Smiley Som Orange ฉัน หมาแมว และความฝัน Smiley
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2565
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
27 กุมภาพันธ์ 2565
 
All Blogs
 

27 กุมภาพันธ์ 2022 ขอให้ไปอยู่ในที่ที่ดีและสวยงามนะคะ

 

๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ // 2022年2月27日 // February 27, 2022


ฉันหายไปทำใจเรื่องของ"พ่อต้อย เศรษฐา"ได้เพียงไม่กี่วัน
ได้ดูคลิปเก่า ๆ ได้ดูรอยยิ้มของพ่อต้อย
มาเยียวยาหัวใจของตัวเอง ยังไม่ทันจะหายดี

ก็ได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับนักแสดงอีกท่านหนึ่งของวงการบันเทิงไทย
นั่นก็คือ"คุณแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์"
หรือชื่อเดิมคือ ภัทรธิดา 
ซึ่งฉันจะจำในชื่อเดิมมากกว่า คือชื่อ แตงโม ภัทรธิดา
คุณแตงโมประสบอุบัติเหตุ พลัดตกจากเรือ
ทำให้ตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาและเสียชีวิต

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว แฟน เพื่อน ๆ 
และแฟนคลับของคุณแตงโมด้วยนะคะ

ตอนที่ฉันรู้ข่าว ครั้งแรกเลยคือรู้แค่ว่าคุณแตงโมตกน้ำ ในแม่น้ำเจ้าพระยา
รู้ตอนช่วงเช้าของวันที่ 25 
ซึ่งความจริงแล้วคุณแตงโมตกน้ำในคืนวันที่ 24
แต่คืนนั้น ฉันไม่รู้ข่าวเลย ไม่ได้ติดตามข่าวอะไร
เพิ่งจะมารู้ตอนเช้าของวันที่ 25 

ตอนแรก ก็ยังวางใจนิ่งเฉยอยู่
คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ 
เดี๋ยวสาย ๆ หรือช่วงเที่ยง ก็อาจจะมีการแถลงข่าวว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน
คือใจฉัน ก็คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น
แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ช่วงหัวค่ำของคืนวันที่ 25
ฉันก็เลยทำใจไว้แล้วว่า นี่คือเรื่องจริง นี่ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดแล้ว
และจากใจของคนที่ตอนเด็กเคยใช้ชีวิตนั่งเรือตรงแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นประจำ
กว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน ถ้าตกลงไปคือโอกาสรอดมีน้อยมาก
แต่ก็ภาวนาในใจว่า ขอให้เป็นเรื่องเข้าใจผิด
ขอให้เช้าวันต่อมา ยังเป็นเช้าที่ดีของคุณแตงโม 

พอเช้าวันที่ 26 ฉันอาบน้ำอยู่ น้ำหนาวมาก
ก็นึกถึงเจ้าหน้าที่ว่าจะหนาวขนาดไหนนะ
และนึกถึงคุณแตงโม ถ้าอยู่ในน้ำ คงจะหนาวมาก สงสารจับใจ
จากนั้น ฉันก็ติดตามข่าวดู ก็ยังหาไม่เจอ
พอช่วงบ่าย ๆ ฉันก็มาอ่านข่าวดูอีกรอบ ก็เจอร่างของคุณแตงโม
ตอนที่รู้ ความรู้สึกแรกของฉันคือ รู้สึกใจหาย
ทั้งที่รู้ว่าผลลัพธ์ต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ใจหายอยู่ดี พอรู้ว่าเขาจากไปแล้ว
จากนั้น ความรู้สึกต่อมาคือ รู้สึกสงสาร

คือถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นแฟนคลับและไม่ได้ชื่นชอบคุณแตงโมเป็นการส่วนตัว
แต่ว่า ฉันก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
เป็นวัยรุ่นในยุคละครเรื่อง"เบญจา คีตา ความรัก"เหมือนกัน
ชอบดูละครเรื่องนี้ ติดงอมแงมเลย 
ฉันร้องเพลงและพูดถึงละครเรื่องนี้ตลอด
เพราะฉันชอบละครเรื่องนี้มาก

