มกราคม 2552

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
ความสุขของกะทิ...ความทุกข์ของใคร
ได้หนังสือมาอยู่ในมือทั้ง 2 ภาค อ่านโปรยปกไปแล้ว ใช้เวลานานมากกว่าจะได้หยิบมาเริ่มอ่าน พอเริ่มไปได้หน่อยก็ได้ยินว่าจะทำเป็นหนัง...เลยต้องวางหนังสือ เพราะอยากดูหนังด้วย ทั้งๆ ที่อยากอ่าน แต่ก็รู้ๆ อยู่ว่าด้วยจินตนาการอันเพริดแพร้วของอะฮั้น ขืนอ่านหนังสือก่อนดูหนัง ต่อให้ได้ทีมงานสร้างระดับเจอรี่ บรู๊คไฮม์เมอร์+เสี่ยเจียง ก็มิอาจสู้บทหนัง คิดเอง สร้างเอง กำกับเอง ในหัวอะฮั้นได้

อยู่ๆ พี่เขยกับพี่สาวโทรมาชวน ก็ไปสิ ฟรี อิอิ

เพียงแค่หนังเริ่ม จิตใจก็ได้สัมผัสกับความบริสุทธิ์และความเยาวว์วัย

ความสุขของกะทิ




กะทิโตมากับคุณตาคุณยาย ในบ้านไทยๆ ในอยุธยา แต่พอเจอชุดนอนและเครื่องนอนของกะทิเข้าไป อืมมม ไฮโซจริงๆหนูเอ๊ย น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นเยลลี่ แต่ชุดน่ารักมากๆๆๆๆ ทุกชุดค่ะ

กะทิถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี โดยคุณตาคุณยายที่มีการศึกษา คุณตาที่เป็นทนายก็ดูจะเป็นที่ปรึกษาในหมู่บ้านนั้น กะทิไปโรงเรียนในชุมชน ที่เป็นโรงเรียนที่ดูแล้วก็อดคิดถึงสมัยก่อนไม่ได้ โรงเรียนที่เป็นอาคารไม้ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีสนามบอลน่าเล่น มีแปลงให้ปลูกผัก มีเพื่อนเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกง (เด็กคนนี้เล่นเก่งมาก โดยเฉพาะฉากแก่แดด) มีรุ่นพี่ขาใหญ่อ้วนดำคอยรังแกรุ่นน้อง น่าเรียนชะมัด



เพื่อนสนิทที่สุดของกะทิ คือ พี่ทอง ลูกศิษย์วัด นักพายเรือมือฉมัง ขอชมเชยคน cast ค่ะ ช่างหาเด็กที่ยังเด็กแต่ดูเรียบเย็น สงบสมกับอยู่วัด แต่ก็ยังมีความเป็นเด็ก และแมนเหลือหลายได้เก่งจริงๆ



หนังใช้วิธีเล่าเรื่องในใจของกะทิที่ซ้อนอยู่กับการดำเนินชีวิตแต่ละวัน ด้วยการขึ้นตัวหนังสือประกอบฉากไป โดยส่วนนั้นคือเรื่องของแม่ ความรู้สึกของกะทิที่มีต่อแม่ การปฏิบัติของคนรอบข้างที่ไม่มีใครพูดถึงแม่ของกะทิ กะทิใช้ชีวิตไปอย่างเรียบเรื่อย เหมือนแม่จะไม่มีตัวตน ไม่ว่าจะสำหรับกะทิหรือใครทั้งนั้น ไม่มีความสำคัญ ไม่มีอะไร

แต่แล้ววันหนึ่ง เรากลับรู้ว่าแม่ยังอยู่ และแม่กำลังจะจากไป ตากับยายตัดสินใจแทนกะทิมานานว่าไม่ต้องรู้เรื่องแม่ แต่ตอนนี้ กะทิต้องตัดสินใจ

กะทิไปหาแม่

กะทิ...จำเสียงของแม่ได้ เป็นสิ่งเดียวที่กะทิยังจำได้เกี่ยวกับแม่

เราได้รู้ว่า แม่ยังอยู่ในความรู้สึกของตายาย และมีความสำคัญขนาดไหน

การที่แม่ป่วย เป็นโรคแบบนั้น ต้องใช้ความรัก ความทุ่มเทของคนรอบข้างขนาดไหน แต่กะทิคงไม่ได้คิดถึงตรงนั้นหรอก รู้ว่าแม่จะจากไปก็มีแต่ความสับสน



