1 สิงหาคม พ.ศ.2553 เราปิดร้าน 1 วัน เวลาประมาณ 10.30 น. เรามุ่งหน้าเดินทางสู่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ เพื่อเข้าชมงาน Amazing Thailand Grand Sale 2010. โดยมุ่งหวังอย่างยิ่งที่จะได้ลิ้มชิมรสชาติขนมและผลไม้ไทยตามที่ได้อ่านพบในสื่อหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง และตามสถานีวิทยุ ในใจก็ตั้งโจทย์เอาไว้ว่า จะไปลองลิ้มชิมรสชาติขนมไทยโบราณที่หาทานไม่ได้ง่าย ๆ ภายใต้การจัดโปรโมชันชื่อ "บุฟเฟ่ต์ขนมไทย 59 บาท" พอไปถึงเราก็รีบกดชัตเตอร์หน้างานเพื่อเป็นการยืนยันว่า "เรามาแล้ว..นะจ๊ะ อิอิ"

ต่อด้วยภาพสามล้อถีบขายขนมหวานแบบไทย ๆ ที่เรามักจะคุ้นตาจนไม่รู้สึกตื่นเต้นและแล้วก็มาถึงส่วนของการแสดงนิทรรศการ และนี่คือซุ้มแสดงเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำขนมไทยโบราณเมื่อก้มลงมองจะเห็นเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ มากมายเช่น มีดโบราณหลายหลากชนิดวางเรียงกันอยู่ตามมาด้วยไม้ปาดขนม ที่ขูดมะพร้าว และพิมพ์ขนมคองแครงภาพด้านล่างทางด้านซ้ายมือคือพิมพ์ขนมทองเอก ด้านขวามือคือกรวยทำขนมฝอยทองพิมพ์ขนมดอกจอกอุปกรณ์ทำซาหริ่มไม้ตีไข่กระต่ายขูดมะพร้าวมีแม้แต่ขี้ใต้ที่ใช้จุดเตาถ่านที่สมัยนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนักในเมืองหลวงในระหว่างที่สมาชิกในครอบครัวของผมกำลังเพลิดเพลินกับร้านขายของเล่นโบราณอยู่ ผมเลยได้โอกาสเก็บภาพขนมแปลก ๆ ตามร้านต่าง ๆ ดังนี้ ขนมจีบไทยตัวนกขนมสัมปันนีขนมน้ำดอกไม้ (ของโปรดน้องอิม)ขนมขี้หนู (น้องออมเพิ่งได้กินเป็นครั้งแรกในชีวิต)ขนมข้าวตอก (หนุมานคลุกฝุ่น)ขนมเรไร (ชื่อช่างอ่อนหวานปานหญิงสาว)แล้วก็มาถึงของโปรดของผม "ข้าวแช่"พอหันหลังกลับมาอีกครั้ง เด็กเล็กเด็กใหญ่ก็ได้ของเล่นติดไม้ติดมือกันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากร้านของเล่นโบราณ ภาพแรกเป็นของโปรดคุณแม่ ลูกโป่งโบราณตุ๊กตาโดดร่ม เรือกลไฟ และมอเตอร์ไซค์ซิ่ง

โอ้...ยังครับ ยังไม่จบกันง่าย ๆ เพราะยังไม่เข้าถึงจุดสำคัญของงานเลย นั่นคือประวัติความเป็นมาของขนมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมไทยที่หารับประทานกันได้ยาก ซึ่งคงต้องยกยอดไปต่อที่ภาค 2
...............สวัสดีมีชัย...................

Create Date : 01 สิงหาคม 2553
Last Update : 5 มกราคม 2554 16:19:27 น.		0 comments
Counter : 4443 Pageviews.
Share Tweet