Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
หนึ่งตะวันกลางใจ ตอนที่1 (ค่ำคืนหนึ่งในฤดูร้อน)

หนึ่งตะวันกลางใจ
(ใต้เงาเบญจมาศ 2)
โดย วาโย





ตอนที่1
ค่ำคืนหนึ่งในฤดูร้อน


ใต้แสงอาทิตย์ย่ามบ่ายคล้อยของฤดูร้อนในเดือนกรกฎาคม กระพืออุณหภูมิให้สูงขึ้น ทำให้สาวน้อยที่เพิ่งก้าวลงจากรถยนต์ที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้จนเย็นช่ำ ร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง แม้ว่าจะมีสาวใช้ในชุดยูกาตะมาช่วยกางร่มกันแดดให้ก็ตาม แต่ก็ไม่ช่วยให้ทัศนคติเกี่ยวกับอากาศอันเลวร้ายดีขึ้นได้ในความรู้สึกของสาวน้อย

“พี่ฮิเดะไปเมืองไทยแล้วเหรอ”

มิโยโกะเด็กสาววัยสิบหกหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น ที่เพิ่งกลับจากโรงเรียน เอ่ยถามสาวใช้ทันทีที่ย่างเข้ามาในตัวบ้านบ้าน หรือจะเรียกให้ถูกต้อง ควรเป็นคฤหาสน์ตระกูลคิคุจิมากกว่า คฤหาสน์แบบญี่ปุ่นหลังนี้ใหญ่โตโอ่อ่าบนเนื้อที่กว่าห้าไร่ บ่งบอกฐานะของเจ้าของ ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอย่างดี

“ค่ะคุณหนู คุณยามางุจิไปส่งนายท่านตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว” สาวใช้นามฮิคารุตอบอย่างนอบน้อม

สาวน้อยเจ้าของนาม คิคุจิ มิโยโกะผู้นี้ คือน้องสาวคนเดียวของหัวหน้าตระกูล คิคุจิ ฮิเดกิ

ตามจริงแล้ว เมื่อผู้เป็นพี่ชายไม่อยู่ เธอควรเป็นใหญ่ภายในบ้าน หากไม่ติดว่ายังมีญาติผู้ใหญ่อย่างคิคุจิ โอคิสะ ผู้เป็นย่าของเธอร่วมชายคาอยู่ด้วย เป็นเหตุให้ไม่สามารถอาละวาดฟาดงวงฟาดงา เมื่อได้รับคำยืนยันจากสาวใช้ว่า พี่ชายได้เดินทางไปหาคนรักที่เมืองไทยแล้วจริงๆ

มิโยโกะเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มเข้าหากัน กำมือแน่น นึกอยากกัดทึ้งหรือจิกเล็บลงไปที่ไหนสักแห่งเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ แต่เนื่องจากการอบรมแต่เล็กจากผู้เป็นย่าจึงต้องควบคุมตัวเองให้แลดูสง่างามอยู่เสมอต่อหน้าผู้อื่น จึงทำได้เพียงเชิดหน้า ปรายตาดุๆ ไปยังสาวใช้

“ฉันมีรายงานต้องทำ เย็นนี้จะกินข้าวที่ห้อง ให้คนเอาไปจัดวางที่หน้าห้อง ไม่ต้องเคาะประตู พรุ่งนี้ค่อยมายกสำรับกลับ”

“ค่ะ คุณหนู” สาวใช้รับคำ พลางลอบถอนหายใจ ที่วันนี้คุณท่านโอคิสะรับประทานอาหารเย็นกับลูกศิษย์ที่มาเรียนจัดดอกไม้ และไม่ได้บอกให้เชิญคุณหนูมิโยโกะให้ร่วมด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ต้องรีบบอกคุณแม่บ้านให้ไปเรียนคุณท่านไว้ ไม่เช่นนั้นเกิดคุณหนูถูกเรียกตัวกะทันหัน จะไม่พอใจได้

พอผละจากสาวใช้ มิโยโกะก็ย่นจมูก วันนี้เป็นวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดวันทานาบาตะเธออยากไปงานเทศกาลในคืนนี้ แต่พี่ชายกลับไม่อยู่เสียนี่ ถึงขอร้องคุณย่าอย่างไรท่านก็คงไม่ให้ไปอยู่ดี ทางเดียวที่จะได้ไปงานคืนนี้ก็คือ ‘หนี’ ออกไป



