นายปรี๊ดจำได้ว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สมัยยังเป็น ดช.ปรี๊ดหัวเกรียน อาจารย์สอนวิชา ก.พ.อ. (การงานพื้นฐานอาชีพ) พาเด็กๆ เดินต่อแถวกันไปตลาดข้างๆ โรงเรียน เพื่อเลือกซื้อของตามรายการที่ร่วมกันจดสำหรับนำกลับไปทำอาหารไทยง่ายๆ เช่น ไข่เจียว ต้มจืด ปลานิลทอด และน้ำพริกกะปิ การเดินทางแค่ไม่กี่ก้าวนั้นสนุกจนจำฝังใจ อาจารย์ชี้ชวนเด็กๆ ให้ดูตามแผงขายของสด สอนให้เลือกผักที่มีรูหนอนเจาะบ้าง เพราะแปลว่าผักนั้นปลอดภัยไร้สารพิษ เลือกปลาสดที่ตาใส เหลือกแดง เอานิ้วจิ้มพุงแล้วไม่ยุบเพราะแปลว่าปลายังสดใหม่ นอกจากนั้นอาจารย์ยังเลือกซื้อผงชูรสมาอีก 2-3 ห่อ เมื่อกลับมาถึงห้องคหกรรมก็ให้เด็กๆ นำผงชูรสใส่ช้อนสแตนเลสแล้วทดลองเผาบนเปลวไฟ ผงชูรสห่อไหนเป็นของปลอมจะกลายเป็นเถ้าขาว ไม่เป็นเผาไหม้เป็นสีดำเพราะอาจจะผสมด้วยบอแรกซ์หรือสารอันตรายอื่นๆ ความรู้สมัยประถมยังติดตัวจนบัดนี้ ถือเป็นวิทยาศาสตร์ง่ายๆ ที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่เคยรู้ตัว ในปัจจุบันการเรียนการสอนแบบนี้ในโรงเรียนของรัฐกลับมีให้เห็นน้อยลง อาจเพราะครูมีเวลาในห้องเรียนน้อยเพราะเต็มไปด้วยงานเอกสาร หรือมัวยุ่งกับการ ติว ให้เด็กทำคะแนนสอบจากส่วนกลางให้ได้คะแนนสูงๆ เพื่อโรงเรียนจะได้มีผลผ่านการประเมินคุณภาพทางการศึกษาตามนโยบายจากเบื้องบน หากแต่ไม่น่าเชื่อว่าในห้องเรียนพิเศษ โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนทางเลือกชื่อดังหลายแห่งกลับใช้การเรียนการสอนในตลาดสดนี้เป็นบทเรียนบูรณาการ ซึ่งถูกเรียกอย่างหรูหราว่า การเรียนการสอนแบบ project based หรือการใช้โครงงานเป็นตัวดำเนินเรื่องราว ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณครูกำหนดให้วันนี้เป็น วันไข่เจียว นักเรียนอาจจะเริ่มต้นจากการช่วยกันจดรายชื่อสิ่งของที่ต้องใช้เป็นภาษาไทยและอังกฤษ จากนั้นวางแผนการเดินทางไปตลาดสด เมื่อไปถึงก็เรียนรู้เรื่องที่มาของไข่ไก่ ขนาด ราคา และการชั่งน้ำหนักจากแผงค้าไข่ (ซึ่งครูคงไปเตี๋ยมกับแม่ค้าไว้ก่อน) เมื่อกลับมาก็เรียนรู้การทำไข่เจียวและเครื่องปรุงต่างๆ บางครั้งมีการทำวิดีโอสาธิตเป็นภาษาอังกฤษเลียนแบบรายการทำอาหารด้วย สุดท้ายจบลงด้วยมารยาทในการทานอาหาร และคุณค่าทางโภชนาการของไข่เจียว เรียกว่าใน 1 วัน เฉพาะไข่เจียวใบเดียวได้เรียนรู้สาระทางวิชาการทุกลุ่มสาระเลยทีเดียว ยิ่งครูคนไหนสนใจวิทยาศาสตร์เป็นพิเศษก็สามารถสอดแทรกวิธีคิดและทักษะทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมได้ทุกจุด เช่นการวัดปริมาตรของรูปทรงต่างๆ เมื่อไข่ถูกแปรสภาพไปตามภาชนะ หรือผลของการทดลองใส่น้ำหรือนมผสมลงไปในไข่เจียว เป็นต้น แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราววิทยาศาสตร์ของสินค้าในตลาดสดที่ยังซ่อนอยู่อีกมากมายนั้นจะมีการนำมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่มุมมองของครูและผู้ปกครองที่จะชักนำให้เด็กๆ ได้เปิดหูเปิดตามองวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นเรื่องสนุกและกระชับพื้นที่ให้วิทยาศาสตร์เข้าใกล้ตัวมากขึ้น ถ้าเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่รอบตัว...วันนี้คุณพาตนเองหรือลูกหลานเดินตลาดสดบ้างหรือยัง?
|