... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
14 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
ตอนที่1 รักก่อนพบ (Love before site)

Bbong9 -- ตื่นเต้นจัง พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปพบแฟนๆ >_<

Teddy Bear -- ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้คุณ สู้ๆนะ ปงกู ^_^

Bbong9 -- พรุ่งนี้ฉันจะได้พบคุณหรือเปล่า? :)

Teddy Bear -- ฉันอยากไปนะ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ฉันอยู่ต่างประเทศ T_T แต่จะเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ ฝันดีนะ my sweet Moon :3

การสนทนาผ่านระบบอินเตอร์เน็ตจบลง โดยมีสาวร่างเล็กผู้ใช้ยูสเซอร์เนม Teddy Bear ยังคงนั่งมองจอคอมพิวเตอร์อยู่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่อย่างนั้น ก่อนที่หมอนใบใหญ่จะกระทบเข้าที่หน้าเธอแบบไม่นุ่มนวลนัก

“จะนั่งเพ้ออีกนานไหม จะนอนไหมเนี่ย พรุ่งนี้ไม่ไปใช่ไหม เป็นแบบนี้อีกฉันไม่ช่วยแปลให้แล้วนะ” เอื้อเฟื้อเพื่อนร่วมห้องของอัญชันสาวร่างเล็ก ผู้เป็นทั้งคนแปลและตอบกลับให้อัญชันในการสนทนาครั้งนี้และทุกๆครั้ง เอ่ยขึ้นอย่างระอา

“รู้แล้วละน่า นอนแล้วๆ” เธอตอบกลับก่อนจะปิดหน้าต่างการใช้งานบนจอคอมพิวเตอร์ เมื่อทุกอย่างถูกปิดลงจึงเผยให้เห็นภาพเดสท็อบ ที่เจ้าของเครื่องตั้งไว้ เป็นภาพของดาราสาว มุน แชวอน ที่ถ่ายไว้เมื่อครั้งที่เธอยังแสดงซีรี่เรื่อง ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก ดาราสาวกำมือทั้งสองข้างแล้วนาบไว้ที่ข้างแก้ม เป็นภาพที่อัญชันคิดว่า ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ เธอมองภาพนั้นพร้อมส่งยิ้มให้

“ราตรีสวัสด์นะ my sweet Moon”



“กริ๊งงงงงงงงงง!!!”
เสียงนาฬิกาปลุกดังบอกเวลาให้ร่างเล็กลืมตาตื่นจากนิทราอย่างงัวเงีย เพื่อมากดปิดเสียงรบกวนฝันหวานที่ค้างไว้ ก่อนจะกลับไปนอนคุดคู้ดังเดิม หากแต่ชายหนุ่มผู้ร่วมห้องอีกคนไม่ปล่อยให้เธอทำตามนิสัยเดิมๆได้อีก เขาเข้ามาดึงผ้าห่มออกจากร่างเล็กและใช้ปลายเท้าอันหนาใหญ่สะกิดไปแรงๆที่ร่างนั้น

“ตื่น!...นี่เก้าโมงแล้วนะ ไหนว่าจะรีบไปจองที่ไง” เขากล่าวอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างเล็กทำนิสัยเสีย

“อืม.....อีกนิดนะ” ร่างเล็กตอบงัวเงีย ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าอย่างระอา

“งั้นฉันไปก่อนนะ ตามไปเองแล้วกัน” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป ร่างเล็กกระเด้งตัวลุกจากที่นอนทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น

“เอ้ย...รอด้วยสิแก” เธอร้องตามหลัง ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าและวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรีบร้อน
ชายหนุ่มมองการกระทำนั้นอย่างถอนใจ เขาต้องใช้ไม้นี้ตลอดไม่อย่างงั้นเพื่อนสาวคนนี้คงไม่ยอมขยับตัวเป็นแน่ เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยร่างเล็กจึงหยิบกระเป๋าผ้าถักที่เธอมักใช้เป็นประจำขึ้นมาสะพาย มันดูเข้ากันได้ดีกับ
เสื้อกันหนาวตัวยาวสีขุ่นที่เธอใส่ทับเสื้อยืดอีกชั้นหนึ่ง พร้อมด้วยกระโปรงผ้าพลิ้วสีชมพูอ่อนตามสไตล์อินดี้หวานๆแบบที่เธอชอบ แล้วจึงเดินออกไปสวมรองเท้าบู๊ตสีน้ำตาล ก่อนจะลุกพรวดและวิ่งเข้าไปในห้องอีกครั้งเมื่อ
นึกได้ว่าเธอลืมบางอย่าง

“แล้วเจอกันนะจ๊ะ แชวอน จุ๊บ” สาวร่างเล็กพูดเสียงหวานพร้อมทำตาเยิ้มกับภาพโปสเตอร์ขนาดเท่าตัวจริงที่ติดอยู่ในห้องนอนของเธอ ก่อนจะจุมพิตแสนรักที่ภาพไปอีกหนึ่งที ให้คนที่ยืนดูการกระทำนั้นขนลุกขนชันทันที

“นี่ๆ รีบไปได้แล้ว ชักช้าอยู่นั่นล่ะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างระอา ร่างเล็กจึงจำต้องทำตามไม่เช่นนั้นคงถูกทิ้งให้เป็นเด็กหลงทางแน่ๆ ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก รู้จักและเรียนที่เดียวกันมาตั้งแต่เด็กๆ หลังจากที่ทั้งคู่จบปริญญาตรีต่างก็มุ่งมั่นที่จะสอบชิงทุนปริญญาโทมาเรียนที่เกาหลี จนในที่สุดทั้งคู่ก็ทำได้ดังตั้งใจ เอื้อเฟื้อ หรือ แทยัง ชื่อเกาหลีที่เขาบังคับให้เพื่อนสาวเรียก เขาเป็นคนที่มุ่งมั่นและทะเยอทะยาน คลั่งไคล้ความเป็นเกาหลีมาก ความฝันของเขาคือการได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะคนเกาหลี ด้วยความหลงใหลนั้นทำให้เขาทุ่มเทเรียนภาษาเกาหลีจนสามารถสอบชิงทุนด้วยคะแนนความสามารถด้านการใช้ภาษาเกาหลี ซึ่งตรงข้ามกับ อัญชัน สาวร่างเล็กเพื่อนสนิทของเขา เธอแทบไม่เข้าใจภาษาเกาหลีเลย จะฟังรู้เรื่องเพียงบางคำเท่านั้น แต่เธอก็สามารถสอบชิงทุนมาเรียนที่นี่ได้ด้วยคะแนนความสามารถด้านการใช้ภาษาอังกฤษ ยังดีที่ทุนนี้นั้นครอบคลุมไปถึงทุนเรียนฟรีภาษาเกาหลีหนึ่งปี อีกไม่นานเธอคงจะใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องตัวติดกับเอื้อเฟื้ออีกต่อไป หากแต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ก็คงต้องเป็นภาระให้เพื่อนรักของเธอไปสักพัก

ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใจกลางกรุงโซล ลานอเนกประสงค์ของห้างฯต่างคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนที่เบียดเสียด
กันเพื่อจับจองที่เฝ้ารอดาราสาวขวัญใจ พรีเซ็นเตอร์ของเวชสำอางอันดับหนึ่งแห่งเกาหลี ซึ่งเป็นผู้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ขึ้น

“โห...นี่แกดูเวลาผิดหรือเปล่า ทำไมคนเยอะแบบนี้ นี่เพิ่งสิบเอ็ดโมงเองนะ” อัญชันสาวร่างเล็กบ่นอุบเมื่อพบกับฝูงชนคับคั่ง

“ไม่ผิดหรอก งานเริ่มตอนเที่ยง แต่พวกเขามารอกันก่อน ก็เหมือนแกแหละ เพียงแต่เขาตื่นเช้ากว่าแกไง” เอื้อเฟื้อตอบเหน็บเพื่อนสาวจนเธอหันมาค้อนให้หนึ่งควั่ก
เสียงฝูงชนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อใกล้เวลาที่ดาราสาวขวัญใจจะมาถึง ต่างก็เบียดเสียดกันเพื่อให้ตนเข้าไปใกล้เวทีมากที่สุด สาวร่างเล็กอย่างอัญชันจึงไม่สามารถแหวกกำแพงมนุษย์เข้าไปได้ เธอพยายามกระโดดหยองแหย่งเพื่อมองว่าดาราขวัญใจของเธอมาถึงหรือยัง ก่อนจะเสียหลักเซถลาไปชนร่างสูงของชายคนหนึ่ง

“ว้าย!” เธออุทานอย่างตกใจ เมื่อปะทะกับแผ่นอกกว้าง เขาจึงประคองร่างเล็กให้ทรงตัวยืนดังเดิม

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เขาถามเสียงนุ่มด้วยความเป็นห่วง หากแต่ร่างเล็กทำหน้างงด้วยไม่เข้าใจภาษาเกาหลีที่เขาถาม ชายหนุ่มสังเกตอาการดังกล่าวได้ จึงถามเธออีกครั้งด้วยภาษาอังกฤษ

“คุณเป็นอะไรรึเปล่า?” หญิงสาวจึงเผยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินภาษาที่เธอเข้าใจ

“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ขอโทษคุณด้วยนะค่ะ” เธอตอบเสียงใสด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ชายหนุ่มถึงกับหยุดชะงักนิ่งมองใบหน้านั้นอย่างหลงใหล

“ชันแกทำอะไรอยู่ แชวอนมาแล้วนะ” เอื้อเฟื้อแหวกฝูงชนออกมาตามเพื่อน เธอจึงหันไปตามเสียง นั่นทำให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ได้

“มาแล้วหรอ?” เธอพยายามชะเง้อคอมองเวที

“พวกคุณเป็นแฟนคลับของแชวอนหรอครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามทั้งสองขึ้น

“ใช่ครับ ยัยนี่นะคลั่งเธอสุดๆ” เอื้อเฟื้อได้ทีขายเพื่อน อัญชันจึงหันไปค้อนใส่เขา ชายหนุ่มมองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู

“ถ้าอย่างงั้น อยากจะเจอเธอแบบตัวต่อตัวไหม เดี๋ยวหลังจบงานเขามีมีทแอนด์กรีท พวกคุณอยากไปไหม” ชายหนุ่มถาม แต่คนฟังกลับอึ้งกิมกี่ เมื่อจินตนาการว่าจะได้พบมุน แชวอน ดาราสาวขวัญใจตัวเองแบบใกล้ชิด

“ไปครับไป” เอื้อเฟื้อเห็นอาการเอ๋อของเพื่อนจึงรีบตอบรับแทนทันควัน ชายหนุ่มจึงเดินไปหาสต๊าฟของงาน เขาพูดคุยกันสักพักแล้วจึงชี้มาที่อัญชันและเอื้อเฟื้อ ก่อนจะเดินกลับมาหาทั้งสอง

“เดี๋ยวจบงานแล้วพวกคุณก็ไปตามที่เขาบอกเลยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่อัญชันยังอึ้งไม่หาย

“ขอบคุณมากครับ เอ่อ...คุณ?” เป็นเอื้อเฟื้ออีกนั่นล่ะที่กล่าวขอบคุณแทนเพื่อน

“ผมปาร์ค จินโฮครับ” เขากล่าวพร้อมส่งยิ้มไปยังอัญชัน

“ผมเอื้อ....ผมแทยัง ส่วนยัยนี่ อัญชัน หรือคุณจะเรียกว่า อึนชัน ก็ได้” เอื้อเฟื้อแนะนำตัวเองและเพื่อน
อย่างเสร็จสรรพก่อนที่เสียงโทรศัพท์มือถือของจินโฮจะดังขัดบทสนทนาขึ้น เขาจึงต้องขอตัวไปอย่างจำใจ เอื้อเฟื้อมองร่างสูงเดินจากไปอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนสาวที่ตอนนี้ก็ยังทำหน้าเอ๋อไม่หาย เขารู้สึกสงสัยและอ่อนใจไปพร้อมๆกันที่ผู้ชายดูดีอย่างจินโฮมาสนใจยัยเพื่อนจอมโก๊ะของเขา

