ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
 
 
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
26 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
พระภูริทัต ๓








ครั้งนั้น ยังมีพราหมณ์เนสาท (พรานป่าผู้มีวรรณะพราหมณ์) คนหนึ่ง มีบุตรชายชื่อโสมทัต อาศัยอยู่ใกล้ประตูเมืองพาราณสี ยังชีพด้วยการล่าสัตว์ ดักสัตว์ด้วยหลาวยนต์และบ่วงแร้วแล้วฆ่าสัตว์น้ำเนื้อไปขาย

วันหนึ่งพรานป่ากับบุตรชายล่าสัตว์อะไรๆ ไม่ได้เลยแม้เพียงสัตว์เลื้อยคลานสักตัวหนึ่ง พรานกล่าวกับบุตรว่า ลูกโสมทัต ถ้าเรากลับบ้านมือเปล่าแม่ของเจ้าจะต้องโกรธเอา เราต้องล่าอะไรให้ได้สักอย่างนะลูก พากันเดินแสวงหาสัตว์ไปทางจอมปลวกที่พระโพธิสัตว์นอนอยู่ พบรอยเท้าเนื้อหลายตัวลงไปดื่มน้ำที่แม่น้ำยมุนา จึงบอกบุตรว่า เจ้าจงถอยไป พ่อจะซุ่มยิงเนื้อที่มาดื่มน้ำพวกนี้แหละ

พราหมณ์ซ่อนกายแอบโคนไม้ต้นหนึ่งเตรียมธนูคอยอยู่ ในเวลาเย็น กวางตัวหนึ่งผ่านมาเพื่อไปดื่มน้ำ พราหมณ์ยิงศรถูกมันแต่มันมิได้ล้มในที่นั้น บาดเจ็บและตกใจวิ่งหนีไป บิดาและบุตรตามรอยเท้าและรอยเลือดไปจนกระทั่งมันล้มลง จึงได้เนื้อนั้นพากันจะออกจากป่า ในเวลาอาทิตย์อัสดงได้เดินมาถึงต้นไทร เห็นว่าบัดนี้เย็นย่ำค่ำแล้วไม่ใช่เวลาที่สมควรจะเดินป่าออกไป เราควรจะพักแรม ณ ที่นี้ก่อน ทั้งสองวางเนื้อไว้ที่สมควรแล้ว พากันขึ้นนอนบนคาคบไม้ไม่ไกลนั้นเอง

ครั้นใกล้เวลาปัจจุสมัย ดาวเลือนเดือนลับแล้วพราหมณ์ก็ตื่นขึ้น คอยฟังเสียงมฤคและสัตว์ต่างๆ อยู่ ในเวลานั้นเอง นางนาคมาณวิกาทั้งหลายได้ขึ้นมาจากภพนาค พากันมาตกแต่งอาสนะเพื่อพระโพธิสัตว์ พระภูริทัตกลายร่างจากนาค เป็นร่างทิพย์ของบุรุษ ประดับพระองค์ด้วยเครื่องอลงกรณ์อันวิจิตร ทรงงามดั่งองค์เทวราชา นางนาคมาณวิกาแวดล้อมถวายเครื่องหอมและดอกไม้ต่างๆ บูชาพระองค์ แลบรรเลงดุริยะสังคีตอันประณีตในระหว่างนั้น

พราหมณ์เนสาทสดับเสียง สงสัยเป็นกำลังว่าเสียงใด ปลุกบุตรชายขึ้นให้ช่วยฟังด้วยบุตรก็ไม่ตื่น พราหมณ์นั้นจึงคิดว่าเมื่อวานบุตรคงเหนื่อย ให้นอนไป ตนเองลงจากต้นไม้ เดินเข้าไปตามเสียงเพียงลำพัง

เมื่อเข้าไปใกล้ที่ประทับของพระโพธิสัตว์ เหล่านางนาคมาณวิกาแลเห็นมนุษย์มาก็ตกใจ พากันหายลงไปในแผ่นดินกลับสู่ภพนาคกันหมด เหลือพระโพธิสัตว์ประทับอยู่เพียงพระองค์เดียว พราหมณ์เข้าไปหาพระองค์ พิจารณาพระลักษณะอันงามและการห้อมล้อมของนางบริจาริกาแล้ว ตื่นเต้นอัศจรรย์ใจใคร่รู้ว่านี่คือผู้ใด

