Maybe I'm just a fool
I should keep to the ground,
I should stay where I'm at
Maybe everyone has hunger like this and the hunger will pass
But I can't think like that
: Flight - Craig Carnelia
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
15 มีนาคม 2548
 
All Blogs
 
[รีวิวละครบรอดเวย์] Phantom รอบสาม

ขอพักครึ่งเล่าเรื่อง Wicked ไว้ก่อนนะคะ ก่อนจะไปดูองก์สอง และไปล่าลายเซ็นนักแสดงที่หลังโรงละคร

มาคั่นจังหวะด้วยนี่ค่ะ รีวิวละคร The Phantom of the Opera รอบสาม (เสียงจากจิตใต้สำนึก: คนอ่านเบื่อกันหมดแล้วเฟ้ยยยยย จะแสดงความบ้าของตัวเองไปถึงไหน)

ยอมรับว่าบ้าจริงๆ ค่ะ ถึงไปดูละครเรื่องนี้ถึงสามรอบแบบค่อนข้างถี่แบบนี้ (แม้ตั้งใจว่าจบรอบนี้แล้วจะงดดูอีกนาน) แต่ยังไงวัสส์ก็บ้าแฟนธ่อมมาตั้งแต่อยู่ไทยแล้ว และก็เป็นวาสนาของวัสส์หรือไงสักอย่าง คือดูสามรอบก็ได้เปลี่ยนนักแสดงทั้งสามรอบ (แม้คริสตินจะเป็นคนเดิมตลอด) ทำให้ได้เห็นสไตล์การตีความที่ต่างๆ กันออกไปของนักแสดง ถ้าเป็นหนังก็ต้องบอกว่าคนละเวอร์ชั่นกันเลยละค่ะ ให้คนละอารมณ์กันเลย

แต่นี่ก็คือเสน่ห์ของละครเวที ไปดูกี่รอบ ก็จะไม่เหมือนกันสักรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเปลี่ยนนักแสดงก็จะยิ่งต่าง เพราะฉะนั้นมันจะไม่เหมือนการไปดูหนังซ้ำแล้วซ้ำอีก เราเห็นอะไรใหม่ๆ เสมอ

นักแสดงรอบนี้
แฟนธ่อม: Hugh Panaro
คริสติน: Sandra Joseph
ราอูล: Michael Shawn Lewis (เขาเป็น understudy ค่ะ)

ปกติแล้ว ถ้าได้ดู Understudy เล่น เราต้องทำใจไว้นิดหน่อยว่าคุณภาพมักจะไม่เหมือนนักแสดงหลักเล่น และวัสส์ก็ชอบการแสดงของ John Cudia ซึ่งเป็นราอูลตัวหลักมาก เลยไม่คาดหวังกับการแสดงรอบนี้เท่าไร

แต่พอดูจบแล้วต้องเปลี่ยนความคิด วัสส์โชคดีมากค่ะ ที่ได้ดู Michael Shawn Lewis เล่นบทนี้

ผู้ชายคนนี้เสียงทองจริงๆ ขนาดว่าแฟนธ่อมมีบทร้องเพลงเยอะกว่ามากยังกินเขาแทบไม่ลง นี่ถ้าแฟนธ่อมเป็นคนอื่นที่เสียงไม่ได้มีพลังขนาด Hugh Panaro สงสัยจะเสร็จเอาง่ายๆ เหมือนกัน เวลาราอูลร้องเพลงที (มีหลายฉากที่จะร้องพร้อมคนอื่น) เสียงเขาจะโดดเด่นขึ้นมาและข่มทุกคนบนเวทีเลยค่ะ(ยกเว้นแฟนธ่อม) แม้แต่หลายๆ ท่อนของเพลงที่คนอื่นร้องแล้วฟังเหมือนพูด เขาทำให้มันฟังเป็นเพลงได้ตลอด (สามารถจริงๆ)

