ๋ม(คุณจำนูญ เล็กสมทิศ)
พ.ศ. 2504 หนังสือการ์ตูน เบบี้ (บรรลือสาส์น) ของ คุณวัฒนา เพ็ชรสุวรรณ
พ.ศ. ---- หนังสือการ์ตูน เพื่อนการ์ตูน ของกลุ่มเบญจรงค์ ซึ่งมาจากสุดยอดของนักเขียนการ์ตูนของไทย คือ เตรียม ชาชุมพร,
โอม รัชเวทย์, สมชาย ปานประชา, พล พิทยกุล และ เฉลิม อุคภู ถ้าเป็นหนังกำลังภายใน 5 ท่านนี้ก็ต้องเรียกว่า 5 เทพภู่กันทอง เลยหละ
มาถึงยุคหนึ่งที่ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และบุคลากรด้านนี้รุ่งเรื่องสุดๆ ขนาดประเทศไทยมีสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หนังสือพิมพ์หลากหลายค่าย
ประเทศไทย จึงต้องจารึกไว้ตรงนี้ว่าเราเคยมีหนังสือการ์ตูนเล่มละ 1 บาท เรียกว่ายุค การ์ตูนเล่มละ 1 บาท
แต่มีคนแอบเรียกว่า “หนังสือ 1 อึ” หมายความว่า
ถ้าเข้าห้องน้ำสาธารณะ อย่างเช่นที่ บขส. ก็ซื้อหนังสือนี้ไป 1 เล่ม 1 บาท แล้วเข้าห้องน้ำไป พอเสร็จธุระ ก็อ่านจบพอดี
ถ้าเป็นที่ห่างไกลความเจริญหน่อย หนังสือก็จะกลายเป็นกระดาษทิชชู่ที่สากเอาเรื่อง แต่ก็ยังคุ่มกับ 1 บาท
อุตส่าห์ย้อนรอยตำนานหนังสือการ์ตูนไทย ก็เพื่อจะมาหักมุมจบตรงส้วมนี่แหละ 555 ตามประสาคนถ่อนกร่อยมารยา(ท)
เรื่องหนังสือ(กับเรื่องผู้หญิง) นี่ พี่เขียนยาวได้เป็นร้อยๆรีมเลยหละ

fuchsia FF00FF

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 26 ตุลาคม 2552 10:38:54 น.  

 

-0- ต่างประเทศเข้มงวดกับ 1ห้อง หลายคนขนาดนั้นเชียว
รัดกุมดีจัง กฎหมายเค้าขลังจริงๆ

อยากถามเกี่ยวกับร้านขายหนังสือในห้างน่ะครับ
เค้าได้กำไรขาดทุนแค่ไหน
ดูเหมือนขายได้ไม่เท่าไหร่ค่าที่ก็น่าจะแพง

สุดท้าย>เพิ่งอัพบล็อกใหม่เลยมาชวนไปอ่านจ้า

fuchsia FF00FF

 

โดย: ใบไม้ต้องลม 26 ตุลาคม 2552 12:55:05 น.  

 

กำ 555

 

โดย: ใบไม้ต้องลม 26 ตุลาคม 2552 12:59:03 น.  

 

To “ใบไม้ต้องลม”
สวัสดีครับ
อุเหม่...แกล้งเขามาใส่ลายป้ายสี fuchsia กันด้วย
เดี๋ยวเถอะ วันนี้ยิ่งอารมณ์ไม่จอยอยู่ด้วย แฮ่ๆ
แฮ่...ที่พาลเอากับคุณใบไม้ก็เพราะว่ารูปที่เอาลงไว้ใน blog เมื่อสัปดาห์ก่อน
ผมเอาไปฝากกับเว็ปฝากรูปที่เปิดใหม่ เห็นเขาว่ามาแรง โหลดเร็ว แถมไม่อั้นปริมาณภาพ
ที่ไหนได้ พอผ่านไป 1 สัปดาห์ มันหายไปหมดเลย ภาพใน entry นี้ไม่ขึ้นเลย จอว่างเปล่า
ต้องนั่งแปะรูปใหม่ เสียเวลาไป 3 วัน กว่าจะได้เป็น Blog หน้าตาเหมือนเดิม
จึงขอเตือนชาว Bloggang ทั้งหลายด้วยว่า ให้ระวังเว็ปฝากรูปหน้าใหม่ๆพวกนี้ด้วย

เรื่องโรงแรมในต่างประเทศผมว่า ถ้าเป็นพวก 2-3 ดาว เขาคงไม่เคร่งครัดอะไรมากนัก นอนเป็นเข่งปลาทูคงได้
ส่วนโรงแรม 5 ดาว นี่ซิ ขนาดทานอาหารเย็น เขายังบังคับให้แต่งกายแบบไหนถึงจะเหมาะสมเลย
จริงๆ ก็น่าจะมองว่า เขาแนะนำมากกว่า แต่ถ้าลองใส่เสื้อกล้าม รองเท้าแตะเดินในโรงแรม 5 ดาวดูซิ มีสิทธิ์ถูกโยนบก
ส่วนเรื่องนอนพักกันมากกว่า 3 คน ผมว่าปัญหามันอยู่ที่พอคนมากก็ฮามาก เสียงดัง ห้องข้างๆนี่แหละที่โทรฯไปฟ้อง
และอีกอย่างถ้าพักอยู่เกิน 1 วัน แม่บ้านเขาก็ต้องเข้ามาทำความสะอาดห้อง
พอเห็นกระเป๋าเดินทาง 4-5 ใบกองเต็มห้อง แม่บ้านก็คงจะรายงานหัวหน้าทันที
และอย่างที่เคยบอกไว้ ถ้ามีปัญญาไปถึงเมืองนอกเมืองนา ก็อย่าไปโดนเขาไล่ออกจากโรงแรมด้วยเรื่องมั่วกันพัก เลยจะดีกว่า
ถ้าเป็นญี่ปุ่น อาจโดนยากูซ่าส์ตัดนิ้วก็ได้นะจ๊ะ

มาที่เรื่องร้านขายหนังสือในห้างฯ ไม่ว่าห้างเล็กๆอย่างโลตัส หรือห้างใหญ่อย่างเซ็นทรัล มอลล์ ฯ
ผมว่าเขาอยู่ได้เพราะเขาขายแบบฝากซื้อ ไม่ได้ซื้อมาขายไป หนังสือไหนขายได้ค่อยลงบัญชีเป็นซื้อแล้วส่งคืนหนังสือที่ขายไม่ได้
คนที่รอรวยกับลุ้นเจ้งก็คือเจ้าของหนังสือเล่มนั้น
ผมไม่ค่อยเห็นสำนักพิมพ์ตัวจริงๆมาเปิดร้านของตัวเองขาย ที่เห็นๆก็มีที่จามจุรีสแคว์แถวคณะบัญชี มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ สามย่าน
อย่างศูนย์หนังสือจุฬาฯ เขาก็เป็นแบบฝากขาย แต่ก็ต้องมีผสมกับตำราจากเมืองนอกที่ซื้อจริงๆมาแล้วค่อยเอามาวางขาย
ส่วนที่ ดวงกมล, นายอินทร์, SE-ED ฯ พวกนี้ผมก็เห็นว่าขายหลายหลากสำนักพิมพ์ ไม่ใช่ของตัวเขาอย่างเดียว
เรียกว่าอะไรขายดี ขายได้เงิน เขาเอามาขายหมด
ดังนั้นขอเดาว่า เขาลงทุนเรื่องสถานที่กับค่าจ้างพนักงานเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนังสือก็คงจะเป็นการฝากขาย
แบบนี้ถึงไม่ค่อยล้มง่ายๆ

ส่วนที่ว่าเขามีกำไรได้อย่างไรนั้น
เขาอาจจะยอมเสี่ยงขาดทุนวันนี้ แล้วไปบวกราคาในเล่มหน้าก็ได้
ก็นี่แหละครับที่ผมพยายามอธิบายเพื่อนๆว่า วงการสิ่งพิมพ์เขามีจุดคุ้มทุนอยู่ที่ยอดพิมพ์จำนวนหนึ่ง ที่เหลือสามารถสั่งพิมพ์เพิ่มโดยมีต้นทุนถูกมากๆ
แต่ก็ไม่ค่อยจะเห็นนักเขียนท่านไหนออกมาลดราคา ยิ่งหนังสือที่บอกว่าพิมพ์ครั้งที่ 7 แล้วนะยังโม้ว่าขายดีอยู่อีก
แต่ยังขายราคาเดิม หนังสือพวกนี้ ต่อให้น่าอ่านแค่ไหน ผมก็ไม่ซื้อ ผมจะขวางโลก
เพราะผมมีอคติว่า เขาไม่รักคนอ่าน ไม่ส่งเสริมให้คนอ่าน ไม่ให้ทางคนจนๆ ได้มีหนังสือของเขาเอาไว้ในมือ ผมว่าเขาใจร้าย

หนังสือเป็นสินค้าที่เน่าบูดยากกว่าปลากระป๋องตราเด็กดอยหลายเท่า
มันเสี่ยงกับการที่จะโดนปลวกกัดกินได้ แต่เขาก็มีโกดังที่ฉีดยากันพวกแมลงเอาไว้
พอนานวันเขา เขาก็จะรวบรวมมาขายเรา 3 เล่ม 100 บาท หรือ ลด 50%
ซึ่งเราจะเห็นตามห้างสรรพสินค้า ผมเดินเดอะมอลล์ กับห้างขนาดกลางๆ เห็นเขาเอามาลดราคากันทั้งปี
แม้แต่หนังสือพวกนี้ ในวันข้างหน้าจะถูกขายเป็นเศษกระดาษชั่งกิโลราคา 5-7 บาท
พวกมันก็ยังกลับมาขายเป็นหนังสือเก่าที่มีราคาครึ่งหนึ่งของราคาปกยังได้

ไว้จะไปหาที่ blog ของคุณในบัดดล

saddlebrown 8B4513

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 26 ตุลาคม 2552 16:56:37 น.  

