Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
หนึ่งตะวันกลางใจ ตอนที่ 3 Welcome to Thailand

ตอนที่ 3
Welcome to Thailand




ร้อน...ร้อนจัง นี่มันต้นเดือนพฤศจิกายนไม่ใช่หรือไง ทำไมที่นี่ถึงได้ร้อนขนาดนี้ล่ะ

นี่เป็นความคิดแรกของมิโยโกะเมื่อก้าวเท้าออกจากอาคารสนามบินตอนบ่ายสองโมงครึ่ง เธอรู้อยู่แล้วว่าประเทศไทยเป็นประเทศในเขตร้อน แต่ไม่คิดว่าแม้แต่ในเดือนพฤศจิกายนยังสามารถร้อนได้ขนาดนี้พอฟัดพอเหวี่ยงกับอุณหภูมิหน้าร้อนของญี่ปุ่นทีเดียว

เด็กสาวมองชุดที่ตัวเองสวมซึ่งเป็นแฟชั่นล่าสุดของฤดูใบไม้ร่วงแล้วนึกอยากถอดทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ถอดออกได้เพียงเสื้อคลุมหนังสีคาราเมลตัวนอกเท่านั้น ไม่ช้าเธอและพี่ชายรวมถึงพฤฒิก็ขึ้นมานั่งบนรถที่ทางโรงแรมจัดมารับที่สนามบิน

ตึกรามบ้านช่องแปลกตาของกรุงเทพมหานครทำให้มิโยโกะกวาดตามองอย่างสนอกสนใจ แต่หันซ้ายหันขวาได้ไม่นานก็เกิดอาการมึนงงนอกจากเพราะสายตาซุกซนไม่อยู่นิ่งแล้ว ยังเป็นเพราะเมื่อเริ่มเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองรถยนต์ก็หนาแน่นขึ้นจนรถวิ่งสะดุดหลายครั้ง

“พี่ฮิเดะคะ มิโยโกะเวียนหัว ใกล้ถึงหรือยังคะ” เด็กสาวยกมือขึ้นปิดปากประกอบท่าทางพะอืดพะอมตอนพูดกับพี่ชาย ทว่าคนตอบกลับเป็นพฤฒิซึ่งนั่งอยู่ตอนหน้าคู่กับคนขับรถ

“ทนอีกนิดครับคุณหนู เลี้ยวแยกหน้าก็ถึงแล้ว” พฤฒิมองอย่างเห็นใจไปยังเด็กสาวที่หน้าซีดเผือด นั่งหลังงอโดยมีฮิเดกิคอยลูบหลังให้อย่างน่าสงสาร

ห้านาทีต่อมาทั้งหมดก็ถึงโรงแรมที่พัก แม้จะฟังเหมือนใช้เวลาเพียงเล็กน้อย แต่นั่นกลับมากพอที่จะทำให้มิโยโกะหมดสภาพจนฮิเดกิต้องรีบพาขึ้นห้องพักทันทีทิ้งให้พฤฒิเป็นคนดูและรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ

“เวียนหัวจัง พี่ฮิเดะอย่าไปไหนนะ มิโยโกะไม่อยากอยู่คนเดียว”

“รู้แล้วๆ กินยาแล้วนอนซะ ตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น” ฮิเดกิส่งยาและน้ำที่ขอมาจากทางโรงแรมให้น้องสาวที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง พอเด็กสาวกินยาเรียบร้อยก็กลับมาลูบศีรษะเบาๆ อย่างสงสารจับใจ มิโยโกะเอื้อมมือไปคว้ามือพี่ชายไว้

“พี่ฮิเดะอยู่กับมิโยโกะนะคะ มิโยโกะปวดหัว”

“ปวดหัวก็หลับซะ พี่ไม่ไปไหนหรอกอยู่ที่โรงแรมนี่แหละ”

“จริงนะ” เด็กสาวคาดคั้น จนเห็นพี่ชายพยักหน้ารับจึงยอมหลับตาลง

ฮิเดกิมองน้องสาวจอมจุ้นอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ดึงมือตัวเองออก ผละจากข้างเตียงของเด็กสาวไปหยุดยืนที่ริมหน้าต่าง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อกับคนรัก

“อาอิเหรอครับ...ครับ ถึงโรงแรมเรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมอยากขอยกเลิกนัดที่จะไปบ้านคุณนะ พอดีมิโยโกะไม่ค่อยสบาย...ครับ ดูเหมือนจะเมารถ...ครับ...เอาอย่างนั้นก็ได้...”

