... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
ตอนที่ 16 ซ่อนรัก (Hidden Love)




หญิงสาวร่างโปร่งก้าวย่างอย่างรีบเร่งพลางกร่นด่าผู้จัดการส่วนตัวไปตลอดเส้นทางที่จะเดินไปยังประตูผู้โดยสารขาออก

“ฉัน บอกฉันรีบไง ทำไมถึงเพิ่งจะได้กันเนี่ยตั๋วนะ คุณทำงานแย่มากเลยนะ!” ดาราสาวฮันฮโยจูหันมาตะหวาดผู้จัดการของเธอ เพราะหลังจากได้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนรักมุนแชวอนที่ตอนนี้ไปพักร้อนที่ ประเทศไทย เธอเลยทราบเรื่องทั้งหมดจึงยกเลิกตารางงานของตนและบอกให้ผู้จัดการหาตั๋ว เครื่องบินเที่ยวที่เร็วที่สุดให้ หากแต่เพราะเขาก็ไม่สามารถหามาได้รวดเร็วทันใจเธอ หลังจากที่ผู้จัดการโหลดกระเป๋ามากมายที่เธอขนไปด้วยเสร็จเขาก็กลับไป ร่างโปร่งจึงตรงขึ้นเครื่องไปด้วยความขุ่นเคืองที่มีผู้จัดการไม่ได้อย่างใจ เธอยังคงบ่นพึมพำมาตลอดทางแม้กระทั่งระหว่างที่ยกกระเป๋าซึ่งนำติดตัวขึ้นมา บนชั้นโดยสารขึ้นไปเก็บในที่เก็บกระเป๋าด้านบนของที่นั่ง

“โอ้ย! ทำไมมันปิดไม่ได้ละเนี่ย!” เธอโวยวายเมื่อไม่สามารถปิดฝาที่เก็บกระเป๋าลงได้เพราะกระเป๋าของเธอนั้นมี ขนาดใหญ่เกินไป เธอจึงดันทุรังจนมันหล่นลงมาใส่ชายคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นพอดี

“โอ๊ะ! ตายแล้วกระเป๋าฉัน!” เธออุทานด้วยความตกใจที่กระเป๋าตกโดยไม่สนใจเลยว่าคนที่โดนกระเป๋าตกใส่จะเป็นอย่างไร

“นี่ คุณ! ทำบ้า.......” ชายหนุ่มโมโหต่อท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเธอจึงจะตำหนิ แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นฮันฮโยจูเขาก็ถึงกับตกตะลึง

“พี่ จินโฮ!” ร่างโปร่งเองก็ตกใจไม่น้อยที่มาพบกับเขาอย่างไม่คาดฝันในสถานที่แบบนี้ ทั้งคู่ต่างนิ่งมองกันครู่ใหญ่ ก่อนที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องจะเดินมาบอกให้เธอเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย เพราะเครื่องกำลังจะออกแล้ว จินโฮจึงหยิบกระเป๋าของเธอและช่วยยัดมันใส่ที่เก็บกระเป๋าจนได้โดยที่ต่าง ฝ่ายต่างไม่พูดไม่จากัน

“คุณค่ะ ไม่ทราบที่นั่งของคุณตรงไหนหรือค่ะ?” พนักงานต้อนรับเดินมาถามร่างโปร่งเมื่อยังเห็นเธอยืนอยู่ ร่างโปร่งจึงยื่นตั๋วเครื่องบินให้ปรากฏว่าที่นั่งของเธอคือที่นั่งริม หน้าต่างข้างๆจินโฮนั่นเอง ในเมื่อไม่มีทางเลือกร่างโปร่งจึงต้องกลั้นใจเดินผ่านเขาไปเพื่อเข้าไปนั่ง ในที่นั่งของตน ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรเพียงแต่นั่งเงียบๆเพื่อรับรู้ปฏิกิริยาของอีกฝ่าย จนพนักงานต้อนรับสาธิตวิธีรัดเข็มขัดนิรภัยก่อนที่เครื่องจะขึ้น หากแต่ร่างโปร่งไม่สามารถรัดของเธอได้

“อะไรเนี่ย ทำไมไม่ได้ละ โธ่!” เธอพึมพำกับตัวเองพลางก้มหน้าก้มตารัดเข็มขัด ก่อนที่มือหนาของคนข้างๆจะยื่นมาที่เธอพร้อมกับเลื่อนกายเข้ามาใกล้ๆ เธอหดตัวลีบด้วยความตกใจมองเขาที่กำลังรัดเข็มขัดให้เธอด้วยหัวใจที่เต้น ระรัว เมื่อทำเสร็จจินโฮได้สบตากับร่างโปร่งก่อนที่จะกลับมาอยู่ในท่านั่งดังเดิม ทำให้หัวใจของเธอนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ เขาไม่เปลี่ยนไปเลยยังคงเป็นสุภาพบุรุษเหมือนเดิม เป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ยังคงมีอิทธิพลในหัวใจเธออย่างมากมาย ตลอดการเดินทางทั้งคู่ได้แต่แอบมองกันไปมาโดยที่ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ด้วยความอ่อนล้าจากการทำงานร่างโปร่งจึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว ศีรษะของเธอค่อยๆไหลไปทางที่นั่งของจินโฮช้าๆจนเกือบจะตกขอบพะนัก แต่จินโฮเห็นเสียก่อนเขาจึงใช้ไหล่ของตนรองรับศีรษะของเธอ ร่างโปร่งหลับสบายโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ร่างสูงนั้นนั่งมองเธอด้วยสายตา เอ็นดูเธอเพียงใด เขาปัดไรผมที่ลงมาปิดหน้าเธอเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกรำราญ

“กาแฟ หรือ.....?” พนักงานต้อนรับคนหนึ่งเดินมาถามว่าจะรับเครื่องดื่มอะไร หากแต่โดนจินโฮจุ๊ปากห้ามไว้ก่อนด้วยกลัวว่าจะทำให้ร่างโปร่งตื่น พนักงานหญิงคนดังกล่าวจึงจากไปโดยดีและมองทั้งคู่ด้วยความอิจฉา เมื่อเครื่องใกล้จะถึงจุดหมายร่างโปร่งก็รู้สึกตัวขึ้น เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรเปียกๆอยู่บนใบหน้าจึงเช็ดออกอย่างลวกๆในขณะที่งัว เงียและหันไปมองที่ข้างๆ ก็พบว่าไหล่ของคนข้างๆเปียกปอนไปด้วยของเหลวที่ไหลออกจากปากของเธอ ร่างโปร่งอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ก่อนที่จินโฮจะควักผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมา หากแต่ไม่ใช่เพื่อเช็ดให้กับตนเองแต่เขากลับยื่นมันให้เธอ