 

Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

ฮ่า ๆ ๆ วันนี้ลืมค่ะ กดขวาเพื่อจะวางรูปอ่ะ
เกือบถูกตบแล้วอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
โห..ข้อมูลเพียบแบบละเอียดละออดีจังค่ะ
ไปสิงค์โปรครั้งสุดท้าย ก็เข้าไป 6-7 ปีแล้วมั๊งคะ
ชอบอาทิตย์อัสดงเหรอคะ คงเป็นเวลาแห่งความสุข
ของคุณจอมมารอ่ะนะ เพราะได้กลับบ้านไปพบกับ
ครอบครัวที่อบอุ่นรออยู่ แต่ มินไม่ค่อยชอบค่ะ
เพราะมันเป็นเวลาแห่งความเงียบเหงา
แต่ มันก็ดีในแง่ที่มีเวลาเป็นตัวของตัวเองเพื่อ
จะได้คิดเรื่องราวอาไรต่าง ๆ นา ๆ
ตอนเด็ก ๆ เวลาเย็น ๆ หมายถึงเวลาที่คิดถึงบ้าน
ของนักเรียนประจำค่ะ พอ 2 ทุ่มปุ๊ป มิสจะไล่ปิดไฟแล้วค่ะ
ปล. มินหวังว่าคนนอกบ้านจะไม่ใจร้ายทุกคนนะคะ
ยังอยากมีความหวังที่จะพบคนใจดีบ้าง ซักคนก็ยังดีค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

 

โดย: มินทิวา 26 ตุลาคม 2552 19:09:17 น.  

 

หวัดดีค่า ไม่ได้แวะมาซะนาน คุณใบไม้มีข้อมูลเพียบอีกตามเคย

วันนี้แวะมาทักทายก่อน ไว้อัพบล๊อคเสร็จค่อยมาอ่านอีกทีละกันน้า

 

โดย: haiku 26 ตุลาคม 2552 22:53:28 น.  

 

ซาหวัดดีคร้าพี่ชายต๋า เฮ้อ วันนี้เหนื่อยมากมาย ทั้งไป training ทั้งทำงาน ช่วงนี้ High season แล้วค่ะ งานตรึม หัวฟูหมดแระ มะได้ไปร้านทำผมให้เสียเวลา ฟูเองได้เลย 555 เพิ่งกลับมาถึงบ้านซักพักเองค่ะ *-*

แหม ถ้าพูดเรื่องหนังสือกันแล้วคงจะยาวเลยนะคะเนี่ยะ เรื่องรหัสลับนี่ ก็พี่ชายชอบคิดรหัสอะไรแปลก ๆ มาเรื่อยอ่ะ ส่วนทำไมต้องถามไม่หัดหาเองบ้าง ก็เพราะ.... นู๋ขี้เกียจเป็นปรกติอยู่แล้วนิ ม่ายน่าถามเรย งิงิ

อืม... หนังสือมีจุดคุ้มทุนด้วยเหรอคะ จริง ๆ ถ้าจะว่าไปแล้วสินค้าทุกอย่างก็น่าจะเหมือน ๆ กันแนวเดียวกันอ่ะนะคะ ถ้าหากว่าผลิตออกมาเยอะ ๆ ต้นทุนก็ถูกลงอะไรแบบนี้เหมือนกันทั้งนั้นนั่นแหล่ะค่ะบีว่า แต่ที่เขาไม่ผลิตเยอะกันเพราะไม่รู้จะขายได้รึเปล่าไง ผลิตมาเป็นหมื่นเป็นแสน ขายได้ 10 อัน เจ๊งพอดี อุอุ ถึงจะเป็นของใช้ หรือหนังสือที่ไม่บูดไม่เน่า เก็บได้ตลอดชีวิตก็เถอะ ถ้าทำออกมาแล้วขายไม่ได้ เอาซุกไว้ได้แต่ห้องเก็บของในบ้านก็ไร้ประโยชน์ จะว่าไปเดี๋ยวนี้บีก็สงสัยเหมือนกันนะคะที่หนังสือหลาย ๆ เล่ม ที่บางทีเพิ่งเคยเห็นชื่อมันครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่เราเข้าร้านหนังสือบ่อยจะตาย เปิดมาดันเขียนว่าพิมพ์ครั้งที่ 7 หรือครั้งที่ 11 เข้าไปแล้ว อะไรแบบนี้ หือ... อยากรู้จริง ๆ เลย พิมพ์ทีละนิดละหน่อยทำไมหว่า สงสัยกะว่าหมื่นเล่มไม่รู้จะขายหมดรึเปล่าไรงี้มั๊งคะ ก็เลยค่อย ๆ พิมพ์ทีละหมื่นเล่ม หึหึ

เรื่องสถิติของพี่ชายก็น่าสนใจนะคะ ผู้หญิงซื้อหนังสือเยอะกว่า แต่ผู้ชายอ่านจบเล่นมากกว่า ม่ายน้า บีว่ามันก็แล้วแต่คนแหล่ะ ถึงจะจริงที่เคยเจอผู้ชายที่อ่านหนังสือบอลทั้งหลายทุกหน้า แต่อยากรู้จังเขาจะขยันอ่านทุกตัวอักษรทุกวันที่ซื้อเลยรึเปล่านะ หรือผู้หญิงอ่านไม่ค่อยละเอียดหรือเลือกอ่าน บีว่าก็แล้วแต่หนังสือและเนื้อหาสาระในนั้นนะคะ อย่างบีนี่เป็นประเภทซื้ออะไรแล้วงก ต้องอ่านให้คุ้มค่า การ์ตูนก็อ่านหน้าละ 3 รอบ และอ่านอย่างเชื่องช้ามากกว่าจะผ่านไปแต่ละหน้า จนเพื่อนมันอ่านจบเล่มเดียวภายใน 10 นาทีหนังมา เราเพิ่งเปิดไปได้ไม่เกิน 5 หน้า มันถามว่า จะอ่านให้จำได้เลยเหรอ เหอะ ๆ จริง ๆ บีว่าถึงจะเป็นหนังสือการ์ตูนที่มีแต่ภาพนะ แต่รายละเอียดของลายเส้นทุกเส้น การลงสี การถมดำ หรือรายละเอียดภาพประกอบในแต่ละช่องก็น่าสนใจออก แต่คนส่วนใหญ่กับมองเพียงแค่ผ่าน ๆ แล้วก็อ่านแค่ข้อความตัวหนังสือในกรอบที่เขียนหรือพิมพ์มา แล้วไม่ได้สังเกตเลย ว่าไอ้ภาพตึกเรียนด้านหนังที่เขาวาดเป็นแบ็คกราวน์นั่นน่ะ เขาวาดได้มีรายละเอียดสวยงามขนาดไหน ทึ่งมาก ๆ ที่ในแต่ละหน้าที่คนเปิดอ่านผ่านไปภายในชั่วนาทีเดียวนี่เขาตั้งใจวาดซะขนาดนี้จนอดสงสัยไม่ได้ว่ากว่าจะวาดอะไรเสร็จหน้านึงนี่ใช้เวลานานแค่ไหนกันนะ ^_^

ส่วนหนังสือธรรมดาที่มีแต่ตัวอักษรนี่ บีก็อ่านนาน น๊าน นานมาก เพราะปรกติเป็นคนอ่านหนังสือนานอยู่แล้ว แต่ถึงจะอ่านช้าแต่ก็อ่านทุกตัวอักษรจริง ๆ นะคะ ตั้งแต่ปกหน้า ยันปกหลัง รายละเอียด สำนักพิมพ์ ที่อยู่บริษัท คำนำ สารบัญ อ่านหม๊ด แต่ก็อย่างว่าเน๊อะ ว่าพื้นที่สมองคนเราไม่เท่ากัน ถึงจะอ่านละเอียดหรือเยอะแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่อ่านไปมันจะเข้าไปอยู่ในสมองและหน่วยความจำได้ทั้งหมด สรุปแล้วก็ยังเอ๋ออยู่เหมือนเดิม อุอุ *-*

หนังสือการ์ตูนชัยพฤกษ์ที่พี่ชายพูดถึงนี่เหมือนเคยได้ยินชื่อเลยค่ะ แต่หน้าตาเป็นยังไง บีเกิดทันอ่านมั๊ยน้านี่ไม่แน่ใจแฮะ หนังสือชื่อตุ๊กตา นี่ไม่ทันค่ะ แต่หนูจ๋า กับเบบี้นี่ทันอยู่น้า ไม่น่าเชื่อเลยพอเห็นตัวเลขที่พี่ชายมาลง มันมีก่อนนู๋เกิดมาตั้ง 20 ปีเชียวหรือนี่ จำได้แต่ว่าตอนเด็ก ๆ นะ หนังสือการ์ตูน หนูจ๋า เบบี้ ขายหัวเราะ นี่ขนาดของเล่มใหญ่เท่าหนังสือแมกกาซีน แต่ความหนาน้อยกว่า เล่มละกี่บาทน้า ซัก 5 บาทได้มั๊งคะ ชอบอ่านมากมาก อีกอันนึงที่ชอบและโกวก็สนับสนุนหลานให้รักการอ่าน ซื้อมาให้อ่านแต่เด็กก็คือหนังสือการ์ตูนจีนที่เรียกว่า เหล่า ฮู จื้อ พี่ชายรู้จักมั๊ยคะ ที่เป็นสามเกลอเพื่อนกันมีเรื่องฮา ๆ ตลอด จะเป็นการ์ตูนใบ้มีแต่ภาพและจบใน 3-4 ช่องที่แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็อ่านเข้าใจได้ บีอ่านแล้วก็นั่งขำอยู่คนเดียวตั้งแต่เล็ก ๆ แล้ว โกวบีเห็นว่าเราอ่านรู้เรื่องก็ซื้อมาให้อ่านประจำเลยเชียว :) เดี๋ยวนี้หาอ่านยากแล้วสิคะ หลัง ๆ เคยเห็นก็เล่มบางลง แต่เป็นสีแล้ว แต่ราคาแพงทีเดียวเชียว เดี๋ยวนี้คงไม่มีขายแล้วมั๊งคะ เพราะไม่เห็นเลยแฮะ