ในบรรดาราอูลทุกคนที่วัสส์เคยได้ดูและได้ฟังมา วัสส์ชอบเสียงและวิธีการร้องของเขามากที่สุดค่ะ ถ้าไม่ติดว่าบุคลิกไม่ให้ วัสส์ว่าเสียงเขาร้องเป็นแฟนธ่อมได้อย่างสบายมาก และน่าจะเพราะมากด้วย (แค่คิดว่าเขาจะร้อง Music of the Night ยังไงก็แทบจะละลายแล้ว)

ด้านลีลา ส่วนตัววัสส์คิดว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างคนสมัยใหม่ไปนิดนะคะ คือท่าทางการเดินเหินการสาวเท้าอะไรมันเร็วมากๆ ไม่เหมือนคนสมัยก่อน(พูดเหมือนเคยเห็น ^^") แต่ขณะเดียวกันวัสส์ก็ชอบการเคลื่อนไหวของเขา เคลื่อนไหวเหมือนนักเต้นรำค่ะคนคนนี้ เร็วแต่ Graceful ลีลาสวยงาม และเวลาเต้นรำในฉาก Masquerade เขาทำให้ท่าเต้นที่ดูแหม่งๆ ตรงนั้นดูดีขึ้นมาเลย เป็นนักเต้นที่มีฝีมือค่ะ

แต่ยังไงเรื่องการเคลื่อนไหวที่ให้ฟีลลิ่งเหมือนขุนนางจริงๆ ต้องยกให้ John Cudia ว่าทำได้ดีกว่า คนนั้นจะท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดินของเขา Regal หมดค่ะ สง่า เข้มแข็ง มีอำนาจ ขณะที่ของ Michael Shawn Lewis ให้ความรู้สึกติดดินอยู่นิดๆ

ด้านการแสดง เขาเล่นได้ดีค่ะ เข้าถึงบทบาท แม้ไม่รู้ว่าบอกว่าชอบดีหรือเปล่า เพราะราอูลของ Michael Shawn Lewis (จากนี้จะเรียกว่าไมเคิล เพราะขี้เกียจพิมพ์ชื่อยาวๆ ของพี่ท่านเหลือเกินแล้ว - -") เป็นราอูลที่ทำให้อารมณ์เราขึ้นๆ ลงๆ ได้อย่างน่าทึ่ง คือราอูลของเขาน่ารัก น่ารักมากกกกกกกก แต่ก็...เอ่อ...น่าหมั่นไส้มากกกกก หมอโรแมนติก อินเลิฟ ออกฝันๆ นิดๆ แต่ก็อารมณ์ร้อน ไม่ค่อยฟังเสียงใคร แถมความรู้สึกช้า ไม่เคยเห็นเอาซะเลยว่าชาวบ้านรู้สึกยังไงจนกระทั่งมันชัดโป๊ะอยู่ตรงหน้านั่นแหละ ^^"

ความจริงเขาเล่นตรงส่วนที่เป็น Young lover ได้ดีมากๆ เลย ทุกที่ที่ John Cudia เล่นได้ Giddy เกินงามจนดูหลอกๆ ไมเคิลเล่นได้น่ารักสมจริงไม่มีที่ติ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ท่อนที่ราอูลพยายามทำตัวเป็นผู้นำต่างหาก เพราะดูแล้วเราอยากจะเบิ๊ดกะโหลกราอูลไปหลายหนมากๆ - -" (วัสส์ชอบ John Cudia ก็เพราะเขาเล่นท่อนผู้นำนี่ได้ดีมากถึงดีมากที่สุด บทมันอันตรายมากที่จะทำให้เราหมั่นไส้ราอูลว่าเป็นพวก Jerk จอมบงการ แต่เขาเล่นแล้ววัสส์ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ แมนสุดตัวชนิดอยากฝากชีวิตจริงๆ อิอิ)