ฮิเดกิยังคงคุยโทรศัพท์ต่อไป สายตาของเขามองผ่านหน้าต่างออกไปจับจ้องทิวทัศน์นอกห้องพักจึงไม่เห็นว่าน้องสาวที่เขาคิดว่าหลับไปแล้ว แอบลืมตาขึ้นลอบมองอยู่ และมีรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินว่าเขายกเลิกนัดกับคนรัก

เธอไม่ได้แกล้งป่วย ดังนั้นใครจะมากล่าวหาว่าเธอเจ้าเล่ห์แกล้งพี่ชายไม่ให้พบกับปัญจพาณ์ไม่ได้ อีกอย่างพี่ฮิเดกิเพิ่งมาถึงเมืองไทยเหนื่อยๆ หากแม่นั่นอยากเจอพี่ชายเธอ ก็สมควรมารับที่สนามบินเสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่มัวแต่ทำงานงกๆ แล้วนัดคนรักไปพบที่บ้านตัวเองตอนเย็น ช่างไม่เห็นความลำบากของคนที่ดิ้นรนข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเอาเสียเลย

มิโยโกะปฏิญาณอยู่ในใจว่าจะรักษาผลประโยชน์ของพี่ชายในการมาเมืองไทยครั้งนี้อย่างสุดฤทธิ์ไม่ให้ถูกปัญจพาณ์เอาเปรียบเด็ดขาด หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็ถูกความง่วงงุนเข้าครอบงำ จนเสียงแว่วๆ ของพี่ชายซึ่งคุยกับคนรักก็ไม่อาจรั้งได้อีกต่อไป จึงเข้าสู่ภวังค์นิทราในที่สุด

เมื่อเด็กสาวตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าเป็นเวลาค่ำแล้ว ในห้องเหลือเพียงแสงจากไฟสีนวลบริเวณประตูหน้าห้อง จึงลุกขึ้นเปิดสวิทช์ไฟให้ภายในห้องสว่างทั่ว จากนั้นจึงรื้อกระเป๋าสัมภาระเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ

ยี่สิบนาทีถัดมามิโยโกะก็อยู่ในชุดเดรสกระโปรงบานยาวแค่เข่าสีส้มใบเมเปิ้ลแขนตุ๊กตา แม้ผ้าฝ้ายเนื้อดีของชุดนี้จะค่อนข้างหนาไปสักหน่อย เมื่อเทียบกับอุณหภูมิของประเทศไทยที่เธอได้ประสบเมื่อตอนบ่าย แต่นับว่ากำลังพอดีเมื่อใส่เดินในโรงแรมเช่นนี้ ดังนั้นเสื้อคลุมตัวนอกสีน้ำตาลสไตล์วินเทรดเข้าชุดกันจึงถูกแขวนทิ้งไว้ในตู้อย่างไม่ได้รับความสนใจตอนที่สาวน้อยสวมรองเท้าสานส้นเตี้ยเดินออกจากห้องพักพร้อมกระเป๋าถือใบจ้อย ไปยืนเคาะประตูห้องพักของพี่ชายซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“พี่ฮิเดะคะ” มิโยโกะลองเรียกพี่ชายหลังจากเคาะประตูแล้วไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่กลับมีเสียงเปิดประตูออกมาจากห้องถัดไป พฤฒิปรากฏตัวในเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินพอดีตัว กับกางเกงยีนสีฟ้าซีดจาง ผมสั้นระต้นคอถึงไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แต่ก็ดูสบายๆ ผิดกับลุคหนุ่มเนี้ยบที่เธอเห็นจนชินตาตอนอยู่ที่บ้าน จนค่อนขอดเอาบ่อยๆ ว่าเป็นตาแก่น่าเบื่อ

“คุณหนูมิโยโกะ หานายท่านหรือครับ นายท่านไม่อยู่ในห้องหรอกครับ”

“พี่ฮิเดะไม่อยู่เหรอ หายไปไหน” มิโยโกะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อควานหาโทรศัพท์มือถือของตนหวังจะโทรศัพท์เรียกพี่ชาย

“นายท่านลงไปห้องอาหารกับคุณอาอิได้สักพักแล้วครับ” พฤฒิเห็นประกายตาของเด็กสาววาบขึ้น ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้ว่าต่อมหวงพี่เริ่มทำงานอีกแล้ว “คุณหนูจะตามไปสมทบไหมครับ ผมจะพาไป”

“ไม่!”