ยังจำได้ดีถึงวันวาน ละครเรื่องนี้น่าจะออกอากาศช่วงท้ายปี พ.ศ.2546
คือเป็นปีเดียวกับที่พี่บิ๊กของฉัน ประสบอุบัติเหตุและนอนป่วย
ตอนนั้นฉันอายุ 16
ต้องเล่าย้อนไปตอนปี พ.ศ.2545
ตอนนั้น ฉันจำได้ว่ามีการรับสมัครประกวดมิสทีน
ฉันยังชวนพี่สาวไปประกวดเลย ชวนเล่น ๆ ไม่ได้ไปจริง 50
คือพี่สาวฉัน เกิดปีเดียวกับคุณแตงโม ปี พ.ศ.2527
ส่วนฉัน เกิดปีเดียวกับคุณเชียร์ ปี พ.ศ.2530

พอมีละครเรื่องนี้ เรื่องเบญจา คีตา ความรัก
แล้วคุณเชียร์เล่นเป็นหนึ่งในนางเอก คือนางเอกมี 5 คน 
พระเอกก็มี 5 คน ตัวอิจฉามี 3 คน
คุณเชียร์เป็นหนึ่งในนางเอก ส่วนคุณแตงโมก็เป็นหนึ่งในตัวอิจฉา
คือชอบผู้ชายคนเดียวกันในเรื่องนี้

ฉันก็บอกพี่สาวว่า"เห็นมั้ย กูบอกแล้วให้ไปสมัครมิสทีน ไม่งั้นเราก็ได้เล่นเรื่องนี้"
พี่สาวตอบว่า"มึงดูหน้าพวกเขา น่ารักขนาดนั้น แล้วมึงดูหน้าเราสองคน"107
ฉันกับพี่ ก็พูดแบบติดตลกไป

นี่ยังมีอัลบั้มเพลงของละครเรื่องนี้อยู่เลยนะ
สมัยนั้น คาราโอเกะกำลังฮิต ก็นั่งร้องเพลงกับพี่สาวและน้องสาวเป็นประจำ
ก็เลือกกันว่า ชอบใคร เลือกเลย เอาคนไหน อยากเป็นตัวละครตัวไหน107
นึกถึงอดีต นึกถึงความทรงจำวันนั้น แล้วก็ใจหายเนอะ

อ่านข่าว เห็นหน้าคุณแตงโมแล้วก็สงสาร เสียดาย
เพราะยังสาว ยังทำอะไรได้อีกเยอะ
ถ้าตามอายุขัย ก็ยังอยู่ได้อีกนาน อยู่ได้จนอายุ 80 กว่า
ยังไม่สมควรที่จะไปเร็ว

คือในละครเรื่องนี้ นักแสดงวัยรุ่นมีทั้งหมด 13 คน
แน่นอนว่า ก็จะมีคนที่หายไปบ้าง หมายความว่าไม่ทำงานในวงการบันเทิงแล้ว
ข่าวคราวเลยไม่ค่อยจะมี
หรือบางคน ก็ยังทำงานในวงการอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ยินข่าวคราว
แต่จะมีอยู่ 5 คน ที่ชื่อเสียง ผลงาน ข่าวคราวไม่เคยหายไปจากสื่อเลย
คือ คุณเชียร์ คุณซี คุณน้ำ คุณแตงโม คุณอิม
5 คนนี้ คือฉันเห็นหน้ามาตลอด ตั้งแต่เด็กวัยรุ่นจนตอนนี้ วัยผู้ใหญ่
คุณเจี๊ยบ คุณไผ่ คุณอู๋ คุณจิ๊บ พอจะเห็นบ้าง แต่ไม่ค่อยมีข่าวในหน้าสื่อเท่าไหร่
ส่วนคนอื่น ๆ ที่ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อ ไม่มีข่าวอะไรเลย

