|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หนึ่งตะวันกลางใจ ตอนที่2 (ฤดูกาลที่ผันแปร)
ตอนที่ 2 ฤดูกาลที่ผันแปร
ฤดูร้อนผ่านพ้น ใบไม้ร่วงโรย หิมะหนาวเหน็บ และแล้วฤดูใบไม้ผลิจึงมาเยือนอีกคราหนึ่ง กลางเดือนมีนาคม บ้านคิคุจิมีแขกคนสำคัญมาเยือน นั่นก็คือคนรักของหัวหน้าตระกูลคิคุจิ
ปัญจพาณ์หญิงสาวชาวไทยคบหากับฮิเดกิตั้งแต่เธอมาเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีกลาย ถึงตอนนี้ผ่านมาได้สิบเอ็ดเดือนแล้ว
ขณะนี้ เธอทำงานกับบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่ง และด้วยภาษาญี่ปุ่นที่ค่อนข้างดี ปลายปีที่แล้วจึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทให้เป็นมัคคุเทศก์นำคณะนักท่องเที่ยวชาวไทยมาท่องเที่ยวที่นี่อย่างเต็มตัว
หลังจากนั้นหญิงสาวจึงแวะมาที่บ้านคิคุจิอยู่เสมอ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเวลาค่ำ หลังจากส่งนักท่องเที่ยวในความดูแลไปยังที่พักแล้ว
แต่คราวนี้ปัญจพาณ์ได้วันพักสองอาทิตย์ ฮิเดกิจึงชักชวนเธอมาพักที่บ้านคิคุจิเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ เป็นโอกาสให้คุณโอคิสะซึ่งไม่ค่อยชอบใจนักที่หลานชายคบหากับสาวต่างชาติ จึงเรียกสาวไทยเข้าพบเพื่ออบรมความเป็นกุลสตรีทันทีที่หญิงสาวขนกระเป๋าเดินทางเข้าไปยังเรือนรับรองเรียบร้อย
มิโยโกะซึ่งปิดเทอมแล้วก็ตามไปสมทบด้วยเพราะอยากเห็นแฟนพี่ชายถูกคุณย่าเคี่ยวกรำให้สะใจเล่น ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกรังเกียจรังงอนสาวไทย แต่ก็อดรู้สึกขัดอกขัดใจไม่ได้ที่มีคนมาแบ่งเวลาของพี่ชายไป
เมื่อเธอไปถึงห้องฝึกอบรมของคุณย่า เป็นจังหวะที่ปัญจพาณ์กำลังเรียนจัดดอกไม้ เพียงแต่ว่านอกจากคุณย่าและสาวไทยแล้ว ฮิเดกิพี่ชายของเธอซึ่งแทบจะไม่เคยมีโอกาสให้เห็นตัวเป็นๆ ในตอนกลางวันเพราะมักวุ่นวายกับงานที่บริษัทตลอดกลับมาปรากฏตัวอยู่ในห้องนี้ด้วย อีกทั้งยังเป็นผู้สาธิตการจัดดอกไม้เอง โดยที่คุณย่าเพียงแต่นั่งเป็นประธาน แต่ที่ทำให้เธอต้องอ้าปากค้างก็คือ ปัญจพาณ์กำลังนวดไหล่ให้คุณย่าด้วยท่าทางสนิทสนม
ภาพครอบครัวแสนสุขนี่มันคืออะไรกัน!!
