| ภาพจากกูเกิลเอิร์ธ เผยบริเวณที่อุกกาบาตระเบิดเหนือฟ้ารัสเซีย (นาซา/Google Earth/ไลฟ์ไซน์) | | | การเรียกร้องให้ทหารเปิดเผยข้อมูลอุกกาบาตนี้มาได้สักพักแล้ว โดยข้อมูลจากสเปซด็อทคอมระบุว่า รายงานยุทธศาสตร์ในการปกป้องดาวเคราะห์จากตรวจตราวัตถุใกล้โลก (Near-Earth Object: NEO) และลดอันตรายจากวัตถุเหล่านั้น ของสภาวิจัยแห่งชาติสหรัฐ (National Research Council) เมื่อปี 2010 เผยให้เห็นว่า ดาวเทียมของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ตรวจพบการระเบิดกลางอากาศของวัตถุใกล้โลกที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศโลก และยังคงตรวจพบอยู่เรื่อยๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นเป็นประโยชน์ยิ่งต่อนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องนี้เพื่อประเมินอันตรายจากวัตถุใกล้โลก มากกว่านั้นในการศึกษาของสภาวิจัยสหรัฐยังชี้แนะว่า ข้อมูลจากการสังเกตพบเหตุการฯระเบิดกลางอากาศของวัตถุใกล้โลกโดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐนั้น ควรจะถูกเปิดเผยแก่ประชาคมวิทยาศาสตร์ เพื่อให้วงการวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของวัตถุใกล้โลก นอกจากนี้เซนเซอร์ตรวจวัดความกดอากาศระดับต่ำของกลาโหมและองค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Comprehensive Test Ban Treaty: CTBT) ยังตรวจวัดการระเบิดกลางอากาศของวัตถุเหล่านั้นได้ ซึ่งเครือข่ายนานาชาตินี้สถานีตรวจวัดวัดแรงสะเทือน คลื่นใต้เสียง การแผ่รังสี และคลื่นเสียงในน้ำ แต่ข้อมูลเหล่านั้นไม่เปิดเผยแก่สาธารณะ ซึ่งวงการวิทยาศาสตร์จะได้ประโยชน์จากการไม่ถูกกีดกันการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ พร้อมกันนี้ยังมีการพูดถึงประเด็นเดียวกันนี้ในการประชุมของสมาคมอเมริกันเพื่อความก้าวหน้าของวิทยาศาตร์ (American Association for the Advancement of Science: AAAS) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงกลางเดือน ก.พ.นี้ โดยมีการเผยข้อมูลว่าตลอด 50 ปีที่ผ่านมาเครือข่าย CTBT มีการพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดเพื่อเฝ้าระวังการทดลองนิวเคลียร์รวม 337 สถานีทั่วโลก ซึ่ง 85% ของจำนวนนั้นถูกใช้งานแล้ว และส่งข้อมูลรายวันแบบสดๆ ถึงวันละ 10 กิกะไบท์ ซึ่งเผยแพร่แก่สมาชิก 183 รัฐ หากแต่วงการวิทยาศาสตร์เพิ่งตื่นตัวว่า ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มากกว่าแค่ตรวจจับการทดลองนิวเคลียร์ โดยอาจใช้ศึกษาอุกกาบาตที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ รวมถึงการระเบิดของภูเขาไฟ หรือแม้กระทั่งตรวจจับการส่งสัญญาณและการอพยพของวาฬ และการแยกตัวของภูเขาน้ำแข็งได้
|