คุณแตงโมคือมีข่าวตลอด คือไม่เคยหายไปจากสื่อเลย
ฉันเห็นตลอดเลย สไตล์ของเขาก็จะเป็นแบบผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง
ตอบคำถามแบบแซ่บ ๆ ติดตลกหน่อย ๆ 
อย่างช่วงหลัง ๆ มานี่ ช่วงปีที่แล้ว ฉันจะเห็นหน้าเขาบ่อยมาก
เขาชอบไปออกรายการเวิร์คพอยท์ ฉันก็ดูนะ เห็นเขาตลอด
แล้วก็ ในรายการยูทูป ฉันก็ดูตลอดเลย
ก็รู้สึกว่าเขาพูดจาดูเบาขึ้น เหมือนเข้าใจโลกมากขึ้น
ไม่ค่อยแรงเหมือนตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น

นี่พูดถึงแล้ว ก็ยังใจหาย
สงสารและเสียดาย
แม้จะไม่ได้เป็นแฟนคลับอะไรของเขา
และไม่ได้ดูละครของเขาอย่างจริงจังอะไรนัก  
แต่ก็ในฐานะที่ฉันชื่นชอบวงการบันเทิงมาก
ฉันก็รู้สึกสงสารเขาและใจหาย ใจหายมาก ๆ  
รู้สึกแบบว่า เราก็เห็นหน้าเขามาตลอด ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นจนถึงตอนนี้
ตั้งแต่ 15-16 อ่ะ จนจะ 40 กันอยู่แล้ว พวกวัยรุ่นยุคนั้น
จากนี้ไป ก็จะไม่ได้เห็นอีกแล้ว ก็เลยใจหาย

ถ้าหากฉันเขียนอะไรที่แบบว่า ดูสบายเกินไป อาจมีติดตลกไปบ้าง
นั่นหมายความว่า ฉันเล่าถึงความทรงจำเก่า ๆ นะ
ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะไม่เสียใจกับการสูญเสีย
ฉันเล่าถึงในมุมความทรงจำในยุคนั้นที่เคยมีคุณแตงโมอยู่
ก็อยากให้มีรอยยิ้มบาง ๆ เกิดขึ้นมาบ้าง สำหรับวัยรุ่นยุคนั้น 23
พอนึกถึงความทรงจำในครั้งนั้น ฉันมีความสุข
เป็นช่วงวัยรุ่นของฉัน คิดถึงเลย 

ฉันก็ขอให้คุณแตงโมได้พักผ่อนให้สบาย หมดภาระหน้าที่ในโลกนี้แล้ว 
ภาวนาให้คุณแตงโมไปอยู่ในที่ที่มีความสุข สบายใจ
ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องเครียดอะไรอีกแล้ว โล่งใจ  
สบายกาย สบายใจ ทุกสิ่งทุกอย่าง 
ไม่ต้องแบกอะไรให้เหนื่อยหนักอีกแล้วนะคะ 
ขอให้ไปอยู่ในที่ที่ดีและสวยงามนะคะ 

และขอเป็นกำลังให้กับครอบครัว แฟน เพื่อน ๆ แฟนคลับ
ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง มีกำลังใจที่ดีส่งมอบให้กันและกัน
คนที่ยังอยู่ ก็ยังคงต้องแสดงความเข้มแข็งกันต่อไป
คนที่ไปแล้ว เราไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไง เราก็ได้แต่อวยพรให้เขาไปดี
แต่คนที่ยังอยู่ อันนี้รู้แน่นอนว่าต้องอยู่ด้วยหัวใจที่แตกสลาย
เพราะฉะนั้นแล้ว อยากส่งมอบกำลังใจให้นะคะ เข้มแข็งนะคะ
วันเวลาก็จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ 

มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า
ฉันก็ยังไม่เคยชินกับเรื่องแบบนี้สักที ทั้งที่เป็นเรื่องธรรมดาแท้ ๆ ของชีวิต 
แต่ก็ยังคงไม่เคยชินและทำใจไม่ได้สักที
มองให้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เคยได้ 