กลุ่มเพื่อนการ์ตูนที่พี่ชายพูดถึงนี่ไม่รู้จักเลยค่ะ แต่บีกลับรู้จักโอม รัชเวทย์ น้า เอ เขาใช้ รัชเวทย์ หรือ รัชเวช น้า ไม่แน่ใจ โอม นี่รู้บีรู้จักจากที่รุ่นปัจจุบันนี่แหล่ะค่ะ แปลว่าคงจะอายุมากแล้วทีเดียวสินะนี่ บีก็เดาไว้อย่างนั้นเหมือนกัน และคาดว่าคงมีความรู้ในเรื่องพุทธศาสนาดีทีเดียว เพราะบีติดตามซื้อหนังสือ collection ของโอม รัชเวทย์อยู่ ของเครือ อัมรินทร์ คอมมิค เป็นหนังสือการ์ตูนพุทธศาสนาค่ะ สนุกมากเลยและได้ความรู้ด้วย ภาพก็สวย รายละเอียดก็เยี่ยมเลยค่ะ นี่ก็ซื้อมาได้เกือบครบ set แล้ว เหลืออีกแค่สองสามเล่มเอง งิงิ แบบเงินน้อย มีเงินก็ค่อย ๆ ซื้อทีละเล่มสองเล่มสะสมไปค่ะกว่าจะครบ

เรื่องการ์ตูนเล่มละบาท หรือ 1 อึ อะไรเนี่ยะนะ อ่านแลวขัดใจมาก เพราะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไม๊ ทำไมนะ บางคนเขาถึงต้องเอาหนังสือเข้าไปอ่านตอนเข้าห้องน้ำด้วยเนี่ยะ โดยเฉพาะอาการนี้จะเป็นมากในผู้ชาย ตอนทำงานบริษัทฯ นะ เวลาผู้ชายคนไหนจะเข้าห้องน้ำที ก็มาเดินหยิบหนังสือพิมพ์แล้วถือเข้าไปอ่านในห้องน้ำด้วย เหอะ ๆ สงสัยจังว่า ถ้าไม่อ่านแล้วมันทำธุระไม่ได้หรืออย่างไร แต่คนพวกนี้มีความสามารถเน๊อะ ที่ออกมาได้แบบหนังสือไม่เปียกเลย (รึเปล่าหว่า) แต่เราเห็นก็ไม่กล้าจับต่อแล้วอ่ะเล่มนั้น *-*

เหนื่อยเรื่องงานเสร็จแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เวลาเหนื่อยเรื่องหัวใจต่อค่ะ งิงิ เดี๋ยวนู๋ต้องเดินสายย้ายบ้านอีกแล้วน้า งุงิ คราวนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่แค่ แถว ๆ ศรีย่าน วชิระ อะไรแถว ๆ น้านแหล่ะ

คิดถึงพี่ชายจังค่ะ ฝันดีนะคะ จุ๊บ ๆ ๆ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.127.179 27 ตุลาคม 2552 0:14:37 น.  

 

To "มินทิวา"

555 กลัวถูกตบอย่างเดียวหรือฮะ 555
Blog คนโฉด เขามีโปรโมชั่น ตบแล้วมีของแถมให้อีกอย่างนะ ซิ บอก ไฮ่

เรื่องทัวร์สิงคโปร์นี่ยังเหลืออีก 300 กว่าตอน รับรองสนุกจนอาเจียน
ดั่งคำสอนของจอมมารว่า "Happy until you heave"

ตกลงเรื่องพระอาทิตย์ขึ้นกับตกนี่ เราชอบกันคนละแนว ใช่ป่าว
ดีครับ จะได้รู้ว่าเราอยู่กันคนละขั้ว ผมจะได้ขย่ำคอได้แรงๆกว่านี้อีก หุหุ
เรื่องนี้ก็เหมือนอาหารแหละเนอะ จะให้คนมาชอบเหมือนกันทั้งโลกได้อย่างไร
คนจีนก็ชอบจืดๆ ฝรั่งก็ชอบมันๆ คนใต้ก็ชอบเผ็ด คนอีสานก็ชอบเปรี้ยวๆแซ็บๆ ฯ

เฮ้...เขาว่าคนที่ชอบพูดย้อนวัย หมายถึงคนแก่นะ
ไม่เอาๆ เราไม่พูดเรื่องวัยเด็กกันนะ เดี๋ยวคนจับได้ว่าเราปูนไหนกันแล้ว เอิ๊กๆ

จริงๆนะคุณมิ้น คนนอกบ้านนี้เราดูยากจริงๆ
ขนาดคุณยายวัยเกษียณยังโดนหลอกไปถอนเงิน 2 ล้านบาท เพราะเชื่อคนนอกบ้านนี้แหละ
ยิ่งพวกที่พูดจาดี บุคลิคสุภาพ รักเด็ก เล่นดนตรี ชอบดอกไม้ใบหญ้า ใจบุญ การศึกษาสูง หน้าที่การงานดี ฐานะร่ำรวย ฯ
คนอะไรจะเพอร์เฟ็คเป็นพระเอก-นางเอกได้ขนาดนั้น
แล้วก็เห็นว่า คนดูดีที่ว่านี้ทำบ้านเมืองเสียหายกันมานักต่อนัก
เอาเป็นว่า เผื่อไว้ 75 - 25 ก็แล้วกัน เผื่อวันนี้จะมีคนดีๆเดินอยู่นอกหุบเขาฯบ้าง

RoyalBlue 4169E1

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 27 ตุลาคม 2552 9:34:38 น.  

 

To "haiku"
สวัสดีครับคุณไฮกุ

สงสัยช่วงนี้คุณฮายจะงานยุ่งนะ
เมื่อวานเข้าไปเยี่ยมที่บล็อก เห็นแฟนคลับเริ่มบ่นกันแล้วว่า จขบ ไปไหน 555

บางทีงาน update blog ก็เป็นงานที่กินเวลาเหมือนกัน
หากแต่ว่า ถ้าเป็นสิ่งที่เรามีความสุขในการทำ เวลาก็ไม่ใช่ปัญหา

อยากหยุดดวงตะวัน
ห้ามดวงจันทร์มิให้ฉายแสง
มืดมัวคือตัวฉัน

Wish to shadow the sun,
Eclipse the moon, Cut out the light,
I am your dark side

darkgreen 006400

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 27 ตุลาคม 2552 10:34:19 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่ชาย ชิ ตอบแต่คนอื่น เค้าตอบออกจะย๊าว ยาว ทำเปงมองม่ายเหง จิ๊ งอลแระ ต้องมาเลี้ยงไอติมง้อดั๊วะ อุอุ

แวะมาส่งจุ๊บทักทายก่อนออกไปข้างนอกแล้วค่ะ ได้เวลาชีพจรเดินเท้า ไปเดินคลองถมก่อนค่ะ ^_^ เสร็จแล้วก็ไปที่ที่ชอบต่อ :P

คิดถึงนะคะพี่ชาย จุ๊บ ๆ ๆ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวคนเดิม IP: 125.24.115.104 27 ตุลาคม 2552 12:41:56 น.  

 

To “นู๋ Beee”

ใครบอกว่าไม่ตอบหละ
ตอบคนแรกเลย แต่ไปอ่านประวัติคนเขียนการ์ตูนแล้วติดลมอ่านไม่เลิกเสียที

ดูเวลาที่โพสต์แล้ว อึ้งกิมกี่...0:14:37 น.
เฮ่ย! ทำงานอะไรกลับบ้านเที่ยงคืน
ไหนบอกว่าไม่ชอบงานโคโยตี้ไง ทำไมยังทำอยู่อีก 555
แบบนี้เจ้าของคอนโดฯไม่บ่นแย่เลยเหรอ

เราสองคนพี่น้องท้องไส้ปั่นป่วน คงห่างกันมากเลยนะ
พี่ไม่เห็นรู้เรื่องระแคะระคายเคืองเบื้องสูงอะไรเลยว่าเราจะ "ย้ายบ้าน"
บ้านใครอีกหละนี่ เบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 ....โหย...นับไม่ถ้วน
คนเสน่ห์แรงก็งี้แหละนะ กิ๊กคนหนึ่งก็หนีไปบวช กิ๊กอีกคนก็หนีออกจากวัด เรื่องราวซับซ้อนยิ่งกว่าซีรี่เกาหลีเสียอีก
เอาเป็นว่า ย้ายเสร็จเรียบร้อยแล้วบอกกันอีกที

แหม! เรื่องสถิติการอ่านหนังสือ ยังจะเอามาแย้งกันได้นะ
มันก็แค่การไปสุ่มๆคนมาถาม แล้วก็เอาตัวเลขตรงโน้มมาหักกลบลบบวกกันนั่นแหละ
ใครจะอ่านหมดเล่มหรือไม่หมด มันไม่ได้ทำให้ประเทศชาติร่ำรวยหรอกยะ (โมโหแล้วนะ เลือดรักชาติฉีดพล่าน ปี๊ดๆ)
แต่การที่คนไทยไม่อยากอ่านหนังสือนี่ซิ มันจะ shipหาย กันทั้งชาติในอนาคต
ตัวเลขที่บอกมา น่าจะเอาคน 65 ล้านคนมาหารจำนวนสิ่งพิมพ์
ดังนั้นในขณะที่มีคน 1 คน อ่านหนังสือวันละ 100 - 200 หน้า อย่างพวกนักวิชาการหรือคนรักหนังสือนิยาย
จะมีคนอีกเป็นร้อยคนที่ไม่อ่านอะไรเลย และก็จะบอกว่า ก็ฉันไม่ได้อ่าน งงอะไรหรือ ที่ฉันไม่รู้ มีปัญหาหรือเปล่าฟระ?
กลายเป็นคนในสังคมต้องยอมรับความไม่ยอมรับรู้ข่าวสารและความรู้ของคนพวกนี้ให้ได้ เรื่องมันชักแย่ลงไปทุกที