และในที่สุดทุกคนก็ได้มาอยู่พร้อมหน้า ได้ชนแก้วดื่มฉลอง ทั้งน้ำตา



กะทิได้ใช้เวลาที่บ้านริมทะเล เพื่อรู้จักแม่ อยู่กับแม่ กอดกับแม่ให้มากที่สุด แม่เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แม่เล่าว่าทำไมถึงอยู่กับกะทิไม่ได้ และบอกว่าแม่รักหนูที่สุด

แม่ป่วย เป็นโรคอะไรไม่รู้ แต่มือกับเท้าเริ่มไม่มีแรง แม่ทำกะทิเจ็บตัวบ่อยเพราะโรคนี้ จนตอนสุดท้ายเกือบถึงแก่ชีวิต วันนั้น แม่เลยตัดสินใจที่จะปล่อยมือจากกะทิ เพื่อความปลอดภัยของกะทิเอง

ฉากตัดกลับมา ที่กะทิได้เข้ามาเที่ยวกรุงเทพหลังจากนั้น โดยได้ไปบ้านที่แม่เคยอยู่ ได้เจอห้องที่เต็มไปด้วยลิ้นชัก ทุกใบจะมีปีติดไว้ ลิ้นชักพวกนั้นแทนชีวิตของแม่ในแต่ละปี กะทิจะได้รู้จักแม่ผ่านของในลิ้นชักเหล่านี้ พอเห็นฉากนี้ ก็ได้แน่ใจถึงความสำคัญของแม่สำหรับทุกคนอีกครั้ง

แล้วกะทิก็ได้รู้เรื่องสำคัญ พ่อของกะทิยังอยู่ แต่อยู่ที่อื่น แม่ทิ้งจดหมายไว้ 1 ฉบับ ถ้ากะทิอยากรู้จักพ่อ ขอเพียงแต่ส่งจดหมายฉบับนี้ กะทิต้องตัดสินใจอีกครั้ง

แล้วกะทิก็ถามเพื่อนของแม่ ว่าแม่เกลียดพ่อไหม พอรู้ว่าคนอย่างแม่คงไม่เกลียดใคร กะทิก็ส่งจดหมาย

กะทิกลับไปบ้านริมคลอง กลับไปอยู่กับคุณตาคุณยาย สู่ชีวิตเดิมๆ

หนังจบแบบให้คิด เหมือนยังไม่จบ เหมือนให้ดูฉากหนึ่งในชีวิตของกะทิ แล้วมันก็จะมีฉากต่อไป งานนี้เล่นเอาคนชอบอะไรชัดเจนอย่างพี่เขยอะฮั้นขัดเคืองเป็นอย่างยิ่ง แต่เรารู้สึกเป็นปริศนาดีแฮะ ต้องมาดูเฉลยจากหนังสือ เราอยากอ่านอย่างแรง

หนังเรื่องนี้สวยมากๆ ชอบธรรมชาติทุกอย่างในหนัง ไม่ว่าบ้านริมคลอง โรงเรียน บ้านริมทะเล โดยเฉพาะฉากที่กะทินั่งร้องไห้ริมทะเล แล้วเงยหน้ามาเจอม้ายืนอยู่ โอยยยย สวย

หนังเรื่องนี้พยายามใส่ความเป็นไทย ในหลายฉากหลายตอน ชีวิตเรียบง่ายเนี่ย ต้องมาแสวงหากันในหนังแล้ว ถึงไม่มีขอแค่ดูก็ยังดีฟะ

ขำมากๆ กับฉากที่พวกผู้ใหญ่ในชุมชนพายเรือมาหาตากับกะทิที่ท่าน้ำ พลันที่อะฮั้นได้เห็นหน้าผู้ใหญ่บ้าน ก็ได้มองหน้ากันกับพี่สาวขำกันกลิ้ง เอิ๊กกกกกกก แถมฉากที่ครูเรียกชื่อนักเรียนตอบคำถามอีก งานนี้มีนักการเมืองมาเยี่ยม

จริงๆ เราคิดว่าเรื่องนี้ไม่ซับซ้อนนะ กะทิยังเด็ก ก็คิดและตัดสินใจอย่างเด็ก ผู้ใหญ่ต่างหากที่คิดมากเกินไป กะทิคิดถึงแม่ก็ไปหาแม่ กะทิรักแม่ก็บอกว่ารัก กะทิได้กำลังใจว่าแม่คงไม่เกลียดพ่อก็ส่งจดหมายหาพ่อ กะทิทำเรื่องยากของผู้ใหญ่ได้อย่างง่ายๆ