ก็พระภูริทัตนั้นมีพระวรกายงามดั่งทองคำ ดวงตาสีทับทิมสุกปลั่งดั่งมีเปลวอัคคีเต้นรำโชนแสงอยู่ สะท้อนแววงามดังมณีเจียระไน พระอุระผึ่งผายสง่างาม พระพาหาเลิศลักษณะราวจะทำให้ปวงช่างปั้นต้องพิศวง แล้วยังทรงประดับกายด้วยวิวิธภูษา นางผู้แวดล้อมก็ล้วนตกแต่งเครื่องประดับสูงค่า คงจะเป็นผู้มีฤทธานุภาพมากเป็นแน่ ด้วยความงุนงงสงสัยใจพราหมณ์จึงได้ถามขึ้น


ท่านคือใครใคร่แจ้ง...........นามขนาน
เนตรดั่งแสงสูรย์ตระการ......ก่องกล้า
มณีปัทมราชจะราน........แสงสลด..แล้วเอย
อ่าพระองค์โอ่หล้า...........เอกท้าวนามใด

จรัสในไพรพฤกษ์พร้อม......พะงางาม
อลงกตสุวรรณวาม..........รัตน์รุ้ง
อสุรเทพ ฤ นาคขาม......ใจคิด..อยู่นา
เรืองเดชดุจไฟฟุ้ง..........เฟื่องฟ้าเฟือนแสง



ท่านนั้นมีนามใด มีนัยน์ตาแดง รัศมีกายผึ่งผาย นั่งอยู่ท่ามกลางไพรพฤกษ์อันดารดาษด้วยมวลบุปผา สตรี ๑๐ นางนั้นคือใครหนอ จึงล้วนประดับด้วยเครื่องประดับทองคำ ห่มอาภรณ์วิจิตร ยืนรายรอบนอบน้อมวันทนาท่านอยู่ ท่านผู้มีแขนใหญ่ รุ่งเรืองกลางป่าลึกราวเปลวไฟเปล่งแสง คงจะเป็นยักษ์หรือนาคผู้สูงศักดิ์และมีอานุภาพผู้ใดผู้หนึ่ง

พระโพธิสัตว์ตรัสตอบว่า


เราคือนาคราชผู้......เพ็ญฤทธิ์
ปรปักษ์ยากจะลิด........ล่วงได้
แม้มีวิโรธจิต..........จรูญเดช..แล้วพ่อ
ชนบทอาจมอดไหม้.......เดือดด้วยเดชา

สมญามาตุเรศไท้.....สมุททชา
ธตรฐท้าวชนกา........ปิ่นเกล้า
สุทัสสนะภาดา........พสกเรียก..เราฤๅ
ว่าภุชค์ภูริทัตเจ้า.........ธิรท้าววิษธร



เราเป็นนาคผู้เรืองเดช ยากหาใครหมิ่นได้ หากแม้เราโกรธแล้ว เพียงคมเขี้ยวตกต้องแผ่นดิน ชนบทอันกว้างขวางพร้อมด้วยหมู่ชนก็จะมอดไหม้กลายเป็นธุลีไป ชนทั้งหลายในนาคพิภพเรียกเราว่าภูริทัต วิทูผู้มีปัญญายิ่ง

แม้หากพระองค์จะทรงบอกว่า ทรงเป็นท้าวสักกะ พราหมณ์นี้ก็คงจะเชื่อ แต่พระองค์ทรงศีลตรัสแต่สัจจะวาจาเท่านั้น ทรงดำริว่า พราหมณ์นี้ท่าทางดุร้าย กิริยาหยาบ ไม่อาจวางใจ เขารู้ว่าเราเป็นนาคแล้วอาจนำความไปบอกแก่หมองู พากันมาทำลายศีลของเรา ถ้าอย่างไรเรานำพราหมณ์ผู้นี้ไปเมืองนาคด้วย บำรุงเขาให้อยู่สุขสบาย เราก็จะสามารถมาถือศีลที่นี่ต่อไปได้โดยปลอดภัย ดำริแล้วจึงกล่าวแก่พราหมณ์ว่า

ท่านพราหมณ์ ท่านได้เคยเห็นสมบัติในนาคพิภพอันน่ารื่นรมย์ยิ่งหรือไม่เล่า เราจะมอบทรัพย์และความสุขสบาย ให้ท่านเป็นอยู่อย่างผู้มียศ หากท่านจะไปกับเรายังภพนาค ท่านจะยินดีไปกับเราหรือ ?

พราหมณ์ตอบว่า ข้าแต่ท่าน ข้าพเจ้ามีบุตรมาด้วยคนหนึ่ง หากท่านยินยอมให้บุตรไปด้วยกันกับข้า ข้าจึงจะไป

ได้สิพราหมณ์ ท่านจงนำบุตรของท่านมา...


