บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

เรื่องดีดี(55)...บทเรียนสอนใจ ในวิกฤตชีวิต "กลินท์ บุนนาค"







คุณจะคิดอย่างไรหากมีใครสักคนบอกว่า ชีวิตของคนเราทุกผู้ทุกนามต่างแขวนอยู่บนเส้นด้ายในทุกโมงยาม สัญญาณแห่งความเป็น ความตายแทรกตัวอยู่ในทุกขณะจิตของลมหายใจ ...ที่สำคัญมัจจุราชอาจกำลังย่องตามคุณอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ และนาฬิกาชีวิตของคุณใกล้จะหยุดเดินอย่างไม่คาดฝัน !!

"ในบางขณะความเป็น ความตายนั้นตัวเราไม่สามารถเป็นผู้ลิขิตชีวิตได้เสมอไป ทว่าฟ้าดินเป็นผู้กำหนดชะตากรรม ที่สำคัญไม่เคยรอถามความสมัครใจด้วยซ้ำว่าพร้อมจะตายหรือยัง" กลินท์ บุนนาค ทายาทธุรกิจโรงแรมตะวันนา รามาดา เริ่มเกริ่นบทสนทนาย้อนชีวิตเมื่อครั้งรอดพ้นชีวิตเฉียดตายในวัยเพียง 36 ปี

...ตายเพราะซน ตายเพราะเสื่อม ตายเพราะโทรม ตายเพราะทราม...เป็นปัจจัยหลักๆ ในการเสียชีวิตของคนเรา

ชายหนุ่มเล่าต่อว่า "ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยสักนิดว่า ตัวเองจะเจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ที่ผ่านมาเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนแข็งแรง เพราะตั้งแต่เล็กจนอายุล่วงเข้าวัยสามสิบ กิจวัตรที่ปฏิบัติเป็นนิสัย คือ ชอบเล่นกีฬา

ไม่ว่าจะเป็น เทนนิส ว่ายน้ำ ฟุตบอล ถึงแม้ไม่มีเวลาก็ยังออกกำลังกายที่บ้านด้วยการวิ่งบนลู่วิ่งเสมอ และมั่นใจว่าตัวเองไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ เพราะเป็นคนไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจมีดื่มนิดหน่อยเวลาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงจึงคิดว่าน่าจะไม่มีสิ่งใดเป็นปัจจัยเสี่ยงในชีวิตด้วยซ้ำ

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าหนึ่งในสาเหตุการตายมาจากร่างกายเสื่อมสังขาร คิดว่าอวัยวะส่วนต่างๆ เสื่อมสลายเพราะไม่ได้ดูแลซึ่งไม่ใช่ แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ดูร่างกายแข็งแรงเป็นปกติดีทุกอย่างในวัยเพียง 36 ปี หนำซ้ำยังดูแลสุขภาพตลอดจะกลายเป็นคนป่วย"

...ด้วยความชะล่าใจจึงประมาทกับสัญญาณบอกเหตุอันส่งผลจากความผิดปกติของร่างกายที่เริ่มเกิดขึ้นเขาไล่เรียงรายละเอียดให้ฟังว่า "ระยะหลังเวลารับประทานอาหารแล้วรู้สึกจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ ซึ่งปกติตัวเองเป็นคนที่รับประทานอาหารเร็วจึงนึกว่าเป็นอาการจุกที่เกิดจากการรับประทานเร็วมากเกินไป ทำให้แยกแยะไม่ออกว่าอาการจุกแน่นที่เกิดขึ้นมาจากความปกติของระบบภายในร่างกาย หรือเกิดจากลักษณะนิสัยในการรับประทานกันแน่

อีกอย่างคือ เป็นคนหายใจไม่อิ่มเวลาหายใจแล้วรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เหมือนอากาศเข้าไปไม่เต็มอก บางครั้งต้องพยายามหายใจลึกๆ แรงๆ แต่อาการที่ว่าก็ไม่ได้เป็นตลอด หรือเป็นต่อเนื่อง ที่สำคัญไม่เคยทราบด้วยว่าทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณเตือนของสุขภาพหัวใจ เพราะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก และถ้าเข้าใจว่าเหล่านี้เป็นอาการของโรค ช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมาอาการต่างๆ เกิดบ่อยขึ้น อย่างรับประทานอาหารแล้วจุกแน่นบ่อยขึ้น จากเคยเป็น2-3 เดือนต่อครั้ง กลับถี่ขึ้นกลายเป็นเดือนละ 1-2 ครั้ง

อาการครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจไปพบคุณหมอ เกิดอาการหนักกราม เสียดหน้าอก รู้สึกหนักที่แขนด้วยกำเริบตอนกำลังวิ่งอยู่บนเครื่องวิ่งที่บ้าน ตอนนั้นนึกว่าไม่เป็นไรเลยเปลี่ยนไปกระโดดเชือก อาการดังกล่าวก็ยังคงเป็นอยู่ เห็นทีท่าไม่ดีจึงลองไปเช็กร่างกายที่โรงพยาบาล เพราะเริ่มไม่ไว้ใจตัวเอง บอกตรงๆ เลยว่า เริ่มกลัวตาย ยอมสละความกลัวเข็มเพื่อรักษาชีวิตดีกว่า"