นักวาดการ์ตูนดังๆ ยังมีการยกย่องกันในหมูคนรักการอ่านเสมอ
ไหนๆ ออกเรือมากลางทะเลแล้ว แวะหมูเกาะนักวาดการ์ตูนไทยกันหน่อย เอามาไม่หมดหรอกนะ เพราะบางท่าน ไม่มีใครเขียนประวัติเอาไว้ให้จิ๊กข้อมูลเลย

กระผม zoomzero ขอกราบขอบพระคุณท่านเหล่านี้ที่เป็นตัวแทนของคนไทยที่มีฝีมือเขียนการ์ตูนชั้นเยี่ยม
- ขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต (เปล่ง ไตรปิ่น) นักเขียนการ์ตูนอาชีพคนแรกของไทย อยู่ในยุคสมัย ร.6 งานเขียนจะเป็นการ์ตูนล้อการเมือง เสียชีวิตเมื่อ 8 ก.ย. 2470
- จุก เบี้ยวสกุล (จุลศักดิ์ อมรเวช) 9 ม.ค. 2485 - 15 ก.ค. 2547 เขียนการ์ตูนครั้งแรกที่ สนพ.บางกอก ในเรื่อง จอมอภินิหาร เป็นคนรุ่นแรกๆที่เอาเพชรพระอุมา มาเขียนเป็นการ์ตูน ผลงานอื่น ได้แก่ เจ้าชายผมทองปี 2501, มังกรสามหัว, อัศวินดาบดำ ฯ
- จุ๋มจิ๋ม หรือ จำนูญ เล็กสมทิศ ปัจจุบันดูแลนิตยสาร หนูจ๋า
- จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เกิด 15 มี.ค. 2499 คนนี้แหละ รมต. กระทรวงศึกษาฯ คนปัจจุบัน เจ้าของนาม "อู๊ดด้า" ดังมากสมัยเรียนอยู่ ม.ธรรมศาสตร์ เขียนการ์ตูนล้อการเมือง
- ชัย ราชวัตร (สมชัย กตัญญุตานันท์) เกิด พ.ศ. 2484 คนไทยเชื้อสายจีนจากอุบลฯ เขียนการ์ตูนล้อการเมืองในไทยรัฐ และมีผลงานที่น่ายกย่องคือ การ์ตูนพระมหาชนก และ คุณทองแดง
- ณรงค์ จรุงธรรมโชติ เกิด 14 พ.ย. 2514 ต้องเรียกว่า พี่ขวด เป็นนักเขียนการ์ตูนในขายหัวเราะและมหาสนุก
- เตรียม ชาชุมพร (15 พ.ค. 2495 - 24 ม.ค. 2533) ได้เขียนภาพการ์ตูนในหนังสือประถมศึกษา มานะ มารี ปิติ ชูใจ และเป็นต้นตำนานของชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์และชัยพฤกษ์การ์ตูน เคยใช้นามปากกาว่า ตรี นาถภพ
- ทรงศีล ทิวสมบุญ เกิด พ.ศ. 2524 ผลงานการ์ตูน ถั่วงอกกับหัวไฟ, Impressive, นิยายประกอบภาพ NINI LIVES ติดต่อได้ที่ //songsin.exteen.com และบอร์ด //www.bobbyswingers.com
- ทิววัฒน์ ภัทรกุลวณิชย์ หรือ หมอ เกิด 9 มิ.ย. 2511 เขียนการ์ตูนในบางกอกโพสต์ และอีกหลายฉบับ เคยได้รับรางวัล The Aydin Dogan Foundation's Cartoon Competition Award 2007 ประเทศตุรกี ปัจจุบันเป็นอาจารย์อยู่ที่ ม.รังสิต
- นิพนธ์ เสงี่ยมศักดิ์ หรือ นิค ขายหัวเราะ เกิด 4 ม.ค. 2499 คนโคราช เขียนการ์ตูนใน ขายหัวเราะและมหาสนุก ของสนพ.บรรลือสาส์น เคยได้รับรางวัลเมขลาปี2533
- ปยุต เงากระจ่าง เกิด 1 เม.ย. 2472 ประจวบฯ เป็นบรมครูด้านงานการ์ตูนอนิเมชั่นของไทย เจ้าของตำนานหนังการ์ตูนเรื่องแรกของไทย สุดสาคร และโฆษณาแป้งเย็นควีนนา(กระจกวิเศษ) ในปี 2551 ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยี่ทางการศึกษา จาก ม.รามฯ บุตรสาวของครูปยุต ก็คือ นันทนา เงากระจ่าง (ชื่อเล่น การ์ตูน) นางเอกดังจากหนังเรื่อง แผลเก่า(2520) แสดงคู่กับ สรพงศ์ ชาตรี
- ประยูร จรรยาวงศ์ (17 พ.ย. 2458 - 3 ธ.ค. 2535) ได้รับการยกย่องให้เป็น ราชาการ์ตูนไทย เป็นเจ้าของตัวการ์ตูนชื่อ ศุขเล็ก สร้างชื่อจากการ์ตูนชุดขบวนการแก้จน เคยได้รับรางวัลแมกไซไซสาขาวารสารศาสตร์ วรรณกรรม และศิลปะการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ ปี 2514
- ปรัชญา สิงห์โต หรือ ไอ้แอนนนนน เกิด 20 ก.พ. 2525 เป็นนักเขียนการ์ตูน และเป็นเว็บมาสเตอร์ของ ฟoนต์.คอม เป็นนักออกแบบอิสระ เป็นคนที่ถ่ายภาพชุดแต่งงานกับแฟนสาว ศิวาพร ไขศรี ในทำเนียบรัฐบาล ช่วงที่พันธมิตรยึด สมัยปี 2548 ทั้งคู่บอกว่า ลูกของเราจะชื่อ ไทยคู่ฟ้า เขามีผลงานทางอินเตอร์เน็ทเด็ดสุดๆคือ มิวสิกวีดีโอล้อเลียนอดีตนายกทักษิณ คุยกับเขาที่ //www.iannnnn.com
- ผดุง ไกรศรี เกิด 28 พ.ย. 2503 ชาวอุบลฯ เขียนการ์ตูนในชื่อตัวเองว่า เอ๊าะ ในสนพ.บรรลือสาส์น เป็นเจ้าของการ์ตูน หนูหิ่นอินเตอร์ คนนี้แหละตำนานการ์ตูนเล่มละบาทตัวจริง ตัวการ์ตูนที่สร้างชื่อเสียงให้เขายังมีอีก เช่น คุณมิลค์ หนูหิ่น คุณนายหกเหลี่ยม พลอยสวย-เพชรใส (ซึ่งเอามาจากคาแรคเตอร์ของลูกสาวจริงๆของเขา)
- ภักดี แสนทวีสุข เกิด 13 ต.ค. 2503 เขาคือ ต่าย ขายหัวเราะ นักเขียนการ์ตูน ขายหัวเราะและมหาสนุก สนพ.บรรลือสาส์น เป็นเจ้าของผลงาน เจ้าตัวเล็ก ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ ปังปอนด์ ซึ่งเป็นชื่อของลูกชายคนโตจริงๆ และลูกชายอีกคนก็ชื่อ นินจา นี่ก็เป็นตัวการ์ตูนเหมือนกัน นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของตัวการ์ตูน พี่มิ้งค์ หูตูบ เจ้าบิ๊ก แม่กุ้ง และหน่อง
- ภานุวัฒน์ วัฒนนุกูล เกิด 1 ม.ค. 2513 เป็นเจ้าของผลงาน ตำนานป่วนก๊วนนางฟ้า(Angel Delivery) ในนิตยสาร CX และ EXEcutional เอ็กซิคิวชั่นแนล มหาสงครามออนไลน์ถล่มจักรวาล ในนิตยสาร C-Kids ทักทายได้ที่ //aluciz.exteen.com แต่เขาไม่ค่อยเข้ามาเขียนอะไรมากมาย แต่ฝีมือวาดรูปขั้นเทพจริงๆ
- มนตรี คุ้มเรือน นักเขียนการ์ตูน มีผลงานจาก บางระจันสปิริต ในนิตยสาร CX, ขณะนี้กำลังเขียนเรื่อง Ogre King อหังการ์ราชันย์ยักษ์ ส่วนการ์ตูนเด็กที่มีขายกันแทบทุกห้างฯ คือ พระยาพิชัยดาบหัก, พระเจ้าอู่ทอง, พระเจ้าปราสาททอง, ราชวงศ์บ้านพลูหลวง, เมาคลีลูกหมาป่า, นายขนมต้ม, พระอุบาลี, มหากาพย์กู้แผ่นดิน ฯ
- วนิดา นิรมร นักวาดการ์ตูนแนวสารคดี มีผลงาน เช่น DreamPatcher, กบนอกกะลา ฯ ปัจจุบันเป็นเอ็มดีอยู่ที่ บ.Polygon Wizard
- วาทิน ปิ่นเฉลียว คนนี้แหละ ต่วย หรือ ต่วย'ตูน เกิด 5 เม.ย. 2473 เป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า "แฟนนานุแฟน" มีพี่ชายเป็นนักเขียนนามปากกาว่า ทิฆัมพร หยาดเมฆา และ น้องสาวก็เป็นนักเขียนนามปากกาว่า จินตวีร์ วิวัธน์ คุณต่วย เริ่มเขียนการ์ตูนตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง สถาปัตย์ฯ จุฬาฯ เคยร่วมกับเพื่อนเปิด สนพ.ประเสริฐ-วาทิน รวบรวมการ์ตูนของเขาสมัยที่วาดในนิตยสารชาวกรุง โด่งดังที่สุดจากหนังสือ รวมการ์ตูนต่วยและเรื่องขำขันจากชาวกรุง จนทุกวันนี้ก็ยังดังไม่เลิก