มิโยโกะโตมาในบ้านหลังนี้จึงรู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงลอบมาถึงประตูด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าออกสำหรับบรรดาลูกจ้างสำเร็จด้วยดี เด็กสาวงับประตูปิดหลังจากออกนอกรั้วบ้านได้สำเร็จ รอยยิ้มอิ่มเอมผุดขึ้นบนเรียวปากจิ้มลิ้ม หากรอยยิ้มนั้นต้องเผยอค้างเมื่อหมุนตัวหันไปเจออกกว้างของใครบางคนในระยะประชิด

ดวงตากลมโตของเด็กสาวไล่ตามชุดสูทสีดำขึ้นไปจนเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างถนัดถนี่ ที่แท้คนตรงหน้าคือหนุ่มไทยนามพฤฒิ ผู้ช่วยของพี่ชายเธอที่คิคุจิกรุ๊ป

พี่ชายของเธอให้เขาเข้ามาอาศัยในบ้านเนื่องจากบ้านพักของบริษัทที่จัดให้พฤฒิเกิดปัญหาเล็กน้อยขณะแผ่นดินไหวครั้งหนึ่งเมื่อสองปีก่อน หลังจากนั้นเขาก็อาศัยอยู่ที่เรือนหลังเล็กในอาณาเขตบ้านคิคุจิมาตลอด

“กำลังจะไปไหนเหรอครับ คุณหนูมิโยโกะ” พฤฒิสอบถามเด็กสาวตรงหน้าด้วยภาษาญี่ปุ่นซึ่งฝึกฝนมาหลายปีจนคล่องแคล่ว เขามองชุดเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงยีนจากแบรนด์ดังของญี่ปุ่นบนตัวเด็กสาวซึ่งเน้นรูปร่างในวัยแรกผลิโดยไม่ต้องเปิดเผยเนื้อหนังให้เห็นอย่างครุ่นคิด และสรุปเอาเองโดยที่เธอยังเบิกตากว้างมองเขาอยู่ “แอบหนีเที่ยวแบบนี้คุณท่านโอคิสะรู้เขาคุณหนูจะถูกลงโทษอย่างหนักนะครับ”

พฤฒิหวังดีโดยการกล่าวเตือน แต่กลับถูกลูกตาวาววับถลึงใส่อย่างเอาเรื่อง

“นายกล้าไปฟ้องคุณย่าอย่างนั้นเหรอ ซากิ!” มิโยโกะเน้นชื่อญี่ปุ่นของชายหนุ่มที่ใช้แทนชื่อไทยที่แสนจะไม่คุ้นปาก แต่อีกฝ่ายกลับยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากตนเอง

“อย่าเสียงดังสิครับคุณหนู เดี๋ยวก็มีคนได้ยินเข้าพอดี”

สิ้นคำของหนุ่มไทย เด็กสาวก็รีบหมุนตัวกลับไปแนบหูเข้ากับประตูไม้บานเล็ก เมื่อไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากอีกฟากของประตูก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นจึงค่อยๆ หันกลับไปยังชายหนุ่ม ดวงตากลมโตระยับขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาพฤฒิซึ่งเดิมทียืนเอียงคอมองการกระทำของเธออย่างขำขันสะดุ้งอยู่ในใจ

“ซากิ”

“ครับ” พฤฒิกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

“นายจะบอกเรื่องที่ฉันหนีออกมากับคุณย่าไหม”

“เอ่อ...ก็แล้วแต่...” ชายหนุ่มพูดอ้ำอึ้งไม่เต็มเสียงนัก

“แล้วแต่อะไร พูดมาให้ชัดสิ”

“แล้วแต่ว่าคุณท่านจะถามถึงคุณหนูหรือเปล่าน่ะครับ”

“หมายความว่าถ้าคุณย่าถามนายจะบอกงั้นเหรอ” น้ำเสียงของเด็กสาวสงบจนคนฟังสังหรณ์ใจไม่ดี

“ถ้าคุณท่านถาม ผมจำเป็นต้องเรียนตามตรงครับ”

“ก็ได้ นายพูดเองนะ”

“หา!?” พฤฒิไม่อยากเชื่อว่าคุณหนูเอาแต่ใจอย่างมิโยโกะจะยอมง่ายๆ เช่นนี้ ขณะที่เขามัวแต่สงสัย เด็กสาวก็เข้าถึงตัว จับตัวเขาหมุนหันหน้าไปทางถนนแล้วดันหลังให้คนตัวโตกว่าอย่างเขาออกเดิน “อะไรกันครับเนี่ย”

