| แผนภาพแสดงความแปรปรวนของสนามแม่เหล็กของ Edmond Halley | | | | ตามปกติ Halley สนใจวิจัยวิทยาการหลายสาขา เช่น กลศาสตร์ และอุตุนิยมวิทยา ฯลฯ และได้พบว่า บรรยากาศของโลกมีความหนาประมาณ 60 กิโลเมตร นอกจากนี้ Halley ก็ยังสนใจปัญหาการแผ่รังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ การเคลื่อนที่ของลมและการไหลของน้ำในบริเวณต่างๆ ของโลกด้วย สำหรับด้านดาราศาสตร์นั้น Halley ได้พยายามคำนวณขนาดของสุริยะจักรวาล และอายุของโลก ในงานคณิตศาสตร์ Halley ก็มีผลงานเรขาคณิตมากมายจนได้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์เรขาคณิตแห่งมหาวิทยาลัย Oxford ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2246 และเป็นนักดาราศาสตร์ประจำราชสำนัก (Astronomer Royal) ในปี พ.ศ. 2264 จากการมีผลงานคำนวณเรื่อง วิถีโคจรของดวงจันทร์ กับการทำนายการหวนกลับมาเยือนโลกของดาวหางชื่อ Halley ยุโรปในสมัยเมื่อ 400 ปีก่อนเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครรู้ดีว่า วิธีใดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการศึกษาธรรมชาติ Francis Bacon ได้เคยเสนอความคิดว่า การเก็บข้อมูล การสังเกต และการใช้จินตนาการเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งในมุมมองเช่นนั้น คณิตศาสตร์มิได้เข้ามามีบทบาทในวิทยาศาสตร์เลย ส่วน Galileo, Johannes Kepler และ Rene Descartes ได้ใช้คณิตศาสตร์เป็นหลักในการศึกษาธรรมชาติ Halley ซึ่งเป็นเพื่อนกับ Newton ก็เลือกใช้คณิตศาสตร์เวลาศึกษาดาราศาสตร์ แต่เมื่อเขาศึกษาความแปรปรวนของสนามแม่เหล็กโลกเขากลับใช้แนวคิดของ Bacon ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 แผนที่ดาวบนท้องฟ้าและแผนที่โลกเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นหนังสือสมัยนั้นจึงมีทั้งแผนที่โลกและแผนที่ดาวอยู่ใกล้กัน ในส่วนของแผนที่ดาว John Flamsteed นักดาราศาสตร์แห่งราชสำนักเป็นคนที่มีบทบาทมากในการสร้าง แต่ Flamsteed ไม่ชอบให้ใครตำหนิ หรือติเตียนผลงานของตน ดังนั้น เมื่อ Halley แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลบางข้อมูลที่ Flamsteed นำมาเสนอผิดพลาด Flamsteed จึงไม่พอใจมาก และตัดความสัมพันธ์กับ Halley ทันที แล้วเริ่มกล่าวหา Halley ว่าคัดลอกข้อมูลของคนอื่นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งๆ ที่ก่อนนั้น Flamsteed เคยชื่นชม Halley มาก ความขัดแย้งนี้ได้ดำเนินไปนานหลายปี จนถึงปี 2235 Halley จึงได้ออกมากล่าวยืนยันในที่สาธารณะว่า ข้อมูลที่เสนอคือข้อมูลที่ได้จากการทดลองของตนทั้งสิ้น และเมื่อ Flamsteed เสียชีวิตในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2262 Halley ก็ได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งนักดาราศาสตร์แห่งราชสำนักแทน ขณะนั้น Halley มีอายุ 64 ปี และหลังจากที่ได้ศึกษาทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของ Newton จนเข้าใจดีแล้ว Halley ก็ได้เสนอผลงานด้านเอกภพวิทยาเกี่ยวกับธรรมชาติของเอกภพที่มีขนาดอนันต์ โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Newton นี่จึงเป็นการศึกษาเอกภพเป็นครั้งแรก ในช่วงเวลานั้นชาวยุโรปหลายคนกำลังสนใจและเลื่อมใสไสยศาสตร์ แม้กระทั่งสมาชิกของ Royal Society บางคนก็เชื่อ สมาคมเองก็เปิดรับข้อมูลประหลาดๆ มาตีพิมพ์ใน Philosophical Transactions เช่น ความเชื่อเรื่องเวทมนต์ โหราศาสตร์ การเล่นแร่แปรธาตุ ฯลฯ แม้แต่ Newton ก็เชื่อเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและได้ใช้เวลานานกว่า 25 ปี ทดลองเรื่องนี้ ดังนั้นจึงนับเป็นเรื่อง ปกติ ที่ผู้คนยังคิดว่าดาวหาง เป็นดาวอัปมงคลที่นำความหายนะมาสู่โลกทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏในท้องฟ้า แต่ไม่มีใครรู้ว่า ดาวหางมาจากไหน การสังเกตของ Tycho Brahe ในปี 2120 แสดงให้เห็นว่า ดาวหางอยู่ไกลจากโลกยิ่งกว่าดวงจันทร์มาก Halley จึงใช้ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของ Newton พิสูจน์ให้ทุกคนประจักษ์ว่า ดาวหางเป็นดาวดวงหนึ่งของสุริยะจักรวาลที่วงโคจรมีลักษณะรีมาก ดังนั้นมันจะหวนกลับมาให้โลกเห็นอีกเป็นระยะๆ ด้วยเหตุนี้ ดาวหางดวงที่เขาเห็นในปี 2226 ก็จะกลับมาให้เห็นอีกตอนปลายปี 2301 และเมื่อดาวหางดวงนั้นปรากฏ 16 ปีหลังจากที่ Halley ตาย ทฤษฎีของ Halley ก็ได้รับการยืนยันว่าถูกต้อง และนี่คือ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Halley
|