- วัฒนา เพ็ชรสุวรรณ นามปากกา วัฒนา หรืออีกนามว่า ตาโต คนจะจำชื่อว่า อาวัฒน์ มากที่สุด เขียนการ์ตูนเบบี้ เขียนปกขายหัวเราะ ฯ
- วิศุทธิ์ พรนิมิตร (ตั้ม) เกิด 2519 มีผลงานเด่น ชื่อ hesheit (ฮี ชี อิท) หลังจบ ม.ศิลปากร ก็ไปหาประสบการณ์ที่ญี่ปุ่น จนมีชื่อเสียงในการพิมพ์การ์ตูนไทยในญี่ปุ่นชื่อ everybodyeverything และยังเป็น 1 ใน 250 คนที่น่าจับตามองในนิตยสาร Elle ของญี่ปุ่น
- ศุภมิตร จันทร์แจ่ม หรือ ปุ๋ย เดวิล เป็นนักเขียนการ์ตูน สนพ. บรรลือสาส์น เกิด 6 พ.ย. 2500 เคยอยู่นิตยสารรายสิบวัน ซุปเปอร์ตูน ในปี 2521 และมีผลงานการ์ตูนสั้นอีกมากมาย เช่น หนนากับชาวแคนาดา จนมาทำงานที่บรรลือสาส์น เขียนการ์ตูนลงใน หนูจ๋า เบบี้ ขายหัวเราะ และมหาสนุก ผลงานเด่นคือ เรื่อง สติแตก...สุดขอบฟ้า! ซึ่งยังมีออกมาเป็นตอนๆอยู่เรื่อยๆ
- สวัสดิ์ จูฑะรพ ท่านเขียนการ์ตูนอยู่ที่นสพ.สยามราษฎร์ น่าจะประมาณ พ.ศ. 2475 สมัยนั้นหนังสือพิมพ์ราคาฉบับละ 3 สตางค์ ท่านเป็นผู้สร้างตัวการ์ตูน ขุนหมื่น ส่วนผลงานเด่น ก็ได้แก่ ไกรทอง สังข์ศิลป์ชัย พระอภัยมณี
- สราวุธ อินทรพรหม ฉายา แมลงปีศาจ จบนิเทศน์ ม.ธุรกิจฯ ชอบเขียนการ์ตูนล้อดารา แล้วมีคนเอามาโพสต์ที่ห้องเฉลิมไทย pantip.com มีงานเขียนการ์ตูนในยิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ และยังทำหนังการ์ตูนเรื่อง Boyfriend the Movies โดยเขียนเองทีละภาพนานถึง 1 ปี
- สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ หรือ หมู นินจา แห่งสนพ. บรรลือสาส์น เกิด 23 ต.ค. 2502 เคยเป็นฝ่ายศิลป์ให้นิตยสารแหล่งรถ ผลงานจะเป็นการ์ตูน 3 ช่องจบ เคยออกไปและกลับเข้ามา จนได้เป็นนักเขียนประจำ ผลงานได้แก่ จอมยุทธ์นินจา พะโล้สตอรี่ ย้อนศร กระบี่หยามยุทธจักร และบ้านนี้ 4 โชะ ซึ่งเรื่องหลังนี้ได้กลายมาเป็นละครทีวีช่อง 3 มาแล้ว เขาเคยร่วมงานกับหนังสือ MAD อีกด้วย ตอนนี้ต้องรีบไปอ่านผลงานขันเทพของเขาคือ สามก๊ก มหาสนุก (45 เล่มจบ)
- สุทธิชาติ ศราภัยวานิช จบ มัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร เริ่มงานที่ A-Comic ต่อมามาทำด้านกราฟฟิกโรงพิมพ์ นิวไวเต็ก ต่อมาก็ร่วมงานกับ บอย โกสิยพงษ์ ในงานการ์ตูนที่แถมกับซีดี มีหัวทางด้านคอมฯกราฟฟิกมาก จนได้มาอยู่ Bakery Music เขาเป็นเจ้าของตัวการ์ตูน นักสืบโจ หัวปลาหมึก และเพื่อนอีก 4 ตัว ผลงานรวมเล่มที่นักเรียนกราฟฟิคคอมฯต้องหาซื้อมาเก็บกันไว้ก็คือ หนังสือรวมเล่มผลงาน SuttichART Works
- สุพจน์ อนวัชกชกร ใช้นามแฝงส่า SUPOT.A เขียนการ์ตูนในนิตยสาร BOOM ผลงานเด่น คือ เรื่อง อภัยมณีซาก้า(Apaimanee Saga)
- สุพล เมนาคม เกิด 13 ต.ค. 2502 เจ้าของนามปากกา ต้อม ขายหัวเราะ ในสนพ.บรรลือสาส์น มีฝีมือเด่นเรื่องลายเส้น เป็นผู้วาดปกการ์ตูนมหาสนุก เป็นเจ้าของตัวการ์ตูน ไก่ย่างวัลลภ ซึ่งต่อมากลายเป็น วิลลี่ เดอะ ชิกเก้น ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาเป็นหนังอนิเมชั่นในปีหน้า ผลงานเด่น ได้แก่ รวมเล่มแก๊งจอมป่วน ซึ่งทำให้ได้รับรางวัลการ์ตูนสื่อมวลชนดีเด่น
- อรรรพ กิติชัยวรรณ เจ้าของนาม แอ็ด เดลินิวส์, แอ็ด มติชน, และ นพ ใน นสพ. บางกอกโพสต์ เป็นนักเขียนการ์ตูนล้อการเมืองขั้นเทพอีกท่านหนึ่ง เคยถูกจับกุมในยุค 6 ตุลา (2519) มาแล้ว
- อรุณทิวา วชิรพรพงศา เจ้าของผลงาน แสบคูณสองเปตองพันธ์เดือด และ สองยกสี่ สาวน้อยเทสควันโด้ ในนิตยสาร CX ตอนนั้นใช้นามปากกาว่า Andaman Washira ต่อมาเปลี่ยนแนวมาเป็นการ์ตูนความรู้เพื่อเยาวชน เป็นคนแต่งเรื่อง มหากาพย์กู้แผ่นดิน (มี 5 เล่ม) มี มนตรี คุ้มเรือน มาเป็นคนเขียนภาพ นอกจากนี้ก็มีผลงาน ในการ์ตูนเรื่อง ค่ายบางระจัน พระบรมไตรโลกนาถ โกษาเหล็ก ฯ ตอนนี้ก็กำลังทำการ์ตูนเรื่อง Ogre King อหังการ์ราชันย์ยักษ์ ในฐานะผู้แต่งเรื่องและเขียนสตอรี่บอร์ด
- อารีเฟน ฮะซานี เกิด 17 มิ.ย. 2500 ใช่นามปากกา เฟน สตูดิโอ เป็นผู้ชายไทยครับ เป็นชาวมุสลิม จ.ยะลา คนนี้ก็เจ้าของตำนานการ์ตูนเล่มละบาทอีกคน ปัจจุบันทำงานอยู่สนพ.บรรลือสาส์น ในการ์ตูนมหาสนุก สาวดอกไม้กะนายกล้วยไข่ รามาวตาร และศึกมหาภารตะ พวกป้าๆยุคนี้น่าจะจำได้ว่าเคยอ่านการ์ตูน บริษัทอัดผี หรือ บ้าครบสูตร กันได้บ้าง
- เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ หรือพี่เอก ในวงการออกแบบโฆษณา มีความสามารถมาก ไม่ว่าเรื่องกราฟฟิกดีไซน์ หรือเขียนบทภาพยนตร์ มีผลงานการ์ตูนเด่นเรื่อง โครงการมรณะ ของค่าย สนพ.วิบูลย์กิจ เป็นคนที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติอยู่หลายรางวัล ผลงานการ์ตูนเรื่องสั้นจนมีการรวมเรื่อง จิตหลุด(My Mania) ได้กลายมาเป็นภาพยนตร์ 13 เกมสยอง (The 13th Quiz Show) และได้เขียนบทภาพยนตร์อีกในเรื่อง บดี ศพ 19, ฝัน-หวาน-อาย-จูบ ตอน หวาน ถ้าสนใจก็ตามไปที่ //eakasit.exteen.com
- โอม รัชเวทย์ ท่านผู้นี้ สื่อจะเรียกท่านว่า นักเขียนการ์ตูนอาวุโส ซึ่งจริงๆแล้ว เขาเป็นทั้ง ศิลปิน นักวาดภาพประกอบ ผู้ออกแบบภาพยนตร์โฆษณา ภาพประกอบหนังสือเรียน แต่ผลงานแนวที่คนยกย่องมากๆ จะเป็นแนว วรรณคดี นิทานพื้นบ้าน นิทานเด็กและเยาวชน ที่มักจะมีคติสอนใจแฝงเอาไว้ด้วย ผลงานการ์ตูนที่เด่นๆนั้นมีมากมาย เช่น การ์ตูนพุทธศาสนา, องคุลิมาล, พระโมคคัลลา-พระสารีบุตร, พระอานนท์, พระเจ้าอโศกมหาราช, พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวร, ทศชาติ ฯ ต้องตามไปอ่านที่เว็บ //www.ohm-comic.com