“เช็ดปาก เสียสิ คราบน้ำลายเปื้อนไปหมด” เขากล่าว หากแต่ร่างโปร่งยังอยู่ในอาการช็อค เขาจึงโน้มตัวไปเช็ดให้เธอเอง เธอจึงรีบดึงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเอง

“ขอบคุณค่ะ” เธอบอกก่อนจะเช็ดปากของตนด้วยอาการเขินอาย จินโฮรู้สึกชอบใจต่ออาการนั้น เขาเลยคิดที่จะแกล้ง

“ไม่ ใช่ตรงนั้น ตรงนี้ต่างหาก” เขาไม่พูดเปล่ายังจับมือของเธอเช็ดไปที่รอยดังกล่าว ร่างโปร่งถึงกับทำหน้าเลิ่กลั่ก นั่นยิ่งทำให้เขาอยากเหย้าเธอมากขึ้น เขาจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอเสียจนเกือบหายใจรดกัน เธอรีบถอยกรูดไปติดหน้าต่างจนศีรษะชนเข้ากับกระจก

“โอ้ย!” ร่างโปร่งครวญ จินโฮเห็นดังนั้นก็รีบโน้มตัวเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ร่างโปร่งจึงไร้ทางหนี หัวใจของเธอมันเต้นแรงเสียจนกลบความเจ็บที่ศีรษะไปหมด

“เป็นยังไง บ้าง?” เขาถามเสียงนุ่มและลูบไปที่ศีรษะด้านหลังที่ชนกับกระจก ใบหน้าของเขาใกล้มากจนเธอสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจเขา แต่ก่อนที่เธอจะเสียการควบคุมร่างโปร่งรวบรวมแรงผลักเขาออกไปและลุกพรวดขึ้น ตรงไปยังห้องน้ำทันที เธอเข้ามาสงบจิตสงบใจในห้องน้ำและสลัดความไหวหวั่นที่มีต่อเขา

“เข้ม แข็งไว้สิฮโยจู เธอคือฮันฮโยจูนะ เข้าใจไหม” เธอพูดกับตัวเองในกระจกพลางกวักน้ำใส่หน้าตนเป็นการเรียกสติ เมื่อเครื่องมาจอดยังสนามบินสุวรรณภูมิเธอก็เดินลงมารอรับกระเป๋าของตน โดยมีจินโฮเดินตามมาติดๆ จนเธอคิดว่าเขาจงใจตามเธอมา

“นี่พี่ตามฉันมาหรอ?” เธอทนไม่ไหวจึงหันไปถามเขา

“เปล่า” เขาตอบเสียงเรียบก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองและเดินจากไป ฮโยจูได้แต่มองตามด้วยความงุนงงและผิดหวังเล็กๆ ก่อนที่พาเหรดกระเป๋าของเธอจะมาครบ ร่างโปร่งเข็นรถที่บรรทุกกระเป๋ามากมายของเธอไปอย่างทุลักทุเล

“โอ้ ย ทำไมมันหนักอย่างนี้เนี่ย! ฉันขนบ้าอะไรมานักหนา?” เธอกร่นด่าตนเองอย่างคนไร้สติ แล้วจึงนั่งลงหมดแรง ทันใดร่างสูงก็เข้ามาเข็นรถของเธอ

“นั่นพี่จะทำอะไรน่ะ?” ร่างโปร่งถาม

“เธอ ควรจะใส่แว่นดำนะ เพราะถึงนี่จะเป็นต่างประเทศ แต่ที่นี่เธอก็เป็นที่รู้จักไม่ใช่น้อย” จินโฮเบี่ยงประเด็น ร่างโปร่งได้ยินดังนั้นจึงรีบควักแว่นดำออกมาใส่ทันที เขาจึงเข็นรถนำเธอไป ร่างโปร่งได้แต่เดินตามอย่างจำยอมด้วยเพราะกำลังของเธอคงไม่สามารถเข็นภูเขา กระเป๋าไปได้

“พี่เช่ารถไว้ เธออยากจะให้พี่ไปส่งไหม?” เขาถาม

“ไม่ ต้อง” ร่างโปร่งตอบหน้ามุ่ย จินโฮจึงพยักหน้ารับทราบโดยดีก่อนจะเข็นไปส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่ แม้รถจะแล่นออกไปร่างโปร่งก็ยังหันมามองร่างสูงที่ยังคงยืนรอให้รถแท็กซี่ ของเธอขับหายไปลับตา

“เขามาทำอะไรที่นี่นะ?” ร่างโปร่งพึมพำกับตนเอง


เวลาเกือบเย็นย่ำรถแท็กซี่เขียวเหลืองคันหนึ่งก็ค่อยๆแล่นเข้ามาจอดที่หน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตามมาด้วยเสียงแว๊ดๆของร่างโปร่ง

“โอ้ ยจะบ้าตาย นี่ฉันนั่งรถแท็กซี่นานกว่านั่งเครื่องมาเสียอีก ขับบ้าอะไรหลงไปหลงมา! รีสอร์ทบ้านี่ก็หายากจริงๆ” เธอบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เรียกความสนใจของคนทั้งรีสอร์ท ลีฮอนคยองจึงเดินออกไปดูว่าใครมาส่งเสียงเอะอะแถวนี้ เมื่อฮโยจูเห็นคนเดินออกมาจึงคิดว่าเป็นพนักงาน

“เอ้ายืนบื้ออยู่ ทำไมล่ะ ยกกระเป๋าไปซิย่ะ ไม่ได้เปิดให้พักหรอที่นี่เนี่ย?” ฮโยจูประชดประชัน ลีฮอนคยองถึงกับเหวอให้กับกิริยาของร่างโปร่ง อัญชันจึงเดินมาสมทบ

“คุณฮันฮโยจู!?” ร่างเล็กอุทานอย่างตกใจที่เห็นคนที่ไม่คาดคิด

“ย่ะ ยัยเตี้ย! เร็วเข้าซิ รีบมาขนกระเป๋าฉันไปไว้ที่ห้องของแชวอน” ร่างโปร่งสั่งราวกับนางพระยา แต่ก็ต้องฟอร์มหลุดเมื่อร่างสูงปรากฏตัว

“นี่ๆๆ พี่มาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย?!” ร่างโปร่งถามลิ้นรัว

“ก็ขับรถมานะซิ พี่บอกแล้วว่าจะมาส่ง แต่เธอก็ไม่ฟัง” จินโฮตอบ

“นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ โอ้ยฉันจะบ้า!!” ร่างโปร่งโวยวายสติหลุด