“ที่ศาลเจ้ามีงานเทศกาล นายต้องไปกับฉัน”

“แต่ว่า...”
“ฉันบอกให้ไปกับฉันไง เอ้า! เดิน เดิน เดิน” มิโยโกะพูดกระตุ้น พร้อมกับออกแรงดันชายหนุ่มให้ออกเดินอย่างเต็มที่

พฤฒิแสร้งทำเป็นถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมออกเดินตามแรงดันของสาวน้อย ทั้งที่ตัวเขาเองมีรอยยิ้มประดับที่ริมฝีปากด้วยนึกเอ็นดูอาการแบบเด็กๆ ของน้องสาวเจ้านาย จริงๆ แล้วก่อนฮิเดกิจะเดินทางไปประเทศไทยได้วานให้เขาดูแลน้องสาวอยู่แล้ว หากเธออยากไปงานเทศกาลเพียงบอกเขาดีๆ เขาก็จะไปขอคุณท่านโอคิสะให้และพาไปด้วยตนเอง แต่ในเมื่อเรื่องบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาคงทำได้แค่ปกปิดเรื่องราวและดูแลเด็กสาวให้ดีที่สุดเท่านั้นเพื่อไม่ให้มิโยโกะต้องถูกผู้เป็นย่าลงโทษ แต่คงต้องแจ้งแก่ฮิเดกิผู้เป็นนายในภายหลัง

“ไม่พาฮิคารุไปด้วยเหรอครับ” พฤฒิถามถึงสาวใช้คนสนิทของเด็กสาว หลังจากเดินคู่กันมาตามทางได้สักพัก

“เบื่อ ฮิคารุขี้ตื่นชอบทำตัวมีพิรุธอยู่เรื่อย”

“ถึงอย่างนั้นก็ดีกว่าหนีออกมาข้างนอกคนเดียวนะครับ ถ้านายท่านฮิเดกิทราบเข้าจะไม่สบายใจ”

“ตอนนี้ก็มีนายมาเป็นเพื่อนแล้วไง อีกอย่างถ้าพี่ฮิเดะห่วงมิโยโกะจริงก็น่าไปกับมิโยโกะเหมือนทุกปีสิ ไม่ใช่หนีไปไทยแบบนี้ เดี๋ยวนี้มีแฟนแล้วก็เห็นแฟนสำคัญกว่าน้อง เชอะ”

“งอนเหรอครับ นายท่านไม่ได้เจอกับคุณปั้นเป็นเดือนๆ แล้วไม่สงสารนายท่านบ้างหรือครับ”

“เฮอะ!” เด็กสาวทำเสียงขึ้นจมูก แล้วเดินจ้ำอ้าวนำชายหนุ่มร่างสูงไปเป็นการตัดบทสนทนา แต่ก็ทิ้งห่างไม่ได้มากทั้งที่คนข้างหลังเดินตามแบบสบายๆ

ศาลเจ้าใหญ่ห่างจากบ้านตระกูลคิคุจิไม่กี่สถานีรถไฟ เส้นทางสายนี้ในวันปกติแม้จะมีผู้คนแวะสัญจรไปมาอยู่ไม่น้อย แต่ในวันเทศกาลสำคัญจะคึกคักเป็นพิเศษ

พฤฒิเปลี่ยนจากเดินตามมิโยโกะเป็นเดินคู่ขึ้นมาเคียงข้าง ในสถานที่ผู้คนพลุกพล่านเช่นนี้อาจพลัดหลงกันได้ง่าย เขาไม่อยากคลาดสายตาไปจากเด็กสาว

มิโยโกะเหลือบสายตามองคนตัวโตที่เดินข้างๆ ไหล่บางไหวน้อยๆ กับท่าทางปกป้องกลายๆ นั้น นับว่าสองปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเธอกับพฤฒิอยู่ในเกณฑ์ดีไม่น้อยทีเดียว ทำให้ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่เขามาเดินตีเสมอเธอผู้อยู่ในฐานะคุณหนูเจ้าของบ้านที่เขาอาศัย

สายตาของเด็กสาวเปลี่ยนทิศไปยังสองข้างทางซึ่งเต็มไปด้วยกิ่งไผ่ ต้นไผ่ แขวนกระดาษอธิษฐาน รวมไปถึงกระดาษพับแบบต่างๆ โดยที่เห็นมากที่สุดคือนกกระสา แขวนตกแต่งประดับไปทั่วอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