ดูแล้วก็คิดว่า กะทิมีความสุขจริงๆ เหรอ คนอื่นมีความสุขไหม กะทิโตมาแบบนี้มีความสุขจริงๆ หรือ หนังเรื่องนี้มีสัญลักษณ์มากมายสำหรับเรา ความเด็ดเดี่ยวของกะทิ สร้างความสงบได้ดีแฮะ

เซ็งนี้ดนึงกับเสียงคร่ำครวญของแม่ตอนเล่าเรื่องในอดีต อารมณ์มันไม่ได้น่ะค่ะ มันไม่เศร้าเลย กับการที่ต้องปล่อยมือลูกไปตลอดชีวิตเนี่ย เสียดายจริงๆ นะ

ชอบฉากที่คุณตาสอนกะทิมากๆ อยู่ 2 ตอน ตอนหนึ่ง คือ ตอนที่ 2 ตาหลานดูพระจันทร์ด้วยกัน คุณตาสอนกะทิว่า "คนเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้ามองขึ้นไปบนฟ้า ก็จะเห็นพระจันทร์ดวงเดียวกัน" ถ้าคิดอย่างนี้โลกจะแคบลงทันที เมื่อคุณคิดถึงคนที่อยู่ไกล ดูฉากนี้แล้ว ก็อยากจะดูพระจันทร์ขึ้นมาตงิดๆ อิอิ

กับอีกฉาก คือ ตอนที่บ้านริมทะเล ตาคุยกับกะทิว่า "ให้ดูสนที่ลู่ลม สนรู้จักลู่ตามลม เหมือนกับคนเรา ที่เตรียมใจรอรับเรื่องร้ายๆ เมื่อพายุผ่านไป เราก็จะยังยืนอยู่ได้" นานมาแล้วเคยได้ยินคำสอนนี้จากผู้ใหญ่ ให้รู้จักเป็นสนที่ลู่ลม มันคือความเข้มแข็ง ที่ดูเหมือนจะอ่อนแอ

ตอนจบได้เห็นว่าเครื่องแต่งกายโดยคุณกรกนก ชุดกะทิน่ารักมากๆ ค่ะ

ไม่อยากออกจากโรงเพราะเพลงค่ะ เพราะมากๆ เลยรอดูว่าของใครน้า เพลงอบอุ่นซะขนาดนี้ พอเห็นชื่อก็ให้อยากเขกหัวตัวเอง เพลงอบอุ่นจากผู้ชายอบอุ่นตลอดกาลของอะฮั้น พี่นพค่า

หมายเหตุสำคัญมาก เจ้าของบล็อกยังไม่ได้อ่านหนังสือนะค้า ที่เขียนมาจากที่ดูจากหนังผสมกับจินตนาการค่ะ (สำหรับตอนที่เราดูไม่รู้เรื่อง เอิ๊กกส์)

ป.ล.ยังติดค้างหนังคุณคนขับช้าอยู่ ผียังสิงอยู่ค่า



Create Date : 18 มกราคม 2552
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 3:08:34 น.
Counter : 2919 Pageviews.

3 comments
  
พออ่านที่คุณเจ้าของบ้านเขียนแล้วทำให้อยากไปดูจังเลยค่ะ
โดย: pet.sp วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:23:59:45 น.
  
ยังไม่ได้ดู "ความสุขของกะทิ" เลยครับ (ปกติก็ไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้วล่ะ แหะๆ)
แต่เห็นภาพสวยดีนะครับ



ผมเลยชิงดู "ความสุขของทุเรียน" ไปก่อนซะแล้ว

Cha-la Head Cha-la ฮ่าๆ


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:1:16:41 น.
  
ชอบหนังสือมาก เลยยังชั่งใจเรื่องการไปดูหนัง
โดย: คนขับช้า วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:23:20:24 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ViPaSa
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



รักครอบครัวเป็นชีวิตจิตใจ
ชอบดูหนังเป็นชีวิต
ชอบการ์ตูนเป็นจิตใจ
มีเพื่อนดีๆ มากมายช่วยสร้างชีวิต
มี Dark Chocolate ชิ้นนิดๆ สร้างความสุขให้จิตใจ
มีการท่องเที่ยวเพิ่มประสบการณ์ชีวิต
มีความรักที่ดีขึ้นทุกครั้งเพิ่มประสบการณ์จิตใจ มี...