“ฮโย จูๆ ใจเย็นๆ มีอะไรโวยวายยกใหญ่เลย แล้วเธอมาที่นี่ได้ยังไง?” แชวอนที่ได้ยินเสียงเอะอะจึงเดินออกมาดู ก็พบว่าเป็นเพื่อนรักของตนนั่นเอง

“โอ้ แชวอน เธอเป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงเธอมากรู้ไหม?” ทันทีที่เห็นเพื่อนร่างโปร่งก็ตรงเข้าไปกอดรับขวัญเพื่อนอย่างห่วงใย ในขณะที่แชวอนนั้นหันไปสบตากับอัญชัน หากแต่ร่างเล็กกลับหันหนี

“ฉันไม่เป็นไร นี่เธอมาเพราะคิดว่าฉันเป็นอะไรยังงั้นหรอ?” ร่างบางตอบ

“ก็ ใช่นะซิ ก็ตอนคุยโทรศัพท์กับฉันเธอยังร้องไห้.....” ฮโยจูพูดยังไม่ทันจบก็โดนมือบางของแชวอนปิดปากห้ามไว้ไม่ให้เพื่อนตัวดี ประจานความอ่อนแอของเธอ

“ฉันว่าเราเข้าห้องกันเถอะ เธอมาเหนื่อยๆคงอยากพักซินะ ไปกันเถอะ” แชวอนจึงลากร่างโปร่งไปทันที โดยมีทั้งสามมองตามอย่างงุนงง

“คุณรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือค่ะ?” อัญชันหันไปถามกับจินโฮ

“.......ก็ แค่ ก่อนเครื่องขึ้นนะครับ” จินโฮตอบเล่นลิ้นด้วยไม่อยากให้ร่างเล็กโกรธที่เขาไม่ยอมบอกเรื่องที่ฮโยจู เดินทางมาด้วย อัญชันมองเขาอย่างตำหนิ

“แต่ผมสาบานได้ว่าไม่ได้เป็น คนบอกให้พวกเธอมาที่นี่” จินโฮยกมือขึ้นสาบาน อัญชันมองเขาอย่างอ่อนใจและรู้สึกว่าตนคิดผิดที่ตัดสินใจติดต่อเขาอีกครั้ง โดยเมื่อไม่นานมานี้อัญชันได้ส่งอีเมลติดต่อกับจินโฮอีกครั้งหลังจากที่ขาด การติดต่อไปนาน ทั้งคู่จึงได้แลกเปลี่ยนข่าวสารความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย และเพราะอีเมลล่าสุดที่อัญชันส่งมาทำให้จินโฮรู้สึกว่าเธอกำลังแย่เขาเลยมา หาโดยที่ไม่ได้นัดหมาย

เมื่อสองสาวเพื่อนรักเข้ามาในห้องของแชวอน ฮโยจูก็ไม่รอช้ารีบซักไซ้เพื่อนสาวทันที

“นี่ มันอะไรกัน เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ เธอเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ร่างโปร่งซัก แชวอนได้แต่ทำหน้าอ่อนใจก่อนจะเล่าเรื่องโชคชะตาที่เล่นตลกทำให้เธอมาพบกับ อัญชันอีกครั้ง และต้องมาทนเห็นภาพบาดตาบาดใจ

“นังหน้าจืดเด็กยก กระเป๋านั่นนะหรอ? ให้ตายเถอะ ยัยเตี้ยนั่นกล้าทิ้งเพื่อนฉันมาเอาผู้หญิงอย่างนั้นเนี่ยนะ!” ฮโยจูกล่าวอย่างเคืองขุ่น

“เขาไม่ใช่คนยกกระเป๋าหรอก แต่ถึงจะเป็นมันก็ไม่เกี่ยว เพราะจะเด็กยกกระเป๋าหรือดาราดัง สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง” แชวอนกล่าวด้วยความปลง

“ไม่ ได้! อย่าแม้แต่จะคิด ฉันไม่ยอมให้เพื่อนของฉันแพ้ผู้หญิงอย่างนั้น แถมเธอบอกว่าแม่นั่นมีลูกติดด้วยนี่ เธอจะยอมแพ้ผู้หญิงโลคลาสที่มีลูกติดมาด้วยอย่างงั้นหรอ?” ร่างโปร่งบอกอย่างฮึกเหิม หากแต่ร่างบางกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ทำให้คนพูดรู้สึกหงุดหงิด

“มานี่ๆ ลุกขึ้นเลยลุกขึ้น อย่างแรก เธอจะมาเหงาหงอยเศร้าสร้อยแบบนี้ไม่ได้ แล้วอีกอย่างพวกเราที่เป็นถึงระดับซุปตาร์ของเกาหลี แม้จะไม่ได้อยู่หน้ากล้องแต่ก็ต้องเจิดจรัสที่สุดเข้าใจไหม มาแต่งตัวกันดีกว่า” ว่าแล้วร่างโปร่งก็จับเพื่อนสาวที่ร้องไห้จนหน้าโทรม เนรมิตให้เป็นดาราสาวมุนแชวอนผู้งดงามคนเดิม

เมื่อถึงช่วงหัวค่ำวัน เพ็ญจัดโต๊ะอาหารต้อนรับเพื่อนๆของอัญชัน ที่ต่างมากันอย่างไม่ได้นัดหมายด้วยอาหารไทยลานตาตรงระเบียงบ้านสวน จินโฮ อัญชันและลีฮอนคยองต่างช่วยเป็นลูกมือวันเพ็ญกันอย่างขะมักเขม่น จนในที่สุดสองสาวเพื่อนซี้ก็ปรากฏตัวขึ้น แชวอนอยูในชุดเดรสซีฟองยาวชมพูหวานสายเดี่ยว ส่วนฮโยจูนั้นเป็นเดรสสั้นซีฟองคล้องคอสีแอฟปริคอตสดใส ทำเอาอัญชันและจินโฮถึงกับมองทั้งสองด้วยความตกตะลึง

“หนูจันทร์มา แล้วหรอ คนนี้ใช่ไหมเพื่อนหนูนะ โอ้ทำไมตัวสูงจังเลย แต่สวยน่ารักทั้งคู่” วันเพ็ญรีบเดินเข้าไปทักทายแชวอนทันที ฮโยจูจึงรีบยกมือไหว้วันเพ็ญตามที่เพื่อนสาวสอน

“มาๆ นั่งลงๆ แม่ทำอาหารไว้เยอะเลย ดูซิมีต้มยำกุ้งที่หนูชอบด้วย” วันเพ็ญนำเสนออาหารที่ตั้งใจทำเป็นพิเศษเพื่อแชวอน ร่างโปร่งพอได้ยินว่าต้มยำกุ้งก็มองอย่างสนใจ