หลังงานเลิกอัญชันและเอื้อเฟื้อมายืนต่อแถวเข้าพบแชวอนแบบใกล้ชิด ตามที่สต๊าฟของงานบอก

“โหแถวยาวเหมือนกันนะเนี่ย เราเป็นกลุ่มสุดท้ายเลย” เอื้อเฟื้อเอ่ยขึ้นเมื่อมองดูแถวที่ต่อยาวเหยียด
เวลาผ่านไปแถวก็ค่อยๆหดสั้นลง พวกเขาทั้งสองก็ขยับเข้าใกล้ห้องรับรองที่มีแชวอนอยู่ภายในเข้าไปทุกที อาการกระสับกระส่ายของอัญชันมีมากขึ้นเรื่อยๆที่แถวหดสั้นลง

“แกเป็นอะไรของแกว่ะชัน?” เอื้อเฟื้อเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นอาการหน้าซีดตัวสั่นและเหงื่อที่แตกพลั่กของเพื่อนสาว ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกเชิญเข้าห้องจากสต๊าฟ เขารีบเดินไปตามเสียงนั้นทันที เมื่อเข้ามาภายในห้องเขาก็ตื่นตาไปกับบรรยากาศอบอุ่นภายใน แชวอนต้อนรับแฟนๆเธออย่างอ่อนโยน

“มองใกล้ๆสวยกว่าในรูปเยอะเลยเนอะ” เขาถามขึ้นพร้อมหันไปหาร่างเล็ก แต่ก็ต้องตกใจเมื่อไม่พบร่างของเพื่อนสาว เขากวาดสายตามองไปรอบๆห้อง แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของอัญชัน

“โธ่...ยัยอัญชันเอ๊ย” เขาเอ่ยอย่างอ่อนใจ

ขณะเดียวกันร่างเล็กที่เดินหนีออกมาขณะที่สต๊าฟเรียกเข้าห้อง เธอยังคงเดินจ้ำๆไม่มองทาง หวังแค่เดินให้พ้น
ออกมาจากตรงนั้นเป็นพอ เนื่องจากเธอตื่นเต้นเกินกว่าที่จะพบดาราสาวได้ เธอกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรเปิ่นๆต่อหน้าหล่อนเข้า แต่ลึกๆในใจก็เสียดายไม่ใช่น้อย ทั้งที่โอกาสแบบนี้คือสิ่งที่เธอภาวนามาตลอด แต่เมื่อความขี้ขลาดฉุดลากขาของเธอให้เดินหนีความต้องการออกมา เธอก็ทำได้แต่เพียงเขกมะกอกตัวเองที่ขี้ขลาดถึงขนาดนี้ ก่อนที่ร่างเล็กจะปะทะเข้ากับร่างสูงของชายหนุ่มจนเธอเซถลา หากแต่ด้วยความไวของเขา ร่างเล็กจึงถูกคว้าเอาไว้ได้ทัน

“เราควรเลิกเจอกันแบบนี้สักทีนะ หรือว่าการวิ่งชนคนอื่นคือการทักทายของคุณ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี อัญชันที่ตั้งตัวได้จึงเงยหน้ามองคู่กรณีเสียงคุ้นหู

“คุณปาร์ค!” เธออุทานอย่างตกใจ เขาจึงส่งยิ้มให้

“นี่คุณพบแชวอนแล้วหรอ?” เขาถามอย่างสงสัย

“เออ...ค่ะ” เธอจำใจโกหกออกไปด้วยเกรงใจที่เขาอุตส่าห์ช่วย

“เอ๊ะ...แล้วเพื่อนคุณล่ะ?” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อไม่พบร่างของเอื้อเฟื้อ

“เอ่อ...เขากลับไปแล้วน่ะค่ะ” อัญชันยังต้องโกหกต่อ

“แล้วนี่คุณจะไปไหนหรอ ให้ผมไปส่งไหม?” จินโฮเสนอตัวขันอาสาทันที

“อ้อไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกำลังจะ...โครกคราก!” เธอยังไม่ทันตอบเขาจบ กระเพาะเจ้าปัญหาที่ทนหิวไม่ไหวก็ร้องประจานให้เจ้าของร่างหน้าชา เพราะตั้งแต่ตื่นมาเธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย จินโฮที่ได้ยินเสียงนั้นก็ถึงกับกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่

“ผมว่าก่อนจะไปไหน พาท้องของคุณไปทานอาหารก่อนดีไหม ไม่งั้นมันคงประท้วงอีกแน่” เขาพูดติดตลกให้เธอได้อายอีกรอบ จนต้องยอมเดินตามเขาไปแต่โดยดี

จินโฮพาเธอมายังร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในห้างฯนั้น อัญชันกวาดสายตามองไปรอบๆร้าน ก่อนจะตัดสินใจท้วงขึ้นเพื่อให้เปลี่ยนร้าน แต่ก็ไม่ทันจินโฮที่ตอนนี้จับเก้าอี้เชิญให้เธอนั่งแล้ว อัญชันจึงนั่งลงอย่างจำใจ เธอพลิกเมนูอาหารดูอย่างกล้ำกลืน แต่ละอย่างล้วนเกินเงินในกระเป๋าที่มีอยู่น้อยนิด เธอจึงพยายามมองหาเมนูที่จะพอดีกับเงินของเธอ จินโฮมองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู เขาดูออกว่าเธอมีปัญหากับราคา แต่ก็อยากจะเห็นปฏิกิริยาคนตรงหน้าอีกหน่อย ในที่สุดอัญชันก็เจอเมนูที่เงินของเธอจะซื้อได้

“ขอ...น้ำเปล่าค่ะ” เธอสั่งหน้าเจื่อน ทำเอาจินโฮถึงกับตะลึงก่อนจะแอบขำเล็กน้อย

“ทานแค่นั้นคุณจะอิ่มหรอ น้ำเปล่าเนี่ยนะ” จินโฮกระแซะถามขึ้น

“ฉันทานน้อยค่ะ ฉันชอบทานน้ำเปล่า แฮะๆ” เธอตอบหัวเราะหน้าแห้ง ทั้งที่หิวแทบตาย ใจจริงอย่างสั่งข้าวเป็นกะละมัง แต่ด้วยเงินอันน้อยนิดคงทำไม่ได้ และเกรงใจชายหนุ่มตรงหน้า จินโฮที่ได้ยินคำตอบจากเธอก็ถึงกับส่ายหน้า ก่อนที่จะหยิบเมนูขึ้นมาสั่ง