“มิโยโกะ จะอยู่อย่างนั้นอีกนานไหม เข้ามาแล้วปิดประตูให้เรียบร้อยเสียทีเถอะ” คุณโอคิสะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหลานสาวนั่งคุกเข่าค้างอยู่ตรงช่องประตูที่เปิดออก
“ค่ะ คุณย่า” มิโยโกะค้อมศีรษะลงเล็กน้อย แล้วรีบปฏิบัติตาม เมื่อมานั่งข้างๆ พี่ชายแล้ว จึงพูดกับฮิเดกิอย่างสงสัย “ทำไมวันนี้พี่ฮิเดะมาอยู่ที่นี่ได้คะ ไม่ไปทำงานเหรอ”
“มีเวลาอีกสองชั่วโมงก่อนเข้าประชุม พี่ก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนคุณย่ากับอาอิก่อน” ฮิเดกิเอ่ยชื่อญี่ปุ่นของสาวไทยด้วยน้ำเสียงนุ่มเป็นพิเศษ
“งั้นเหรอคะ” มิโยโกะฝืนยิ้มตอบรับ ปกติหากคุณย่าไม่ขอร้องให้อยู่ไม่มีทางเสียล่ะที่พี่ชายของเธอจะยอมทิ้งงานที่บริษัทมาง่ายๆ ขนาดเวลาอาหารกลางวันยังนับรวมเข้ากับเวลาทำงานได้เลยเพราะเขามักมีนัดกับลูกค้าเพื่อเจรจาธุรกิจ พอคนรักมาเหยียบญี่ปุ่นไม่ทันไร หุ่นยนตร์ทำงานก็กลายเป็นมนุษย์ขึ้นมาเชียว
จนถึงทุกวันนี้มิโยโกะก็ยังไม่เข้าใจว่าฮิเดกิชอบสาวไทยคนนี้ที่ตรงไหน จะว่าสวยหรือก็อยู่แค่ในระดับดูดี อ่อนหวานหรือก็ไม่ใช่ออกจะกระโดกกระเดกด้วยซ้ำ เรื่องมารยาทก็คนละชาติคนละภาษากันเลยทีเดียว ยังดีที่รู้จักกาลเทศะอยู่บ้างเท่านั้น แต่ดูยังไงความเหมาะสมสักนิดก็ไม่มี
ความรักที่ไม่มีพื้นฐานความเหมาะสมสามารถไปกันรอดจริงๆ น่ะหรือ มิโยโกะไม่อยากเชื่อ
สาวน้อยที่ยังไม่รู้จักความรักของหนุ่มสาวขมวดคิ้วมองพี่ชายตัดปลายก้านดอกไม้อย่างเหม่อลอย จนกระทั่งได้ยินเสียงกรรไกรวางกึกบนโต๊ะไม้จึงรู้สึกตัวว่ามีเรื่องต้องเล่นงานปัญจพาณ์ และถ้าเรื่องนี้ถูกนำมาพูดขึ้นต่อหน้าคุณย่าคะแนนของสาวไทยจะต้องติดลบแน่นอน
“คุณอาอิคะ ได้ยินว่าทางบ้านของคุณไม่ค่อยปลื้มพี่ฮิเดะเหรอคะ”
มือของสาวไทยที่นวดไหล่ให้คุณโอคิสะหยุดกึกทันที แล้วสบตากับฮิเดกิที่มองตอบอย่างเคร่งขรึม
“ว่าไงนะ บ้านเธอไม่เห็นด้วยที่เธอคบกับหลานชายฉันงั้นเหรอ” คุณโอคิสะค่อยๆ หันไปมองปัญจพาณ์ที่อยู่ด้านหลัง ทั้งน้ำเสียงและสายตาเข้มงวดหมายจะเค้นเอาคำตอบ ซึ่งสมใจมิโยโกะเป็นที่สุด
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับคุณย่า มิโยโกะเอาที่ไหนมาพูดก็ไม่ทราบ” ฮิเดกิออกตัวแทนสาวคนรักซึ่งตอนนี้ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“มิโยโกะไม่ได้โกหกนะคะ มิโยโกะอ่านในเฟสบุ๊กของพี่ชายคุณอาอิ บอกว่าคุณพ่อคุณอาอิไม่ยอมให้พี่ฮิเดะเข้าบ้าน” ตั้งแต่ฮิเดกิคบหากับปัญจพาณ์เธอก็จัดการขออีเมล์ทั้งของปัญจพาณ์และพี่น้องผู้ชายอีกสี่คนของหญิงสาวมาจนหมด และทั้งหมดก็รับเธอเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊กเรียบร้อยแล้วด้วยจึงสามารถติดตามข่าวสารของพวกเขาได้