“คุณหนูอยากไปไหนเป็นพิเศษไหมครับ” ชายหนุ่มสอบถาม เพราะหากต้องการแค่อธิษฐานขอพร หน้าบ้านตระกูลคิคุจิก็ตั้งต้นไผ่ต้นใหญ่ที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามไว้เช่นกัน

“อยากแขวนกระดาษที่ต้นไผ่หน้าศาลเจ้า เหมือนที่พี่ฮิเดะเคยพามาทุกปี แล้วปีนี้ที่ศาลเจ้า รุ่นน้องที่ชมรมได้แสดงเป็นโอริ ฮิเมะด้วย เลยต้องมาดูสักหน่อย”

พฤฒิพยักหน้า เขารู้จัก ‘ฮิโก โบชิ’ กับ ‘โอริ ฮิเมะ’ เจ้าของตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าประจำเทศกาลทานาบาตะมาบ้าง

ทั้งสองเดิมทีต่างทำงานของตนเองอย่างขยันขันแข็งอยู่บนสวรรค์ จนกระทั่งพบรักกัน เพราะลุ่มหลงมัวเมาในรักจึงละเลยหน้าที่ของตน จึงถูกลงโทษให้แยกห่างกันอยู่คนละฟากของแม่น้ำสวรรค์ ทั้งคู่ได้แต่มองกันโดยมีแม่น้ำคั่นกลาง ความเศร้าโศกของทั้งคู่ทำให้เทพเจ้าเห็นใจ อนุญาตให้ทั้งคู่มาพบกันได้ปีละครั้งโดยมีกลุ่มนกกระสาบินขึ้นเรียงตัวทอดเป็นสะพานข้ามแม่น้ำสวรรค์ ในวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด ซึ่งก็คือเทศกาลทานาบาตะนั่นเอง

นับว่าเป็นตำนานดวงดาวที่โรแมนติกเอาการทีเดียว เพราะสองฝั่งของทางช้างเผือกมีดาวสองดวงทอแสงอยู่จริง

ในช่วงนี้ของปีจะเป็นช่วงที่ดาวที่สว่างสดใสที่สุดของกลุ่มดาวพิณ (โอริ ฮิเมะ) และดาวที่สว่างสดใสที่สุดของกลุ่มดาวอินทรี (ฮิโก โบริ) โคจรมาพบกัน

“โชคดีที่วันนี้ฝนไม่ตกนะครับ”

“ใช่ ไม่งั้นสองคนนั่นคงต้องรอเจอกันปีหน้าโน่น” มิโยโกะเอ่ยถึงโอริ ฮิเมะ และฮิโก โบชินั่นเอง มีความเชื่อว่าวันเทศกาลทานาบาตะหากปีใดมีฝนตกทั้งคู่จะไม่ได้พบกันต้องรอพบกันในปีถัดไป “แล้วเราก็จะอดดูละครด้วย”

“นั่นสิครับ” พฤฒิยิ้มรับ เป็นที่รู้กันว่าปีไหนฝนตก ละครเกี่ยวกับตำนานดวงดาวนี้จะไม่จัดแสดงด้วย

ชายหนุ่มพาเด็กสาวไปผูกกระดาษอธิษฐาน และชมการแสดงละครตามที่เธอต้องการ ระหว่างทางยังถูกมิโยโกะสั่งให้ซื้อขนมโน่นนี่จนถือเต็มสองมือ ในขณะที่เธอเดินตัวปลิวไม่ถืออะไรทั้งสิ้น

“โน่นไง รุ่นน้องที่ชมรมของฉัน สวยใช่ไหมล่ะ” มิโยโกะรีบชี้ชวนให้พฤฒิดูสาวน้อยที่เล่นบทโอริ ฮิเมะ

พฤฒิหรี่ตามองอย่างประเมินใบหน้าที่ลงแป้งไว้ขาวจัดและแต่งหน้าแบบโบราณทำให้ยากจะบอกได้ว่าใบหน้าที่แท้จริงของสาวน้อยนางนั้นเป็นเช่นไร แต่ชุดตามแบบสมัยเฮอันที่ใช้แสดงก็งดงามจนทำให้คนสวมดูเหมือนตุ๊กตาเจ้าหญิง เขาจึงพยักหน้าตอบรับมิโยโกะ

“ครับ ก็สวยดีครับ”