“ผมขอ....Greendish omelet rice, King river prawn thermidor, Caesars salad, Spaghetti tobiko cabonara, Tuna sesame steak, Grilled dory fish with sweet bell pepper sauce และPorcini mushroom soup ของหวานเป็น Home-made Italian Gelato & Sorbet เครื่องดื่มเป็น Tropical Sunrise และEspresso” เขาสั่งเป็นชุด อัญชันถึงกับอ้าปากค้าง

“นี่...นี่คุณทานหมดหรอค่ะ?” อัญชันถามขึ้นหลังจากบริกรรับออร์เดอร์ไปแล้ว ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี

“ไม่หมดหรอก” เขาตอบหน้าตาย เธอถึงกับทำหน้างง

“งั้นคุณสั่งทำไมตั้งเยอะล่ะค่ะ?” อัญชันถามอย่างสงสัย

“แล้วใครว่าผมจะทานคนเดียวล่ะ” เขาตอบหน้าเป็น อัญชันถึงกับตกใจที่รู้จุดมุ่งหมายเขา

“ฉัน...ฉัน...” เธอพยายามคิดคำมาปฏิเสธ

“คุณจะไม่ทานก็ได้ งั้นก็ปล่อยให้มันเหลือทิ้งไปละกัน” เขาพูดอย่างสบายอารมณ์ ด้วยรู้ว่าเธอคงไม่ยอมรับน้ำใจ
จากเขาง่ายๆแน่ อัญชันทำหน้ามุ่ย คิดหนักเธอเกรงใจจินโฮจริงๆ ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก และเขาก็ช่วยเธอให้ได้ไปพบกับดาราสาวขวัญใจของเธอแม้ว่าเธอจะไม่ได้พบก็ตาม แล้วยังจะมาเลี้ยงอาหารเธออีก เธอรู้สึกเครียดจริงๆที่จะเป็นฝ่ายรับน้ำใจอยู่ฝ่ายเดียว จินโฮมองหน้าที่คิ้วขมวดมุ่นนั่นอย่างเอ็นดู ก่อนที่อาหารจะยกมาเสิร์ฟ อัญชันถึงกับ
หลุดจากภวังค์ครุ่นคิดทันทีเมื่อเห็น Tuna sesame steak วางลงตรงหน้า เธอแทบน้ำลายหกใส่จาน แต่ดีที่
รู้สึกตัวทันเรียกสติของตัวเองกลับมาและหันหน้าหนีพาเรดอาหารที่ดาหน้ามาวางบนโต๊ะ แม้สายตาจะมองไม่เห็นสิ่งยั่วน้ำลายแล้ว แต่จมูกก็ยังได้กลิ่นอาหารยั่วใจ จนเธอต้องยอมพ่ายแพ้

“ฉัน...จะใช้คืนคุณนะค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นอย่างอายๆก่อนจะสวาปามอาหารบนโต๊ะอย่างหิวโหย จินโฮได้แต่อมยิ้มกับภาพที่เห็น เขาไม่คิดจริงจังเรื่องค่าอาหารอยู่แล้วและไม่ต้องการให้เธอใช้คืนด้วย แต่ถ้าพูดไปอีกฝ่ายคงไม่ยอมเป็นแน่

“ถ้าอย่างนั้นเอาเป็น มื้อหน้าคุณเลี้ยงผมดีไหม?” เขาเอ่ยขึ้น อัญชันจึงเงยหน้าจากอาหารมองเขาอย่างสงสัย

“ที่...ที่นี่หรอ?” เธอทำเสียงหวั่นใจด้วยใบหน้าไม่สู้ดี จินโฮยิ้มรับกับอาการนั่นทันที

“ที่ไหนก็ได้แล้วแต่คุณ อาหารอะไรก็ได้ เอาแบบที่คุณชอบน่ะ” เขาเฉลย ให้อีกคนยิ้มหน้าบานที่รู้ว่าไม่ต้องเสียเงินมาก

“นี่นามบัตรผม ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็ติดต่อผมมานะ” เขายื่นนามบัตรของตัวเองให้เธอ


เมื่ออัญชันกลับมาถึงที่พักเอื้อเฟื้อที่รออยู่อย่างกระวนกระวายใจก็ตรงเข้ามาหาเธอทันที

“นี่แกหายไปไหนมา โทรไปก็ไม่รับ” เขาถามอย่างเป็นห่วงด้วยกลัวว่าเพื่อนสาวของตนจะหลงทาง

“หา? จริงหรอ” เธอตอบอย่างคาดไม่ถึงและหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นดูก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับอยู่จริง

“โทษทีฉันปิดเสียงน่ะเลยไม่ได้ยิน ฉันไปทานข้าวมา กับคุณปาร์ค” เธอตอบพลางเดินไปทิ้งสัมภาระตัวเองที่ข้างห้อง เอื้อเฟื้อที่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับขมวดคิ้ว

“คุณปาร์ค? .....อ้อ คุณปาร์ค จินโฮ ที่พาเราเข้าไปหาแชวอนนะหรอ?” เขาถามยืนยันคำตอบ

“อืม” เธอพยักหน้าตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินไปหยิบขนมมากินอย่างไม่ใส่ใจ เขาได้แต่มองตามอย่างสงสัย

“นี่แก...แล้วเป็นไงมาไงถึงไปกับเขาได้ละ” เอื้อเฟื้อคิดจะถามเพื่อนสาวออกไปตามตรงว่ามีอะไรกับจินโฮหรือเปล่าแต่ก็ตัดใจเปลี่ยนเป็นคำถามอื่น

“หือ? ก็ไม่มีไรหรอกฉันบังเอิญเจอเขาอีกนะ แล้วท้องของฉันเนี่ยมันดันร้องขึ้นมาน่ะสิ อายแทบแทรกแผ่นดินหนีเลย เขาก็เลยพาฉันไปทานข้าว เกรงใจชะมัดร้านหรูขนาดนั้นเขายังต้องมาเลี้ยงฉันอีก” อัญชันเล่าเป็นวรรคเป็นเวร