แต่ราอูลของไมเคิลนี่หวิดๆ โดนวัสส์เหม็นหน้าไปเหมือนกัน แม้สุดท้ายจะเกลียดไม่ลงสักที ดูตัวอย่างตรงช่วงที่คริสตินพาเขาหนีขึ้นไปบนหลังคาโรงละครก็ได้ ไม่ว่าคริสตินจะร้องอะไรออกมา หมอก็ขึ้นเสียงร้องเพลงกลบ ไม่มี้ ไม่มีแฟนธ่อม เธอคิดไปเอง ง่า ถ้าเราเป็นคริสตินเราคงต่อยมันปากแตกแล้ว ช่วยฟังให้จบก่อนเถียงได้มั้ย - -" จนกระทั่งแฟนธ่อมส่งเสียงร้องเพลงขึ้นมานั่นแหละ หมอถึงวิ่งไปดู (ไหนเมื่อกี้เถียงเขาว่าไม่มีแฟนธ่อมแหมบๆ - -") แล้วพอไม่เจอ ก็อ้าแขนออกหน้าตาเฉย มองคริสตินแบบ มามะ เข้ามาในอ้อมแขนชั้น

ตอนนี้เราเกิดอารมณ์อยากกระโดดถีบราอูลเป็นกำลัง ^^"

แต่คริสตินไม่ใช่เรา เธอจึงวิ่งเข้าไปกอดราอูลแทนที่จะวิ่งเข้าไปถีบ ^^" แล้วหมอก็อ้าปากร้องเพลงขึ้นมา และโอ้วววว เราก็ถูก blown away ไป - -" จบ All I ask of you เขาดึงคริสตินมาจูบ แล้วยกเธอขึ้นเหวี่ยงหมุนๆๆ โอ้วววว อีกรอบ หมอจูบได้หวานหยด (ผิดกับ John Cudia ที่เล่นฉากอื่นดีจริงๆ แต่มาถึงฉากจูบทีไรจูบได้เก๊มั่กทุกที ^^") แถมตอนหมุนนี่วงสวิงไม่ตกเลยแฮะ

มาถึงตอนนี้เราอภัยให้ราอูลที่ทำตัวงี่เง่าก่อนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ^^"

อีกท่อนที่เราติดใจคือท่อนที่กำลังจะเปิดการแสดง Don Juan คริสตินมีเรื่องทะเลาะถกเถียงกับคาร์ลอตต้าซึ่งกล่าวหาเธอว่าเธอเป็นคนอยู่เบื้องหลังการกระทำของแฟนธ่อม เป็นแผนที่เธออยากเป็นนางเอก ทำให้คริสตินเคืองมาก ทำท่าจะถอนตัวเอาดื้อๆ บอกว่าเธอไม่เคยอยากเล่นบทนี้หรอก เมื่อผู้จัดการวิ่งมาตามตื๊อ ราอูลก็ดึงตัวคริสตินไปไว้ด้านหลัง ประกาศขึ้น(อย่างเชิดมากและหยิ่งมาก แบบ ฟังนะเว้ยตรูเป็นไวส์เคานท์)ว่า ถ้าเธอไม่อยากเล่นก็ไม่จำเป็นต้องเล่น

บทนี้คนอื่นเล่นก็เฉยๆ (John Cudia เท่และมีอำนาจมากในฉากนี้) แต่เฮียไมเคิลแกเชิดมหาเชิดจนเราแอบขำ แหม ดูไม่ mature เลย แต่ก็สมเป็นราอูล(แบบของเขา) ถ้ามีใครมาทำแบบนี้ให้ ถึงจะดูต๊องๆ เด็กๆ ไปนิดแต่คงอดรักไม่ได้แฮะ

ตอนที่ราอูลคิดแผนจับแฟนธ่อมขึ้นมาได้เป็นตอนที่เราหมั่นไส้มากๆๆๆ หมอทำท่าหมายมั่นปั้นมือ มั่นใจในตัวเองมากๆ จนแบบว่า...โอ๊ยยยยย เราอยากชกหน้า หยุดทำท่ากระหยิ่มแล้วหันไปมองแฟนตัวเองได้แล้วเฟ้ยว่าเขาไม่สบายใจ