“ยังว่าไม่ได้โกหกอีก มิโยโกะจะอ่านภาษาไทยออกได้ยังไง” ฮิเดกิไม่เชื่อ
“มิโยโกะมีคนแปลให้น่ะสิคะ”
“ซากิงั้นเหรอ” ฮิเดกิยังคงเสียงเข้ม คิดว่าพฤฒิชักตามใจน้องสาวของเขามากเกินไปแล้ว ยิ่งมิโยโกะทำปากยื่น ไม่ตอบเช่นนี้เท่ากับยอมรับว่าผู้ช่วยของเขาช่วยหาข้อมูลของเขากับปัญจพาณ์ที่ไทยให้จริงๆ
“ข่าวจะมาจากไหนก็ช่างเถอะ ที่สำคัญคือมันจริงหรือเปล่าเท่านั้น ว่ายังไงอาอิ”
ปัญจพาณ์ละมือจากไหล่ของหญิงชรา มาวางประสานกันที่ตัก แล้วขยับไปนั่งลงอย่างเรียบร้อยบนเบาะรองนั่งด้านตรงข้ามกับฮิเดกิก่อนจะตอบคำถามนั้น
“อาอิเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะ คุณพ่อเลยค่อนข้างหวง” ปัญจพาณ์เลือกตอบความจริงโดยใช้คำพูดฟังดูไม่รุนแรงนัก เพราะจริงแล้วพ่อของเธอกีดกันอย่างออกนอกหน้าทีเดียว ที่เธอสามารถมาพักที่บ้านคิคุจิได้อีกครั้งเพราะแม่ของเธอเป็นผู้อนุญาต เนื่องจากเห็นว่าทางบ้านคิคุจิมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย และคนในบ้านก็มีไม่น้อย ที่สำคัญที่สุดคือชายหนุ่มแสดงเจตจำนงอย่างชัดแจ้งว่าต้องการแต่งงานกับเธอ แม่ของเธอเห็นว่าเมื่อคิดจะร่วมชีวิตกันแน่นอนก็สมควรจะมีเวลาศึกษากันมากสักหน่อย ยิ่งฮิเดกิอยู่ถึงญี่ปุ่นส่วนเธออยู่ไทยเช่นนี้ทำให้มีโอกาสพบปะกันน้อยลงไปอีก นี่จึงเป็นโอกาสดีอีกโอกาสที่จะทำให้รู้จักกันมากขึ้น
“หวงก็ส่วนหวงสิ สมควรดูด้วยว่าฮิเดกิเป็นใคร ฉันไม่ยอมหรอกนะ หลานชายฉันไม่ใช่กระจอกๆ ไม่ใช่ว่านึกจะกีดกันก็ทำง่ายๆ ตระกูลคิคุจิของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” คุณโอคิสะไม่พอใจที่ได้รู้ว่าหลานชายไม่เป็นที่ต้อนรับในครอบครัวของปัญจพาณ์ ทำให้รู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกครอบครัวตนเอง
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอกครับคุณย่า” ฮิเดกิพูดเสียงเรียบ มือยังคงเคลื่อนไหวจัดดอกไม้ต่อไป
“หน้าตาของคิคุจิไม่ใช่เรื่องใหญ่ได้ยังไง หลานจะไปเมืองไทยอีกครั้งเมื่อไหร่” คุณโอคิสะถามเสียงเข้ม
“ยังไม่ทราบเลยครับ”
“งั้นก็รีบหาเวลาไปตกลงให้เรียบร้อย ย่าต้องการให้พวกเธอคบหากันอย่างเป็นทางการ หรือไม่ก็เลิกกันไปเลย”