ยลยมุนาน่านน้ำ.........นิลวน
เวียนวัฏฏ์เป็นวังชล.......ลึกล้ำ
ร้อยชั่วบุรุษตน........ต่อหยั่ง..ถึงฤๅ
เชี่ยวกรากหลากเกลียวกล้ำ...กร่อนแกล้วกมลมาน

ห้วงละหานน่าหวั่นแท้....ธารา..เรือนเอย
คือนิเวศน์นครา.........นาคแผ้ว
ไหลผ่านจากพนา.....ไพรรื่น..รุกข์นา
มวลมยุระโกญจาแจ้ว....เรื่อยร้องซ้องเสียง

เพียงเพลาใจหวาดว้ำ...วานคลา
สู่พิภพชลธา..........สถิตน้ำ
ภูมิภาครื่นหัทยา.....เขษมสุข
สถานแห่งนระผู้ล้ำ....วัตรล้ำจริยา



ลำน้ำสีเขียวเข้ม ลึกยากหยั่งถึง ยมุนานี้ ไหลผ่านมาแต่กลางพนาพฤกษ์ซึ่งหมู่นกยูงและนกกระเรียนส่งเสียงร้องก้องอยู่เสมอทุกเมื่อ ห้วงน้ำอันเป็นวังวนน่ากลัวนั้นเป็นที่อยู่อันเรืองงามของเรา ท่านอย่ากลัวไปเลย

พราหมณ์เนสาทตกลงรับคำแล้วไปบอกแก่บุตร พาบุตรตนเข้ามาหาพระภูริทัต พระองค์ก็พาพราหมณ์และบุตรนั้นไปยังฝั่งน้ำ ตรัสว่า


พราหมณ์เอยสองท่านผ้าย....พารา..เรานา
ถึงถิ่นฐานนาคา..............ภพแล้ว
ท่านจักเปี่ยมปรีดา............ดื่มสุข
เอมอิ่มยศยิ่งแก้ว...เพริศแพร้วเพียงพิมาน



ท่านจักอยู่เป็นสุขในภพนาคด้วยยศสมบัติที่เรามอบให้เป็นแท้

ตรัสแล้วทรงพาสองพราหมณ์พ่อลูกลงสู่ภพนาคด้วยพระฤทธานุภาพ ทั้งสองถึงภพนาคแล้ว กายก็ปรากฏเป็นทิพย์ พระโพธิสัตว์ประทานทิพย์สมบัติแก่พราหมณ์ทั้งสองมากมาย พร้อมนางนาคกัญญาคนละ ๔๐๐ นาง คอยปรนนิบัติดูแลให้ทั้งสองอาศัยอยู่อย่างสุขสบายยิ่งนัก

ทุกๆ กึ่งเดือน พระภูริทัตจะเสด็จไปเฝ้าบำรุงพระชนกชนนียังที่ประทับ แสดงธรรมกถาถวาย จากนั้นทรงไปเยี่ยมเยียนพราหมณ์เนสาทและบุตรโสมทัต ไถ่ถามทุกข์สุข แลว่าหากทั้งสองจะต้องการสิ่งใดก็จงบอกไปเถิด จงอยู่ที่นี้อย่างเป็นสุขรื่นเริง อย่ารู้เบื่อหน่ายด้วยประการใดๆ เลย แล้วจึงเสด็จไปสู่นิเวศน์ของพระองค์

**********************************************








พรานและบุตรอยู่ในภพแห่งนาคได้ปีหนึ่ง บุญอันน้อยของพราหมณ์ก็หมดลง เกิดเบื่อหน่ายปราสาทอันประณีตที่อาศัยอยู่ เบื่อหน่ายนางนาคกัญญาที่แวดล้อม เห็นนางที่งดงามทั้งหลายดั่งเห็นนางอสูร เห็นปราสาทแก้วเป็นดั่งเรือนจำขัง เห็นภพนาคอันน่าอภิรมย์ดั่งนรกโลกันต์ อยากจะกลับบ้านบนโลกมนุษย์ จึงไปหาบุตรของตน ถามว่า ลูกเบื่อที่นี้บ้างหรือ ?

โสมทัตบุตรพราหมณ์กลับแปลกใจย้อนถามว่า พ่อ ข้าจะเบื่อหน่ายได้อย่างไร ! ที่นี่น่ารื่นรมย์นัก ข้าไม่เบื่อเลย ก็พ่อเพื่อหน่ายที่นี่หรือ ?