แต่พอคริสตินคร่ำครวญรำพันถึงความลำบากใจ อึดอัดใจออกมา เขาก็คุกเข่าลง ทำท่าตกใจจริงๆ ที่ทำให้เธอเสียใจ (ความรู้สึกช้าจริ๊ง ^^") และร้องเพลงออกมาว่า Christine, Christine... Don't think that I don't care... ดูท่าทางวิงวอนกับฟังเสียงนั่นแล้ว ถ้าเราเป็นคริสตินเราก็ละลายลงไปตรงนั้นนั่นแหละ เฮียไมเคิลแกร้องได้ฟังดูบริสุทธิ์ใจสุดๆ ค่ะ ไม่ใช่สักแต่ว่าจะกล่อมคริสตินให้ทำตามแผน ดูเหมือนจะห่วงมากกว่าด้วยซ้ำว่าคริสตินจะโกรธ (น่ารักที่สุด) และเสียงนั่น...เฮ่อ...ฟังแล้วเคลิ้ม

อภัยให้ค่า ที่อวดดีเมื่อกี้ อภัยให้หมดเลย ^^"

(เขียนมาถึงตอนนี้ชักสงสัยว่าคริสตินโดนสะกดด้วยเสียงใครกันแน่ แฟนธ่อมหรือราอูล ^^" แต่ว่าเสียงของไมเคิลนั้นดีมากจริงๆ ค่ะ ฟังทีไรใจอ่อนยวบทุกที)

ยังไงก็ตาม แฟนธ่อมไม่มีปัญหาในการสะกดคนด้วยเสียงเหมือนกัน เสียงและการแสดงของ Hugh Panaro ยังน่าทึ่งและน่าประทับใจเหมือนที่เคยดู แม้คราวนี้เขาจะตีความบทต่างไปจากคราวที่แล้ว แฟนธ่อมที่วัสส์ดูในรอบนี้เยาะหยันโลกน้อยลง แต่เพิ่มความคลุ้มคลั่งจนน่าขนลุก ประชดประชันจนแสบร้อน ให้ฟีลลิ่งเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บ ถ้าเขาเป็น Angel of Music คราวนี้ก็เป็น Dark Angel ละค่ะ

อารมณ์และเสียงของเขาพีคสุดในเรื่องตรง Down once more (ที่เขาลากคริสตินลงไปรังลับในฉากสุดท้าย) มีพลังกว่ารอบที่แล้วอีก เสียงเพลงที่บอกความเจ็บปวดคลุ้มคลั่งที่ถูกทรยศของเขาก้องไปทั้งโรงละครแบบได้ยินปุบก็บีบใจวูบเลย ท่วงท่ากระชากกระชั้น สีหน้าและน้ำเสียงตอนปะทะกับคริสตินนั้นสุดยอดมาก เราเชื่อว่าในอารมณ์นี้เขาจะฆ่าราอูลได้แบบไม่ต้องกะพริบตา เขาสะใจที่เหยื่อวิ่งตามมาติดกับดักและพร้อมจะทรมานราอูลเหมือนแมวเล่นกับหนู

น่ากลัวมากถึงมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็น่าเห็นใจมากจริงๆ เสียงที่เขากรีดออกไปว่า Christine... Why? ปวดร้าวจนบาดใจมากเลยค่ะ เราเห็นได้ว่าเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหลังจากเขาทุ่มเททุกอย่างในชีวิต ทำทุกอย่างเพื่อเธอขนาดนี้ เธอยังเลือกจะหักหลังเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไร เราเห็นคำถามที่ปั่นในหัวเขาว่าทำไม? และทำไม? และมันยิ่งทำให้เขาคลั่ง

มีอะไรบางอย่างในฉาก Final Lair คราวนี้ที่เราชอบมาก เราเห็นความเจ็บจนกลายเป็นบ้าคลั่งของแฟนธ่อม เราเห็นความเคืองแค้น อัดอั้นของคริสติน และ...ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในฉากนี้ เราเห็นความรักของราอูล