“ข็อบ คุง ค่า(ขอบคุณค่ะ)” แชวอนกล่าวก่อนจะนั่งลงพร้อมเพื่อนสาว วันเพ็ญจึงนั่งข้างๆแชวอน โดยมีลีฮอนคยองนั่งตรงข้าม และอัญชันนั่งข้างๆเธอซึ่งตรงข้ามกับที่นั่งของแชวอน

“เอ้ากินกัน ตามสบายเลยนะ” วันเพ็ญบอกพร้อมทำท่าประกอบเพื่อให้แขกต่างด้าวเข้าใจ แชวอนนั้นส่งสายตาไปยังคนตรงข้ามหากแต่อีกฝ่ายกลับหลบสายตาของเธอ ตรงกันข้ามกับฮโยจูที่ต้องคอยหลบสายตากรุ้มกริ่มของจินโฮเพราะมันทำให้เธอ ไม่มีสมาธิในการทำแผน “ทวงคืนยัยเตี้ย” ที่เธอเป็นคนวาง

“ชันตักต้ม ยำให้หนูจันทร์ซิลูก เอากุ้งตัวโตๆนะเหมือนคราวก่อนไง” วันเพ็ญพูดขึ้นจึงทำให้อัญชันทำหน้าตาตื่น ฮโยจูและแชวอนที่ฟังไม่รู้เรื่องได้แต่มองปฏิกิริยาของร่างเล็กด้วยความ สงสัย ก่อนที่อัญชันจะตักกุ้งจากชามต้มยำให้แก่แชวอน ร่างบางถึงกับแปลกใจก่อนจะอมยิ้มดีใจ

“พี่ชันค่ะ ช่วยตักกุ้งให้ฉันด้วยซิค่ะ เอาตัวใหญ่ๆเลยนะค่ะ” ลีฮอนคยองจงใจกล่าวขึ้นด้วยภาษาเกาหลีเพื่อให้แชวอนและฮโยจูรับรู้พร้อมทั้ง มองด้วยสายตาท้าทาย อัญชันจึงทำตามอย่างว่าง่าย ลีฮอนคยองจึงยิ้มอย่างผู้มีชัย

“ขอบคุณนะค่ะพี่ชัน เดี๋ยวนี้พี่ฟังและพูดเกาหลีได้คล่องป๋อเลยนะค่ะ” ลีฮอนคยองกล่าวโอ้อวด

“เพราะ ยองชิสอนพี่นั่นล่ะ” ร่างเล็กจึงตอบด้วยความไม่ล่วงรู้ถึงสงคราวประสาทของสามสาว ลีฮอนคยองจึงยิ่งเชิดหน้าเชิดตาข่มสองสาวฝั่งตรงข้ามยกใหญ่ สร้างความขุ่นเคืองให้ทั้งสองไม่น้อย

“โอ้นี่เธอพูดเกาหลีได้แล้วหรอ ดีจังจะได้พูดอะไรเข้าใจกันง่ายๆหน่อย แต่เอ๊ะ...ถึงฟังไม่ออกเธอก็เข้าใจอยู่แล้วนี่ เพราะเมื่อก่อนถึงเพื่อนฉันไม่พูดอะไร เธอยังเข้าใจเลย” ฮโยจูสวนหมัดกลับด้วยการรื้อฟื้นอดีตก่อนจะส่งยิ้มท้าทายคู่ต่อสู้ ร่างเล็กที่เป็นคนกลางถึงกับทำหน้าไม่ถูก

“อย่างนั้นหรือค่ะ แหมมิน่าล่ะ เพราะพี่เก่งเรื่องเข้าใจคนนั่นเอง ขนาดฉันไม่พูดอะไรพี่ก็ทำให้ฉันทุกอย่างเลย แม้กระทั่งเรื่องที่ฉันบอกแท้ๆว่าไม่ต้องทำพี่ก็ทำให้ แบบนี้เรียกว่าเข้าใจหรือว่าใส่ใจดีละค่ะ” ลีฮอนคยองไม่น้อยหน้าออกหมัดตอบโต้ให้ร่างโปร่งหน้าหงายลมออกหู

“โอ๊ะ นั่นผัดกุ้งหรอ เพื่อนฉันชอบกินกุ้งนะรู้ไหม ตักอันนั้นให้เพื่อนฉันด้วยซิ” ฮโยจูจึงเปลี่ยนแนวการต่อสู้เป็นการออกคำสั่งให้ร่างเล็กทำตามเหมือนที่เคย ทำเสมอมา อัญชันได้ยินดังนั้นจึงจะทำตามที่ร่างโปร่งบอก หากแต่ไม่ทันที่จะตักลีฮฮนคยองก็ดึงมือของร่างเล็กไปเสียก่อน

“พี่ ค่ะ ฉันอยากทานอันนั้นน่ะค่ะ ตักให้ฉันหน่อยซิค่ะ” ลีฮอนคยองกล่าวพร้อมเบียดร่างกระแซะอัญชันเป็นการอ้อนฮโยจูถึงกับมองตา เหลือก สองสาวส่งสายตาฟาดฟันกันไม่นานร่างโปร่งก็ลุกขึ้นด้วยความเหลืออด

“ฉันอิ่มแล้วขอตัวก่อนนะค่ะ” กล่าวจบแชวอนก็เดินออกจากโต๊ะไปทันที

“อ้าว หนูจันทร์ ยังไม่ได้กินเลยนี่” วันเพ็ญท้วงแต่ร่างบางก็เดินลงเรือนไปเสียก่อน ทำให้ฮโยจูต้องวิ่งตามไปอีกคน ทั้งโต๊ะจึงลุกขึ้นมาตามสองสาวไปอย่างงุนงง

“นี่ แชวอนเธอเดินหนีมาแบบนี้ไม่ได้นะ ทำแบบนี้นังนั่นก็ได้ใจกันพอดี” ฮโยจูกล่าวหัวเหวี่ยงทันทีที่เข้ามาในห้อง แต่ทันใดร่างบางก็น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง ร่างโปร่งเห็นดังนั้นจึงเข้าไปกอดปลอบเพื่อนสาวของตน

“โอ๋ๆ อย่าร้องเลย มันยังไม่จบเสียหน่อย ศึกนี้เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น ถ้าเธอรักยัยเตี้ยมากขนาดนี้ก็ต้องเข้มแข็งแล้วเอายัยนั่นกลับมาให้ได้ เข้าใจไหม” ร่างโปร่งพูดเตือนสติเพื่อน