ใบหน้าของปัญจพาณ์เผือดสีลงทันที มองหนุ่มคนรักด้วยสายตากังวล แต่ฮิเดกิยังคงนิ่ง ทว่ามือใหญ่ได้วางมือจากการจัดดอกไม้แล้ว
“ผมจะจัดการคุยกับทางบ้านของอาอิให้เรียบร้อยครับ” ชายหนุ่มตอบผู้เป็นย่าอย่างไม่หวั่นไหว ก่อนจะมองคนรักแล้วค่อยๆ คลี่รอยยิ้มอ่อนโยน ปัญจพาณ์ยิ้มตอบเขาด้วยริมฝีปากสั่นระริก ท่าทางมั่นคงของชายหนุ่มทำให้เธออบอุ่นไปทั้งหัวใจ แก้มซีดๆ ปรากฏสีสันขึ้นภายใต้ดวงตาแฝงแววหวานที่เขาส่งมาให้
มิโยโกะเห็นสองหนุ่มสาวส่งสายตาให้กัน ทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ท่าทีสะเทิ้นอายของสาวไทยเป็นกำลัง อุตส่าห์เอาเรื่องมาป่วน สองคนนี้ยังมาหวานใส่กันให้ดูเสียอีก คิดแล้วเจ็บใจเป็นที่สุด
และแล้วฤดูร้อนก็ผ่านมาอีกครั้ง เทศกาลชมดอกไม้ไฟปลายเดือนเจ็ดในปีนี้ มิโยโกะและฮิเดกิไม่ได้ไปชมกันตามประสาพี่น้อง เพราะคราวนี้ได้พ่วงเอาคนรักของพี่ชายมาด้วยทำให้เด็กสาวรู้สึกหงุดหงิด โชคดีที่ฮิเดกิได้ชักชวนพฤฒิร่วมเดินทางมาด้วยกันทำให้เด็กสาวมีที่ระบายอารมณ์หงุดหงิดออกไปบ้าง
พฤฒิได้รับคำสั่งจากฮิเดกิซึ่งเป็นนายจ้างให้เอาอกเอาใจมิโยโกะระหว่างชมงานเทศกาล ซึ่งเขาก็ปฏิบัติตามเป็นอย่างดี ด้วยรู้นิสัยดีว่าเด็กติดพี่อย่างคุณหนูมิโยโกะต้องหาเรื่องแผลงฤทธิ์เพราะความไม่ชอบใจที่ปัญจพาณ์มางานนี้ด้วย เมื่อมีเขาเป็นหนังหน้าไฟให้เด็กสาวพาลพาโลใส่ ผลกระทบที่จะไปถึงฮิเดกิและคนรักย่อมน้อยลง
“คุณหนูอยากทานอะไรอีกไหมครับ” พฤฒิในชุดยูกาตะสีกรมท่าเรียบๆ สอบถามเด็กสาวในชุดยูกาตะสีเหลืองสดใสลายลูกบอลไหมพรมหลากหลายสี ทรงผมที่รวบเพียงครึ่งเดียวปล่อยให้ผมอีกครึ่งยาวเหยียดตรงถึงกลางหลังทำให้เธอดูเป็นสาวงามคนหนึ่ง ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป
“อิ่มจะแย่แล้ว จะให้กินอะไรนักหนา” มิโยโกะตวัดตาค้อนใส่ชายหนุ่ม ตั้งแต่มาถึงงานพฤฒิก็ซื้อโน่นซื้อนี่ให้เธอกิน จนตอนนี้กินจนเหนื่อย อิ่มแทบกลิ้งได้อยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นของพวกนี้...” พฤฒิหมายถึงขนมอีกสองสามอย่างที่อยู่ในมือเขา