ไมเคิลเล่นฉากนี้ไม่เหมือน John Cudia ค่ะ เขาไม่ดิ้นรนกระชากเชือกจะให้หลุดหลังจากถูกแฟนธ่อมเอาบ่วงแขวนคอ เขาไม่ออกอาการเจ็บแค้นอยากเอาคืนแฟนธ่อม เขาแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นขณะที่คริสตินปะทะอารมณ์กับแฟนธ่อม แต่ไม่ใช่อย่างคนที่กลัวหรือท้อแท้จนหมดอาลัยตายอยาก เขายังยืนตัวตรง ท่ายังทะนง ยังสง่า แต่สงบจนน่าใจหาย มันตัดกับอารมณ์ร้อนที่เขาแสดงออกมาตลอดเรื่อง เขาเอามือจับเชือกบ่วง มองตามแต่คริสติน เป็นห่วงแต่คริสติน เหมือนกลัวว่าถ้าเธอปกป้องเขามากไปกว่านี้ ยั่วโมโหแฟนธ่อมไปกว่านี้ เธอจะตกเป็นเหยื่อความคลั่งของแฟนธ่อมแทนเขา เขาทำเหมือนว่าชีวิตของเขาไม่สำคัญ ศักดิ์ศรีของเขาไม่สำคัญ เขาไม่สนใจจะรอดชีวิตหรือจะเอาคืน ขอให้คริสตินปลอดภัย เราเห็นเขาตัดสินใจยอมตายเพื่อคริสติน

อารมณ์คลั่งและสับสนของแฟนธ่อมกับน้ำเสียงที่เจ็บจนเราเจ็บแทน ความพยายามปกป้องคนรักจนสุดตัว จน desperate ของคริสติน ความสงบและพร้อมจะยอมตายเพื่อเธอของราอูล บวกกันเป็นฉากสุดท้ายที่มีพลังมากๆๆ เราเห็นใจทั้งสามคนจริงๆ เข้าข้างใครหรือโทษใครไม่ได้เลย เราเห็นความโหดร้ายของชะตากรรมที่ผลักทุกคนมาปะทะกันตรงจุดนี้

เราเห็นแฟนธ่อมตระหนักถึงความรักของคริสตินและราอูล และยอมแหลกสลายลงเองในฉากสุดท้าย เราเห็นความสับสนของเขาตอนที่คริสตินคืนแหวนให้ เห็นเธอวิ่งผลุนผลันจากไปด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้ เราได้ยินเสียงร้องเพลงของเขาตอนที่เฝ้ามองเธอจากไปกับราอูลโหยหวนเศร้าสร้อยไปทั้งโรงละคร

ละครรอบนี้จบลงอย่างมีพลัง

และแล้วก็ถึงช่วง Curtain Call หลังจาก Hugh Panaro นักแสดงที่เล่นเป็นแฟนธ่อมออกมาโค้งพร้อมเสียงปรบมือของผู้ชม เขาก็ยืดตัวขึ้น ยิ้มๆ อีกตามเคย นิ่งรอสักพักก็ประสานมือเข้าหากัน

...ทำท่าอ้าปากจะพูด แต่พูดไม่ได้ค่ะ คนดูยังปรบมืออยู่ ^^"

จบกระทั่งเขาต้องยกมือขึ้นทั้งสองมือแบบพระปางห้ามญาติ บอกหัวเราะๆ ว่า "I hate to stop you, but..."

ฟังมาถึงตรงนี้เราถึงเพิ่งรู้สึกค่ะ ว่าก่อนนี้เราไม่เคยได้ยินเสียงพูดของเขาเลย บทแฟนธ่อมเป็นบทร้องเพลงตลอด ถ้าไม่งั้นก็ตะโกนกราดเกรี้ยว เสียงพูดของเขานุ่มและขี้เล่นมาก แบบตัดกับที่เพิ่งได้ยินร้องเพลงจบไปจนเราเกือบอ้าปากค้าง ปรับอารมณ์ไม่ทันไปสามวิ