เช้าวันใหม่กับหัวใจของ ทั้งสี่ที่คงยังว้าวุ่นด้วยเรื่องทุกอย่างยังคาราคาซังอยู่ ร่างโปร่งผู้ไม่เคยตื่นด้วยตัวเองลุกขึ้นตั้งแต่ไก่โห่ พร้อมปลุกเพื่อนสาวให้ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวรับแผนการขั้นต่อไป ก่อนจะตรงไปที่บ้านสวนเพื่อทานอาหารเช้า สองสาวปรากฏตัวในชุดทะมัดทะแมง แชวอนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนทรงเท่ห์กับกางเกงขาสั้นพร้อมหมวกปีกรอบฉลุ คาดโบว์ ฮโยจูนั้นเปรี้ยวสดใสด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีฟ้าแขนกุด กับกางเกงยีนขาสั้นจุ๊ดจู๋พร้อมแว่นตาดำทรงตี๋ใหญ่สุดเท่ห์ หยุดสายตาของอัญชันและจินโฮได้เหมือนเคย ทั้งสี่นั่งลงยังโต๊ะอาหารก่อนที่ลีฮอนคยองจะยกข้าวต้มมาให้ทุกคนบนโต๊ะ

“ต๊าย เหมาะมาก!” ฮโยจูกล่าวขึ้นและมองลีฮอนคยองอย่างเหยียดหยามว่าเหมาะสมกับหน้าที่คนรับใช้ ลีฮอนคยองจึงกระแทกชามลงโต๊ะจนมันเกือบจะหกใส่ฮโยจู

“ว้ายตายแล้ว! ยัยนี่นิ!” ฮโยจูอุทานพร้อมจ้องเขม็งไปที่ลีฮอนคยอง หากแต่อีกฝ่ายไม่เกรงกลัวกลับมองจ้องตอบอย่างท้าทาย แชวอนจึงต้องห้ามเพื่อนไว้เพราะกลัวเรื่องราวจะเลยเถิด

“จริงสิ ฉันเพิ่งมาเที่ยวเมืองไทยกับแชวอนเป็นครั้งแรก เธอพาพวกฉันเที่ยวหน่อยได้ไหม?” ร่างโปร่งเปิดหัวข้อสนทนาขึ้น ทำเอาอัญชันทำหน้าเหวอด้วยไม่แน่ใจว่าร่างโปร่งพูดกับตนไหม

“..... เอ่อ....ก็ได้ค่ะ แต่ว่าฉันคงพาไปไกลๆไม่ได้หรอนะค่ะ เพราะต้องดูแลรีสอร์ทด้วย ถ้าเป็นที่ใกล้ๆนี้ก็คงได้ค่ะ” อัญชันตอบอย่างลำบากใจ

“ก็ดีนะค่ะพี่ชัน ตอนนี้กำลังลงกล้าพอดี เราไปดูคนงานลงกล้ากันดีไหมค่ะ?” ลีฮอนคยองพูดแทรกขึ้น และคล้องแขนอัญชันอย่างออดอ้อน

“นี่!.... เธอน่ะเป็นแม่ลูกอ่อนไม่ใช่หรือไง? ไม่ต้องให้นมลูกหรอ รู้ไหมเด็กๆที่ไม่ได้กินนมแม่น่ะ มันจะโง่!” ร่างโปร่งด่าลีฮอนคยองทางอ้อมได้แสบทรวง

“นั่นสิ ยองชิอยู่ดูลูกเถอะนะ พี่ไปไม่ไกลหรอกมีอะไรก็โทรหาพี่นะ พี่จะรีบมาทันที” อัญชันกล่าวสมทบหากแต่เห็นต่างอย่างกลายๆ ร่างบางที่ได้ยินก็ถึงกับมองทั้งสองอย่างเศร้าๆ

พอตกช่วงสาย อัญชัน แชวอน ฮโยจูและจินโฮก็เดินเท้าจากบ้านสวนมุ่งตรงไปยังพื้นนาของครอบครัวอัญชัน

“นี่ ทำไมทางเข้าบ้านเธอมันถึงได้ไกลแบบนี้ ไม่มีปัญญาซื้อที่ซินะเลยต้องไปอยู่ลึกสุดน่ะ” ฮโยจูกล่าวขึ้นด้วยหงุดหงิดที่เดินมานานแล้วแต่ยังไม่เห็นถนนเส้นหลัก

“...... มันเป็นความคิดของพ่อฉันนะค่ะ ท่านอยากที่จะเห็นบ้านสวนให้ถ้วนทั่วทุกครั้งที่เข้าออกบ้าน เลยทำทางให้มันยาวคดเคี้ยวรอบสวนแบบนี้” อัญชันตอบ ทำให้ร่างโปร่งถึงกับอ้าปากค้างด้วยไม่คาดคิดว่าเนื้อที่ของบ้านสวนนั้นจะ ครอบคลุมมาถึงนี่

“นี่เธอหมายความว่า ตั้งแต่บ้านเธอจนมาถึงที่นี่เนี่ย....ยังเป็นเขตของบ้านเธอหรอ?” ฮโยจูถาม อัญชันจึงพยักหน้าตอบ

“โอ้ แม่เจ้า! นี่มันกี่ไร่กันเนี่ย?” ร่างโปร่งบ่นพึมพำกับตนเอง ในขณะที่แชวอนซึ่งเดินอยู่ข้างๆร่างเล็กได้แต่จ้องมองคนข้างๆอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีสายตาของอีกคนมองกลับมา ทั้งที่อยู่ห่างกันไม่ถึงก้าวแต่เธอกลับรู้สึกว่าเดินเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึงใจ ของอีกคนเสียที

“โอ้ย!!! ฉันเดินไม่ไหวแล้ว! ร้อนก็ร้อน” ร่างโปร่งร้องขึ้นและนั่งลงกอดเข่าตัวเองทันที ร่างบางและอัญชันจึงหันกลับมามอง ก่อนที่ร่างสูงจะกางล่มให้กับฮโยจู