“ห้องอาหารนานาชาติอยู่แค่ชั้น...ครับ...ว่าไงนะครับ” ชายหนุ่มย้อนถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ฉันบอกว่าไม่ไปไง พี่ฮิเดะกับแฟนเขาดินเนอร์กันจะไปขัดคอทำไมเล่า” กินอาหารค่ำกันโดยไม่สนใจจะมาดูมาถามเธอว่าหิวไหม ถึงตอนนั้นเธอจะหลับอยู่ แต่ปลุกขึ้นมาถามสักนิดก็ไม่เสียหายนี่นา

อาการกระฟัดกระเฟียดของมิโยโกะทำให้พฤฒิเชื่อไม่ลงว่าจู่ๆ คุณหนูจอมเฮี้ยวจะยกธงยอมแพ้ไม่ยอมไม่ไปขวางคอพี่ชายกับปัญจพาณ์

“แล้วคุณหนูจะสั่งอาหารขึ้นมาทานที่นี่ไหมครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”

“ฉันจะออกไปหาอะไรกินนอกโรงแรม”

“เอ๋? ถ้าอย่างนั้นให้ผมบอกนายท่าน...” เขาพูดไม่ทันจบมิโยโกะก็แทรกขึ้นมา

“ไม่ได้! ห้ามนายบอกพี่ฮิเดะเด็ดขาด ฉันจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกโดยไม่บอกพี่ฮิเดะ และนายก็ต้องเป็นคนพาไปด้วย”

“จะดีเหรอครับ ถ้าทำอย่างนั้นนายท่านจะเป็นห่วงนะครับ”

“ทีพี่ชายไปกับอาอิยังไม่เห็นจะห่วงฉันเลยว่ายังไม่ได้กินข้าว แล้วฉันจะออกไปกินข้าวบ้างทำไมต้องห่วงพี่ฮิเดะด้วย”

นั่นไง...ที่แท้ก็จะประชดฮิเดกินี่เอง

“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นขอผมเข้าไปหยิบกระเป๋าเงินก่อนนะครับ”

“อย่าคิดแอบโทรศัพท์ไปบอกพี่ฮิเดะเชียวนะ ไม่งั้นฉันเอานายตายแน่” เด็กสาวชี้หน้าคาดโทษหนุ่มไทย

“ถ้าคุณหนูกลัวว่าผมจะบอกนายท่าน เดี๋ยวผมเปิดประตูทิ้งไว้ก็ได้ครับ”

“ดี งั้นก็รีบไปหยิบของของนายเร็วเข้า”

พฤฒิเข้ามาในห้องพัก เมื่อเลี้ยวมุมไปที่โต๊ะข้างหัวเตียงก็ทำให้พ้นระยะการมองเห็นของเด็กสาว เขาก็หยิบกระดาษโน้ตติดแถบกาวที่พกติดตัวเป็นประจำซึ่งวางไว้บนโต๊ะมาเขียนปาดๆ ลงไปอย่างรวดเร็วแล้วฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกมา พร้อมกับหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วเดินออกไปหาเด็กสาวที่ยืนรออยู่หน้าห้อง

“เรียบร้อยแล้วครับคุณหนู” พฤฒิปิดประตูห้องพัก ยิ้มอ่อนๆ ให้มิโยโกะซึ่งพยักหน้ารับ แล้วเดินนำไปยังลิฟต์ เขาฉวยโอกาสนั้นแปะกระดาษโน้ตไว้ที่หน้าห้องพักของตน

‘ผมออกไปข้างนอกกับคุณหนูครับ ซากิ’

ข้อความของพฤฒิถึงมือฮิเดกิเรียบร้อยในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ทำให้ฮิเดกิตัดสินใจไปส่งสาวคนรักที่บ้านของเธอ แม้จะยังรู้สึกห่วงใยและกังวลที่มิโยโกะออกไปข้างนอก ทั้งที่เพิ่งมาเมืองไทยเป็นครับแรก แต่ก็สบายใจที่ได้คนพื้นที่อย่างพฤฒิช่วยดูแลแทน