ไหนๆอดตาหลับขับตานอน 1 วันเพื่อเก็บข้อมูลพวกนี้มาให้อ่านแล้ว ขอแถมบุคคลที่วาดภาพได้สวยงามมากๆ อีก 2 ท่าน
ซึ่งเขาไม่เรียกว่าท่านว่านักเขียนการ์ตูน เพราะการ์ตูนกับภาพจิตรกรรมนั้นแตกต่างกัน
แต่ภาพเขียนของท่าน ตอนเด็กๆพี่มองเป็นการ์ตูนไปหมด เพราะว่าเราเป็นคนไม่มีความรู้ทางด้านศิลปะ เรียกว่า พี่คงเป็นพวกหยาบกระด้างทางจิตวิญญาณ
ผู้ที่พี่ชื่นชอบผลงานการเขียนรูปในวรรณคดี ท่านแรกนี้คือ
- ครู เหม เวชกร (17 ม.ค. 2466 - 16 เม.ย. 2512) ท่านเป็นศิลปินจิตรกรชาวไทย ที่วาดภาพได้เหมือนจริงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นนางในวรรณคดี หรือภาพเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทย นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกมากมาย เช่น จิตรกรรมพุทธประวัติที่สร้างอุทิศให้แก่พุทธศาสนา ได้แก่ภาพ ปฐมสมโพธิ 80 ภาพ และ เวสสันดร 40 ภาพ ฯ
พี่ก็ยังงงอยู่ว่า ครูเหมก็เคยเขียนภาพในหนังสือการ์ตูนเรื่องศรีธนญชัย แบบนี้ก็น่าจะเรียกว่าเคยเป็นนักเขียนการ์ตูนได้นะ น่าจะเรียกว่า นักเขียนการ์ตูนวิจิตรศิลป์ ไม่รู้ซินะ
อีกท่านคือ
- อาจารย์ จักรพันธุ์ โปษยกฤต (เกิด 16 ส.ค. 2486) ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(จิตรกรรม)ในปี 2543 และเป็นช่างเอก 1 ใน 52 ช่างเอกในรอบ 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ผลงานทางด้านภาพในตัวละครในวรรณคดีนั้น งดงามมาก และผลงานที่ได้รับการกล่าวชมมากมายในปัจจุบันก็คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์ วัดตรีทศเทพฯ และที่วัดเขาสุกิม ฯ นอกจากนั้นยังมีงานด้าน ประติมากรรม งานหุ่นกระบอก ฯ อ.จักรพันธ์ ยังได้รับรางวัลต่างๆอีกหลายรางวัล นับว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านศิลปะของไทยจริงๆ

ยังโม่ไม่จบ
เคยได้ยินคำนี้มั๊ย ขรัวอินโข่ง เขาเป็นใคร มีคนบอกว่า เป็นเณรที่อายุเกิน 20 ปี บางคนบอกว่าเป็นฤาษีที่เก่งเรื่องวาดรูป คือ วาดแล้วออกมาเป็นคนจริงๆได้เลย ฮ้า...
ถ้าอยากรู้จะเล่าให้ฟังอีกคราวหน้า

fuchsia FF00FF

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 27 ตุลาคม 2552 17:59:38 น.  

 

ดู youtube ละ...มันส์ดี
เด็ดที่สุดคือตอนสุดท้าย คุณยายชูนิ้ว 55555

เมื่อเช้าเพิ่งดูข่าว
นักบินเครื่องบินโดยสารสายการบินนอร์ธเวสต์เที่ยวบินจากเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มุ่งสู่เมืองมินเนอาโปลิส รัฐมินเนโซตา พร้อมผู้โดยสาร 149 คน โดยนักบินนำเครื่องบินแล่นเลยสนามบินรัฐมินเนโซตาไปไกลมากกว่า 240 กม ก่อนรู้ว่าเครื่องบินแล่นเลยสนามบินไกลมากแล้ว จึงบินกลับลำนำเครื่องบินลงจอดได้โดยสวัสดิภาพ

นักบินอ้างว่า chat เพลินอยู่

แต่น่าสงสัยว่านักบินทั้งสองหลับพร้อมกันซะมากกว่า


 

โดย: ดราก้อนวี 28 ตุลาคม 2552 9:44:01 น.  

 

To "ดราก้อนวี"

ผมว่าท่านป้า น่าจะเป็นคนแรกที่ดู youtube อันนี้จบ 555
ขนาดยายน้องสาวของกระผม เขายังไม่พูดถึงเลย แปลว่าไม่เคยดูแน่ๆ
ผมคาดว่า ทุกคนเข้ามา...
สิ่งแรกที่ทำก็คือ ปิด youtube โดยที่ในใจต่างก็คิด
ไอ้หอกเอ้ย...เอาหนังเครื่องบินโหลยโท่ยอะไรมาแปะบล็อกนะ
เสียงก็ดัง
แถมยังเว้ากันเป็นภาษาปากิตอีกต่างหาก
แค่เครื่องบินขึ้นบินลง ตูเห็นมันเหาะข้ามหัวอยู่ทุกวันจนเบื่อแล้ว ฉันไม่ใช่กบในกะลานะยะ 555
ผมว่า คุณยายในหนัง ซ่าส์น่าดู คงเหมือนป้าที่อยู่กลางซอยในหมู่บ้านของผม
กว่าแกจะเอารถเข้าบ้านได้ รถที่ตามมาต้องจอดรออยู่ข้างหลัง อย่างน้อย 2 นาที
แต่แกก็ไม่เคยชู 1 นิ้วให้ใครเลยนะ ก็ยังถือว่าน่ารักอยู่

ส่วนเนื้อเรื่อง อันนี้เราเอาไว้ไล่แขกอยู่แล้ว
พอเห็นว่าต้องเลื่อนเมาส์ลงไป 100 กว่าวินาที คนก็ออกจากบล็อกแบบไม่แยแสข้อความ 555
ซึ่งอันนี้ถือว่าบรรลุเป้าหมาย เพราะถ้าใครอ่านก็เท่ากับโดนทรมาน แน่นอน หุหุ
(ใครอ่านจบ ต้องขอซูฮก ยกมือไหว้ 1 ครั้ง งามๆ แบบสยามบอย)


ส่วนข่าวเมื่อเช้า ผมว่าป้าวีจะมาป่วนคณะทัวร์ของผม ใช่หรือเปล่า?
ขอร้องเถอะครับ พวกผมจะต้องขึ้นเครื่องไปสิงคโปร์กันเดือนหน้าแล้ว อย่าทำให้เด็กๆตกใจซิครับ
เดี๋ยวลูกค้าขวัญหนี ดีหดหมดหรอกคะ

ข่าวนี้
จะเป็นไปได้อย่างไรว่า 2 กัปตันจะชุ่ยได้ขนาดนี้ ต้องมีข่าวระลอกที่สองตามมาแน่ๆ
เมืองไทยก็มี พขร-ม้าเหล็ก นอนหลับกันทั้งตู้ รถเลยตกราง ผู้คนตาย ยังไม่เห็นมีใครออกมาขอโทษ หรือไปงานศพให้ผมเห็นเลย
นี่ฝรั่งยังทำไปได้ พิลึก เงินเดือนก็มากกว่าผมหลายเท่านะนั่น
ผมสงสัยว่า คงจะทำเหมือนผม คือเอาหนังโป้มาดูกันใน Laptop เพลินจนลืมเวลางาน
แต่แปลกที่เขาเล่นคอมฯกันพร้อมกัน 2 คน โดยไม่กลัวอันตรายเลยจากเครื่องมือพวกนี้เลยหรือ?
เข้าตำรา ต่างคนต่างคิดว่าอีกคนจะ stand by แต่กลายเป็น stand alone ไปเซะงั๊น
ดีว่าเครื่องบินมันยังมีน้ำมันให้บินกลับมาลงได้


ถ้า North West Airline ใช้เครื่อง A330-300 ที่ผมเคยขับสมัยหนุ่มๆ (ขับในเพลย์ทู หนะ)
ความเร็วเขาจะอยู่ที่ 871 - 913 กม./ชม. ตีเสียว่า 900 ก็ได้ เพราะเป็นช่วงขึ้นสู่เพดานบินสูงสุดที่ประมาณ 35,000 ฟิต หรือ 10 กม.กว่าๆ
ก็น่าจะประมาณ 15-16 นาที แต่ตามธรรมดา เครื่องมันจะมีรูปบอกในทีวีตลอดการเดินทางว่า อีกกี่มากน้อยเวลาหรือระยะทางจะถึงที่หมาย
ทำไมกระเป๋า เอ้ย..สจ๊วต ถึงไม่ไปเคาะประตูเตือนกัปตันนะ หรือว่าหลับกันหมด
เอะ...หรือว่าจะเป็นกัปตันผู้ชาย กับ กัปตันผู้หญิง เลยมัวแต่จู๋จี๋ จะจ๋า จีบกันอยู่
อือ...แต่ว่า ชายกับชาย ก็จู๋จี๋กันได้นะป้าวี