“ถ้า เดินไม่ไหว จะขี่หลังพี่ไปไหมล่ะ?” จินโฮบอกหน้าทะเล้นก่อนจะนั่งคุกเข่าหันหลังให้ร่างโปร่งเป็นท่าเตรียมพร้อม ให้อีกคนขึ้นขี่หลัง ฮโยจูมองจินโฮด้วยอาการคาดไม่ถึงก่อนจะเห็นสายตาของแชวอนและอัญชันที่ทั้ง สองมองอย่างยินดี ร่างโปร่งจึงเกิดอาการอายหน้าแดงเลยผลักหลังจินโฮจนร่างสูงเกือบล้มคว่ำ ก่อนจะลุกขึ้นเดินจ้ำๆแบบไม่รอใคร ให้ทั้งสามมองตามและขบขันกับอาการเขินอายของเธออย่างน่าเอ็นดู เมื่อเดินพ้นเขตบ้านจนออกมายังถนนเส้นหลักซึ่งขนาบข้างไปด้วยเทือกสวนไร่นา ไม่นานนักทั้งสี่ก็เดินมาถึงที่นาของครอบครัวอัญชันซึ่งคนงานกำลังลงกล้ากัน อย่างขะมักเขม้น สองสาวเพื่อนซี้มองท้องนาที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาอย่างตื่นตาตื่นใจ

“ทั้งหมดนี่เป็นของคุณอัญชันหมดเลยหรือครับ?” จินโฮถามอย่างประหลาดใจ

“...เอ่อ ไม่ใช่ของฉันหรอกค่ะ จริงๆมันเป็นของคุณตา แล้วคุณพ่อก็มาซื้อที่เพิ่มอีกทีที่หลังนะค่ะ มันก็เลยเยอะแบบนี้.....” อัญชันบอกอย่างเจี๋ยมเจียมแต่ทำให้ทั้งสามถึงกับตกตะลึง

“นี่ๆๆ ยัยเตี้ยนี่มันรวยหรอ?” ฮโยจูเขย่าแขนเพื่อนถาม หากแต่ร่างบางเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นักจึงได้แต่ส่ายศีรษะอย่างไม่มั่นใจ

“เอา ล่ะ เริ่มกันเลยไหมค่ะ?” ร่างเล็กถามหากแต่ไม่ฟังคำตอบ กลับเดินนำทุกคนลงไปยังแปลงนาและช่วยคนงานลงกล้าทันที จินโฮจึงตามไปติดๆ เห็นดังนั้นสองสาวจึงต้องรีบตามลงไป และสาละวนล้มคว่ำไปตามๆกัน ร่างโปร่งนั้นร้องวี๊ดว้ายตั้งแต่เท้าแรกที่เหยียบลงโคลน

“กรี๊ด! ทำไมมันเป็นแบบนี้ อ้าย!” ฮโยจูร้องลั่นเมื่อขาขาวๆจมหายลงไปในโคลนและไม่สามารถขยับไปไหนได้ เธอพยายามดิ้นไปดิ้นมาจนโคลนกระเด็นเปื้อนเสื้อผ้าเธอไปหมด จินโฮมองร่างโปร่งด้วยความขบขันก่อนจะเดินเข้าไปหา

“ให้ช่วยไหม?” เขาถามพร้อมยื่นมือออกไปให้เธอจับ หากแต่ร่างโปร่งสะบัดหน้าหนีแต่เพราะเธอสะบัดแรงไปเลยทำท่าจะล้มหน้าคะมำ ดีที่ร่างสูงเข้าไปหิ้วปีกของเธอไว้ได้ทัน แผ่นหลังบอบบางจึงแนบกับอกกว้างทำให้หัวใจของร่างโปร่งเต้นไม่เป็นส่ำ

“ไม่เป็นไรน่ะ?” จินโฮกระซิบข้างหูถามอย่างแผ่วเบา ด้วยความตกใจร่างโปร่งจึงผละออกจากร่างสูงเป็นเหตุให้เธอเสียหลักล้มคว่ำไม่เป็นท่า

“ว้าย!..... ม่ายยยยยย!!!!” ฮโยจูร้องลั่นทุกคนจึงหันมามองเธอเป็นตาเดียวและหัวเราะชอบใจกับสภาพมอมแมม นอนจมโคลนของเธอ ร่างบางเห็นดังนั้นจึงจะเดินเข้าไปช่วยเพื่อน ด้วยความรีบร้อนเธอจึงเสียหลักไปอีกคน แต่ก่อนที่จะล้มลงอัญชันก็คว้าเอวของเธอเอาไว้ได้ ทั้งสองอยู่ในท่าแนบนิดกันเหมือนเมื่อครั้งที่แชวอนสะดุดขาตัวเองหน้าคอนโด จนข้อเท้าพลิก ภาพในอดีตเด่นชัดในความทรงจำของทั้งสอง ทั้งคู่สบตากันอยู่พักหนึ่งก่อนที่ร่างเล็กจะผละออกเมื่อได้ยินเสียงคนงาน ร้องถามฮโยจูว่าเป็นอย่างไร

“ไปล้างตัวกันก่อนดีกว่านะค่ะ ทางโน้นมีบ่อน้ำค่ะ” อัญชันกล่าวพลางชี้ไปทิศทางที่ว่าทั้งสามจึงเดินตามร่างเล็กไป ราวๆห้าร้อยเมตรก็ถึงบ่อน้ำที่ว่า มันเป็นบ่อขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้ใหญ่น้อยล้อมรอบและมีเพิงหลังเล็กๆตั้งอยู่ หัวและท้ายบ่อ

“อะไรเนี่ย! เธอจะให้ฉันล้างตัวที่นี่หรอ!?” ฮโยจูมองสภาพบ่อที่ดูเหมือนจะมีอสูรกายโผล่ขึ้นมาได้ทุกเมื่อจึงทำหน้าขยาด จินโฮได้ยินดังนั้นเลยเดินนำลงไปและหันมาหาร่างโปร่ง

“มาซิ เดี๋ยวพี่พาลงไป” ร่างสูงบอกพร้อมยื่นมือมาให้เธอ หากแต่เธอไม่สนกลับเดินลงไปอย่างไม่เกรงกลัว แต่เพราะทางลงนั้นชันมากเธอจึงลื่นล้มก้นจ้ำเบ้า ร่างโปร่งร้องโอดโอยก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปประคองเธอขึ้นมาและปัดดินโคลนที่ เปื้อนตัวเธอออก

“ฮึๆๆ เป็นอะไรมากไหม?” จินโฮถามพลางหัวเราะขบขัน ทำให้อัญชันและแชวอนที่ยืนดูอยู่ข้างบนหัวเราะตามไปด้วยก่อนจะหันมาสบตากัน ทั้งสองจึงหยุดหัวเราะโดยไม่ได้นัดหมาย จากนั้นจินโฮก็จูงร่างโปร่งไปริมน้ำพร้อมกับกวักน้ำขึ้นมาล้างแขนขาให้กับ เธอ แต่ร่างโปร่งสะบัดตัวหนีและกวักน้ำขึ้นมาล้างตัวด้วยตัวเอง ทันใดนั้นมือของเธอก็ไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่ง ด้วยความตกใจเธอจึงร้องลั่น