“คุณหนูอยากกินอะไรครับ” พฤฒิถามขึ้นหลังจากออกจากโรงแรมมาได้ครู่หนึ่ง ทว่ามิโยโกะได้แต่เดินดูสองข้างทางซึ่งมีร้านอาหารแบบแผงลอยขายปรากฏอยู่เป็นพักๆ โดยที่ไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกร้านไหนสักที

“นายอยากกินอะไรล่ะ”

“หือ? ผมหรือครับ”

“ใช่ นายเป็นคนไทยนี่ต้องรู้สิตอนนี้พวกเราน่าจะกินอะไรดี”

“ให้ผมเลือกหรือครับ” ไม่ใช่โอกาสที่หาได้ง่ายๆ เลย เขาคิดเล็กน้อยก่อนจะเสนอ “อาหารไทยดีไหมครับ”

“ก็ดีอยู่หรอก” มิโยโกะหยุดเดิน แล้วหันมามองเขาด้วยดวงตากลมโตฉายแววดุเล็กน้อย “แต่ถ้าอย่างนั้นฉันกินที่โรงแรมก็ได้ ฉันอยากได้ไอ้ที่นายอยากกินเข้าใจไหม” เมื่อเห็นพฤฒิยังมองเธอนิ่ง จึงขยายความต่อ “ก็แบบอะไรที่นายคิดว่ากลับมาเมืองไทยทั้งที่ ต้องแวะกินสักหน่อยอะไรอย่างนี้น่ะ”

พฤฒิพยักหน้า เข้าใจแล้วว่าคุณหนูของเขาอยากกินเมนูเด็ดๆ ที่คนไทยชอบ เขามองนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาเกือบสองทุ่มครึ่งแล้ว ถ้าให้เขาแนะนำมิโยโกะคงเป็นย่านเยาวราช แต่ถ้าถามใจเขาล่ะก็...

“ผมอยากกินข้าวต้มปลาครับ” ชายหนุ่มประกาศความต้องการของตัวเอง “แต่ร้านอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร คงต้องนั่งรถแท็กซี่ไป”

“จะอะไรก็ได้ ไปกันเสียทีเถอะน่า” มิโยโกะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แต่ไม่คิดว่าร้านที่พฤฒิพาไปจะอยู่ห่างขนาดต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ได้ยินเขาเล่าว่านี่นี่คือ ‘ตรอกจันทร์’ ย่านชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

มิโยโกะมองรอบๆ ร้านซึ่งมีผู้คนมากหน้าหลายตา ตั้งแต่แต่งตัวปอนๆ ไปจนถึงแบรนด์ดังระดับโลก มานั่งรวมอยู่ในร้านเดียวกันอย่างสนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาหารร้านนี้มีชื่อเสียงระดับไม่ธรรมดาทีเดียว ดังนั้นเมื่อพฤฒิกลับมานั่งร่วมโต๊ะหลังจากที่เธอปล่อยให้เขาเลือกเมนูอาหารให้ทั้งสอง เธอจึงสอบถามด้วยความใส่ใจมากขึ้น

“นายเลือกอะไรให้ฉันน่ะ

“ข้าวต้มปลาเต๋าโต้ยครับ”

“อร่อยมากไหม” มิโยโกะซักต่อ

“อร่อยสิครับ เมนูบนสุดของร้านนี้ครับ” พฤฒิชี้ไปที่ไวท์บอร์ดบนผนัง มิโยโกะมองตามทันที และพยักหน้า ถึงจะอ่านไม่ออก แต่ก็แน่ใจว่าเมื่อมันอยู่บนสุด มันก็ควรจะเป็นอะไรที่สุดยอด

เพียงไม่นานข้าวต้มปลาร้อนๆ ควันฉุยก็มาอยู่ตรงหน้าสองหนุ่มสาว พร้อมทั้ง ‘ยำรวมมิตรทะเล’ ที่พฤฒิสั่งเพิ่มมาให้สาวญี่ปุ่นได้ลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ

มิโยโกะมองเนื้อปลาสีขาวดูนุ่มชุ่มฉ่ำด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอใช้ช้อนตักน้ำซุปขึ้นชิมก่อนเป็นอันดับแรก น้ำซุปไม่ได้ปรุงรสมากทำให้สามารถรับรู้รสหวานของซุปปลาได้ชัดเจน

“ถ้าคิดว่าจืดไปใส่เต้าเจี้ยวนี่ได้นะครับ” พฤฒิยื่นถ้วยเต้าเจี้ยวส่งให้เด็กสาว

“ไม่ต้องหรอก มิโยโกะว่าโอเคแล้ว” มิโยโกะปฏิเสธเพราะอาหารญี่ปุ่นก็เน้นรสธรรมชาติเช่นนี้ จึงนับเป็นอาหารที่คุ้นลิ้น

พฤฒิยิ้มเมื่อได้เด็กสาวใช้ชื่อแทนตัวเอง ทำให้เขาเห็นว่าเธอเป็นเด็กสาวแสนน่ารักช่างอ้อน รอยยิ้มของเขาขยายกว้างขึ้นเมื่อเห็นมิโยโกะทำหน้าปลื้มมากหลังจากส่งเนื้อปลาเต๋าโต้ยเข้าปาก การที่ได้เห็นเธอมีสีหน้าพอใจเช่นนี้ทำให้เขาพลอยมีความสุขไปด้วย

ระหว่างกินข้าวต้มปลาได้พักหนึ่งทั้งสองหนุ่มสาวก็สลับฉากกินยำรวมมิตรทะเลบ้าง มิโยโกะติว่าเผ็ดไปหน่อย แต่ความเปรี้ยวหวานเค็มบวกกับความหวานของอาหารสดๆ ใหม่ๆ กลมกล่อมจนเธอไม่คิดหยุดส่งพวกมันเข้าปาก หากเผ็ดเกินไปก็หันมากินข้าวต้มที่เหลืออยู่แก้เผ็ด

“อิ่มจัง อร่อยที่สุดเลย”

“คุณหนูชอบผมก็ดีใจครับ ไม่เสียหน้าเจ้าบ้าน”

“เราไปไหนกันต่อดี”

“ไปไหน? ก็ต้องกลับโรงแรมสิครับ ป่านนี้นายท่านเป็นห่วงแย่แล้ว”

“เชอะ เป็นห่วงบ้างก็ดี อยากไม่ชวนมิโยโกะไปกินข้าวด้วยทำไมล่ะ” เธอเชิดหน้าอย่างแง่งอน

“คุณหนูก็ออกมากินข้าวต้มปลาโดยไม่ชวนนายท่านแล้วยังไงล่ะครับ ต่างคนต่างไม่ชวนกันน่าจะหายกันนะครับ งอนมากไม่น่ารักนะครับ เอาแค่พอดีๆ ก็พอ”

“ฉันรู้หรอกน่า อย่ามาทำเป็นสอนหน่อยเลย รีบจ่ายเงินเร็วเข้าจะได้รีบกลับ ฉันง่วงแล้ว”

ถึงภายนอกจะดูดื้อรั้นเอาแต่ใจ ทว่าเมื่อพูดด้วยเหตุผลแล้วมิโยโกะมักจะรับฟังอยู่เสมอ ทำให้พฤฒิอดไม่ได้ที่จะชอบสาวน้อยน่าเอ็นดูคนนี้ เขาบอกให้ตัวเองหยุดความรู้สึกไว้แค่ชอบเท่านั้น ไม่เคยล้ำเส้นคิดเป็นอื่นเพราะคิคุจิ มิโยโกะคือคนที่เขาไม่สามารถเอื้อมมือไปไขว่คว้าได้

หลังจากจ่ายค่าอาหารกว่าครึ่งพันทั้งสองก็เดินออกจากร้าน คิดไม่ถึงว่าที่หน้าร้านนั้นเองพฤฒิจะได้พบคนรู้จัก

“พี่พฤฒิ พี่พฤฒิใช่ไหมคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“ลีลา” พฤฒิพึมพำชื่อหญิงสาวผู้นั้นเบาๆ อย่างคิดไม่ถึง จริงอยู่ว่าที่นี่ไม่ห่างจากบ้านของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคนรู้จักที่นี่