“นี่เขาเลี้ยงแกหรอ?” เอื้อเฟื้อถามย้ำ

“อืม...แต่ฉันไม่ให้เขาเลี้ยงฟรีๆหรอกน่า ฉันบอกเขาแล้วล่ะว่าคราวหน้าฉันจะเลี้ยงเอง ถึงจะไม่หรูหราเท่าอาหารที่เขาเลี้ยงฉันก็เถอะ” เธอตอบอย่างหนักแน่น เอื้อเฟื้อได้แต่ครุ่นคิดอย่างสงสัยว่าปาร์ค จินโฮจริงจังกับเพื่อนเขาแน่หรือ

“แล้วแกจะเลี้ยงตอบเขาเมื่อไหร่ล่ะ?” เขาถามต่อ

“ก็....อืม...ไม่รู้สิเมื่อฉันมีตังค์ละมั้ง แต่เขาให้นามบัตรฉันมาแล้วละ พร้อมเมื่อไหร่ก็ให้โทรไปหาเขา เขาว่างั้นนะ” อัญชันตอบพลางควักนามบัตรของจินโฮออกจากกระเป๋า เอื้อเฟื้อจึงรับมาดู

“เฮ้ย! นี่เขาเป็น ซีโอโอของบริษัทต้นสังกัดแชวอนนี่” เขาอุทานออกมาเมื่ออ่านตำแหน่งของจินโฮบนนามบัตร อัญชันจึงยื่นหน้าเข้าไปดูบ้าง

“หา? จริงดิ เอ้ย สตาร์เคย์จริงๆด้วย โหสุดยอด” เธอคาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นถึงระดับผู้บริหาร

“จุดใต้ตำตอจริงๆนะแก ฉันว่างานนี้มีลุ้นแน่ๆ” เอื้อเฟื้อเอ่ยขึ้นให้อัญชันสงสัย

“ยังไง?” เธอถามอย่างฉงน

“เอ๊า ก็เขาเป็นผู้บริหาร ถ้าเรารู้จักเขา ไอ้เรื่องที่จะพบปะดาราในสังกัดก็ไม่ใช่เรื่องยากจริงไหม” เอื้อเฟื้อตอบพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ให้อัญชันคิดตามและพยักหน้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อีกคน

“ว่าแต่โปสเตอร์พร้อมลายเซ็นของฉันล่ะ” อัญชันนึกขึ้นได้และรีบทวงทันที

“เรื่องอะไร ของฉันต่างหาก แกอยากขี้ขลาดวิ่งหางจุกตูดออกไปเอง” เอื้อเฟื้อตอบอย่างไม่ใยดีพลางหยิบโปสเตอร์ดาราสาวพร้อมลายเซ็นขึ้นมาเย้ยให้อีกคนทำหน้าเขียวใส่ จนต้องยื้อแย่งกันจ้าละหวั่น

ค่ำนั้นอัญชันก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปในเวบแฟนคลับของแชวอนเพื่อดูภาพที่แฟนคลับถ่ายไว้ในงานวันนี้

“น่าเสียดายจัง ทั้งที่ก็ไปงานเดียวกันแท้ๆ แต่ฉันไม่เห็นได้ภาพดีๆแบบนี้เลยอ่ะ” เธอบ่นหน้างอกับจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเห็นว่าใครๆก็โพสภาพสวยๆที่ถ่ายแชวอนได้อย่างชัดเจนกันเต็มเวบไปหมด เอื้อเฟื้อที่ได้ยินเสียงบ่นจึงเดินเข้ามาดู

“ก็แกมันเตี้ยนี่ ดูดิถ่ายบ้าไรมาก็ไม่รู้ ได้แต่หัวคน” เขาหยิบกล้องที่เพื่อนสาวพกติดตัวไปขึ้นมากดดูภาพที่เธอถ่ายไว้ เธอจึงหันมาค้อนใส่เขาให้

“โอ๊ะๆ นี่ๆ แกอ่านดิเขาว่าไงอ่ะ ทำไมคนเข้ามาเม้นเยอะจังเขาโพสว่าไง” อัญชันสังเกตเห็นกระทู้หนึ่งในเวบที่มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากเป็นพิเศษ เอื้อเฟื้อจึงเข้าไปนั่งแทนที่ที่หน้าจอเพื่อแปลให้เธอฟัง

“อ้อ แชวอนเขาเข้ามาเขียนขอบคุณแฟนๆที่ไปร่วมงานนะ” เขาบอก อัญชันถึงกับตาโต

“เขาเขียนว่าไงบ้าง แชวอนเขียนว่าไงบ้าง” เธอถามพร้อมเขย่าตัวเพื่อนอย่างตื่นเต้น

“เขาบอกว่า....ขอบคุณมากที่สนับสนุนฉันตลอดมา ขอบคุณแฟนๆที่มาร่วมงานในวันนี้ ฉันมีความสุขมาก มีคนมากันมากเหลือเกิน ฉันได้รับของขวัญเยอะแยะเลย ฉันจะเก็บและใช้มันอย่างดี ขอบคุณ ขอบคุณ ขอให้ทุกคนมีความสุขเช่นเดียวกับที่ฉันมี” เขาแปลให้เพื่อสาวฟังทุกคำ เธอยิ้มแก้มแทบปริ

“เขาเขียนให้ทุกคน ไม่ใช่แกคนเดียว ไม่ต้องดีใจขนาดนั้น แล้วแกก็ไม่ได้เอาไรไปให้เขา แถมยังวิ่งหนีเขาอีกไม่ต้องดีใจไปเลย” เขาผลักศีรษะเพื่อนสาวอย่างหมันไส้ จนผมเธอเสียทรง

“ใครบอกว่าฉันไม่ให้อะไรเขาละ ฉัน...ให้ไปแล้วต่างหาก” เธอยิ้มอย่างมีนัย และหยิบตุ๊กตาหมีน้อย ที่ใส่เสื้อตัวจิ๊วที่มีคำว่า Teddy boy อยู่กลางเสื้อออกมา แล้วยิ้มอย่างมีความสุข เอื้อเฟื้อได้แต่มองอย่างเอือมระอาพลางส่ายศีรษะ