“กรี๊ด!!!!” ร่างโปร่งร้องสุดเสียงพร้อมลุกขึ้นวิ่งหนีเป็นขณะที่จินโฮวิ่งเข้าไปหาเธอพอ ดี ทั้งสองจึงชนกันจนเสียหลักตกลงไปในน้ำทั้งคู่ และอยู่ดีๆฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาอย่างหนักโดยไม่มีปี่ไม่มีมีขลุ่ย ร่างเล็กจึงฉุดแขนร่างบางวิ่งเข้าไปหลบในเพิงท้ายบ่อทันที ฝนตกแรงมากจนทั้งคู่เนื้อตัวเปียกปอน แม้เข้ามาภายในเพิงแต่ทั้งสองก็ยังคงจับมือกันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่อัญชันจะรู้สึกตัวและปล่อยมือจากร่างบางทันที ขณะเดียวกันด้านจินโฮเมื่อตกลงไปในน้ำก็รีบลากร่างโปร่งขึ้นฝั่งและพากัน วิ่งเข้าไปหลบยังเพิงที่ตั้งอยู่หัวบ่อ ทั้งสองต่างอยู่ในสภาพเปียกซก ร่างสูงจึงถอดเสื้อยืดของตนออกเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างและกล้ามท้องเป็นมัดๆ

“พะ...พะ ...พี่ทำอะไรเนี่ย?!!!” ฮโยจูถามเสียงสั่นพร้อมกอดอกตัวเองแน่นเพราะคิดว่าร่างสูงจะทำมิดีมิร้ายตน จินโฮเห็นดังนั้นเลยคิดจะแกล้งจึงเดินเข้าหาร่างโปร่งด้วยสีหน้าจริงจัง ฮโยจูถอยหลังหนีจนตัวไปติดกับเสาเพิง ร่างสูงยื่นหน้ากรุ้มกริ่มเข้าไปใกล้ๆเธอหลับตาปี้ด้วยคิดว่าเขาจะจูบ

“ฮ่ะๆๆๆ” หากแต่เขากลับหัวเราะร่า ก่อนจะนั่งพักอย่างสบายอารมณ์ ร่างโปร่งถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก

“พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย?” ฮโยจูถามเสียงเข้ม

“ทำอะไร? พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เธอโมโหทำไม? หรือเธอโมโหเพราะว่าพี่ไม่ทำอะไร” จินโฮตอบยียวนให้คนถามหน้าแดง

“บะ..บ้าหรอ โมโหอะไร ใครโมโหล่ะ” ร่างโปร่งรีบปฏิเสธ และนั่งลงห่างๆจากร่างสูง เขาชำเลืองมองเธออย่างขบขัน เธอจึงทำหน้ามุ่ย

“พี่ น่ะ เป็นบ้าอะไรของพี่ ตั้งแต่บนเครื่องแล้ว พี่ต้องการอะไรกันแน่ พี่ทำแบบนี้ทำไม?” ด้วยความสงสัยที่สั่งสมมาตลอดช่วงเวลาที่พบกันอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจถามออกไป

“แล้วพี่ทำอะไรล่ะ?” จินโฮยังเล่นลิ้น

“ก็ ทำ....ทำดีกับฉันทำไม?” ร่างโปร่งตอบเสียงอ่อน ร่างสูงได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอย่างพอใจ แต่ก่อนที่เขาจะให้คำตอบก็สังเกตได้ว่าร่างโปร่งนั่งกอดเข่าตัวสั่นด้วยความ หนาวเหน็บ

“หนาวหรอ?” เขาถามเสียงนุ่ม จนคนฟังแทบเคลิ้มก่อนจะได้สติ

“พี่อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ!” เธอตะหวาดกลับ

“พี่ ไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง แต่แค่จะเปลี่ยนที่นั่ง” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นไปนั่งข้างๆเธอ จินโฮดึงร่างโปร่งเข้ามาในอ้อมกอด เธอถึงกับตกใจตัวแข็งทื่อ

“ที่พี่ทำไปไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากทำในสิ่งที่พี่เคยพลาดโอกาสที่จะทำ” เขากอดกระชับเธอแน่นและกระซิบบอกข้างหู ร่างโปร่งได้ยินดังนั้นจึงจ้องมองเขาด้วยความคาดไม่ถึง ก่อนที่ใบหน้าของร่างสูงจะเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ เธอรับรู้ได้ทันทีว่าเขาจะทำอะไรจึงหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสที่ส่งผ่านความ รู้สึกของเขามายังเธอ

ทางด้านแชวอนและอัญชันต่างนั่งกันคนละมุมใน เพิงท้ายบ่ออย่างเงียบงัน ก่อนที่อัญชันจะสังเกตเห็นว่าเชิ้ตของร่างบางนั้นเปียกปอนจนมองทะลุไปถึงภาย ใน ร่างเล็กจึงถอดเสื้อเชิ้ตที่ใส่ทับเสื้อยืดของตนออกและเดินไปให้ร่างบาง

“สวม สิค่ะ เสื้อคุณบางเกินไป” ร่างเล็กกล่าวพร้อมยื่นเสื้อให้ร่างบาง แชวอนมองอัญชันอย่างคาดไม่ถึงว่าอีกคนยังห่วงใยเธอ เธอรับมันมาสวมและแอบอมยิ้มด้วยความดีใจแล้วร่างเล็กจึงนั่งลงไม่ไกลจากเธอ นัก ทำให้บรรยากาศของทั้งสองดีขึ้นกว่าเดิมมันเกือบจะเหมือนเมื่อก่อนที่อัญชัน คอยดูแลเอาใจใส่ร่างบางเสมอ ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น

“กรี๊ด!” ร่างบางผวากอดอัญชันด้วยความตกใจ ทั้งสองได้แนบชิดกันอีกครั้งหลังจากพรากจากกันไปนาน เมื่อสายตาผสานความรู้สึกที่ยังคับคลั่งอยู่ในใจสั่งให้ร่างกายทำตามความ ปรารถนา ทั้งสองเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้กันและกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนของอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของอัญชันจะดังขึ้นดึงร่างเล็กให้กลับมาสู่โลกแห่งความ จริง อัญชันผละออกจากแชวอนและรับสายนั้นทันที

“ว่าไงนะ? เข้าใจแล้วพี่จะกลับไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” อัญชันตอบรับคนในสายซึ่งแชวอนรับรู้ได้ทันทีว่าคือลีฮอนคยอง ร่างเล็กทำท่าจะออกไปเสียเดี๋ยวนั้นร่างบางจึงลุกขึ้นรั้งแขนร่างเล็กไว้