“แนะนำให้ไหมล่ะ แต่แก่ๆ อย่างนายน้องเขาคงไม่สนใจหรอก คิกๆๆ” ว่าแล้วก็จิ้มทาโกะยากิลูกกลมๆ ที่พฤฒิถือถาดของมันให้อยู่เข้าปากทั้งลูก

“ผมอายุน้อยกว่านายท่านฮิเดกิสองปีครับ” ปีนี้เขาอายุยี่สิบเจ็ดห่างจากเด็กสาวข้างๆ สิบปีเต็ม

คำพูดเรียบๆ ของพฤฒิมีผลให้สาวน้อยซึ่งเคี้ยวทาโกะยากิอยู่ตุ้ยๆ จนไม่สามารถพูดได้ถลึงตาใส่ โทษฐานที่บังอาจเอาตัวไปเปรียบเทียบกับพี่ชายสุดที่รักของเธอ ซ้ำยังเป็นการบอกเป็นนัยด้วยว่า ถ้าเขาแก่พี่ชายของเธอยังแก่กว่าเขาเสียอีก

“พี่ฮิเดะไม่แก่สักหน่อย” มิโยโกะรีบแก้ตัวให้พี่ชายหลังจากกลืนเจ้าก้อนแป้งใส่ปลาหมึกลงคอจนหมด

“ครับ ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” ชายหนุ่มยิ้มให้เด็กสาวอย่างนุ่มนวล แต่กลับถูกอีกฝ่ายตวัดหางตาใส่อย่างเคืองๆ ในเมื่อนายท่านฮิเดกิพ้นข้อหา ‘แก่’ คนอายุน้อยกว่าเช่นเขาย่อมหลุดด้วยเช่นกัน

“ยิ้มอะไรนักหนา ส่งน้ำมานี่สิ”

พฤฒิยื่นน้ำหวานที่ซื้อมาระหว่างทางพร้อมๆ กับทาโกะยากิให้เด็กสาวด้วยท่าทางเอาอกเอาใจอย่างเต็มที่ ทั้งสองไม่ได้สังเกตว่าผู้คนรอบๆ มองมาทางพวกเขาเป็นระยะๆ เนื่องจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของทั้งคู่

มิโยโกะเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มรูปร่างบอบบางสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ผิวขาวเหลืองดูนวลเนียนราวกับกระเบื้องเคลือบชั้นดี ใบหน้าค่อนข้างกลมแก้มอิ่ม ดวงตากลมโตเป็นประกายหางตาชี้ขึ้นนิดๆ ทำให้ดูคมมากกว่าหวาน จมูกเชิดเล็กน้อย ริมฝีปากบางแดงระเรื่อ ผมยาวเหยียดตรงถึงกลางหลังถูกรวบสูงเป็นหางม้า เรียกได้สวยน่ารักจนคนส่วนใหญ่ต้องหันมามองซ้ำ

ส่วนพฤฒิเป็นหนุ่มไทยวัยยี่สิบเจ็ดปี ผิวเข้มรูปร่างเพรียวสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดเซนติเมตร หน้ารูปไข่ เครื่องหน้าทุกชิ้นคมคายชัดเจน คิ้วหนาพาดอยู่เหนือดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากมักมีรอยยิ้มติดอยู่เสมออย่างคนมีอัธยาศัยดี ทรงผมรองทรงสั้นๆ ง่ายๆ แต่งทรงเล็กน้อยนั้นทำให้เขาดูเป็นคนสบายๆ แม้อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทก็ตาม

ความแตกต่างของคนทั้งสองต่างส่งเสริมซึ่งกันและกันชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกชื่นชมระคนริษยาปนเปกันไป

“รุ่นพี่คิคุจิ”

เสียงเรียกชื่อสกุลของเด็กสาวทำให้ทั้งมิโยโกะและพฤฒิต่างหันไปตามเสียงเรียก จึงได้เห็นว่ามีเด็กหนุ่มหน้าใสคนหนึ่งกำลังโบกมือหยอยๆ แหวกกลุ่มคนตรงมายังพวกเขา และยังมีเด็กสาวอีกสองคนตามหลังมาด้วย

“อ้าว คุมะ ชินโด ยามาโมโต้ มาเหมือนกันเหรอ”