“นายก็จัดการเสียสิ” มิโยโกะแนะหน้าตาเฉย ซ่อนรอยยิ้มขำสีหน้าของชายหนุ่มที่ดูกล้ำกลืนกับผลไม้เชื่อม และสายไหมในมือเขา แต่แล้วเสียงหัวเราะใสๆ ของคนที่เดินนำหน้าก็ลอยเข้ามาในหู ทำให้ความสนใจของมิโยโกะกลับไปอยู่ที่พี่ชายและคนรัก ฮิเดกิอยู่ในชุดยูกาตะสีเขียวใบไผ่ขณะที่ปัญจพาณ์สวมยูกาตะสีน้ำเงินลายดอกบานเช้า ทั้งสองกำลังคุยด้วยสีหน้าแช่มชื่นอยู่ข้างหน้าเธอ ดูขวางหูขวางตาจนมิโยโกะรีบซอยฝีเท้าขึ้นไปแทรกระหว่างกลางคนทั้งคู่ และเกาะแขนพี่ชายไว้ “พี่ฮิเดะ เราไปที่ริมแม่น้ำกันเถอะ ใกล้เวลาจะแสดงแล้ว”
“นั่นสิคะ รีบไปกันดีกว่า นี่เป็นงานฉลองเทศกาลฤดูร้อนครั้งแรกของฉันด้วย ไม่อยากพลาดฉากเริ่ม” ปัญจพาณ์เห็นดีด้วยพร้อมส่งยิ้มให้ฮิเดกิ ก่อนจะก้มหน้านิดๆ ยิ้มกับมิโยโกะ “พวกผู้ชายทำตัวชักช้า เรารีบไปกันก่อนเถอะค่ะคุณหนูมิโยโกะ”
ว่าแล้วสาวไทยก็ซอยเท้าแซงหน้านำกลุ่มไป มิโยโกะเห็นดังนั้นก็ไม่ยอมแพ้รีบตามปัญจพาณ์ไป ในเมื่อเธอเป็นคนเร่งก็ควรจะถึงก่อนสิถึงจะถูก ปัญจพาณ์เห็นเด็กสาวซอยเท้าตีคู่ขึ้นมาก็ไม่ได้คิดเร่งฝีเท้า กลับคว้ามือมิโยโกะมากุมแล้วเดินไปด้วยกัน ท่าทางสนิทสนมที่ได้รับทำให้มิโยโกะอึ้งมองคนข้างๆ ด้วยดวงตากลมแป๋ว ส่วนอีกฝ่ายหัวเราะอย่างร่าเริงมาให้เธอ
“เร็วค่ะคุณหนู เดี๋ยวไม่ทัน”
มิโยโกะยังคงจ้องปัญจพาณ์ที่กำลังมองไปยังจุดหมายเบื้องหน้า มือของอีกฝ่ายที่กุมมือของเธออยู่ทำให้รู้สึกแปลกๆ แต่คุ้นเคย แปลกที่เป็นมือของผู้หญิงคนหนึ่งทว่ากลับให้ความอบอุ่นคุ้นเคยไม่ต่างไปจากมือใหญ่ๆ ของพี่ชายที่มักจับจูงเธออยู่เสมอจนเผลอกระชับมืออีกฝ่ายตอบกลับไป
พฤฒิและฮิเดกิมองสองสาวที่จับจูงกันอยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางสนิทสนม ก่อนจะหันมาสบตากันเหมือนสัมผัสได้ถึงความผูกพันที่เพิ่มเริ่มก่อตัวของสองสาว ฮิเดกิพยักหน้าให้ผู้ช่วยของเขาแล้วเบนสายตากลับไปมองผู้หญิงสองคนที่มีความสำคัญยิ่งในหัวใจของเขา ส่วนพฤฒิละสายตาจากเจ้านายไปจับที่มิโยโกะ หวังว่าความสัมพันธ์ของเด็กสาวกับคนรักของพี่ชายคงค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับหลังจากนี้
ปลายตุลาคมใบไม้เปลี่ยนสีเตรียมผลัดใบ คิคุจิ ฮิเดกิ เข้าพบคุณโอคิสะเพื่อบอกถึงแผนลาหยุดของเขาให้ผู้เป็นย่าทราบ
มิโยโกะตรงไปยังห้องพี่ชายในตอนเย็น พร้อมกับสอบถามทันทีหลังจากกลับมาจากโรงเรียนและได้ยินเรื่องราวมาบ้างจากสาวใช้ประจำตัว
“พี่ฮิเดะจะไปเมืองไทยเหรอคะ”
“ใช่ อาทิตย์หน้าเป็นวันครบรอบวันเกิดคุณพ่ออาอิ ที่บ้านเขาจะมีงานเลี้ยงเล็กๆ ปีที่แล้วพี่พลาดไป ปีนี้พี่อยากไปร่วมด้วยให้ได้”
“มิโยโกะอยากไปด้วยค่ะ”
“ไปได้ที่ไหนกัน ต้องเรียนหนังสือไม่ใช่หรือไง อยากจะไปก็รอปิดเทอมก่อน” ฮิเดกิสวนกลับขำๆ
