เหนื่อย..แม่ไม่หนื่อย เมื่อย..แม่ไม่เมื่อย แม่สอนไปเรื่อยๆ แม่ไม่เมื่อยแม่ไม่เหนื่อย
..แต่แม่แค่เปื่อยเฉยๆ อิอิ .. อะล้อเล่น ไม่เหนื่อยๆ ไม่เหนื่อยเล้ย จริงจริ๊ง^^ เพราะการได้เห็นรอยยิ้มของลูก ได้ยินเสียงหัวเราะ รู้ว่าลูกมีความสุข ต่อให้ต้องทำมากกว่านี้แม่ก็ยอม จุ๊บๆ
ตอนนี้กลับมาถึงบ้านที่ออสเตรเลีย และทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัว ชีวิตได้กลับมาเดินตามจังหวะและท่วงทำนองเดิมๆ เพียงแต่คิดถึงคุณตาและคุณยายทวดของข้าวสวยมากๆๆๆๆ ทำให้เศร้าเหมือนกัน แต่นอกนั้นถือว่าแฮปปี้มากๆ
จะว่าไปแล้ว การกลับไปกรุงเทพฯเที่ยวนี้จะว่าสนุกก็หนุก จะว่าเหนื่อยก็มากอยู่ เพาะมีหลายอย่างที่ต้องทำ แต่จัดสรรเวลาไม่ได้ หลายๆอย่างระบบที่เมืองไทยค่อนข้างใช้เวลาดำเนินการนาน และยุ่งยากสลับซับซ้อนกว่าที่ Plan ไว้ตอนแรก เลยมึนๆเล็กน้อยถึงมากมาย
ในบล็อกนี้ว่าจะมาบันทึกแนวทางการสอนลูกในวัยนี้ให้พอเห็นภาพกว้างๆ เผื่อมีแม่ๆท่านใดทำอยู่จะได้มาแชร์ข้อมูลกัน เพราะวิธีการเล่นกับลูกในวัยเตาะแตะนี้มีประมาณล้านเจ็ดอย่าง ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ขึ้นอยู่กับเวลา และความเหมาะสมของแต่ละครอบครัวมากกว่า
อย่างที่สรุปไว้คร่าวๆอย่างสวยงาม(อิอิ) ในกระดาษโน้ตด้านบน ก็เป็นกิจกรรมที่เลือกแล้วว่าเหมาะสมกับลูก และแม่ก็สามารถทำร่วมกับลูกได้อย่างชิวๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมบ้านๆ พื้นๆง่ายๆ ไม่ต้องเตรียมอะไรมากมาย หลายๆกิจกรรมก็ต่อยอดมาจากการสอนลูกในวัยขวบแรก การดำเนินกิจกรรมแต่ละวันก็เป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่มีการบังคับ ไม่มีการทดสอบ เน้นเล่นกันอย่างเดียว แฮปปี้ทั้งแม่ทั้งลูก(รวมถึงแด๊ดดี้ด้วยจ้ะ^^) รวมถึงหลายๆกิจกรรมก็มีญาติๆร่วมแจมด้วย แม่เลยมีผู้ช่วยหลายคนสบายไปเลย
เข้าเรื่องๆ.. ว่ากันว่าการพัฒนาเด็กในวัยนี้ คือการปลูกฝังนิสัยที่ดีงาม รวมไปถึงการปรับและแก้ไขนิสัยด้านลบของลูก และสอนให้ลูกรู้จัก และเคารพกฏเกณฑ์พื้นฐานในการดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม (เช่น..ทำไมถึงหยิบของทุกอย่างที่อยากได้ในห้างสรรพสินค้ากลับบ้านไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็วางอยู่ให้หยิบได้ง่ายอย่างนั้น เป็นต้น)
เด็กๆวัยนี้จริงๆแล้วสอนง่ายหากเรารู้จริตของเค้า ซึ่งก็คือการชอบทดลองทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองผ่านประสาทสัมผัสทั้ง5 และรักที่จะเรียนแบบพฤติกรรมของผู้ใกล้ชิด ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพ่อแม่นั่นเอง ดังนั้นหากอยากสอนอะไรลูกก็ขอแค่ทำไปพร้อมกับลูก เรียนรู้ไปพร้อมกับเค้า
เพราะต่อให้คุณส่งลูกสถาบันชื่อดังที่ไหนก็ตามในวัยนี้ ก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับ "เวลาคุณภาพ"ที่คุณกับลูกจะทำร่วมกันในแต่ละวัน ซ้ำร้ายการส่งลูกไปผจญโลกด้วยตนเอง โดยปราศจากคนที่เค้าไว้ใจที่สุดอยู่เคียงกายแล้วล่ะก็ จะยิ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อพฤติกรรมของลูกอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว (ไว้มีโอกาสคงได้เล่าให้ฟังค่ะ เพราะเวลาเพียงครั้งละ 2 ชม.สองครั้งที่ปล่อยลูกให้อยู่กับผู้อื่น(ในตอนที่เค้ายังไม่พร้อม) ส่งผลให้ต้องปรับนิสัย สภาพจิตใจของลูกร่วมเดือนเชียวค่ะ)
จากการที่อ่านเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาศักยภาพในเด็กเล็กมาพอสมควร รวมทั้งได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับแม่ๆ ที่สอนและเลี้ยงลูกวัยเตาะแตะด้วยตนเอง ทั้งใน Bloggang และใน Pantip ชานเรือน รวมถึงแม่ๆหลายๆท่านที่ไม่ได้อยู่ในโลกไซเบอร์ด้วย ก็ได้แนวทางการสอนน้องข้าวสวย ตามที่สรุปเป็นภาพรวมกว้างๆข้างต้น (ซึ่งจริงๆยังมีอีกล้านเจ็ดกิจกรรมที่คุณสามารถเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกได้) การเลือกว่าจะทำกิจกรรมใดบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยเวลา และความสะดวกในการทำกิจกรรมของแต่ละครอบครัว เพราะการเลี้ยงดูลูกไม่มีวิธีสำเร็จรูป แบบฉีกซองเติมน้ำร้อนแล้วอร่อยได้เลย และไม่มีวิธีใดดีที่สุด มีแต่วิธีที่เหมาะที่สุดกับลูกและคุณเท่านั้น
ผลลัพธ์ที่พ่อแม่ทุกคนอยากได้คงไม่ใช่อัจฉริยะคนใหม่ หากแต่ต้องการเห็นความสุขและรอยยิ้มของลูก เห็นความภูมิใจของลูกเมื่อเค้าดึงศักยภาพภายในที่มีอย่างมหาศาลออกมาได้อย่างมีความสุข จริงมั้ยเอ่ย?
รอยยิ้มอย่างนี้แหละที่แม่อยากเห็นในทุกๆวัน
Create Date : 13 เมษายน 2552 |
Last Update : 13 เมษายน 2552 18:33:01 น. |
|
12 comments
|
Counter : 2534 Pageviews. |
|
|
วิธีการอาจจะไม่เหมือนกันตามธรรมชาติของลูกแต่ละคน
แต่เชื่อแน่ว่า...ปลายทางของแม่คือให้ลูกอยู่ดีมีสุขค่ะ ^_^