เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้ องค์การ NASA ของสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่า มีดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งชื่อ 2012 DA14 ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 45 เมตร ได้พุ่งผ่านโลกที่ระยะห่าง 27,700 กิโลเมตร ซึ่งนับว่า ใกล้ มาก เพราะดาวเทียม Geosynchronous ที่ถูกส่งขึ้นอวกาศเพื่อให้โคจรเหนือโลกที่ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา ก็ยังอยู่ห่างจากโลกเพียง 37,000 กิโลเมตร ถึงแม้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จะมีขนาดเล็กมาก เมื่อเปรียบเทียบกับโลก (คือประมาณ 1 ต่อ 100,000) แต่ด้วยความเร็วที่สูงมากประมาณ 6 กิโลเมตร/วินาที โมเมนตัมและพลังงานจลน์ที่จะสูญหายไปเมื่อดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ชนโลกจะทำให้เกิดพลังระเบิดเทียบเท่ากับระเบิดปรมาณูที่เคยถล่ม Hiroshima ถึง 180 ลูก ความจริงนักดาราศาสตร์ขององค์การ NASA ได้เห็นดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ตั้งแต่ปี 2011 และได้ติดตามดูอย่างใกล้ชิด จนรู้ว่ามันไม่มีวันชนโลก และจะหวนกลับมาใกล้โลกในอีก 40 ปี แต่ก็อาจจะชนได้ในอีก 1,200 ปี แม้โลกจะปลอดภัยในคราวนี้ แต่ NASA ก็ได้เตือนว่า นอกจากดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14 แล้ว ในอวกาศยังมีดาวเคราะห์น้อยอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากที่กำลังโคจรอยู่ใกล้โลก จนนักดาราศาสตร์เรียกดาวเคราะห์น้อยประเภทนี้ว่า Near Earth Object หรือ NEO และได้เห็นแล้วจำนวน 9,688 ดวง อีกทั้งมีข้อมูล เช่น มวล ความเร็ว และวิถีโคจรของดาวประเภทนี้ครบถ้วน NASA รู้ว่าคงมี NEO อีกเป็นจำนวนมากที่นักดาราศาสตร์ยังไม่เห็น และทุกดวงล้วนมีโอกาสมากบ้างน้อยบ้างที่จะพุ่งชนโลกได้ในอนาคต คำถามที่นักดาราศาสตร์และประชาชนทั่วไปสนใจ คือ โลกจะถูกดาวเคราะห์น้อยดวงใด ชนเมื่อใด ณ ตำแหน่งใด และความเสียหายจะมหาศาลเพียงใด ในอดีตเมื่อ 4,000 ล้านปีก่อน ที่โลกเพิ่งถือกำเนิดใหม่ๆ โลกได้ถูกดาวเคราะห์ขนาดใหญ่เท่าดาวอังคารพุ่งชน ทำให้ชิ้นส่วนหนึ่งของโลกหลุดกระเด็น แล้วกระจายไปจับกลุ่มรวมกันโดยอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงเกิดเป็นดวงจันทร์ และเมื่อ 65 ล้านปีก่อน โลกก็เคยถูกอุกกาบาตขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 กิโลเมตรพุ่งชนที่แหลม Yucatan ของเม็กซิโก ความรุนแรงที่เกิดจากการชนในครั้งนั้นได้ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธ์ ครั้นเมื่อประมาณ 105 ปีก่อนนี้เอง คือเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ.1908 ก็ได้มีดาวเคราะห์น้อยเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตร พุ่งบรรยากาศโลก และดาวได้ระเบิดตัวอย่างรุนแรงเหนือบริเวณป่าในไซบีเรียใกล้แม่น้ำ Tunguska พลังระเบิดได้ทำลายต้นไม้ในป่าพื้นที่ 1,330 ตารางกิโลเมตรราบพณาสูร เหล่านี้คือตัวอย่างของความหายนะที่เคยเกิดขึ้นเมื่อดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก ทุกวันนี้ นักดาราศาสตร์ได้พบว่า โลกถูกดาวเคราะห์น้อย และอุกกาบาตขนาดเล็ก พุ่งชนตลอดเวลา และได้พบว่า เหตุการณ์นี้ทำให้โลกมีมวลเพิ่มขึ้นวันละ 100 ตัน แต่การที่เราไม่รู้สึกตัวว่าโลกถูกพายุอุกกาบาตถล่ม เพราะมันมีขนาดเล็กตั้งแต่เท่าเม็ดทรายจนกระทั่งใหญ่เท่ารถยนต์ ครั้นเมื่ออุกกาบาตเหล่านี้ผ่านเข้ามาในบรรยากาศโลก มันจะถูกอากาศเสียดสีจนลุกไหม้ และเหลือเพียงส่วนน้อยที่ตกถึงโลก ในสภาพอุกกาบาตขนาดเล็ก หรือสลายในอากาศเป็นดาวตก และผีพุ่งใต้ ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตแสดงว่า ในอวกาศมี NEO ขนาด 30 เมตรมากนับล้านชิ้น และมี 2,400 ชิ้นที่มีขนาดใหญ่ประมาณ 500 เมตร ซึ่งถ้าเป็นกรณีหลังนี้ หากมันพุ่งชนโลกนั่นจะเป็นเหตุการณ์โลกาวินาศสันตะโรทีเดียว นับเป็นเวลานานประมาณ 20 ปีแล้วที่นักดาราศาสตร์ได้เฝ้าติดตามดู NEO อย่างรอบคอบ โดย NASA ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ที่หอดูดาวบนเกาะ Maui กับที่หอดูดาวในเมือง Tucson รัฐ Arizona และที่ Socorro ในรัฐ New Mexico เพื่อดู NEO ได้จำนวนประมาณ 98% ของทั้งหมด และยังได้อาศัยความช่วยเหลือในการสังเกตจากยานอวกาศ WISE ที่มีเครื่องตรวจจับสมรรถภาพสูงในการรับรังสีอินฟราเรดจากดาวเคราะห์น้อยขณะติดตาม NEO ประมาณ 150 ดวง เพราะดาวเคราะห์น้อยกลุ่มนี้มองเห็นยาก ถ้าใช้กล้องธรรมดา แต่จะเห็นได้ง่ายขึ้นถ้าใช้กล้อง infrared
|