“ครับ เพื่อนร่วมชั้นได้รับเลือกแสดงในงานใหญ่แบบนี้ พวกผมจะพลาดได้ยังไง แล้วนี่...” เด็กหนุ่มเจ้าของนามคุมะ เคตะ เหลือบตามองชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดสูทที่มากับรุ่นพี่คนสวย

“อ๋อ...นี่น่ะเหรอซากิ เป็นคนไทยน่ะ วันนี้มาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน ซากินี่รุ่นน้องที่ชมรมฉัน คนนี้คุมะ คนยูกาตะสีฟ้าชินโด สีเหลืองยามาโมโต้”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” สองสาวในชุดยูกาตะโค้งตัวลงให้ชายหนุ่มอย่างน่ารัก ในขณะที่หนุ่มน้อยผงกศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” พฤฒิโค้งตอบเด็กสาวพร้อมยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน ทำให้สาวน้อยชินโดและยามาโมโต้แก้มระเรื่อขึ้นทันที

ทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตามิโยโกะที่จู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เท้าทั้งสองข้างเดินเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างพฤฒิและเด็กสาวทั้งสอง “อุ๊ย! โอริ ฮิเมะ กับฮิโก โบริ ถูกลงโทษแล้ว”

ท่าทางตื่นเต้นของมิโยโกะทำให้ทั้งหมดหันไปสนใจการแสดงอีกครั้ง แต่เพียงไม่นานมิโยโกะก็สังเกตเห็นว่ารุ่นน้องสองสาวยังแอบมองพฤฒิเป็นระยะ ด้วยความหมั่นไส้จึงลอบค้อนใส่พ่อคนเสน่ห์แรง แล้วความคิดบางอย่างก็โลดแล่นเข้ามาในสมอง เอื้อมมือไปจิ้มทาโกะยากิลูกหนึ่งในถาดที่ชายหนุ่มถือ

“ซากิ ช่วยกินทาโกะยากิหน่อยสิ มิโยโกะอิ่มแล้ว” ว่าแล้วก็ยื่นทาโกะยากิลูกนั้นจ่อที่ปากชายหนุ่ม

พฤฒิกะพริบตาปริบๆ รอยยิ้มหวานๆ ของคุณหนูมิโยโกะทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ขัดใจเด็กสาว ทำท่าจะหยิบทาโกะยากิจากมือเธอ แต่มิโยโกะชักหลบทำให้เขามองหน้าเธออย่างสงสัย

“มิโยโกะช่วยป้อน ซากิอ้าปากเร็วเข้า”

ชายหนุ่มยิ่งอึ้งหนัก ไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่ แต่มองดูแล้วเจ้าขนมในมือเด็กสาวไม่น่าก่อปัญหาอันตรายร้ายแรงกับตัวเขาได้ อีกทั้งอาหารเย็นยังไม่ตกถึงท้องทำให้กลิ่นหอมหวนของทาโกะยากิยั่วยวนยิ่งขึ้น จึงยอมตามใจเด็กสาวและท้องตนเองก้มหน้าลงไปใช้ปากงับเจ้าลูกกลมๆ เข้าปากบรรเทาความหิว

“อร่อยไหม อุ่นๆ กำลังกินเลยนะ” มิโยโกะยังฉอเลาะต่อ พร้อมทั้งจิ้มขนมลูกต่อไปเตรียมส่งเข้าปากชายหนุ่มอีกท่ามกลางสายตาของรุ่นน้องทั้งสามคน

“รุ่นพี่ครับ ผมขอตัวไปถ่ายรูปมุมโน้นก่อนนะครับ” คุมะเอ่ยขัดจังหวะ

“อืม...ก็ไปสิ แล้วเจอกันที่โรงเรียนนะ” มิโยโกะยิ้มหวานรอจนรุ่นน้องแยกตัวไปแล้วจึงวางขนมในมือกลับลงถาด “ฉันไม่อยากกินแล้ว นายกินให้หมดเลยก็แล้วกัน”

“ครับ” พฤฒิพยักหน้ารับ ค่อยโล่งใจที่ท่าทีของเด็กสาวกลับมาเป็นปกติ เขายังขนลุกกับเสียงหวานเจี๊ยบเมื่อครู่อยู่เลย

อีกด้านหนึ่ง รุ่นน้องสามคนของมิโยโกะที่เพิ่งแยกจากมา คุมะมีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด สาวน้อยชินโดซึ่งแอบชอบเด็กหนุ่มอยู่รู้ว่าเขามีใจให้กับรุ่นพี่คนสวย จึงอดเอ่ยประชดไม่ได้