เขาพูดเรื่องหาเงินเข้าการกุศล โครงการ Broadway Cares - Equity fights AIDS ค่ะ คือถ้าเราบริจาคเงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้ เราก็จะได้ของตอบแทนเป็นที่ระลึกจากละครเรื่องนั้นๆ ที่เราดู เช่นเข็มกลัด ตำราอาหารจากนักแสดง ซีดีพิเศษ หรือโปสเตอร์ละครมีลายเซ็นแบบนี้

พูดไปก็มีการหยอดมุกตลกหน้าตายไปเป็นระยะๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนดู ที่ฮาสุดคงตอนพี่ท่านโฆษณาซีดีหน้าตาเฉย บอกว่า including the fabulous song, track 3 ก่อนนิ่งไปสักพักและต่อว่า ของผมเอง ช่างพูดได้หน้าตายสนิทมากๆๆ เป็นงานเป็นการเสียจนถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องซีดีนี้มาก่อนว่า track 3 มันใครร้อง เงี่ยหูฟังว่ามัน fabulous ยังไงนี่คงตกเก้าอี้กันเป็นแถบ

บริจาคเงินเสร็จ เราก็วิ่งไปดักรอนักแสดงที่ Stage Door หลังโรงละคร

ข้อดีอยู่อย่างของการดูละคร เรามีสิทธิ์พบปะพูดคุยกับนักแสดงแบบตัวเป็นๆ ค่ะ ไม่ใช่เฉพาะเห็นบนเวที ถ้ากล้าพอ และโชคดีพอ ก็จะได้พูดคุย ถ่ายรูปคู่ ขอลายเซ็นนักแสดงที่เราประทับใจ

ก่อนวันนี้วัสส์ไม่เคยรอค่ะ ไม่กล้าพอ แหะๆ แต่คราวนี้แบบ เอาฟะ ลองมันสักตั้ง

ก็รอ รอ รอ จนสมาธิเราเริ่มแตก หันไปทางอื่น

หันกลับมาอีกที เฮ้ย ใครบางคนเดินโฉบผ่านหน้าเราไป

อ๋า Michael Shawn Lewis!!

แต่วัสส์แบบไม่แน่ใจ เพราะเห็นแบบแวบ และอากาศมันหนาวด้วยเขาเลยใส่หมวกกับพันผ้าพันคอ ก็เลยทักไปสั้นๆ ว่า Hi. เขาก็หันกลับมายิ้ม (เขาเดินคุยกับใครอีกคนอยู่)

อ๊า ใช่เขาจริงๆ ด้วย หน้าแบบนี้ ตาแบบนี้... โอ้ววววววว......

ไมเคิล : Hi.

วัสส์ : ... (ตะลึง ตะลึง ตะลึง เจอนักแสดงที่ประทับใจในระยะประชิด บวกกับโดนรอยยิ้มสาดส่องมาแบบจังเบอร์ เกิดอาการเข่าอ่อน ทำอะไรไม่ถูกไปสามวิ)

รู้ตัวอีกทีเขาก็...เขาก็...

เดินลอยชายจากไปต่อหน้าต่อตาวัสส์ โฮ T^T

ทำไมเราช่างเป็นยัยเอ๋อบื้อใบ้แบบนี้ พอเขาเดินไป เราจะทำอะไรก็ไม่ได้แล้วค่ะ ขืนวิ่งตามงานนี้คงโดนหาว่าบ้าแน่ๆ ได้แต่กลับบ้านมาแอบแค้นตัวเอง...

รีวิวละครคราวนี้ก็จบลงด้วยประการฉะนี้แหละค่ะ

ปล. มาเพิ่มเติมว่าใครอยากฟังเจ้า Fabulous Song - Track 3 นั่น เข้าไปที่ห้องฟังเพลง แล้วเลือก We're already there นะคะ


Create Date : 15 มีนาคม 2548
Last Update : 22 กรกฎาคม 2548 23:15:40 น. 0 comments
Counter : 937 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วัสส์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]






ฝากนิยายแปลเล่มล่าสุดด้วยนะคะ Dexter Is Delicious ออกกับแพรวสำนักพิมพ์ค่ะ


Friends' blogs
[Add วัสส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.