“เออนี่...เขียนเม้นให้ฉันด้วย บอกว่า...ถ้าแชวอนมีความสุข พวกเราทุกคนก็มีความสุขเช่นกัน เพราะฉะนั้นพวกเราจะทำให้แชวอนมีความสุขตลอดไป เพราะมันเป็นหน้าที่อันดับหนึ่งของพวกเราเหล่าแฟนคลับ” เธอพูดไปยิ้มไป

“จะอ้วก...เน่าได้อีก” เอื้อเฟื้อขัดขึ้นให้คนฝันหวานเสียอารมณ์ หันไปส่งตาเขียวใส่

“พิมพ์ๆไปเถอะน่า” เธอบอกเสียงเขียวด้วยใบหน้ายักษ์ ก่อนจะกลับมายิ้มอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยๆของดาราสาวที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข แล้วจึงหยิบ Teddy boy ขึ้นมาตรงหน้าก่อนจะจุมพิตอย่างเอ็นดู

“จุ๊บ...ฝากราตรีสวัสดิ์ Teddy girl ด้วยนะ Teddy boy”

ขณะเดียวกันร่างบางที่เพ่งเดินออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จ ก็มานั่งลงหน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอเผยรอยยิ้มที่มุมปากทันทีเมื่อพบว่าความเห็นล่าสุดที่โพสอยู่หน้าจอเป็นของใคร ก่อนจะหันไปหยิบตุ๊กตาหมีน้อย ที่ใส่เสื้อตัวจิ๊ว มีคำว่า Teddy girl อยู่ตรงกลาง ซึ่งเพิ่งได้รับมากจากแฟนคลับคนสำคัญก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เธอมองดูมันและยิ้มอย่างเอ็นดู

“ราตรีสวัสดิ์นะ Teddy…..Bear” เธอจุมพิตลงที่ตุ๊กตาหมีตัวน้อย ก่อนจะปิดไฟและเข้านอน


ผ่านไปหลายวันอัญชันที่วันๆง่วนอยู่กับการท่องเว็บแฟนคลับของแชวอนก็นึกขึ้นได้ถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับใครบางคน เธอจึงหยิบนามบัตรของเขาขึ้นมาดูและกดโทรศัพท์ออกไปยังปลายสายที่เฝ้ารอการโทรมาของเธอเช่นกัน

“สวัสดีค่ะ ฉันอัญ...เอออึนชันนะค่ะ ไม่รู้คุณจะจำได้หรือเปล่า เราเคยเจอกันเมื่อหลายวันก่อนในงานของแชวอนนะค่ะ” เธอกล่าวทักและทวนความจำของอีกฝ่าย

“จำได้สิ เสียงท้องของคุณทำผมลืมไม่ลงเลย” เขาตอบกลับอย่างอารมณ์ดีแต่อีกฝ่ายถึงกับอายหน้าชาเมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์น่าอายนั่น

“เอ่อ...ฉันพร้อมแล้วล่ะค่ะ ความจริงต้องบอกว่าฉันเพิ่งนึกขึ้นได้นะค่ะ ขอโทษที ว่าแต่คุณว่างหรือเปล่าค่ะ
ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะค่ะ เอาวันที่คุณว่างก็ได้ค่ะ” เธอกล่าวอย่างเกรงใจ ให้เขาแอบเอ็นดูเธอผ่านสายโทรศัพท์

“ว่างครับ เอาเป็นเมื่อไหร่ดีล่ะ” เขาตอบเสียงนุ่ม

“งั้นเย็นนี้นะค่ะ” เธอตอบเสียงใส พร้อมบอกรายละเอียดเวลาสถานที่ให้ชายหนุ่มยิ้มหน้าบานที่จะได้เจอสาวร่างเล็กอีกครั้ง

เย็นวันนั้นจินโฮรีบเคลียร์งานให้เสร็จโดยไวและออกจากออฟฟิตทันที เพราะกลัวว่าสาวร่างเล็กจะรอนาน เขาอาสาขับรถไปรับเธอที่บ้าน เมื่อมาถึงยังที่หมายเขาก็ลงจากรถมากดโทรศัพท์ไปหาอัญชันที่คอยอยู่

“อ้าวคุณปาร์ค คุณปาร์คใช่ไหมครับนั่น?” เป็นเอื้อเฟื้อนั่นเองที่กล่าวทักขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างคุ้นตามายืนอยู่หน้าบ้าน

“อ้าวคุณ...แทยัง! เพิ่งกลับหรอครับ?” จินโฮกล่าวทักตอบ

“ครับ ผมเพิ่งกลับจากทำงาน นี่คุณมาหายัยชันหรอครับ?” เอื้อเฟื้อตอบพลางถามกลับ แล้วจึงเชิญจินโฮเข้าไปยังที่พักของตน บ้านพักที่ทั้งสองอยู่เป็นบ้านทรงโบราณชั้นเดียวที่อยู่ติดๆกันหลายหลัง ผู้อาศัยในนี้ล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น จึงง่ายต่อการสื่อสารสำหรับอัญชันที่พูดเกาหลีไม่ได้ เอื้อเฟื้อพาจินโฮตรงไปยังห้องพักของพวกเขา เมื่อมาถึงประตูเขาก็เปิดพรวดเข้าไปทันที

“แม่ๆ!” อัญชันที่นั่งเล่นอินเตอร์เน็ตเพลินๆอยู่ข้างในก็ร้องอุทานอย่างตกใจในขณะที่เคี้ยวปลาเส้นอยู่ในปาก สร้างความขบขันและน่าเอ็นดูให้จินโฮไม่น้อย

“ทำบ้าอะไรเนี่ย มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” อัญชันบ่นอุบใส่เพื่อน

“แกนั่นแหละทำอะไร แขกมาหาถึงบ้านแล้วไม่ไปต้อนรับ” เอื้อเฟื้อสวนกลับให้เพื่อนสาวรู้สึกถึงผู้มาเยือน

