Group Blog All Blog
|
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ตอนที่ 2 จากความฝันเจอของจริง ตอนที่แล้วว่าด้วย แรงจูงใจทางบวกที่ทำให้เราเกิดทัศนคติทางบวกกับภาษาอังกฤษ แล้วก็แรงบันดาลใจให้เราพยายามกันไปแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ยังเป็นแค่ความฝัน หาได้เริ่มปฏิบัติจริงไม่ แต่แล้วชะตาชีวิตก็พลิกผัน ให้เด็กสาวชาวเลดำๆ อย่างเรา ได้เข้ามาโลดแล่นในกรุงเทพฯ จากเด็กอายุ 7 ขวบ แต่เรียนจบป.4 แล้ว (ทำไมมันเร็วอย่างงี้ฟระ ) ต้องมาหาโรงเรียนในกรุงเทพฯ เพื่อต่อป.5 ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันจะยากขนาดไหน เท่าที่จำได้ด้วยสมองน้อยๆ ของเรา คุณหญิงแม่พาเราไปดูโรงเรียนเอกชนหลายที่อยู่ ทุกโรงเรียนก็ประมาณงงๆ ว่ายายนี่ 7 ขวบ จะขึ้นป.5 ได้ไงฟระ แต่แม่บอกว่าเราทำข้อสอบที่เค้าเอามาทดสอบได้หมด มีโรงเรียนเอกชนรับแล้วด้วย แต่เราก็เจอปัญหาหนึ่ง คือ... ภาษาอังกฤษ จะเรียนเก่งขั้นเทพอย่างไร แต่โรงเรียนประถมที่มีให้ลูกหลานทหารเรือในกรมเนี่ย จะให้เก่งภาษาอังกฤษเดิ้นเริ่ดประดุจเจ้าของภาษาก็กระไรอยู่ ถึงเราจะชอบยังไง สนใจยังไง แต่โรงเรียนไทยสมัยนั้นเค้าวัดการเรียนจากข้อสอบมากกว่าสัมภาษณ์ เค้าเน้นแกรมม่าร์ อะฮั้นก็จำได้ว่านอกจากคำศัพท์ต่างๆ ที่ท่องได้เป็นนกแก้วนกขุนทองแล้ว แกรมม่าร์ 1 เดียวที่เราเข้าใจ คือ เป็นพหูพจน์ต้องเติม S! ทีนี้ 1 ในโรงเรียนที่ไปดูๆ มีโรงเรียนตระกูลเซนต์อยู่ด้วย เราจำการสอบที่นั่นได้ว่าเราได้เจอผู้อำนวยการ และก็เหมือนเดิมที่เค้าตกใจว่าแม่เอาเรามาสมัครป.5 เค้าเอาแบบทดสอบมาให้ทำและทำหน้าประมาณหยั่งเชิงว่าเราจะทำได้มั้ย ด้วยสายตาหาเรื่องของเราว่าเค้าดูถูก ก็เลยคว้าข้อสอบมาทำรวดเร็ว (เมพขิงๆ) แต่พอถึงภาษาอังกฤษ ก็เป็นอันจ๋อย เพราะนอกจากท่องศัพท์ได้แล้วทำอย่างอื่นไม่ได้เลย เค้าเลยเอาแบบฝึกหัดของระดับอนุบาลมาให้เราทำ จำได้ว่าโกรธมาก หนอย ชั้นไม่ได้อยู่อนุบาลนะยะ มันเป็นประมาณดูรูปแล้วบอกคำศัพท์ โดยให้สะกดด้วย ก็ทำ ทำ ทำ แต่เราก็เจอข้อที่ทำไม่ได้ โรงเรียนก็เลยฟันธงว่าไม่ให้ป.5 แต่ให้ตามเกณฑ์ คือ ขึ้นป.3 ไม่ลดชั้นเพราะแนวโน้มภาษาอังกฤษพัฒนาได้ แต่ต้องป.3 หลังจากที่แม่เราหรี่ตาคิด ชีก็ตัดสินใจได้ว่า... เลือกโรงเรียนนี้!!! เพราะแม่บอกว่าอยากให้เราได้ภาษาอังกฤษ เรียนเร็วไปก็เท่านั้น แถมเอกชนที่นี่ค่อนข้างแพง เหมาะกับเราที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เพราะแม่รู้ว่าเราต้องปรับตัวขนานใหญ่ บ้านใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ แถมอยู่ที่เก่าถึงจะเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่ด้วยความเป็นโรงเรียนของครอบครัวทหารเรือ ทำให้เราที่มีพ่อค่อนข้างกว้างขวาง อยากทำอะไรก็ได้ตามใจมาตลอด (โดดเรียนไปกินข้าวที่บ้านพักครูหลังโรงเรียนโดยไม่มีใครว่า แถมครูเลี้ยงอีกต่างหาก คือมันไม่เข้าใจว่าโรงเรียนต้องเรียนน่ะ ยังไม่รู้จักควบคุมตัวเอง ) มาที่นี่ต้องปรับตัวเยอะ และแม่บอกว่าที่สำคัญที่สุด คือ อาหารดี!!! แต่เรามียึกยัก เพราะอีกโรงเรียนมีสระว่ายน้ำ ที่นี่ไม่มี ซึ่งแม่ก็เลยจูงใจเราด้วย... Siam Hamburger กับ Icee (ร้านขายแฮมเบอร์เกอร์สมัยนั้น รู้อายุหมด กับไอซ์ซี่เหมือนสเลอปี้สมัยนี้น่ะค่ะ) เราชอบมาก โรงเรียนอะไรฟระ มีของพวกนี้ขาย แล้วก็ลงเอยที่โรงเรียนนี้ ชีวิตป.3-ป.6 อีก 4 ปีแน่ๆ จะอยู่ที่นี่ จากเด็กชาวเลตัวดำประมาณ 52 เมี่ยม จะกลายมาเป็นคุณหนูในโรงเรียนสกุลเซนต์ แขนล่ำๆ ดำๆ จะมาอยู่ในเครื่องแบบเสื้อแขนยาวขาวสะอาด ตัดกันฉึบฉับ อา... ตอนนั้นกลัวนิดๆ เพราะรู้ว่าภาษาอังกฤษของจริงมันรออยู่ และแล้วก็เปิดเทอม ต่อตอน 3 แรงจูงใจเรื่องภาษาอังกฤษของเรา
คือมีอยู่วันเจออาจารย์ ม.4 เรียกลุกให้มาตอบ แล้วโชคดีตอบถูกหมด อาจารย์เลยชมซะ เลยอยากเอาดีในวิชานี้ให้ได้ แต่พอไม่ได้จับมากๆแบบทุกวันนี้ ก็ส่งคืนอาจารย์ กลับไปเกือบหมดแย้ว... โดย: ชรันจ์ วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:9:35:35 น.
|
ViPaSa
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] รักครอบครัวเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดูหนังเป็นชีวิต ชอบการ์ตูนเป็นจิตใจ มีเพื่อนดีๆ มากมายช่วยสร้างชีวิต มี Dark Chocolate ชิ้นนิดๆ สร้างความสุขให้จิตใจ มีการท่องเที่ยวเพิ่มประสบการณ์ชีวิต มีความรักที่ดีขึ้นทุกครั้งเพิ่มประสบการณ์จิตใจ มี... Friends Blog
|
แต่ Hamburger ราคา 10 บาทนิดๆ
นี่แพงกว่าค่าขนมผมอีกนะ (อ้าว ดันรู้ราคาซะอีกนั่น )