ในปี พ.ศ. 2548 มีข่าวเครื่องบินตกในกรีก
เป็นเครื่องบิน Boeing 737 ของสายการบินเฮลิออส แอร์เวย์ส เที่ยวบิน จากไซปรัสไปกรุงปราก (สาธารณรัฐเช็ก)
มีผู้โดยสาร 121 คน เสียชีวิตหมด เพราะเครื่องพุ่งชนภูเขา ห่างกรุงเอเธนส์แค่ 40 กม. (น่ากลัวมากถ้าบินเข้ามาในเอเธนส์ได้)
สาเหตุ...ผมเอาแบบภาษาชาวบ้านดีกว่า เพราะถ้าเล่าละเอียดมากๆ เดี๋ยวจะคนที่กลัวเครื่องบินจะกลัวมากกว่าเดิมซึ่งมันจะเป็นบาปติดตัวผมไปชาติหน้า
เอาเป็นว่า เขาคิดว่า ในเครื่องบิน จู่ๆก็เกิดขาดออกซิเจนโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
งานนี้มีเครื่องบินขับไล่ F-16 ถึง 2 ลำ บินขึ้นไปตรวจสอบ (เหมือนในหนังเจมส์บอนด์เลย แต่มันไม่ใช่เรื่องสนุก)
นักบินพยายามเอาเครื่องเข้าเทียบด้านข้าง เขาบอกว่าเขาเห็นผู้โดยสารหลับหมด ไม่มีใครเดินไปเดินมา
และที่น่าตกใจก็คือ ในห้องนักบิน ไม่มีกัปตัน แต่มีผู้ช่วยนักบินฟุบหน้ากับที่นั่งเหมือนคนหมดสติหรือถูกทำร้าย
ไม่มีการยิงจรวดเพื่อทำลายเครื่องบิน เพียงแต่ปล่อยให้เครื่องพุ่งกระแทกภูเขาเอง

ซึ่งในปี พ.ศ. 2539 สมัยที่เทคโนโลยี่ของเครื่องบินและสนามบินยังเป็นเด็กทารกอยู่นั้น
ก็มีอุบัติเหตุในเลบานอน ซึ่งตอนนั้นผมยังเป็นพ่อค้าขายโรตีอยู่เลย
สรุปเหตุผล ก็คล้ายๆกัน แต่คนโดนประนามคือ กัปตัน
เรื่องก็ประมาณว่า บินอยู่ดีๆ แอร์ดับ เครื่องบินทำท่าบินแปลกๆ หน้ากากออกซิเจนหล่นลงมา แต่ไม่มีแม้แต่ลมพ่นออกมาจากหน้ากาก ฯ
และมีผลทำให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อช่วยเหลือคนบนเครื่องบินอีกหลายชิ้นส่วน

ฝอยได้ไปเรื่อย....555

DarkGoldenRod B8860B

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 28 ตุลาคม 2552 13:25:27 น.  

 

อุแหม อ่านไปอ่านมา แว่ว ๆ เหมือนโดนใครนินทานะคะ แหม แค่ย้ายนิวาสสถานเปลี่ยนที่นอนไม่อยู่วันเดียว นินทากันซะแร้ว ชิ จะบอกว่ายูทู๊ปน่ะ นู๋ดูตั้งแต่ต้นจนจบหรอก แต่ไม่เห็นมีอารัยเลย ก็เลยไม่ได้พูดถึง เพราะฟังก้อไม่ออก ภาพก็แค่เครื่องบินลงจอดแค่เนี๊ยะ ม่ายเหงมีไรรุย หรือเราเข้าไม่ถึงว่าจะสื่อถึงอะไรก็ไม่รู้ ส่วนเนื้อหาในนี้น่ะ อ่านจบหมดทุกตัวอักษรเลยเชียว เลยไม่พลาดว่าแอบนินทาไว้ตรงไหนบ้าง อิอิ

พี่ชายคะ... งานเข้าอย่างแรงค่ะตอนนี้ แง๊ว ๆ ๆ *-* นี่แหล่ะน้า เรียกอยู่ดีไม่ว่าดี เหอะ ๆ ไม่อยากจะบ่น แต่ก็บ่นน่านแหล่ะน้า เฮ้ออออ อาเมน จริง ๆ ไม่มีอะไรเป็นปัญหาเลย นอกจากจิตใจของตัวเอง ที่เรียกว่าจิตตกอย่างแรง *-* ว่าง ๆ คุยกันใหม่นะคะ ไปทำงานต่อ งิ แอบอู้งานมาอ่านแป๊บนุง ไปแระ แว๊บ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 124.120.150.174 28 ตุลาคม 2552 23:36:41 น.  

 



ฮ่า ๆ ๆ มาอ่านตอบเม็นท์เอาที่นี่ อ่ะค่ะ
อ่านแล้วก็อารมณ์ดี ขำอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ใช่ ๆ ๆ ค่ะ อย่าพูดย้อนวัยเด็กดีกว่า
เดี๋ยวพวกรู้อ่ะนะ ขอป้าก่อง ป้าแก่แล้ว แบบนั้นอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
สุข สดชื่น วันพะหัส นะคะ
พรุ่งนี้เถลไถลอีกวันเดียว ก็หยุดอีกแล้วค่ะ
มีความสุขกับครอบครัวมาก ๆ ทานให้อร่อย ๆ นะคะ

 

โดย: มินทิวา 29 ตุลาคม 2552 9:57:03 น.  

 

ข้อมูลละเอียดมากกกก ความรู้เรื่องเที่ยวสิงค์โปร์เพียบ ถือเป็นไกด์บุคอย่างเยี่ยมเลยค่ะ คุณซูมแค่ไปเที่ยวแล้วค้นข้อมูลมาเขียน หรือเคยไปอยู่ที่โน่นคะ มีความรู้เรื่องเมืองลอดช่องดีจริง ๆ

พูดถูกจริง ๆ ค่ะ เวลาอัพบล๊อคนี่ใช้เวลาเยอะทีเดียว บางทีไม่ค่อยมีเวลา กว่าจะเขียนเสร็จก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลย แต่ได้ทำแล้วมีความสุข ก็เลยติดหนับกับการเล่นบล๊อคจนทุกวันนี้แหละค่ะ

ไฮกุที่เขียนนี่ขออนุญาตแฮ่บไปเก็บไว้ในบล๊อคนะคะ ได้ไฮกุจากคุณซูมมาหลายบทแล้ว เราเขียนให้คุณซูมมั่ง

Winter breeze
Spreads her wings and flies away
With my dream.

ลมแผ่วหน้าหนาว
สยายปีกของเธอและบินไป
กับความฝันของฉัน

 

โดย: haiku 29 ตุลาคม 2552 11:23:28 น.  

 

To " นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น"
เหวยๆ...นินทาไม่ได้เลยนะ
ทีเรื่องพรรณนี้แหละ มาไวเชียวนะ ยังกับประกันรถยนต์

หนังYouTube ที่เอามาให้ดู
ถ้าถามว่า เรื่องจริงหรือเปล่า? ทุกคนก็คงบอกว่า ไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ดูแล้วไม่แปลกใจหรือว่าหนังแค่ไม่กี่นาที โปรดักชั่นมันจะอลังการได้อย่างไร?
เขาไปเอาเครื่องบินใหญ่ๆมาเข้าฉากได้อย่างไร?
เขาปิดกั้นถนนหนทางได้อย่างไร?
มาวันนี้ ไม่มีคนคุยด้วย ก็เลยอยากบอกว่า ฝรั่งมันเก่งมาก ชิมิ๊
เอาของเล็กมาหลอกเป็นของใหญ่ เทคนิคการตัดต่อ การให้แสงเงา เขามืออาชีพมาก
อยากให้คนไทยสร้างหนังสั้นได้ขนาดนี้จัง

เรื่องงานไม่เห็นต้องไปแคร์คำคน มันจะหม่นฤทัย
คนที่ว่าเรา เขาก็เห็นแก่ตัวไม่ต่างกันหรอก เพียงแต่ว่าเขาปิดซ่อนเอาไว้
อนาคตของเราถ้าได้ดี มันก็ว่าเพราะมันบอก มันเสี้ยมสอนเรากับปาก
ถ้าพลาดพลั้งเกิดปัญหา พวกเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนไปกับเรา
พวกเป็นโค้ชสั่งให้นักมวยชกๆๆ ตัวเขาเองก็ไม่มีปัญญาคว่ำคู่ต่อสู้ได้หรอก
เมื่อไหร่จะหัดด่าสวนกลับไปบ้าง อย่างมากก็มีเรื่องวิวาทกันไง
เดี๋ยวนี้ตบคน จ่ายแค่ 500 บาทเอง แต่อย่าให้เป็นคดีทำร้ายร่างกายฝ่ายเดียวนะเฟ้ย
ต้องทำให้เป็นเรื่องก่อการวิวาทร่วมให้ได้
คนโฉด...ก็หัวหมอเป็นเหมือนกันนะ

พี่ว่า การไปเยี่ยมลูกค้าที่ป่วยหนัก
ถ้าเขาคิดว่าเราแกล้งมาเยี่ยมเพื่อเสนอขายของ
ก็ให้เขาคิดไปเถอะ เราไม่รับ order ซะอย่าง
ก็เท่ากับบอกให้เขารู้ว่าเราไม่ได้มาขายของ เราเห็นใจกับทุกข์ของเขาจริงๆ
ถ้าจะซื้อของกันจริงๆก็ขอเป็นวันหลังก็ได้นี่
คนขายไม่ขายแล้วคนซื้อจะซื้อได้อย่างไร ปรบมือข้างเดียวไม่ดังง่ายๆหรอก
คิดดี ก็ทำดีไปได้เลย

fuchsia FF00FF

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 29 ตุลาคม 2552 23:04:48 น.  

 

To "มินทิวา"
ดีแล้วๆๆ ไม่พูดเรื่องวัยเด็ก เพราะพวกเราเป็นวันรุ่น
ตอนนี้ขอเวลานอก
เพราะต้องเอาเด็กน้อยไปนอนเสียหน่อย




ขอบคุณที่อวยชัยให้พรนะครับ
คืออย่างนี้ครับ การขอให้... มีความสุขกับครอบครัวมากๆ ทานอาหารให้อร่อยๆ ...
จริงๆอยากเปลี่ยนเป็น... มีความสุขกับกิ๊กมากๆ ทานไวอากร้าให้อร่อยๆ ...555 เอิ๊ก!!! (เสียงอาการหัวใจวายฉับพลัน)

ปล. รูปที่คุณมิ้นท์เอามาแปะ
ทำไมผู้หญิงเขาไม่ยอมเงยหน้านะ สงสัยหน้าจะไม่แหล่มแหล๋ว
แล้วเธอนั่งอยู่บนอะไรหว่า เหมือนจานบิน UFO อิ๊อิ๊

RoyalBlue 4169E1

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 29 ตุลาคม 2552 23:21:41 น.  