ความจริงแล้ว ฉันไม่อยากจะบอกเลย ไม่อยากพูดเลย
ปิดมานานแล้วกับความรู้สึกนี้
ฉันเคยบอกว่า ฉันเป็นแพนิค เป็นแพนิคหลายอย่างมาก
แต่แพนิคที่ฉันเป็นมากที่สุด คือ ฉันเป็นโรคกลัวความตายจนขึ้นสมอง

มันทรมานมากจริง ๆ ฉันเป็นมาตั้งแต่จำความได้แล้ว
ความจริง ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องเครียด ๆ แบบนี้เลย 71
แต่พอได้รับรู้อะไรแบบนี้ติด ๆ กัน ความรู้สึกก็เกือบจะดิ่งลงไปเหมือนกัน
ก็พยายามทำสมาธิ พยายามกอดแมว 12 ตัวของตัวเองเอาไว้แน่น ๆ 
เพราะฉันไม่อยากให้อาการแพนิคเกิดขึ้นในช่วงค่ำคืน ในช่วงก่อนนอน
มันทรมาน 71

ฉันเป็นโรคแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่จำความได้
เป็น ๆ หาย ๆ บางช่วงเป็นหนัก บางช่วงเป็นน้อย บางช่วงแทบไม่เป็น
นี่ก็เริ่มกลับมาเป็นอีกแล้ว 
เอาไว้ เดี๋ยวค่อยเขียนรายละเอียดเพิ่มอีกทีนึงแล้วกัน
ตอนนี้เกริ่นมาแค่นี้ก่อน


ความตายของใครสักคน สอนให้ฉันได้รู้อะไรหลายอย่าง

1.สอนให้รู้ความหมายของคำว่าเวลา
เราไม่รู้ว่า"เวลา"ของแต่ละคน จะมีเหลือเท่าไหร่
แน่นอนว่าทุกคนปรารถนาที่จะมีชีวิตยืนยาวนานและอยู่อย่างมีความสุข
แต่ก็ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครให้คำตอบกับเราได้
เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเราจะเหลือเวลาเท่าไหร่
เราก็ต้องใช้เวลาที่มีอยู่ในตอนนี้ ทำชีวิตของเราให้ดีที่สุด
ให้เป็นชีวิตที่เราอยากจะให้เป็น ทำชีวิตให้มีความสุขโดยที่ไม่เดือดร้อนใคร


2.สอนให้รู้ถึงคำว่า"ไม่ประมาท"
ทุกคนไม่อยากตายหรอก แต่ถ้าต้องตาย ก็ขอเลือกแก่ตาย นอนบนเตียงสบาย ๆ 
มีคนที่เรารัก มีลูกมีหลาน มาอยู่รายล้อมมากกว่า 
เราจะได้สบายใจ หลับตาแบบสบายใจ ไม่เหงา
เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากจะอยู่ถึงวันนั้น ชีวิตในวันนี้และวันต่อ ๆ ไป
ก็คือต้องไม่ประมาท ไม่ประมาทกับทุก ๆ เรื่อง
ทั้งเรื่องของอุบัติเหตุ ภัยต่าง ๆ รอบตัว รวมไปถึงอาหารการกินต่าง ๆ
เพราะถ้าเป็นโรคร้าย ก็ทำให้เราอายุสั้นได้เหมือนกัน



3.สอนให้รู้ถึงคำว่าให้อภัยกับคนที่ตนเองรัก
แบบว่า พอจะโกรธ พอจะเกลียด 
แต่พอนึกถึงความตายขึ้นมา ก็จะทำให้เรารู้สึกว่า
ไม่เอาดีกว่า ไม่ทะเลาะดีกว่า ไม่โกรธ ไม่เกลียดเขาดีกว่า
เราเจอกันแค่ชาตินี้ เรามีเวลาให้กันแค่ชาตินี้เท่านั้นเอง
ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะมีจริงหรือเปล่า ไม่รู้ว่าถ้าตายแล้ว จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น วันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน
เราทำดีต่อกันดีกว่า พูดคุยกันดี ๆ จะดีกว่า รักกันไว้ดีกว่า