แน่นอนว่ามิโยโกะคิดไว้แล้วว่าต้องถูกปฏิเสธจึงเตรียมแผนการมาล่วงหน้า
“ตั้งแต่อาทิตย์หน้าที่โรงเรียนจะเริ่มเตรียมงานโรงเรียน ไม่ต้องเรียนหนังสือ แล้วกิจกรรมของชมรมภาพยนตร์เป็นการฉายหนังสั้นที่ชมรมของมิโยโกะถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอฉายในวันงานจริงวันเสาร์กลางเดือนอย่างเดียว เพราะฉะนั้นตั้งแต่อาทิตย์หน้ามิโยโกะว่างตลอดจนถึงวันเสาร์ที่จัดงาน”
“แต่ยังไงก็ต้องมีเช็คชื่ออยู่ดีไม่ใช่หรือ”
“ยิ่งสบายใหญ่ มิโยโกะอยู่ปีสามแล้วเรื่องเวลาเรียนไม่ใช่ปัญหาแล้วค่ะ นะคะพี่ฮิเดะ รู้สึกว่าเดือนพฤศจิกายนเมืองไทยจะมีงานเทศกาลอะไรสักอย่างด้วย มิโยโกะอยากไปดู นะคะๆ” มิโยโกะใช้แก้มถูไถต้นแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน คลอเคลียสุดฤทธิ์
“พี่ขอคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของมิโยโกะดูก่อนก็แล้วกัน”
“เย้! พี่ฮิเดกิอนุญาตแล้วนะคะ ห้ามกลับคำด้วย” เด็กสาวกระโดดโลดเต้นอย่างยินดี
“อย่าดีใจเกินไปนัก พี่บอกแล้วไงว่าต้องคุยกับอาจารย์ของมิโยโกะก่อน”
“ถ้าพี่ฮิเดะยอมไปคุยกับอาจารย์ มีเหรอคะจะหว่านล้อมอาจารย์ไม่ได้ เรื่องเจรจาต่อรองเนี่ยพี่ชายของมิโยโกะไม่ใช่ธรรมดานะคะ งั้นมิโยโกะไปจัดของก่อนนะคะ” พอข้อเรียกร้องบรรลุผลเด็กสาวก็ไม่รอช้าดำเนินการตามแผนทันที เธออยากรู้เหมือนกันว่าทางบ้านของปัญจพาณ์เป็นอย่างไรกันแน่ถึงได้ตั้งป้อมกับพี่ชายที่แสนเพอร์เฟ็คของเธอเสียเหลือเกิน ถ้าทำตัวไร้สาระกันนักมิโยโกะคนนี้จะตีให้แตกทีเดียว
ครั้นพอน้องสาวผละออกจากห้องพักไป ฮิเดกิก็โทรศัพท์ติดต่อพฤฒิที่ยังคงทำงานอยู่ในบริษัททันที
“ซากิช่วยติดต่อตั๋วเครื่องบินไปประเทศไทยให้มิโยโกะด้วย”
“คุณหนูจะไปเมืองไทยกับนายท่านเหรอครับ”
“ใช่ เห็นว่าอยากไปเที่ยวเทศกาลอะไรสักอย่างที่จะจัดเดือนหน้า”
พฤฒิเหลือบตามองปฏิทินโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะเป็นปฏิทินของญี่ปุ่นแต่พอเห็นหัวว่าเดือนหน้าเป็นเดือนสิบเอ็ดเขาก็รู้ทันที “งานลอยกระทงครับ เป็นเทศกาลที่สวยงามน่าสนใจมากทีเดียว”
“คงจะเป็นงานนั้นแหละ รบเร้าเหลือเกินว่าอยากไป”
“แต่คุณหนูมีเรียนหนังสือนี่ครับ”
“ฉันจะไปคุยกับทางโรงเรียนเอง คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร นายจองตั๋วเครื่องบินไว้เลยก็แล้วกัน”
“ครับ นายท่าน”
“จองส่วนของนายไว้ด้วย”
“อะไรนะครับ?”