“อ้าวคุณปาร์ค มาถึงแล้วหรอค่ะ” เธอกล่าวทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มให้อีกคนส่งยิ้มกลับ

“แล้วนี่จะไปไหนกันล่ะ” เอื้อเฟื้อถามขึ้น

“ฉันจะพาคุณปาร์คเขาไปเลี้ยงตอบแทนเรื่องวันนั้นนะ” อัญชันตอบให้เอื้อเฟื้อหูพึ่ง

“ดีงั้นฉันไปด้วย แกเลี้ยงใช่ไหม ดีมาก” เอื้อเฟื้อผสมโรงทันที

“อะไรเนี่ย ใครชวนแก ไม่ต้องเลย อยากไปก็ออกเอง” อัญชันรีบปฏิเสธทันควัน ให้จินโฮที่มองสงครามน้ำลาย
ยืนหัวเราะจนท้องแข็ง

เมื่อสงครามน้ำลายสงบลงทั้งสามก็ตรงไปยังร้านอาหารริมทางที่อัญชันและเอื้อเฟื้อมาทานเป็นประจำ

“ป้าครับเหมือนเดิมสามที่” เอื้อเฟื้อส่งเสียงสั่งป้าเจ้าของร้านก่อนที่จะนั่งลงเสียอีก ทำให้เจ้ามือถึงกับมองค้อนอย่างไม่พอใจ

“นี่แก ฉันเป็นคนจ่ายนะขออนุญาตกันก่อนสิ เดี๋ยวตังค์ก็ไม่พอหรอก” อัญชันกระซิบบอกเพื่อนเพื่อไม่ให้จินโฮได้ยิน หากแต่เขาก็พอมองออกและขำกับอาการนั้น จากนั้นจาจังมยอนสูตรเฉพาะของร้านนี้ก็ถูกยกมาให้ทั้งสาม ตามด้วยตีนไก้ต้มและต๊อกโปกี พร้อมโซจูเครื่องดื่มสุดโปรดของอัญชัน จินโฮมองอาหารตรงหน้าอย่างตื่นตา เขาไม่ค่อยมีโอกาสได้ทานอาหารแบบนี้นัก มันจึงดูแปลกตาสำหรับเขา

“น่าทานจังเลยนะครับ” จินโฮกล่าว

“ถ้าอย่างงั้นก็ทานเยอะๆครับ ไม่พอก็สั่งเพิ่มเพื่อนผมมันรวย” เอื้อเฟื้อกล่าวอย่างอารมณ์ดีให้อีกคนรีบกระชากแขนท้วงไว้

“แฮะๆๆ เชิญค่ะ ทานเยอะๆนะค่ะ” เธอกล่าวเชิญหน้าเจื่อนและหันกลับมาจิกตาใส่เพื่อน

“แล้วนี่คุณแทยังทำงานอะไรหรอครับ เห็นว่าเพิ่งกลับจากทำงาน” จินโฮเปิดหัวข้อสนทนาขึ้น

“อ้อผมทำอยู่บริษัททัวร์น่ะครับ นำเที่ยวคนไทย แต่ว่าผมไม่ได้เป็นไกด์นะครับแค่ประสานงานในออฟฟิตนะครับ” เอื้อเฟื้ออธิบาย

“แล้วคุณอึนชันล่ะครับ?” จินโฮหันไปถามสาวร่างเล็กที่ก้มหน้าก้มตาโซ้ยจาจังมยอนแบบไม่กลัวเปื้อนอย่างเอร็ดอร่อย เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างงงๆด้วยไม่แน่ใจว่าเขาเรียกเธอหรือไม่ เพราะไม่คุ้นกับชื่อนั้นนัก

“เออ...ฉันไม่ได้ทำหรอกค่ะ แค่อยู่รอเรียนตอนค่ำๆเท่านั้น” เธอตามพลางเช็ดปากที่เปื้อนซอล

“เรียนหรอครับ?” จินโฮถามอย่างสงสัย

“ครับ เรากำลังเรียน ป.โท กันอยู่ แต่ช่วงเวลากลางวันเราไม่มีเรียน ผมเลยหางานทำ แต่ยัยนี่ฟังเกาหลีก็ไม่ออกเลยไม่รู้จะให้ทำอะไรดี” เอื้อเฟื้อตอบแทนเพื่อนสาวอย่างอ่อนใจ แต่เธอกลับตั้งหน้าตั้งตาโซ้ยจาจังมยอนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“อย่างงั้นหรอครับ ถ้างั้น....มาทำกับผมไหมละครับ ที่บริษัทของผมน่ะ” จินโฮเอ่ยขึ้นให้ทั้งสองแทบทำตะเกียบหลุดมือ แล้วจึงหันมามองหน้ากัน

“ไม่ต้องห่วงนะครับ งานไม่หนักหรอก แล้วก็คงไม่ต้องใช้ภาษาเกาหลีมากด้วย” เขายืนยันให้อีกฝ่ายเบาใจ หากแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทั้งสองนึกถึง

“ตกลงครับ” เอื้อเฟื้อรีบตอบตกลงแทนเพื่อนทันที อัญชันจึงรีบกระชากแขนเพื่อนท้วงไว้

“แกจะบ้าหรอ ไม่ถามฉันก่อนละ ห๊า” เธอกระซิบกระซาบกับเพื่อน

“แกนั่นแหละจะบ้าหรอ จะทิ้งโอกาสดีๆแบบนี้อีกหรือไง เงินเก็บของแกจะหมดแล้วไม่ใช่หรอ แล้วยังมีโอกาสได้เจอแชวอนอีก” เอื้อเฟื้อพูดโน้มน้าวใจเพื่อน อัยชันครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนจะคล้อยตาม จินโฮมองทั้งสองกระซิบกระซาบกันอย่างลุ้นระทึก

“ตกลงค่ะ” เมื่อตัดสินใจได้อัญชันจึงตอบออกไปอย่างหนักแน่น ให้จินโฮเผยยิ้มอย่างดีใจออกมา