พรานตอบว่า เออ พ่อเบื่อ

เพราะเหตุอะไรเล่าพ่อ ?

เจ้าเอ๋ย พ่อคิดถึงแม่และพี่น้องของเจ้าทั้งหลายในภพโน้น มา เจ้ากับพ่อกลับไปเมืองมนุษย์กันเถิดหรือ ?

โสมทัตก็ปฏิเสธว่า จะไม่ไปๆ

แต่เมื่อบิดารบเร้าหลายครั้งเข้า ก็จำรับคำ

บัดนั้นพราหมณ์ดำริว่า แม้บุตรจะตกลงใจไปกับเราแล้ว แต่หากกล่าวกับพระภูริทัตขึ้นว่าเราเบื่อหน่าย เห็นทีนาคราชนั้นจะยิ่งให้ยศสมบัติเรายิ่งๆ ขึ้นไปอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็จะไม่ได้กลับไปสักที จำจะอุบายพรรณนาโวหารยกย่องสมบัติอันเลิศของพระภูริทัตเสียก่อน แล้วเลียบเคียงถามว่า ที่พระองค์ละทิพย์สมบัติอันวิจิตรถึงเพียงนี้ไปถืออุโบสถบนโลกมนุษย์นั้นอาศัยเหตุใดเล่า

หากพระองค์ตอบว่าต้องการจะไปสวรรค์ เราก็จะได้ช่องทูลว่า สมบัติอันตระการถึงเพียงนี้ท่านยังละไปไม่ไยดีเพราะเหตุแห่งสวรรค์ ก็ดูตัวเรานั้นสิ ช่างน่าละอายกระไรมาอาศัยอยู่ที่นี้ เลี้ยงชีวิตด้วยทรัพย์ของผู้อื่น เราจะกลับบ้านยังมนุษย์โลก ไปเยี่ยมญาติ แล้วละทางโลกบวชบำเพ็ญสมณธรรมดีกว่า อย่างนี้ พระภูริทัตก็คงต้องอนุญาตให้เราไป

พราหมณ์คิดตริตรองรอบคอบแล้ว วันหนึ่ง พอเมื่อพระโพธิสัตว์เสด็จมาเยี่ยม และถามพราหมณ์ว่าเบื่อหน่ายบ้างหรือไม่ พราหมณ์ก็ตอบตามอุบายทีเดียวว่า

เหตุอันใดจึงยังข้าพเจ้าให้เบื่อหน่ายได้เล่า ทรัพย์สิ่งของบรรดาเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหลายที่พระองค์ประทานให้นั้นหาความบกพร่องมลทินสักน้อยหนึ่งมิได้ พระผู้ปิ่นแห่งนาคเอย สมบัติของท่านพิจิตรไพบูลย์ถึงปานนี้...

แล้วตั้งต้นพรรณนาสมบัติของพระองค์เป็นอเนกประการ เช่นว่า แผ่นพื้นดินในนาคพิภพนี้ เกลื่อนกล่นแล้วล้วนไปด้วยทองคำ เงิน แก้วมณี แก้วมุกดา และทรายอันราบเรียบกว้างใหญ่ เต็มด้วยสิ่งอันน่าอภิรมย์ใจ...


แผ่นพสุธาภาคพื้น.........ไพศาล
ราบเรียบแลละลาน........รุกข์ไม้
กฤษณาสุมามาลย์......แกมกลิ่น..กรุ่นนา
ตฤณชาติดาดภพใต้.........ต่ำใต้ใดปาน

ตระการสลิลสระแก้ว..........เกลื่อนบัว
แมลงค่อมทองพรายตัว......เพริศแต้ม
หงส์เหมราชระรัว......ร้องเสนาะ..เสียงนา
ปวงอุบลแบ่งแย้ม.........ยั่วเย้าเสาวคนธ์

โสภณโสภิตแพร้ว...........ไพฑูรย์..สถานฤๅ
ปราสาทอัฏฐ์วิบูลย์.........มุขตั้ง
พันเสาสุภาพูน............พิศเพริศ..เพราพ่อ
อเนกนาฏผณินทรทั้ง.....ทั่วแท้มณีฉาย

ฦๅสาย ธ เลิศแล้ว.........เลอรมย์
อุบัติในพิมานอุดม.......เด่นด้าว
เกษมแสนสุขบรม......บุญบุพ..กาลพ่อ
เหลือจะเปรียบปานท้าว....ท่านแท้เสวยสวรรค์