“นายเองก็ไม่ได้กลับเมืองไทยนานแล้วไม่ใช่หรือไงซากิ คราวนี้ก็ไปเสียด้วยกันคนเยอะๆ จะได้คึกคักหน่อย อีกอย่างนายจะได้ไปช่วยดูแลมิโยโกะด้วย”
“แต่ว่างานทางนี้...”
“ปีที่แล้วทำยังไงก็ทำอย่างนั้นก็แล้วกัน” ฮิเดกิพูดถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีก่อนที่เขากับพฤฒิร่วมไปกับคณะทัวร์เดียวกับปัญจพาณ์สาวคนรักของเขา
“ครับ นายท่าน” พฤฒิรับคำโดยอัตโนมัติ แม้ว่าน้ำเสียงจะติดงุนงงอยู่บ้างก็ตาม จะอีกฝ่ายตัดสายไปนานแล้วหนุ่มไทยก็ยังคงนั่งเหม่ออยู่
ประเทศไทย สี่ปีแล้วที่ไม่ได้กลับไป มีอดีตมากมายเหลือเกินที่เขาทิ้งไว้ที่นั่น เมื่อคิดว่าจะได้กลับไปเยือนแผ่นดินเกิดอีกครั้งหัวใจของพฤฒิก็เต้นหนักหน่วงอยู่ในอก ริมฝีปากของชายหนุ่มเม้มเข้าหากัน มองมือที่เย็นเฉียบของตนเอง รู้สึกความตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้านเกิด
เวลามันผ่านมานานขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่เมื่อคิดว่าเขาจะกลับเมืองไทยความทรงจำทุกอย่างกลับชัดเจนราวกับเวลาหยุดนิ่ง ราวกับว่าเพิ่งเมื่อวานนี้เองที่เขาก้าวเท้าลงบนดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้
ชีวิตวัยเยาว์ที่แสนสุขค่อยๆ เลือนหายไปตั้งแต่สูญเสียบิดาผู้เป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทร ที่แท้ครอบครัวอันอบอุ่นนั้นช่างเป็นสิ่งที่เปราะบางจนเขาคิดไม่ถึง
เมื่อยี่สิบหกปีก่อนแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง สามปีถัดมาพ่อของเขาได้พบรักและแต่งงานใหม่ ตอนนั้นเขาอายุห้าขวบไม่ได้มีปัญหากับแม่เลี้ยงอีกทั้งยังเขากันได้ดี ปีต่อมาเขาก็ได้น้องชายน่ารักอีกคนหนึ่ง ทั้งหมดอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนกระทั่งเมื่อสี่ปีก่อนพ่อของเขาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน จากนั้นเรื่องทุกอย่างก็ค่อยๆ รุมเร้าเข้ามา
กิจการเต็นท์รถยนต์มือสองของพ่อเขาต้องมีคนดูแลต่อ เขาในตอนนั้นทำงานอยู่กับบริษัทในเครือของคิคุจิกรุ๊ปที่เมืองไทยคิดจะลาออกมาดูแลกิจการของครอบครัว ไม่คิดว่านั่นจะสร้างความไม่พอใจให้แม่เลี้ยงของเขาจนถึงขั้นขอคุยกันตามลำพังอย่างเปิดอกว่าต้องการให้เขายกกิจการของพ่อให้ภาคินน้องชายของเขาซึ่งตอนนั้นอายุเพียงสิบแปดเป็นผู้ดูแล ตอนนั้นเขาไม่ได้ตัดสินใจในทันทีเพียงแต่ขอเวลาคิด ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่เลี้ยงนับวันยิ่งแย่ลง
แน่นอนว่าภาคินไม่ได้รู้เห็นกับมารดา ความสัมพันธ์พี่น้องจึงยังคงเป็นไปได้ดีจนกระทั่ง ลีลาสาวน้อยข้างบ้านอายุเท่ากับภาคินปฏิเสธที่จะคบหาดูใจกับน้องชายเขา และสารภาพว่าแอบชอบพฤฒิมานานแล้ว แต่เขากลับเห็นเธอเป็นเพียงเด็กรุ่นน้องคนหนึ่ง
บรรยากาศในครอบครัวจึงเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน นับวันความรู้สึกอยากกลับบ้านของเขามีแต่จะน้อยลงๆ จนเหลือเพียงแค่เป็นที่ซุกหัวนอน