“หงุดหงิดมากเหรอเคตะที่เห็นรุ่นพี่คิคุจิมากับแฟนน่ะ”

“ใครบอกว่าแฟน รุ่นพี่บอกว่าเป็นบอดี้การ์ดต่างหาก”

“คิกๆ อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า ไม่ใช่แฟนกันแล้วจะป้อนของกินกันอย่างนั้นเหรอ” ชินโดทำท่าเลียนแบบมิโยโกะ ยื่นมือไปเหมือนจ่อขนมตรงปากเคตะ “ซากิ อ้าปากเร็วเข้า”

เคตะปัดมือเพื่อนร่วมชั้นออกไปทันที แล้วสาวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“ชินโดเกินไปแล้วนะ ก็รู้นี่ว่าคุมะชอบรุ่นพี่คิคุจิอยู่” ยามาโมโต้พูดขึ้นเมื่ออยู่ตามลำพังกับชินโด

“ก็เพราะรู้ไงถึงได้พูด เคตะจะได้ตัดใจจากรุ่นพี่เสียที” ชินโดสะบัดหน้าพรืดแล้วรีบเดินกึ่งวิ่งตามเด็กหนุ่มที่ตนหมายปองไปเท่าที่ชุดที่สวมอยู่จะเอื้ออำนวย

ยามาโมโต้มองตามหลังเพื่อนทั้งสองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางคิดว่าความรักช่างชุลมุนวุ่นวายดีแท้ จากนั้นจึงค่อยๆ เดินตามเพื่อนๆ ไป



เมื่อการแสดงที่ศาลเจ้าจบลงผู้คนก็ค่อยๆ สร่างซาบางตา มิโยโกะจึงยอมให้พฤฒิพากลับบ้าน เมื่อถึงสถานีที่หมายเด็กสาวขอเดินอ้อมไปทางสนามเด็กเล่นก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ขัดข้องเพราะเส้นทางนี้ใช้เวลามากกว่าเส้นทางหลักเพียงห้านาทีเท่านั้น

“ปีก่อนๆ ฉันมากับพี่ฮิเดะก็กลับทางนี้แหละ” พอถึงสนามเด็กเล่นมิโยโกะก็เอ่ยขึ้น จากนั้นก็ปีนขึ้นไปยืนบนขอบกำแพงรั้วที่ทำจากอิฐสูงแค่หนึ่งเมตรของที่นั่น แล้วเดินทรงตัวบนนั้นโดยมีพฤฒิคอยมองอย่างระมัดระวัง

พอสุดทางชายหนุ่มก็ยื่นมือให้เธอใช้เป็นหลักเพื่อกระโดดลงมาโดยสวัสดิภาพ พอเท้าสัมผัสพื้นดินอีกครั้งมิโยโกะก็หยุดยืนกับที่ แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน

“ปีนี้ พี่ฮิเดะไม่ได้ไปที่ศาลเจ้ากับมิโยโกะ ไม่รู้ว่าสิ้นเดือนนี้มิโยโกะจะได้ดูดอกไม้ไฟกับพี่ฮิเดะไหม” มิโยโกะเอ่ยขึ้นเทศกาลชมดอกไม้ไฟที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนเจ็ด

เห็นท่าทางเหงาๆ ของเด็กสาว พฤฒิก็อดใจอ่อนไม่ได้

“ถ้านายท่านไม่ว่างไปดูดอกไม้ไฟด้วย ผมไปเป็นเพื่อนคุณหนูอย่างวันนี้ก็ได้ครับ”

มิโยโกะละสายตาจากท้องฟ้ามาสบตากับชายหนุ่ม นันย์ตาอบอุ่นอ่อนโยนทำให้ลมหายใจของเด็กสาวติดขัดขึ้น มาจนต้องรีบสูดหายใจลึกไล่ความรู้สึกประหลาดออกไป ก่อนจะย่นจมูกใส่คนตัวโตข้างๆ

“ใครอยากไปกับนายกัน”

ว่าแล้วเด็กสาวก็ออกเดินต่อ พฤฒิมองตามหลังมิโยโกะแล้วสั่นหน้ากับตนเอง คำตอบของเธอไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขาเลย แต่ขณะที่เขากำลังจะออกเดิน คนข้างหน้าก็หยุดเท้าจากนั้นก็ค่อยๆ หันมามองเขา ดวงตากลมโตหรี่ลงอย่างคาดคั้น

