ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
พระภูริทัต ๘









ตอนที่ ๘
ยัญญวาทกัณฑ์ (ต่อ)




อริฏฐะยกเหตุอุทาหรณ์มากมายมาแสดงประกอบความเลื่อมใสในพราหมณ์ของตนต่อไปอีกว่า


สาครชิตราชเจ้า.......จอมดิน
ชำนะทั่วปถพินทร์........จรดน้ำ
บูชาเทพอัคนินทร์....ตั้งหลัก ยัญนา
ล้วนสุวรรณเลิศล้ำ...แหล่งไท้สถิตสรวง


พระเจ้าสาครราชตั้งเสาบูชายัญทองคำอันงามยิ่งนัก ทรงบูชาไฟแล้วได้เป็นเทพองค์หนึ่ง

ดูกรพี่สุโภคะ คงคามหานทีแลมหาสมุทรทั้งหลายนี้ใครสร้างพี่รู้หรือไม่ เมื่อพระสุโภคะปฏิเสธว่าไม่ทราบ กาณาริฏฐะก็ว่า พี่จะรู้อะไร พี่รู้แต่จะโบยตีพราหมณ์เท่านั้น

ในอดีตกาลพระเจ้าอังคโลมบาท ตรัสถามทางสวรรค์จากพวกพราหมณ์ บรรดาพราหมณ์ทูลแนะนำว่า ให้เสด็จสู่หิมวันต์ สักการะเหล่าพราหมณ์แล้วบำเรอเพลิง ก็ทรงนำแม่โคจำนวนมากเข้าสู่ป่าเพื่อนำนมโคไปให้ทานแก่พราหมณ์ทั้งหลายในป่านั้น น้ำนมที่เหลือจากพวกพราหมณ์บริโภค พราหมณ์ก็ให้เททิ้งเสีย ที่ใดเทน้ำนมน้อย ที่นั้นก็กลายเป็นแม่น้ำ ที่ใดนมนั้นกลายเป็นนมส้มไหลไปขังอยู่ สถานนั้นก็กลายเป็นสมุทร พระองค์กระทำทานใหญ่ ทรงบำเรอเพลิงตามวิธีที่พวกพราหมณ์ทูลแล้วจึงได้เสด็จไปสู่นครแห่งท้าวสหัสสนัยน์เจ้าไตรตรึงส์สวรรค์


คงคาสู่สมุทรแท้....ทธิริน รวมนา
อังคโลมบาทบดินทร์.......ฤทธิ์ล้น
เสด็จเถลิงบุระอินทร์.........อุบัติ
เอกอัคคิบูชาพ้น.....ภพเบื้องอบายภูมิ


ครั้นแล้วอริฏฐะกล่าวอีกว่า ข้าแต่พี่สุโภคะ เทพเสนาแห่งท้าววาสวะในไตรทิพย์ เป็นเทวะผู้ประเสริฐ มีอานุภาพมาก ก็เพราะลอยมลทินของตนด้วยโสมยาควิธีของพราหมณ์ในกาลก่อน จึงได้ไปสู่ชั้นฟ้า


มหิทธิเทพผู้.......เสนา
แห่งทิพย์ไตรเทวา.......วาสว์ไท้
เถลิงสุรโลกา.... มละบาป แล้วนา
โสมยาควิธีให้....แห่งห้องหนหาว


ท้าวมหาพรหมผู้เรืองยศ ผู้สร้างโลกนี้และโลกหน้า ตลอดจนแม่น้ำ ภาคิรถี ขุนเขาหิมวันต์แลภูผาวิชฌะ ก็เคยบูชาไฟมาแต่ก่อน


วรอิทธิเทพเจ้า.....เรืองยศ
โลกปรโลกปรากฏ......กอปรสร้าง
วิชฌ์หิมวัตบรรพต....ภาติ รถีนา
ด้วยอดีตมิรู้ร้าง...... เร่งรู้บำเรอไฟ


ขุนเขาใหญ่เหล่าใดก็ดี มิว่า มาลาคิรี หิมวา วิชฌะ สุทัศนะ นิสสภะ กากเวรุ ฤๅเหล่าอื่น ล้วนคืออาสนะก่อด้วยอิฐอันกษัตริย์ในอดีตสร้างถวายไว้แก่พวกพราหมณ์ ด้วยอานุภาพของพราหมณ์ผู้บูชายัญ อาสนะทั้งหลายนั้นจึงเจริญเกิดเป็นภูเขาใหญ่ นับได้ว่าพราหมณ์เป็นผู้สร้างมหาคีรีโดยแท้


ยัญพราหมณ์สรรค์เสกสร้าง....ภูผา
วิชฌ์สุทัศน์หิมวา.......นัคนั้น
อีกนิสสภะมาลา....คิริอื่น อีกนา
รวมกากเวรุกั้น....เกลื่อนฟ้าดินสลัว


****************************************************

ปถพินทร์ – ปถพี ปฐวี แผ่นดิน
ไตรตรึงส์ – ดาวดึงส์ สวรรค์ชั้นที่ ๒ แห่ง ๖ ชั้นฟ้าที่พระอินทร์ครอง
ทธิ – นมส้ม นมเปรี้ยว
วาสว - พระอินทร์
มละ – ละ
หิมวัต – (หิมวาต หิมวาน หิมพาน หิมวันต์ หิมพานต์ หิมวา) มีหิมะ หนาว
นัค - ภูเขา










พี่สุโภคะ ก็พี่รู้ฤๅไม่ว่า เหตุอันใด น้ำในสมุทรทั้งหลายจึงเป็นน้ำเค็มมิอาจดื่ม พี่ไม่รู้ ก็พี่รู้แต่จะเบียดเบียนพราหมณ์เท่านั้นนั่นแหละ พี่เอย พี่จงฟังน้องเถิด