 

To "haiku"
คุณไฮกุครับ
เป็นเกียรติอย่างมากครับที่คุณไฮกุชื่นชอบกลอนที่ผมเขียน
เชิญcopyไปได้เลยครับ
ว่าแต่ว่ากล้า clickขวา หรือครับ?

สำหรับกลอนที่คุณฝากเอาไว้ตรงนี้
ต้องกล่าวคำว่า ขอบคุณครับ

เรื่องสิงคโปร์ เคยไปมาหลายครั้งสมัยวัยละอ่อน
แต่ไปทำงานแบบแรงงานกระบือไทย ให้คนสิงคโปร์ชี้นิ้วสั่งงาน ไม่ได้เที่ยวไหนเลย สมัยนั้นยังเป็นคนจนอยู่
เรื่องไปเที่ยวพักผ่อนที่สิงคโปร์จริงๆ ก็มีแค่ 3 ครั้ง ล่าสุดก็ยังไปแบบคนจนๆอยู่ (ไม่รู้จะบอกทำไม?)
บริษัทเก่าที่เคยทำงาน เขามีสาขาอยู่ที่สิงคโปร์ เลยกล้าโม้ แต่อ่านดีๆจะรู้ว่ามั่วนิ่ม 555
แต่ที่เอามาเขียนนั้น หาข้อมูลใหม่เกือบทั้งหมด จากหนังสือบ้าง แผ่่นพับบ้าง Internet บ้าง ครับ
เรื่องขึ้นเครื่องบิน อาศัยว่าเที่ยวด้วยเครื่องบินบ่อยมาก ประสบการณ์โฉดโชกโชนยิ่งกว่าไฟโชนแสง

สำหรับผม เป็นพวกไม่รู้จักคำว่า พอดี
เวลาสร้างบล๊อกใหม่ มักจะหาความลงตัวกับงานไม่ค่อยได้
ต้องแก้ไข แก้ไข แก้ไข ทำมากๆ แทนที่จะได้ของดี กลายเป็นทำลายโครงงานเดิม
หาทางลง หรือหักมุมจบแบบดีๆไม่ได้
ดั่งกลอนบทต่อไปนี้ หุหุ




เช็ดกระจกเปื้อนฝุ่น
ใช้ทั้งน้ำเย็นและน้ำอุ่น
พลาดท่ากระจกหล่น


Hankie scrapes on ground glass
Hot and cold water wash dust off
Make a slip drop off



darkgreen 006400

ground glass หมายถึง กระจกฝ้า ซึ่งมันเกิดมามันก็ไม่เคยใส เพราะเขาทำให้มันเป็นฝ้ามองทะลุไม่ได้ชัดเจน
หน้าที่ของมันก็คือม่านบังตา หรือม่านกันแสงในตัว
คนเราบางคนไม่พอใจที่ตนเองเกิดมาเป็นกระจกฝ้า
พยายามหาทางทำให้ตัวเองเป็นกระจกใส
เสแสร้ง แกล้งทำ แต่งเติมเสริมโน้นเสริมนี่ ทำอยู่นั่นแหละ
ไม่ว่าจะใช้น้ำยาวินเด็กส์ น้ำร้อน น้ำอุ่น อะไร มันก็ทำให้ใสไม่ได้
แล้วจะมีกี่คนที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นกระจกฝ้า

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 30 ตุลาคม 2552 0:20:49 น.  

 

ซาหวัดดีคร้า เพิ่งกลับมาถึงบ้านค่ะ ^_^ แต่เดี๋ยววันนี้คงมีโปรแกรมไปไหนอีกน่านแหล่ะ ตามประสาคนงานเข้า *-* เหอะ ๆ

สรุปแล้วเรื่องที่ว่าจะพูดจะทำอะไร ก็ยังไม่ได้ทำให้เด็ดขาดไปเลย แต่ก็มีพูดเปรย ๆ เกริ่น ๆ อยู่บ้าง สรุปแล้วก็เข้าอีหรอบเดิม เฮ้อ

ช่วงนี้สมองเบลอ ๆ ตื้อ ๆ ยังคิดอะไรไม่ค่อยออก *-* ซักวันคงหาทางออกได้มั๊งคะ คิดไปคิดมาอยากเปลี่ยนศาสนากระทันหันไปเป็นชายไทยอิสลาม จะได้หาเพิ่มได้อีก 2 คน เผื่อจะหายเครียดเน๊อะ อุอุ (เอ๊ะ ยังไง)

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวสุดเลิฟ IP: 125.24.119.235 30 ตุลาคม 2552 10:40:10 น.  

 

รู้สึกร้อนตัวทันที กระผมก็ดูจบนะครับyoutube น่ะ แต่พออ่านเรื่องของคุณที่ยาวมากมาย ผมก็ลืมtubeหมดแล้วคร้าบบบบบ
สำนักพิมพ์และร้านผมตอบในบล็อกผมนะครับ พร้อมความคิดของตัวเองจากที่ได้อ่านเต๋า

สุดท้ายอยากขอข้อมูล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หน่อยน่ะครับ
จะกระฉึกกระฉักพรุ่งนี้ ขอบคุณมากมายครับ

 

โดย: ใบไม้ต้องลม 30 ตุลาคม 2552 12:47:30 น.  

 

อิอิ มีคนร้อนตัวกานหลายคนรุย งิงิ เหงม้า ม่ายได้ไม่ดูกานซะหน่อยเน๊อะ ๆ

มึนและปวดหัวอย่างแรงจังค่ะ ขอยืมไหล่พี่ชายมาซบหน่อยจิ อ้อน ๆ งิงิ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวตัวบี IP: 125.24.119.235 30 ตุลาคม 2552 16:03:37 น.  

 

To "ใบไม้ต้องลม"
เราไม่ได้ว่าตัวเองซะหน่อย
แหม...ข้ออ้างที่ว่าเราเขียนยาวจนลืม youtube ฟังขึ้นจิงจิ้ง นะพี่ท่าน

เรื่องผู้แต่ง สำนักพิมพ์ และร้านที่ขาย
ขอบคุณมากครับ
แต่ผมได้ไป comment
ผมแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้อ่านข้อมูลที่คุณเขียนไว้ในส่วน comment หนะครับ
โปรดอย่าเพิ่งงง
อันนี้มันเป็นความสุขที่ได้เขียนอะไรกวนอารมณ์ชาวบ้าน มันสบายใจจัง 555

มาบอกว่าจะไป เวียงใหม่ แอ่วเหนือ ฮือเจ้า อ้ายยยย
แล้วทำไมมะหาข้อมูลกับผมเอาตอนนี้
วันนี้ก็คงออนเดอะเวย์ไปแล้ว หุหุ

ไม่เป็นไร เมื่อกล้าขอ เราก็กล้าหา
แต่...
ช้าหน่อยนะยะ


saddlebrown 8B4513

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 31 ตุลาคม 2552 12:50:02 น.  

 

เฮ้อ... มาแว๊วคร้า เพิ่งเสด็จกลับมาถึงบ้าน แวะหายใจสองเฮือก เดี๋ยวจาออกไปเดินสายต่ออีกแว๊ว *-* เพิ่งแยกจากกิ๊กคนที่สาม กิ๊กเก่า (คนที่สี่) โทรมาชวนไปเดินเที่ยวเล่นสวนสันติชัยปราการ และภูเขาทองต่อค่ะ งิงิ ไปแระ แว๊บบบ เดี๋ยวกลับมามาใหม่ก๊ะ งิงิ ^_^

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวสับราง IP: 125.24.132.70 1 พฤศจิกายน 2552 18:34:56 น.  

 

To “นู๋ Beee น้องสาวสับราง”
เฮ้ย...รายที่ขอความรักกันบนวัดภูเขาทองยังไม่ expire อีกเหรอ
เจ้าหมอนี่ เขาขยันต่ออายุบัตรสมาชิกสโมสรผึ้งน้อยจริงๆ
เรื่องนี้ได้ยินมาหลายปีแล้วนะ ผู้ชายอะไร ทำไมถึงได้ใสซื้อ(บื้อ)จริง
พี่ชายนะ พอรู้ว่าโดนกิ๊กหลอกนะ พี่ก็เอาไปปล่อยที่วัดหมดแล้ว 555

แล้วอย่างไรนี่ วันนี้วันลอยกระทง จะไปไหน
ไปลอยที่วัดพระราม9 กันหรือเปล่า
รปภ.ที่วัดนะ จำพี่ไม่เคยได้
พี่ขอจอดที่เต้นท์รถของพระผู้ใหญ่ ก็ไม่ยอมทุกที
ช่างไม่รูจักขาใหญ่แห่งกองขยะซอยอ่อนนุชซะแล้ว
พี่ก็บอกว่าพี่หนะ เส้นใหญ่ๆ รู้จักพระสมเด็จมากมาย เขาก็ไม่เชื่อ
ผิดกับลุงยามตัวดำๆที่อ๊อฟฟิซของนู๋บี
พอเห็นหน้าพี่ ก็บอกเลยว่ามาติดต่อบริษัทเอ็มแอนเอ็มใช่มั๊ยครับ
แหมจำแม่นจริงๆ
เขารีบบอกว่า น้องสาวเฮีย เปลี่ยนคนมารับส่งอีกแล้วครับ คนใหม่นี้หัวเกรียนเลย 555

fuchsia FF00FF

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 2 พฤศจิกายน 2552 10:01:41 น.  


zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.