ไพชยันต์เทวราชเบื้อง....บนภพ
ฤๅพิลาสเลอลบ...........ฤทธิ์ได้
ไตรตรึงษ์ ฤ ตรึงสบ...ประสงค์จิต..ท่านนา
ด้วยทิพย์ท่านทัดไท้.......เทียบท้าวโกสีย์



ฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ไพบูลย์ของท่านนี้ดั่งยศของท้าวสักกะเทวราชก็มิปาน ท่านคงจะมิได้ปรารถนาวิมานเช่นนั้นบนดาวดึงส์ภพเป็นแน่

ครั้นพระโพธิสัตว์ได้ฟังคำพราหมณ์จึงตรัสว่า พราหมณ์ ท่านอย่าพูดอย่างนั้นเลย ยศศักดิ์ของเราเปรียบด้วยยศแห่งท้าวโกสีย์เทพบดีนั้นยังไกลกันนัก ดังหนึ่งเมล็ดพันธุ์ผักกาดหาญไปเทียมใกล้ขุนเขาสิเนรุ พวกนาคเช่นเรามีค่าน้อย เปรียบไม่ถึงแม้กับเทพรับใช้ผู้บำเรอบาทขององค์ท้าวสักกะเทวราชเลย


อินทรานุภาพไท้............เถกิงสรวง
บุญบาทบำเรอปวง...........เปี่ยมฟ้า
หยาดยศหนึ่งจะลวง.....ลาญจิต..นะพ่อ
เกินคิดเกินคาดข้า.......สุดค้นคะเนถึง



อำนาจแม้แห่งเทพบริวารอันมีหน้าที่อุปัฏฐากท้าวผู้มีพันเนตรนั้น ยังรุ่งเรืองเกินกว่าใครจะพึงจินตนาการถึงได้โดยง่ายนะพราหมณ์ พระภูริทัตตรัสต่อว่า เรายินท่านกล่าวแล้วถึงวิมานของท้าวจอมเทพ จึงระลึกได้ว่า ด้วยปรารถนาปราสาทเฉกเช่นเวชยันต์นั้นดอก เราจึงได้ไปถืออุโบสถธรรม ทรงว่า


หวังวิมานมิ่งฟ้า.........เมืองอมร
อันประไพอัมพร........พิลาสล้ำ
หวังสุขจึ่งสังวร..........อุโบสถ
กีดกิเลสไกลกล้ำ....กอปรแกล้วกมลหวัง



พอพราหมณ์ได้ฟังดังนั้นดีใจ ว่าได้โอกาสแล้ว จึงทูลลาว่า


สองข้าแลบุตรนี้.............วเนจร
แสวงมฤคกลางวนาดร....เนิ่นช้า
หมู่ญาติ ณ นคร.........คอยข่าว
ครวญคะนึงคิดหน้า....หนักรู้เป็นไฉน


จากไกลเกลือกมอดม้วย....มลายชนม์
ขอพระผู้ทรงพล..............ผ่องแผ้ว
อนุญาตเพื่อเยี่ยมยล......เยือนถิ่น..ถวิลนา
เคหาสน์คิดคลาดแคล้ว....ใคร่แคล้วคืนหลัง



ข้าพเจ้าจะขอทูลลาพระองค์ผู้ทรงยศ โอรสผู้เชื้อวงศ์แห่งกษัตริย์กาสีสู่โลกมนุษย์

พระโพธิสัตว์ตรัสตอบว่า


พราหมณ์เอยท่านอยู่ด้วย.....ยินดี..เรานา
หากว่าปรารถนาลี.........ลาศไสร้
จงรับมอบไมตรี............เมือสุข
สมบัติทิพย์หายากได้....สุดพ้นเสาะแสวง



ทรงดำริว่า พรานนี้เมื่อกลับไปแล้ว หากยังได้อาศัยเราเลี้ยงชีพอยู่เป็นสุข คงจะไม่บอกเรื่องของเราแก่ใครๆ เราจึงควรให้แก้วมณีพิเศษ อันจะนำความปรารถนาใดๆ ให้เป็นจริงได้แก่เขา แล้วตรัสว่า


ทิพย์มณีนี้ดั่ง............ดวงมาน ดลนา
ทุกปรารถนาบันดาล.......ท่านได้
ปศุสัตว์บุตรบริวาร........แลอื่น ก็ดี
ตั้งจิตปรารถนาไซร้....จักได้สมประสงค์

จงรับมณีนี้เพื่อ...........พราวรมย์
นิวัตินิเวศน์ชม..........ชื่นใช้
จงปราศทุกข์โรคระทม....ภัยอื่น พ่ายนา
สวัสดิ์สบวงศาให้..........ท่านท้นสุขเสมอ



