๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ // 2020年11月10日 // November 10, 2020 ฉันไม่ได้เขียนบล็อกนานมาก เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ เดือนที่ผ่านมา เป็นเดือนที่สำคัญและมีความหมายกับฉันมาก หนึ่งคือ ครบรอบวันจากไปของพ่อน้อย พ่อบุญธรรมของฉัน ในวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ครบรอบ 15 ปี สองคือ ครบรอบวันจากไปของพระราชาที่ฉันรัก นั่นคือในหลวงภูมิพล ในวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ครบรอบ 4 ปี ฉันหายไปนาน ไม่ได้เขียนเลย นั่นเป็นเพราะว่า ฉันอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ อ่อนแอทั้งความรู้สึก เพราะหมาที่ฉันรัก ไจแอนท์ หมาที่อยู่กับฉันมาเกือบ 15 ปี เพิ่งจากฉันไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ฉันเองก็ยังทำใจไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ ในบางครั้งที่อยู่เฉย ๆ พอนึกถึง น้ำตามันก็ไหลออกมา นับว่าปีนี้ ปี 2020 เป็นปีที่ฉันร้องไห้เยอะมาก มีหลายเรื่องราวที่ทำให้ฉันต้องเสียน้ำตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เดือนที่ผ่านมา เดือนตุลาคม เป็นเดือนที่ฉันร้องไห้เกือบทุกวัน เพราะการเมืองไทย ทำให้ฉันร้องไห้ ฉันเสียใจมาก ขณะที่เขียนอยู่นี้ ก็จะร้องไห้อีกแล้ว ฉันรักในหลวงรัชกาลที่ 9 ฉันรักในหลวงภูมิพล พอเห็นใครที่ว่าและกล่าวหาในหลวง ฉันร้องไห้เลย การเมืองทุกวันนี้ ทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงอดีต ไปถึงวัยเด็กของตัวเอง ถ้ามีพรวิเศษให้ฉันได้ขอสักหนึ่งข้อ ฉันขอย้อนเวลากลับไปที่ปี พ.ศ.2530-2545 แล้วจบแค่นั้น ให้ฉันตายอยู่ที่ตรงนั้น ฉันไม่อยากที่จะต้องมารับรู้อะไรแบบนี้อีกเลย เหมือนที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทยของฉันอีกแล้ว ฉันนึกถึงพ่อของฉัน พ่อน้อย พ่อเกิดปี พ.ศ.2469 พ่อเกิดในยุคเดียวกับในหลวงภูมิพล ในหลวงเกิดปี พ.ศ.2470 พ่อรักในหลวงมาก ฉันนึกไปถึงพ่อ ถ้าหากพ่อยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ พ่อจะทนได้มั้ย พ่อคงจะร้องไห้ และฉันคงใจสลาย ถ้าเห็นพ่อต้องร้องไห้ นับว่าคนรุ่นนั้น คนที่เกิดรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของฉัน นับว่าเป็นผู้มีบุญบารมีสูง ที่ไม่ต้องทนรับรู้เรื่องราวที่น่าปวดใจแบบนี้ พวกเขาไปสบายกันแล้ว คนรุ่นนั้น แทบจะไม่ค่อยหลงเหลือแล้ว ส่วนฉัน นับว่ามีกรรมที่ต้องมารับรู้ นอกจากการรับรู้แล้ว ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นที่จะไม่แสดงความคิดเห็นอะไร นอกจากการทำใจให้สงบ และแอบไปร้องไห้ เชื่อมั้ย เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ฉันนอนร้องไห้เกือบทุกคืนเลย พอได้สติ ฉันก็คิดถึงประโยคนึงขึ้นมาว่า "ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ" หมายความว่า ถ้าเรามีความดีความงามอยู่ในตัว ก็ไม่มีคำพูดหรืออะไรมาทำร้ายเราให้ตกต่ำลงไปได้ ฉันรักของฉันแบบนี้ รักในหลวงภูมิพล รักตามพ่อของฉัน พ่อฉันรักในหลวง ฉันก็รักในหลวงเช่นกัน ฉันเชื่อพ่อ พ่อเกิดในยุคนั้น พ่อรับรู้ทุกอย่าง พ่อมองว่าในหลวงภูมิพลคือต้นแบบในการทำความดี การรักในหลวงภูมิพล ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันอยากจะทำความดี ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันอยากจะมีความอดทนอดกลั้นกับทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันอยากมีสติ อยากพัฒนาตัวเอง อยากมีความตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ ในฐานะที่เป็นประชาชนของพระองค์ ในฐานะที่เป็นคนไทยคนนึง แต่ในสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ฉันเริ่มรู้สึกว่า ฉันไม่อยากอยู่ที่ไทยเลย แม้สักวินาทีเดียว แต่ฉันก็ไม่มีเงินที่จะไปอยู่ต่างประเทศได้ ฉันรู้สึกไม่ชอบที่นี่แล้ว เหมือนไม่ใช่ที่ของฉัน ฉันไม่ไล่คนอื่นหรอก แต่ฉันอยากไล่ตัวเองให้ไปอยู่ประเทศอื่น ไม่อยากอยู่ที่นี่เลย ไม่มีความสุข พ่อกับแม่ก็ไม่อยู่แล้ว ในหลวงภูมิพลก็ไม่อยู่แล้ว ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมกับประเทศนี้ แต่โชคดีที่ว่าคนรอบตัวฉันทุกคน รักในหลวงภูมิพล ฉันเลยสบายใจ อบอุ่นใจ เพราะมีคนที่คิดเหมือนกันกับเรา รักและเคารพในหลวงภูมิพลเหมือนกัน อย่างน้อย ก็ทำให้ฉันมองโลกในแง่ดีขึ้นมาบ้างว่า เรายังสามารถอยู่ต่อไปในประเทศนี้ได้ ประเทศไทยก็เป็นของฉันเหมือนกันนะ หน้าที่ของฉันคือรัก ความรู้สึกรักย่อมดีกว่าความรู้สึกที่เกลียดชัง ขอบคุณตัวเองที่รู้จักคำว่า"รัก"มากกว่าคำว่า"เกลียด" ขอบคุณพื้นที่ที่ให้ระบายความรู้สึก ไปล่ะ วันหลังจะมาเขียนใหม่ Facebook Twitter |