มิโยโกะเอียงคอมองหญิงสาวผู้มาใหม่ที่ยิ้มร่าเข้ามาทักทายพฤฒิอย่างสนิทสนม แล้วจึงมองหน้าชายหนุ่มข้างกายที่ทำท่าเหมือนอึ้งอล ทำให้เธอหรี่ตาลงหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง

“พี่พฤฒิกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมลีไม่เห็นรู้เลย”

“พี่เพิ่งกลับมาวันนี้เองครับ”

“เพิ่งกลับเหรอคะ แบบนี้ลีก็โชคดีสิคะที่บังเอิญมาเจอพี่ที่นี่ แล้วนี่กินข้าวเสร็จแล้วใช่ไหมคะ จะเข้าบ้านหรือยังให้ลีไปส่งนะคะ” ลีลาพูดรัวเป็นชุด

“พี่พักอยู่ที่โรงแรมครับ ยังไม่ได้เข้าบ้านเลย”

“อ้าว...อย่างนั้นให้ลีไปส่งที่โรงแรมนะคะ”

“อย่าเลยครับ โรงแรมที่พี่พักอยู่แถวราชประสงค์ห่างจากที่นี่พอสมควร อีกอย่างนี่ก็ดึกแล้วพี่กับเพื่อนไม่อยากรบกวนลี”

คำว่า ‘เพื่อน’ ทำให้ลีลาสังเกตว่าพฤฒิไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับสาวน้อยหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา รอยยิ้มสดใสเกลื่อนใบหน้าเมื่อครู่ก่อนจึงเจื่อนลง

“เพื่อนพี่พฤฒิยังเด็กอยู่เลยนะคะ”

“น้องสาวเจ้านายพี่ครับ เขาเพิ่งมาเมืองไทยเลยต้องเทคแคร์เป็นพิเศษ”

หลังจากยืนรอจนขาแข็งคนข้างตัวก็ยังไม่คิดจะจัดการให้ทั้งสองได้รู้จักกัน เมื่อสายตาของสาวไทยมองมาอย่างสำรวจ มิโยโกะก็ใช้โอกาสนี้แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษทันที

“คิคุจิ มิโยโกะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“เอ่อ... ลีลา ไม้ไทยค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จัก” ลีลาตอบอย่างตะกุกตะกักอยู่บ้างเพราะไม่คุ้นกับการพูดคุยกับคนต่างชาติ

“ลีลาเป็นรุ่นน้องผมครับ แล้วก็เป็นเพื่อนบ้านด้วย” พฤฒิขยายความเป็นมาของลีลาให้มิโยโกะทราบเป็นภาษาญี่ปุ่น

รุ่นน้อง? เพื่อนบ้าน? มองกันตาเชื่อมขนาดนี้คิดจะหลอกใครกัน อย่างนี้ต้องป่วนเสียให้เข็ด รุ่นน้องใช่ไหม เพื่อนบ้านใช่ไหม ได้เลย มิโยโกะจัดให้

“เป็นเพื่อนบ้านของพฤฒิเหรอคะ มิโยโกะเป็นเพื่อนหญิงของพฤฒิค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ” มิโยโกะลงทุนเรียกชื่อไทยของชายหนุ่มที่แสนจะไม่คุ้นปาก

คำว่า ‘เพื่อนหญิง’ หรือ ‘เกิร์ลเฟรนด์’ ตามภาษาอังกฤษที่มิโยโกะพูด ทำให้พฤฒิและลีลาต่างสะดุ้งพร้อมๆ กัน
“เกิร์ลเฟรนด์? ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนพี่พฤฒิเหรอคะ”

ลีลารีบหันไปถามพฤฒิด้วยภาษาไทยด้วยสีหน้าตกใจแกมผิดหวัง แต่นั่นไม่เป็นอุปสรรคสำหรับมิโยโกะ แค่เห็นหน้าตาอีกฝ่ายก็พอเดาได้แล้วว่าตกตะลึงขนาดไหน จึงเอ่ยเสริมต่อ

“เนี่ย มิโยโกะมาที่เมืองไทย ตั้งใจว่าจะมาทำความรู้จักกับครอบครัวของพฤฒิค่ะ” สาวน้อยแสร้งก้มหน้า ทำบิดตัวอย่างเขินอาย แต่แท้จริงเพื่อซ่อนรอยยิ้มขำของตัวเองไว้จากสายตาสาวไทยต่างหาก “เราสองคนตั้งใจว่า.... อุ๊บ”

ยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อก็ถูกมือใหญ่ของพฤฒิปิดปาก

“เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังแล้วกันนะลี พี่ต้องรีบไปแล้ว ดีใจที่ได้เจอ ไปครับคุณหนูมิโยโกะ กลับกันได้แล้ว” พฤฒิรวบรัดตัดบท แล้วเลื่อนมือจากริมฝีปากของเด็กสาวลงมาฉุดที่ต้นแขนของเธอ รั้งให้ออกเดินตามไปด้วยกัน

แม้จะไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายฉุดให้เดินตาม แต่มิโยโกะก็ยังไม่ลืมจุดประสงค์เดิม จึงเหลียวหลังไปโบกไม้โบกมือฉีกยิ้มหวานส่งให้ลีลา

“บายนะคะ ไว้มิโยโกะไปบ้านพฤฒิเมื่อไหร่จะแวะไปเยี่ยมค่ะ” ว่าแล้วก็ทำเป็นเอียงศีรษะแนบต้นแขนแกร่งของชายหนุ่มเป็นการอวดภาพสนิทสนมชวนบาดตาให้หญิงสาวอีกคนได้เห็น

“คุณหนู พอได้แล้วครับ เล่นอะไรเนี่ย”

พฤฒิจับเด็กสาวยัดเข้าไปในรถแท็กซี่คันแรกที่เรียกได้แล้วตามเข้าไปนั่งโดยไม่หันกลับไปดูสีหน้าซีดเผือดของลีลาแม้แต่นิดเดียว




............โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ.............





Create Date : 02 สิงหาคม 2554
Last Update : 2 สิงหาคม 2554 4:09:10 น. 3 comments
Counter : 705 Pageviews.

 
คุณวาโยคะ ใต้เงาเบญจมาศยังไม่วางขายเหรอคะ อยากอ่านมากกกกกกกกกก ไปเดินหาตามร้านหนังสือบอกว่ายังไม่มีข้อมูล พอดีได้อ่านช่วงแรกๆแล้วงานยุ่งๆเลยไม่ได้เข้ามาอ่านต่อ กลายเป็นมีภาค2ต่อไปซะแล้ว

ไม่รู้ทำไมJingleJดันไปจำว่าเคยเห็น เป็นปกสีดำๆ = =" สงสัยฝันเอาแน่ๆเลยค่ะ

เมื่อไหน่จะวางแผงอะคะ แล้วก็เรื่องสุคนธาแห่งหัวใจด้วยอะค่ะ ^^

รออ่านเรื่องนี้ต่อด้วยค่ะ


โดย: JingleJ วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:22:09:49 น.  

 
JingleJ...
ขอบคุณมากเลยค่ะที่ติดตาม ใต้เงาเบญจมาศมีเหตุเล็กน้อย ตอนนี้ก็เลยยังอยู่กับตัวเองค่ะ กำลังคิดว่าจะเขียนภาค 2 ให้จบก่อน แล้วส่ง สนพ. พร้อมกัน

สุคนธาฯ บก. แฮปปี้บานาน่าให้ผ่านแล้วค่ะ แต่ยังไม่มีกำหนดวางแผงเลย สงสัยเพราะสพน. เขายังไม่มีแนวนี้เลยรอจังหวะอยู่มั้งคะ (เข้าข้างตัวเองไปมั้ยเนี่ย)

ซึ้งมากๆ เลยค่ะ ที่คุณJingleJ ติดตามผลงาน ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ


โดย: wayo วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:23:29:05 น.  

 
คุณ JingleJ (อีกที)...
ลืมบอกค่ะว่า เช็คหลังไมค์ด้วยนะคะ


โดย: wayo วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:23:41:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เอ่อ...ไม่เข้าใจว่า
ทำไมถึงคลิกกล่องคอมเม้นต์ไม่ได้
กดไม่ติดเลยอะค่ะ
ตอบคอมเม้นไม่ได้
เดี๋ยวขอหาทางแก้ก่อนนะคะ

ยังไงก็ขอบคุณทุกคน
ที่แวะมานะคะ
(Y)(^O^")(Y)
My books
Friends' blogs
[Add wayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.