ลำดับนั้นพราหมณ์กลับตอบว่า


พระเอยพระตรัสไร้........มลทิน
ปีติเมื่อยลยิน........ประโยชน์ย้อม
หากข้าห่อนหวังสิน......ทรัพย์เลิศ
แก่เฒ่าเข้านึกน้อม...มนัสพร้อมบรรพชา



ข้าพระองค์เบื่อหน่ายไม่ปรารถนากามสุขทั้งหลายอีกแล้ว จักรับแก้วมณีนี้ไปด้วยประโยชน์อันใดเล่า เมื่อชราร่างถึงป่านนี้เป็นเวลาดีที่จะบวช

พระภูริทัตทรงอนุโมทนาคำอันเป็นกุศลของพราหมณ์แล้วตรัสว่า


กาลใดท่านเลิกพ้น.......พรหมจรรย์
เกิดกิจด้วยการสรร.......ทรัพย์สร้าง
อย่าหวั่นจิตจงผัน.........ผินสู่ เราแฮ
ทรัพย์ยิ่งทรัพย์ฤๅร้าง.....มอบพ้นพูนสิน



ดูกรพราหมณ์ การประพฤติพรหมจรรย์ของสมณะให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตลอดกาลอันนานนั้นยากยิ่ง หากในกาลใดท่านหย่อนยินดีในการบวช ลาสิกขาแล้วจงมาหาเรา ท่านจะต้องการทรัพย์สินสิ่งใดเราจะให้ท่านมากๆ อย่าได้คิดหวั่นเกรงเลย

พราหมณ์ตอบว่า


พระเอยพระตรัสท้น......ทางกุศล
ข้าพระองค์ยินยล........ชื่นแล้ว
วันใดมืดกมล............หมองสุข
คิดพึ่งพระบาทแก้ว.....จักย้อนเยือนพระองค์



เมื่อพระภูริทัตทราบว่าพรานไม่ปรารถนาจะอยู่ในภพนาคต่อไปแล้ว จึงตรัสสั่งให้นาคมาณพทั้งหลาย นำพาพราหมณ์สองพ่อลูกกลับไปส่งยังมนุษย์โลก


นาคมาณพทั้งสี่......แสดงตน
สรรพส่งสู่เมืองบน.....บัดนั้น
พราหมณ์ผ้ายจากภพชล...ชลาถิ่น
ดั่งพระดำรัสดั้น....ประเวศด้าวคืนดิน



นาคมาณพพาพรานพ่อลูกขึ้นจากฝั่งน้ำยมุนามาส่งถึง ณ ทางที่จะไปยังกรุงพาราณสีแล้วต่างกลับไปยังภพนาคตามเดิม


พราหมณ์และบุตรเมื่อจากเหล่านาคแล้ว ก็เที่ยวแสวงหาสัตว์ต่างๆ ไปตามทางก่อนกลับถึงเคหา มองหามฤคและสุกรเป็นต้น ผ่านมาถึงสระโบกขรณีหนึ่ง พรานจึงชวนบุตรขึ้นว่า พ่อโสมทัต เราทั้งสองอาบน้ำที่สระนี้กันเถิดหรือ ? โสมทัตเห็นดีด้วย จึงทั้งสองหยุดยั้งยังฝั่งสระ เปลื้องอาภรณ์และเครื่องประดับประดาอันเป็นทิพย์ออกจากกาย ห่อวางไว้ริมสระแล้วลงไปชำระกาย บรรดาผ้าและเครื่องตกแต่งทิพย์เหล่านั้นก็อันตรธานไปสู่ภพนาคดังเดิม ปรากฏผ้านุ่งห่มผืนเก่าขึ้นแทนที่ ทั้งธนูศรแลหอกล่าสัตว์ของพรานเช่นดังเก่าด้วย

โสมทัตเห็นดังนั้นตกใจร้องขึ้นว่า แย่แล้วไหมล่ะพ่อ ไม่ควรเลย

พรานจึงปลอบบุตรว่า เอาเถอะ อย่าเสียดายไปเลย เนื้อทั้งหลายในป่ายังมี เราฆ่าเนื้อเลี้ยงชีวิตกันต่อไปได้น่ะลูก


เมื่อสองพ่อลูกกลับถึงบ้าน มารดาของโสมทัตรีบออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ จัดหาข้าวน้ำมาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำ พราหมณ์ผู้พ่อบริโภคแล้วก็หลับไป นางจึงได้ถามบุตรว่า ลูกโสมทัต เจ้ากับพ่อเจ้า ๒ คน หายไปไหนกันมานานจนถึงป่านนี้