“อย่า ไปนะค่ะ อย่าไปเลยนะค่ะ” แชวอนอ้อนวอน หากแต่ร่างเล็กกลับทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะคลายมือเธอออกและเดินจากไปอย่างไม่ เหลียวหลังกลับ ร่างบางได้แต่มองภาพที่อัญชันจากไปอย่างไร้เยื่อใยด้วยน้ำตานองหน้าก่อนจะ ทรุดลงฟูมฟายสะอึกสะอื้น ขณะเดียวกับที่อัญชันวิ่งฝ่าพายุกลับไปยังบ้านสวนด้วยหัวใจที่เจ็บปวดไม่แพ้ กันที่ต้องทิ้งคนที่หัวใจยังอาลัยรักไว้

“แทยองเป็นอะไรหรอยองชิ?!” อัญชันวิ่งขึ้นบ้านมาและถามด้วยความร้อนใจเมื่อทราบว่าแทยองหลานรักร้องไห้งอแงไม่หยุด

“แกคงตกใจเสียงฟ้าร้องนะค่ะ แต่ตอนนี้เงียบไปแล้ว” ลีฮอนคยองบอกก่อนจะสังเกตเห็นว่าร่างเล็กนั้นอยู่ในสภาพเปียกปอน

“ตาย จริงนี่พี่วิ่งฝ่าฝนมาเลยหรือค่ะ เข้ามาเปลี่ยนเสื้อก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหวัดจะกินเอา” ลีฮอนคยองบอกด้วยความห่วงใยพลางเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปให้อัญชัน คำพูดของเธอทำให้ร่างเล็กฉุกคิดได้ว่าแชวอนนั้นก็เนื้อตัวเปียกปอนเช่นกัน จึงเป็นห่วงว่าอีกคนจะไม่สบายเลยจะวิ่งกลับไปหา

“อย่าไปค่ะ! พี่คงไม่ใช่คนโง่ที่จะกลับไปหาคนที่ทำร้ายพี่อีกหรอกนะค่ะ” ลีฮอนคยองฉุดแขนของอัญชันและห้ามไว้ด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ ร่างเล็กมองหน้าหญิงสาวและส่งยิ้มเศร้าสร้อยให้ พร้อมลูบใบหน้าเธอด้วยความรักใคร่ ก่อนจะเดินฝ่าฝนกลับไปหาคนที่หัวใจยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง ฝนเริ่มซาลงเมื่ออัญชันใกล้จะถึงเพิงท้ายบ่อ ร่างเล็กเดินเข้าไปข้างในก็พบกับร่างบางนอนหมดสติอยู่

“คุณแชวอน คุณแชวอนเป็นอะไรไปค่ะ?!” ร่างเล็กวิ่งเข้าไปประคองร่างบางขึ้นจึงรับรู้ได้ว่าเธอตัวร้อนมาก อัญชันเอามืออังหน้าผากเธอเพื่อวัดอุณหภูมิให้แน่ใจ ก่อนจะอุ้มร่างบางวิ่งกลับไปยังบ้านสวน พอดีกับที่จินโฮและฮโยจูเดินออกมาจากเพิงหัวบ่อทันเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งสองจึงวิ่งเข้าไปหา

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” จินโฮถาม

“คุณ แชวอนไม่สบายค่ะ” ร่างเล็กตอบอย่างร้อนใจ จินโฮจึงอาสาอุ้มร่างบางไปส่งบ้านสวน เมื่อมาถึงอัญชันก็ให้จินโฮอุ้มแชวอนเข้าไปยังห้องนอนของตน ทุกคนในบ้านต่างแตกตื่น

“เกิดอะไรขึ้นหรือค่ะ?” ลีฮอนคยองวิ่งมาถามด้วยความแปลกใจ

“ยอง ชิ ช่วยคุณแชวอนด้วย ช่วยเธอด้วยเถอะ!” อัญชันกล่าวพลางเขย่าแขนลีฮอนคยองอย่างอ้อนวอน หญิงสาวทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะทำตามที่ร่างเล็กร้องขอ ลีฮอนคยองนั้นเคยศึกษาในคณะแพทย์ศาสตร์จึงมีความรู้ในการปฐมพยาบาลและรักษา คนไข้ทั่วไป หลังจากเช็ดตัวและให้ยาแชวอนเรียบร้อยเธอก็เดินออกจากห้องมาโดยมีทุกคน คอยอย่างลุ้นระทึก

“แค่ไข้หวัดธรรมดานะค่ะ ฉันเช็ดตัวและให้ทานยาเรียบร้อยแล้ว คงไม่เป็นไรแล้วละค่ะ” ลีฮอนคยองบอกให้ทุกคนโล่งใจ ร่างเล็กจึงจะเดินเข้าไปในห้องแต่โดนหญิงสาวรั้งไว้

“ฉันบอกแล้วไง ค่ะว่าเธอไม่เป็นไรแล้ว พี่รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้ฉันจะจัดการเอง” ลีฮอนคยองบอกเสียงแข็ง อัญชันจึงยิ้มรับก่อนจะลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไร ยองชิไปพักผ่อนเถอะ พี่จะดูแลคุณแชวอนเอง” ร่างเล็กกล่าวก่อนจะคลายแขนตนและเดินเข้าไปในห้อง ทำให้ฮโยจูถึงกับยิ้มเย้ยหยันลีฮอนคยองอย่างออกนอกหน้า เมื่อเข้ามาภายในห้องอัญชันมองร่างบางที่นอนหลับไหล้อยู่บนเตียงของตนด้วย ความห่วงใย มือเล็กไล่ไรผมบนหน้านวลออกอย่างทะนุถนอม

“ฉันขอโทษนะ ค่ะ ฉันไม่ได้โกรธหรือเกลียดคุณเลย ไม่เคยแม้แต่จะคิด แต่ที่ทำเย็นชากับคุณเพราะฉันไม่อยากจะฉุดคุณลงมาอีก เพราะถึงเราจะคบกันต่อไป ไม่ช้าหรือเร็วความสัมพันธ์นี้ก็จะสร้างปัญหาให้คุณอยู่ดี ฉันยอมเจ็บปวดที่ต้องทนอยู่โดยไม่มีคุณ ดีกว่าให้คุณต้องมาเจ็บปวดเพราะรักคนอย่างฉัน ฉะนั้นได้โปรดเถอะค่ะ เรา.....อย่ารักกันเลยนะค่ะ” ร่างเล็กพร่ำบอกคนที่อยู่ในนิทราทั้งน้ำตา



Create Date : 23 มกราคม 2555
Last Update : 23 มกราคม 2555 16:02:18 น. 0 comments
Counter : 740 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.