4.สอนให้ฉันรู้ถึงคำว่า"ช่างมัน"
ตอนแรกว่าจะอาย ว่าจะเสียใจ ที่ผิดหวัง ที่ไม่มี ที่ไม่เป็นอย่างคนอื่นเขา
พอนึกถึงความตาย ทำให้ฉันรู้สึกคำนี้ขึ้นมาเลยว่า"ช่างมัน" 
เหมือนเป็นคำปลอบใจของตัวเองเหมือนกันว่า
พอตาย ก็เอาอะไรไปไม่ได้อยู่ดี 
คือเหมือนปลอบใจตัวเองว่า ช่างมัน วันนี้แพ้ วันหน้าก็เอาใหม่
ช่างมัน วันนี้ไม่มี เดี๋ยววันหน้าก็คงจะมี
ช่างมัน ถึงแม้วันนี้มี พอตาย ก็เอาอะไรไปไม่ได้อยู่ดี
ช่างมัน ถึงแม้วันนี้ชนะ พอตาย คนก็ลืมเราแล้ว เขาก็บันทึกชื่อผู้ชนะคนใหม่
อะไรทำนองนั้น


นี่ก็คือสิ่งที่ฉันคิด เวลาที่มีความตายมากระทบตัว
บางทีก็กระทบใกล้ บางทีก็กระทบไกล
แต่กระทบและชนเข้าที่ตัวเองเลย ยังไม่มี
ถ้ามี ฉันก็คงไม่ได้มาเขียนแบบนี้นะ ฉันคงตายไปแล้ว 121
อย่า ฉันกลัวนะ ฉันยังไม่อยากตาย 57
อีกอย่าง ฉันเป็นห่วงแมว 12 ตัวของฉันมาก 
ถ้าฉันตาย พวกมันเดือดร้อน ฉันจะเสียใจมากที่ทิ้งพวกมันไว้ในโลกใบนี้
ขอโอกาส ขอเวลาให้ฉันอยู่ดูแลพวกมันก่อน ดูจนครบอายุขัย
จากนั้น ก็ค่อยมาว่ากันใหม่


ฉันว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ทั้งที่ตัวเองก็เป็นแพนิค เป็นโรคกลัวความตาย
แต่ยังต้องมาเขียนอะไรแบบนี้ในช่วงที่ใกล้จะมืดแล้ว
อาการแพนิคจะมาตอนช่วงดึก ก่อนนอน หลับตาคือมาเลย อาการมา
ฉันไม่ได้หาหมอหรอก ถ้าหาหมอ ก็คงได้ยานอนหลับมากิน
วิธีแก้ของฉันก็คือ ทนทรมานไป 121
พยายามข่มใจไม่คิด พยายามหาอะไรทำก่อนนอน
อ่านหนังสือ เล่นเน็ต ให้ตาหนัก ๆ ตาล้า ให้มันง่วงไปซะ
มันจะได้หลับ ไม่ต้องคิดมาก
หรือไม่ก็นอนกอดแมว เล่นกับแมว อุ่นใจ สบายใจ หลับไปซะ 

นี่ยังดีนะ ตอนวัยรุ่น เป็นหนักกว่านี้อีก
ช่วงอายุ 18-19 ที่พ่อบุญธรรมจากไป ฉันก็บ้าไปเลย
นอนไม่ได้เลย อาการแพนิค โรคกลัวความตายจนขึ้นสมอง มันกำเริบ
นอนไม่หลับเลย มือเท้าเย็น ปวดท้อง ปวดหัว หายใจลำบาก เหงื่อแตก
อาการคือ กลัวความตายมาก จนเหมือนกับจะตายจริง ๆ อ่ะ
คือบ้าไปเลย