โสมทัตตอบว่า เราสองเข้าป่าพบพระภูริทัตนาคราชที่ริมฝั่งน้ำยมุนา ท่านพาเราไปอยู่ยังนาคพิภพจ้ะ แต่เราทั้งสองคิดถึงแม่ จึงได้ขอท่านกลับมาบัดนี้

มารดาถามว่า ได้แก้วแหวนเงินทองสิ่งไรกลับมาบ้างเล่า

โสมทัตตอบว่า ไม่ได้มาเลยสักสิ่งเดียวจ้ะแม่

มารดาฉงนใจถามว่า พระภูริทัตไม่ให้อะไรมาบ้างเลยหรือ ?

โสมทัตก็เล่าว่า พระนาคินทร์จะให้มณีสารพัดนึกแก่พ่อ แต่พ่อไม่ยอมรับเอามา

เหตุใดพ่อเจ้าจึงไม่รับเล่า !?

แม่ พ่อว่า พ่อจะบวช

นางพราหมณีได้ฟังบันดาลโทสะว่าพรานทิ้งเราและลูกเล็กๆ ให้ลำบากมานานป่านนี้ หนีไปอยู่สุขสบายในภพนาค กลับมาถึงบอกจะบวช ลุกขึ้นตีหลังพรานด้วยพลั่วสาดข้าว ด่าว่า อ้ายพราหมณ์ชั่ว หน็อย จะบวชหรือ ภูริทัตเขาให้แก้วมณีไฉนแกจึงไม่รับ ไม่เข้าวัดบวชไปเสียเลยเล่า กลับมาบ้านทำไมอีก ไปเลย จงไป ออกไปให้พ้นเรือนของข้า

ลำดับนั้นพราหมณ์จึงปลอบว่า เจ้าอย่าโกรธไปเลย มฤคในป่ามีอยู่มากมายข้าจะฆ่าเนื้อมาเลี้ยงดูเจ้าเอง

ดังนี้พรานกับบุตรก็พากันเข้าป่า หาเลี้ยงชีพด้วยการฆ่าสัตว์ดังกาลก่อนนั้นแล


จบเนสาทกัณฑ์









ครั้งนั้น ยังมีครุฑตนหนึ่ง อาศัยอยู่บนไม้งิ้วทางทิศใต้แห่งมหาสมุทร ออกมาหาอาหารคือนาค ด้วยการกระพือลมปีกพัดแหวกน้ำในสมุทรแล้วลงไปจับนาคได้ตนหนึ่ง ใช้กรงเล็บหิ้วศีรษะนาคนั้นขึ้นมา พาบินผ่านป่าหิมพานต์ไปในขณะหางนาคนั้นห้อยลงอยู่

ก็ในกาลนั้น มีพราหมณ์ชาวกาสีผู้หนึ่ง ออกบวชเป็นฤๅษี สร้างอาศรมอยู่ ณ หิมวันตประเทศ ที่ท้ายสถานจงกรมของฤๅษีมีต้นไทรสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ใช้เป็นที่พักผ่อนอิริยาบถอันสบาย หากพอเมื่อครุฑหิ้วนาคผ่านมา นาคเห็นต้นไทรใหญ่ก็ขมวดปลายหางพันไม้ไว้หมายใจจะให้พ้นภัย ส่วนครุฑนั้นไม่รู้จึงยังคงบินไปด้วยกำลังแรง เนื่องเพราะกำลังของครุฑมีมาก ต้นไทรใหญ่ทั้งต้นจึงถูกดึงถอนออกทั้งรากติดไปกับหางนาคด้วย

ครั้นครุฑพานาคมาถึงยอดสิมพลีพฤกษ์ ก็วางนาคลง จิกด้วยจะงอยปาก ฉีกท้องเพื่อกินมันเหลวของนาค แล้วทิ้งร่างนาคลงสู่มหาสมุทร ต้นไทรก็ตกลงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ครุฑจึงได้ทราบว่า นาคพาเอาต้นไทรที่ท้ายสถานจงกรมของพระดาบสมา ร้อนใจว่าเหตุนี้เพราะเรา จะเป็นเราต้องตกที่ทำอกุศลกรรมต่อพระฤๅษีแล้วหรือไม่หนอ เห็นควรว่าควรไปสอบถามพระดาบสดูให้แจ้ง คิดแล้วจึงแปลงรูปเป็นบุรุษ เดินทางเข้าไปสู่อาศรมของพระฤๅษี

กาลนั้นพระดาบสกำลังเกลี่ยดินซ่อมแซมบริเวณโคนไทรใหญ่อยู่ พญาสุบรรณแปลงเข้าไปนมัสการแล้ว ทำทีประหนึ่งมิทราบเรื่องราว นอบน้อมถามท่านว่า

ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ที่ตรงนี้เป็นหลุมใหญ่นัก เดิมทีมีต้นไม้หรือสิ่งใดอยู่หรือ ?