“งั้นพรุ่งนี้ผมมารับคุณนะ สิบโมงเช้าเป็นไง เช้าไปหรือเปล่า?” เขาถาม

“ไม่เลยครับ เอาตามนั้นเลยครับ เอารับทราบซิชัน” เป็นเอื้อเฟื้ออีกตามเคยที่ตอบรับแทนเพื่อน และจับศีรษะเธอก้มหน้าขอบคุณ ร่างเล็กจึงหันไปทำตาค้อนใส่ ก่อนที่ทั้งสามจะทานอาหารและพูดคุยกันอย่างคึกครื้น


เช้าวันต่อมาจินโฮมารอรับอัญชันตรงเวลาที่เขาบอกไว้ อัญชันที่ตื่นสายอีกตามเคยก็รีบเร่งแต่งตัวและวิ่งออกมาหาชายหนุ่มทันที

“ขอโทษค่ะที่ให้รอ” เธอวิ่งตรงมาหยุดที่หน้าเขาอย่างกระหืดระหอบ จินโฮมองอาการนั้นอย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไรครับ เราไปกันเลยดีไหม” เขากล่าวตอบเสียงนุ่มและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถให้เธอ

“ฉันไม่ต้องใช้ภาษาเกาหลีจริงๆหรอค่ะ” อัญชันเอ่ยถามขึ้นในรถระหว่างทาง

“ครับ ผู้ร่วมงานของคุณ เธอพูดภาษาอังกฤษได้ หากมีปัญหาในการสื่อสารคุณก็ขอให้เธอช่วยก็ได้” เขาอธิบาย

“เธอหรอค่ะ?” อัญชันถามอย่างสงสัย

“ครับ เธอเป็นผู้หญิง” เขาตอบ แต่ยังไม่เฉลยทั้งหมด ให้อัญชันครุ่นคิดไปว่าใครกันน้าที่เธอจะได้ร่วมงานด้วย
เมื่อมาถึงบริษัทเขาก็พาเธอตรงไปภายในทันที ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับชายคนหนึ่งที่ท่าทางตุ้งติ่ง

“คุณจางนี่คุณอึนชันที่ผมเล่าให้ฟังไง” จินโฮแนะนำอัญชันให้เขารู้จัก เธอโค้งทักทายอย่างนอบน้อม

“ต๊าย สวัสดีจ๊ะสาวน้อย นี่คุณปาร์คเอาเด็กมัธยมมาทำงานหรอเปล่าค่ะเนี่ย” เขากล่าวทักอย่างเป็นกันเองและแซวอัญชันเนื่องจากเธอดูเด็กมากเพราะตัวเล็ก

“ไม่ครับ เห็นแบบนี้แต่เธอเรียนปริญญาโทแล้วนะครับ” จินโฮตอบแทนสาวร่างเล็ก

“งั้นมาๆ เร็วๆ ตามเจ๊มาเลยลูก” คุณจางชายใจหญิงโอบร่างเล็กให้เดินไปพร้อมกัน เขาพาเธอไปยังห้องแห่งหนึ่ง คุณจางเปิดประตูนำเข้าไปก่อน และตามด้วยจินโฮ เหลือแต่อัญชันที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้อง

“เอ้าสาวน้อยเข้ามาซิลูก” คุณจางร้องเรียก เธอจึงเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อพ้นประตูเข้ามาก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนรอการมาถึงของเธออยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีค่ะ ฉันมุน แชวอน ฝากตัวด้วยนะค่ะ” เป็นดาราสาวขวัญใจของเธอนั่นเอง อัญชันถึงกับตัวแข็งทื่อ หูอื้ออึง หน้าของเธอเริ่มซีดพร้อมๆกับสติที่ลางเลือน ก่อนที่ร่างเล็กจะเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งสาม





Create Date : 14 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2553 13:11:31 น. 9 comments
Counter : 2371 Pageviews.

 
วิน ขอบคุณมากมายครับ สำหรับฟิคนะครับสนุกมากๆๆชอบจังเลย ฝีมือไปไกลแล้วนะครับนนักแต่งฟิคเกียรตินิยมเก่งจริงๆเลยนะ


โดย: เกษตรศิลป์ IP: 58.11.3.108 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:54:30 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่ลงให้ รอๆๆเพลงอยู่น้า เพลงน่ารักๆเข้ากับตอนค่ะ รบกวนด้วยนะคะ


โดย: windy IP: 192.168.10.106, 124.121.20.189 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:49:34 น.  

 
ว้าวววว เลิศค่ะท่านวิน มองภาพเจ๊แล้วเขินเลย อิอิ ตอนหน้ารีบมาไวไวน้า และขอเจ๊เยอะๆด้วยนะคะ ^^

ขอบคุณมากค่าาาา ฝันดีนะคะ


โดย: สาวก2มุน IP: 202.12.97.100 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:54:35 น.  

 
สนุกมากเลยวิน
เรื่องราวน่าติดตามมาก


อัญชันถึงกับเป็นลมเลยหรอนี่
แล้วถ้าเป็นท่านยามหละจะเป็นไงหว่า.....
^_________^





โดย: mai.ka IP: 222.123.200.23 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:36:41 น.  

 
สนุกมากเลยค่ะ
ข้าน้อยจะรอตอนต่อไปนะค่ะ


โดย: หมูอ้วน IP: 1.46.43.216 วันที่: 5 ธันวาคม 2553 เวลา:20:08:59 น.  

 
น่าติดตามมากค่ะ


โดย: 111 IP: 124.122.1.54 วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:23:10:32 น.  

 
แค่เริ่มก็สนุกแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าคุณปาร์คจะให้มาทำหน้าที่อะไรเลยนะเนี่ย...รออัพให้ไวนะคะ


โดย: ritt IP: 124.122.76.191 วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:22:34:01 น.  

 
ยอดเยี่ยมจริงๆ คุณรู้จักเปลี่ยนวิกฤิตให้เป็นโอกาสได้..โดยหาข้อติยากจริงๆ...นับถือ...นับถือ


โดย: alak2010 IP: 223.205.59.116 วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:23:13:04 น.  

 
ชอบมากกกกๆๆๆๆค่ะ😄😄😄😄😄👍👌


โดย: ... IP: 115.67.226.28 วันที่: 14 ตุลาคม 2555 เวลา:14:53:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.