“สัญญาแล้วอย่าลืมเสียล่ะ”

พฤฒิมองเด็กสาวตาค้าง แม้ว่าเธอจะหันกลับไปเดินหน้าต่อแล้วก็ตาม ชายหนุ่มกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อค้นพบว่าตัวเองใจเต้นแรงผิดจังหวะ เพราะรู้สึกว่าคุณหนูมิโยโกะตัวแสบ ‘น่ารัก’ จนคิดว่าสมองของเขาคงผิดปกติไปแล้ว

แต่ถึงอย่างไรปีนั้นพฤฒิก็ไม่มีโอกาสได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับมิโยโกะ เพราะฮิเดกิพี่ชายของเด็กสาวพาเธอไปชมดอกไม้ไฟเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

ในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่าค่ำคืนหนึ่งในฤดูร้อนของปีนั้น เมล็ดพันธุ์ที่ฝังตัวอยู่นานแล้ว ได้แตกรากเล็กๆ ขึ้นในใจของสองหนุ่มสาว ความเปลี่ยนแปลงนี้ช่างกระจิ๊ดริดเสียจนไม่มีใครชายตาแลให้ความสนใจ ทว่ารากของมันค่อยๆ ชอนไชฝังลึกลงไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง รอวันงอกเงยแสดงตัวกับแสงตะวันในวันหน้า



.............(โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ).............




Create Date : 07 กรกฎาคม 2554
Last Update : 7 กรกฎาคม 2554 0:47:34 น. 8 comments
Counter : 705 Pageviews.

 


โดย: aestorylove วันที่: 7 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:37:13 น.  

 
หมดซีรีย์ พระจันทร์ และมาเฟีย เข้าสู่ซีรีย์ตะวัน ^^


โดย: unna_jung IP: 202.28.182.5 วันที่: 7 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:33:34 น.  

 
aestorylove...
ขอบคุณที่แวะมาค่ะ เพิ่งเริ่มเรื่องยังไงฝากติดตามต่อด้วยนะคะ


unna_jung...
คิำกๆๆ ซีรี่ย์ตะวันเข้าท่ามากเลยค่ะ ตอนนี้เรียกซีรี่ย์ญี่ปุ่นอยู่ เรียกซีรี่ย์ตะวันตามคุณunna_jungดีกว่า แลดูมีชาติตระกูล ขอบคุณที่แวะมาช่วยอ่านนะคะ


โดย: wayo วันที่: 7 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:27:09 น.  

 
มาตามตอนต่อของใต้เงาเบญจมาศ ดูภาคนี้ จะได้เห็นฮิเดกิกับปั้นรึเปล่า


โดย: goldensun IP: 203.121.167.246 วันที่: 7 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:53:11 น.  

 
goldensun...
ขอบคุณที่แวะมานะคะ มาช่วยลุ้นคนเขียนด้วยค่ะว่าจะอืดอีกรึเปล่า (เหอๆ) ส่วนคู่พระนางจากภาคที่แล้วจะออกมาหรือไม่ยังไง อะไร โปรดติตามตอนต่อไปค่า


โดย: wayo วันที่: 8 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:41:54 น.  

 
ยังไม่ได้อ่านภาคแรกเลย

ไม่ทราบว่าตีพิมพ์เป็นหนังสือหรือยังค่ะ?


โดย: MiKi IP: 203.146.150.134 วันที่: 8 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:15:32 น.  

 
MiKi...
ภาคแรกมีเหตุเล็กน้อยตอนนี้ยังดองอยู่กับตัวเองค่ะ แหะๆ ถ้้ามีล็อกอินรบกวนหลังไมค์มานะคะ ถ้าไม่สะดวก wayo_wayo@hotmail.com ค่ะ ขอบคุณที่แวะมาค่า


โดย: wayo วันที่: 10 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:25:10 น.  

 
เปิดเรื่องก็น่ารักแล้ว


โดย: ree IP: 171.4.202.193 วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:3:42:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เอ่อ...ไม่เข้าใจว่า
ทำไมถึงคลิกกล่องคอมเม้นต์ไม่ได้
กดไม่ติดเลยอะค่ะ
ตอบคอมเม้นไม่ได้
เดี๋ยวขอหาทางแก้ก่อนนะคะ

ยังไงก็ขอบคุณทุกคน
ที่แวะมานะคะ
(Y)(^O^")(Y)
My books
Friends' blogs
[Add wayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.