ดังนั้นเมื่อคิคุจิกรุ๊ปสาขาใหญ่ติดต่อให้เขาไปทำงานกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เขาจึงใช้เวลาคิดเพียงไม่นานก็ตัดสินใจเดินออกชีวิตที่เป็นอยู่ เขารู้ดีว่าการหนีปัญหาไม่ได้ช่วยอะไร ปัญหาก็ยังอยู่เหมือนเดิม แต่เขาในเวลานั้นคิดแต่จะไปให้พ้นจากความอึดอัดใจที่เกิดขึ้นและหวังว่าเวลาจะช่วยคลี่คลายอะไรต่ออะไรได้
เป็นเพราะตอนนั้นเขายังอ่อนหัดไม่รู้ว่าจะจัดการกับคนใกล้ชิดกับตัวเองยังไงจนคิดหาทางออกแบบง่ายๆ หากเป็นเขาในเวลานี้จะต้องจัดการปัญหาแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน แต่อดีตที่ผ่านมาแล้วไม่อาจกลับไปแก้ไข หรือต่อให้กลับไปได้ไม่แน่ว่าเขาจะอยากแก้ไขอะไร
พฤฒิมองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปที่ผนังห้องด้านหนึ่งที่ทำจากกระจกนิรภัย จึงสามารถมองออกไปนอกตึกเห็นทัศนียาภาพกรุงโตเกียวจากตึกสูงที่ตนทำงานอยู่ เมืองที่แสนใหญ่โตกำลังเปลี่ยนแปลงไปเพราะสีสันของใบไม้ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนสีต้อนรับการผลัดเปลี่ยนฤดูกาล เวลายังคงเดินต่อไป
ชีวิตของเขาในตอนนี้ถึงจะวุ่นวายกับการทำงานหนัก แต่ก็มีความสุขดี จิตใจที่เคยสับสนตอนที่มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ค่อยๆ สงบนิ่ง สามารถมองเห็นอะไรได้กว้างไกลมากกว่าเดิม และไม่เคยรู้สึกโหยหาอดีตนอกจากนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในวันวานบ้างบางครั้งบางคราว
เวลานี้เขายังคงเป็นคนเดิม แต่เติบโตขึ้นอีกขั้นแล้ว บางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในแรอบสี่ปี
เมื่อสามารถปรับใจเรื่องที่ต้องกลับไปเยือนเมืองไทยได้ ใบหน้าเคร่งขรึมของพฤฒิค่อยๆ คลายลง รอยยิ้มบนเรียวปากกลับคืนมาอีกครั้ง แล้วรีบกลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งล่าสุดของเจ้านาย ระหว่างนั้นก็คิดถึงหน้าของใครบางคนที่คงงอง้ำไม่พอใจเพราะเขามัวแต่โอ้เอ้คิดถึงอดีตจนจองตั๋วเครื่องบินให้เธอล่าช้าไปหลายนาที
...........(โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ)..........
Create Date : 17 กรกฎาคม 2554 |
|
4 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2554 18:00:05 น. |
Counter : 911 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: unna_jung IP: 124.121.120.200 17 กรกฎาคม 2554 19:49:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: wayo 17 กรกฎาคม 2554 23:20:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: viratee IP: 58.137.102.196 18 กรกฎาคม 2554 17:45:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: wayo 19 กรกฎาคม 2554 13:52:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เอ่อ...ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงคลิกกล่องคอมเม้นต์ไม่ได้ กดไม่ติดเลยอะค่ะ ตอบคอมเม้นไม่ได้ เดี๋ยวขอหาทางแก้ก่อนนะคะ
ยังไงก็ขอบคุณทุกคน ที่แวะมานะคะ (Y)(^O^")(Y)
|
|
|
|
|
|
|
|
ใต้เงาเบญจมาศมันจบตั้งแต่ตอนไหนเหรอ ตัวเองพลาดไปได้ยังไง งง - -? เอาไว้หลังไมล์ไปขอรหัสผ่านนะคะ