พระดาบสตอบว่า ดูกรมาณพน้อย ที่ตรงนี้เคยมีต้นไทรใหญ่ สุบรรณตนหนึ่งนำนาคผ่านมาเพื่อเป็นภักษาหาร นาคเอาหางพันต้นไทรไว้หมายใจจะให้พ้น สุบรรณมิทันรู้บินไปโดยเร็ว ต้นไทรใหญ่นั้นก็ถอนขึ้นทันทีด้วยกำลังแรง ติดไปกับหางนาคเทียว

สุบรรณถามว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า เช่นนี้อกุศลกรรมจะมีแก่สุบรรณหรือไม่เจ้าข้า

ดาบสตอบว่า หากว่าสุบรรณนั้นไม่ทราบ อกุศลกรรมก็ไม่มี เพราะไม่มีเจตนา

สุบรรณถามว่า ก็อกุศลกรรมจะเกิดแก่นาคด้วยหรือไม่เล่าเจ้าข้า

ดาบสตอบว่า นาคก็มิได้จับเหนี่ยวไว้เพราะตั้งใจจะให้ต้นไทรหักโค่น ตั้งใจเพียงจะให้ตนรอดพ้นอันตราย ดังนั้นอกุศลกรรมก็ย่อมไม่เกิดแก่นาคตนนั้นเช่นกัน

สุบรรณได้ฟังคำฤๅษีโสมนัสนัก กล่าวว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าเองคือสุบรรณนั้น มีใจยินดียิ่งที่พระคุณเจ้ากรุณาแก้ไขปัญหาข้องใจนี้ ข้าพเจ้าขอถวายมนต์บทหนึ่ง ชื่อว่า อาลัมพายน์ เพื่อบูชาคุณของท่าน มนต์นี้หาค่ามิได้ ใช้สะกดครอบงำนาคทั้งหลายในพิภพ เป็นวิชาอย่างสูงยิ่ง

ดาบสปฏิเสธว่า อย่าเลย เรามิต้องการมนต์ ท่านจงไปเถิด

สุบรรณก็วิงวอนว่า ขอพระคุณเจ้าโปรดรับไว้เถิด

เมื่อวิงวอนหลายครั้งเข้าพระดาบสจึงยอมรับ

สุบรรณถวายมนต์ท่านแล้วบอกยาที่จะต้องใช้ประกอบมนต์จนครบถ้วน แล้วจึงลาไป


จบครุฑกัณฑ์









Create Date : 26 มีนาคม 2550
Last Update : 23 เมษายน 2553 10:32:00 น. 2 comments
Counter : 1037 Pageviews.

 
ขอบคุณมากนะคะ..ที่นำมาให้อ่านค่ะ


โดย: Why England วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:19:06:42 น.  

 
คุณ Why England - ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านเช่นกันค่ะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:9:06:40 น.  

ศรีสุรางค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]












visit me at:
Srisurang's book recommendations, liked quotes, book clubs, book trivia, book lists (read shelf)




ประวัติผลงาน





สงวนลิขสิทธิ์

การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read

หัวใจที่ถูกจอง รักนี้ (ไม่) มีสตรอว์เบอร์รี รวมมิตรแต้พานิช มายานาง เจ้าดวงใจ คนในผ้าเหลือง A Man in Saffron Robes

More of Srisurang's books »
Book recommendations, book reviews, quotes, book clubs, book trivia, book lists

My Goodreads bookshelf

Dream Lake
Rose
เหยื่ออธรรม
ประมูลหัวใจ
Something About You
ปทมาศวรรย์
อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข
Celebrity in Death
The Madness of Lord Ian Mackenzie
รักหลงฤดู
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ เล่ม 1
จิตสดใสแม้กายพิการ
Love me, please...เพียงรักฝากใจ
พระสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค๑ และอรรถกถา Tipitaka The Pali Canon (Thai Translation) Book 15
Born in Sin
Dark Desire
ตุ๊กตา
นาคราช
ทวิภพ
Red River, Vol. 8


Srisurang's favorite books »
Friends' blogs
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.