อาการตอนนี้ยังดีหน่อย คิดแค่แป๊บเดียว แล้วพยายามข่มใจ ก็หลับต่อ  
ตอนนั้นคือ ข่มใจก็ไม่หลับ ก็เลยไม่หลับเลย นั่งยาวไปจนตี 4 ตี 5
คือบ้าไปเลย เป็นเกือบทุกคืน ทรมานมาก 

ตอนนี้เป็นน้อย ไม่มาก ตั้งแต่แอนท์ไป หมาที่ฉันรักมากจากไป
อาการกลัวความตายก็กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว แต่เป็นไม่มาก
เป็นแป๊บเดียว แล้วหาย นาน ๆ เป็นที

ทั้งที่การมีชีวิตอยู่ของฉัน ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นชีวิตที่ดีหรือเพอร์เฟคอะไรนะ
เป็นชีวิตที่ล้มเหลว ผิดหวัง ไม่ได้เรื่องด้วยซ้ำไป
แต่ก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ ยังไม่อยากตายอยู่ดี 107

ที่ฉันกลัวความตายมาก ๆ กลัวจนเรียกได้ว่าเป็นโรคของตัวเองเลยแหละ
ที่กลัวมาก ๆ ก็เพราะ สาเหตุหลักคือ"ฉันกลัวลืม"
ฉันไม่อยากลืมพ่อแม่ ฉันไม่อยากลืมคนหรือสิ่งที่ฉันรัก
ฉันไม่อยากลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน บนโลกใบนี้
ฉันไม่อยากลืม 
เพราะฉันคิดแบบว่า ตายคือจบ ฉันจบ ฉันต้องลืม ฉันต้องไม่รู้อะไรอีกแล้ว
ฉันเสียใจ ฉันทำใจไม่ได้ ฉันไม่อยากลืม
ตอนนี้ ที่ฉันเขียน ฉันยังไม่มีอาการ
อาการจะมา ตอนที่ฉันนอน หัวอยู่บนหมอน 

ความลืม จะทำให้ฉันกลัวมากที่สุด
เพราะฉันไม่อยากลืม
ฉันเก็บเอาไปฝันถึงพ่อน้อย พ่อบุญธรรมของฉัน
ฉันวิ่งไปหาพ่อ เรียกพ่อ พ่อหันกลับมา ถามฉันว่า"ใคร"
ฉันบอก ลูกส้มไงจ๊ะ ลูกส้มของพ่อ 
พ่อบอก ไม่รู้จัก แล้วเดินจากฉันไป
ในฝันคือใจสลาย แตกสลายไปเลย พ่อลืมฉันไปแล้ว 
สะดุ้งตื่น เหงื่อแตก กลัวมาก เสียใจมาก 

ฉันควรไปหาหมอ รับยามั้ย? 107

ไม่ต้องห่วง ฉันโอเค สบาย ยังไหวอยู่นะ
เพราะตอนกลางวัน ฉันไม่มีอาการอะไร
จะเป็นแค่ตอนนอนเฉย ๆ 
แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้น ไม่เป็นบ่อย นาน ๆ เป็นที 
โอเค สบาย
โชคดีที่มีแมวเยอะ 12 ตัว ช่วยรักษาและเยียวยาความรู้สึกฉันเป็นอย่างดี 
อบอุ่นหัวใจมาก เมื่ออยู่กับพวกมัน
กอดกับพวกมัน ฉันก็หายแล้ว 
ฉันโชคดีตรงนี้แหละ ตรงที่มีพวกมันอยู่กับฉัน 54 

งั้น... ขอจบ blog แต่เพียงเท่านี้
วันหลังจะมาเขียนใหม่นะ 423
ขอให้ทุกคนมีชีวิตที่มีความสุขและไม่ประมาทนะคะ 23

ขอโทษที่เขียนเรื่องเครียด ๆ นะ 155


 

 

 

free counters




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2565
0 comments
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2565 19:25:31 น.
Counter : 418 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


somsu4
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




はじめまして、私はソムオレンジです。
สวัสดีค่ะ ชื่อ ส้ม ออเรนท์ ค่ะ ^^
Friends' blogs
[Add somsu4's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.