ปรากฏว่าผลการตรวจออกมาว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และอยู่ภาวะที่เป็นอย่างรุนแรงจนถึงขั้นต้องผ่าตัดเพื่อใส่ลวด คือ หลอดเลือดตันที่หัวใจด้านซ้ายหน้า และทางขวาด้านหน้า ส่วนเส้นทางซ้ายด้านหลังยังเล็กกว่าปกติทั้งยังมีร่องรอยที่อาจจะเกิดขึ้นอีก คุณหมอจึงใส่ลวดเข้าไปต่อกันทางด้านหน้าซ้าย จากนั้นทำบอลลูนด้านขวา ช่วงนั้นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 2 วันจึงจะกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน

ถ้าให้อธิบายถึงความร้ายแรงของโรคว่าเข้าขั้นโคม่าขนาดไหน คงต้องบอกว่าถ้าเป็นแล้วรักษาไม่ทัน หรือไม่รู้ตัวมีโอกาสถึงตาย เพราะหลอดเลือดหัวใจจะต้องนำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ เมื่อหลอดเลือดผิดปกติจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด การทำงานจึงผิดปกติ โรคของหลอดเลือดหัวใจอาจเกิดจากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการสะสมของไขมันที่ผนัง ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบและตันในที่สุด

สามารถตายได้อย่างฉับพลันทั้งๆ ที่ภายนอกอาจดูร่างกายแข็งแรงแต่อาจน็อกได้โดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับนักกีฬาฟุตบอลระดับโลกที่มีข่าวว่าช็อกจนเสียชีวิตกลางสนาม กระทั่งนักพากย์กีฬาชื่อดัง ย.โย่ง-เอกชัย นพจินดาก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเช่นกัน

ดังนั้นไม่ว่าคุณจะแข็งแรงถึงขั้นเป็นนักกีฬาอาชีพก็ยังมีความเสี่ยง ฉะนั้นอย่าชะล่าใจในความตายที่อยู่ใกล้ตัวเรานิดเดียวซึ่งสาเหตุของโรคนี้เกิดได้ทั้งจากพันธุกรรม, การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง,ความดันโลหิตสูง, การดื่มแอลกอฮอล์, สูบบุหรี่, ระดับน้ำตาลในเลือดสูง รวมถึงภาวะเครียดอีกด้วย

"เมื่อก่อนไม่เคยใส่ใจเรื่องการควบคุมอาหาร เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคอะไรกับวัยเพียงเท่านี้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตก็ออกกำลังกายมาโดยตลอด พร้อมบำรุงบำเรอด้วยอาหารแบบเต็มพิกัดทั้งเนื้อ นม ไข่ ชอบที่สุด คือ เมนูไข่เจียวใส่กากหมูมากรับประทานได้ทุกวันๆ ละ 2 มื้อๆ ละ 2-3 ฟอง แต่ต้องตัดใจแล้ว เพราะคุณหมอสั่งให้งดไข่แดง

จากที่เคยชอบรับประทานชีส เนยแข็งมาก เวลารับประทานพิซซ่าต้องสั่งเพิ่มชีส ตอนนี้ต้องลดลงมาให้หมด ส่วนของหวานสุดโปรดอย่างไอศกรีมที่ต้องทานทุกมื้อหลังอาหารยังต้องลดลง อาหารทะเลอย่างปลาหมึกผัดไข่เค็มที่เคยรับประทานทานบ่อยๆ หรือมันกุ้ง ต้องระวังทั้งสิ้น"

เขาบอกต่อว่า ทุกวันนี้คุณหมอกำชับให้ควบคุมอาหาร ควบคุมไขมัน และดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ที่สำคัญอย่าเครียดต้องพยายามควบคุมอารมณ์ พร้อมเรียนรู้ชีวิตประจำวัน และการดำเนินชีวิตแบบใหม่ๆ สิ่งใดที่ไม่เคยทำมาก่อนก็ต้องลองทำ เช่น รับประทานผักมากขึ้นจากที่เคยเขี่ยทิ้งตลอดแต่ต้องฝืนใจเพื่อสุขภาพ เน้นรับประทานปลาเกือบทุกมื้อ แต่เปลี่ยนวิธีการปรุงเป็น นึ่ง ย่างสลับกันไป ทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมัน หรืออาหารที่มีไขมันสูง

ถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่ผ่านวิกฤตชีวิตมาได้ น้ำหนักตัวลดไปเกือบ 10 กิโลกรัม จาก 69 กิโลกรัม เหลือ 60.3 กิโลกรัม โชคดีที่ออกกำลังกายเบาๆไปด้วยอย่างเดินเร็ว หรือตีกอลฟ์กับกลุ่มเพื่อนจึงทำให้ไม่ดูซูบ แต่หน้าตากลับผ่องใสไม่เหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้สักนิด

"พักหลังเลือกไปตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ มากกว่าไปออกกำลังกายหนักๆ อย่างตีเทนนิส แต่ส่วนใหญ่จะไม่เดิน ถ้าเลือกได้จะใช้รถกอล์ฟแทนมากกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดอาการปอด และเจ็บแขน จากนั้นก็ล้มฟุบที่สนามกอล์ฟเลย

ตอนนั้นอายเพื่อนมากต้องหามส่งเข้าโรงพยาบาลแทบไม่ทัน เลยต้องพกยาติดตัวไว้เสมอเผื่อฉุกเฉิน ปกติเก็บยาไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้าย แล้วต้องบอกเพื่อนๆ ว่า ถ้าเกิดฟุบไปให้รีบใส่ยาไว้ที่ใต้ลิ้น แต่ถ้ารออีก 5-10 นาทียังไม่ฟื้นให้ใส่เม็ดที่ 2 ตามไปอีก จากนั้นก็พาไปโรงพยาบาลทันที" ชายหนุ่มเล่าเหตุการณ์ระทึกใจ

ทว่าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตส่งผลให้มุมมองในชีวิตเปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยคิดว่าเดี๋ยวค่อยทำ กลายเป็นว่า เวลาไม่ได้มีเหลือมากมายอย่างที่คิด

"เมื่อก่อนคิดว่าชีวิตยังมีเวลา ใจเย็นก่อน วางแผนก่อน คิดว่ายังมีเวลาอีกมายค่อยๆ ตัดสินใจ แต่จริงๆ แล้วเวลาไม่เคยรอใคร และไม่ได้มีมากมายเหมือนอย่างที่คิด แต่แน่นอนว่าการกระทำทำสิ่งใดก็ต้องคิดให้ดีเสียก่อน เพราะการตัดสินใจที่ดีก็ช่วยให้พลาดน้อยลง แต่ไม่ควรคิดนานเกินไปเท่านั้น

ที่สำคัญอย่าเครียด แม้สังคมสมัยนี้จะมีการแข่งขันสูงก็จริง ค่าใช้จ่ายสูงแต่พยายามหาวิธีผ่อนคลาย เพราะเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ดังนั้นนอกจากพยามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เครียดแล้ว ทั้งยังทำให้คนอื่นไม่เครียดตามเราไปด้วย"

สุดท้ายเขาฝากข้อคิดทิ้งท้ายว่า การเจ็บป่วยในครั้งนี้ทำให้เกิดอุทาหรณ์สอนใจในการมีชีวิตอยู่ให้พึงระลึกเสมอว่าเวลาในชีวิตทุกนาทีมีคุณค่า ขอใช้ให้อย่างมีประโยชน์ที่สุด และอย่าตั้งอยู่ในความประมาท

ครั้งนี้ที่เขารอดมาได้ ต้องเรียกว่ามีโอกาสที่ได้มีชีวิตรอดให้ได้กลับมาทำในสิ่งที่คิดไว้แต่ยังไม่ได้ทำ และได้มีโอกาสกลับมาพินิจพิจารณาแก้ไข หรือปรับปรุงในสิ่งที่ผิดพลาดอีกครั้งก่อนที่จะสายเกินไป

แล้วคุณล่ะ..เคยลองถามตัวเองบ้างไหมว่า ได้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วหรือยัง ก่อนที่เวลาอันสั้นในชีวิตจะหมดลงไป ฉะนั้นทางที่ดีจงทำทุกนาทีในชีวิตให้มีคุณค่าทั้งต่อตัวเอง และแบ่งปันคืนกลับสู่สังคมบ้าง เพื่อให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน!!

จาก Mail ฉบับหนึ่ง





 

Create Date : 16 มกราคม 2554
2 comments
Last Update : 16 มกราคม 2554 17:48:38 น.
Counter : 1365 Pageviews.

 

แล้วรู้หรือยังล่ะ "วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก"
อยากบอกอะไรก็จะรับรู้ไว้...ว่าฉันก็เป็นเหมือนเธอ..
อยากบอกให้เธอได้รู้ไว้เธออยู่ในใจฉันเสมอไม่เคยลืม
เวลาเจอก็ดีใจถึงแม้ว่าไม่ได้พูดได้คุยกับเธอก็ตาม
แต่อยากให้รู้ว่า "ยังรัก" เสมอ เช่นกัน

 

โดย: วินัย นักรบนพดล IP: 210.246.186.4 28 ธันวาคม 2554 20:52:51 น.  

 

คุณหนุ่มเป็นคนดี แอบเป็นกำลังใจให้

 

โดย: ปู IP: 125.24.84.25 10 พฤษภาคม 2555 9:35:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.