สมุทรเสิบสานซัดต้อง....ตัวพราหมณ์
ผู้เพ่งพรตมนต์ยาม.......โสรจน้ำ
สรงศีรษะลอยทราม......สละบาป
สมุทรจึ่งเค็มคุ้งซ้ำ....ซัดผู้บุตรพรหม


ในครั้งอดีต พราหมณ์ผู้ทรงเวท ทรงมนต์ ทรงคุณ มีตบะ เลี้ยงชีพด้วยการขอ ยืนอยู่ริมฝั่งสมุทร วักน้ำรดศีรษะทำพิธีลอยมลทินอยู่ สาครนั้นก็กำเริบขึ้นท่วมทับพราหมณ์ ยังผลให้ท้าวมหาพรหมพิโรธ จึงสาปให้น้ำในสมุทรเค็มดื่มไม่ได้มานับแต่นั้น นะพี่


พราหมณ์ผู้ควรคู่ค้อม.....เคารพ
โดยสักกะเทพจอมภพ........แผ่นฟ้า
เหนือใต้ออกตกประสบ.....ณ ภาค ใดแฮ
พราหมณ์ย่อมยังโลกหล้า..แหล่งปลื้มเปรมใจ


ขึ้นชื่อว่าพราหมณ์ของท้าววาสวะเทพ คือคนที่ควรบูชา พราหมณ์อยู่ ณ ทิศใด ที่นั้นย่อมยังปีติโสมนัสให้เกิด

อริฏฐะพรรณนาถึงพราหมณ์ แลความเชื่อของพราหมณ์ตามความคิดเห็นแห่งตนดังนี้



จบยัญญวาทกัณฑ์





ครั้งนั้น นาคเป็นอันมากผู้มาเฝ้าเยี่ยมเยียนพระโพธิสัตว์ ฟังถ้อยคำของอริฏฐะอนุชาแล้วก็พลอยเห็นผิด ยึดถือเอาตามคำของพระอนุชานั้น เข้าใจว่าเป็นความจริงแท้ พระภูริทัตบรรทมอยู่ ได้สดับความตลอด ทั้งเหล่าพาสุกรีที่ได้เข้าเฝ้าก็ทูลพระองค์ให้ทรงทราบด้วย

มีพระดำริว่า อริฏฐะเห็นผิดแล้ว พรรณนาหนทางอันผิดแก่หมู่ชน เราต้องแสดงหนทางที่ถูกต้องให้นาคบริษัทได้ทราบ ทำลายวาทะที่ผิดของอนุชาเสียจึงควร เสด็จลุกขึ้น โสรจสรงตกแต่งพระวรกายแล้ว ประทับบนอาสนะแห่งธรรม ตรัสเรียกอริฏฐะและบรรดาวาสุกรีทั้งหลายมา ดำรัสว่า อริฏฐะ เจ้าสรรเสริญสิ่งอันไม่จริงและไม่ควร การบูชายัญแลการเรียนไตรเวทของพราหมณ์ทั้งหลายไม่ใช่ทางไปสู่สวรรค์ ไม่ใช่สิ่งประเสริฐ ไม่ใช่สิ่งอันควรยกย่องเลย เราจะชี้ข้อไม่จริงในคำของเจ้าให้ได้รู้ แล้วทรงเริ่มแจกแจงข้อเท็จแห่งยัญวาทะของพราหมณ์ดังนี้


ไตรเพทพึงเปรียบแม้น...พยับมา ยาเอย
ย่อมพ่ายธีรปัญญา......ปราชญ์แท้
ชนะเพียงหมู่โมหา...เห็นผิด ธรรมนา
อริฏฐะเพทย่อมแพ้.........พิชญ์ผู้เมธี


ดูกรอริฏฐะ ผู้ทรงเวททั้งหลายนั้นชนะได้แต่หมู่คนโง่เขลาเท่านั้น มิอาจพาผู้มีปัญญาให้หลงเชื่อได้ ไตรเพทมีมายาเหมือนพยับแดด เหมือนภาพลวงตาบนแผ่นดินร้อน ให้เหล่ามฤคที่เห็นว่าน้ำ พากันไปพินาศสิ้น ไม่มีจริงแต่มองคล้ายมีจริง คนผู้มืดมนด้วยความไม่รู้หลงเชื่อว่าไม่มีโทษ ตามไปก็ถึงความเคราะห์ร้าย หากปราชญ์ผู้รู้ธรรมชาติแห่งภาพลวงนั้นแล้ว ย่อมไม่อาจถูกล่อหลอกไป


ไตรเพทมิอาจป้อง.......ประทุษชน
พร่ามิตรผลาญมงคล......คดผู้
พระเพลิงพร่ำบวงบน... บดบาป ได้ฤๅ
โทสจริตชนรู้..........กอปรร้ายฤๅถอน


ไตรเพทมิได้มีไว้เพื่อปกป้องคนผู้ประทุษร้ายมิตร ผู้ล้างผลาญความเจริญ เพลิงที่เหล่าพราหมณ์บูชาย่อมมิอาจป้องกันคนผู้มีโทสะประกอบกรรมชั่วได้


เผาไม้จนโลกแผ้ว.....พฤกษา
เผาทรัพย์พร้อมโภคา......สรรพสิ้น
ไฟฤๅอิ่มเดชา....... โชติอัส- มะเอย
ใครอาจยังให้ลิ้น...อัคคิสิ้นหิวกระหาย


เพลิงอันมีเดชยากหาเหมือนนั้นไม่รู้อิ่มดอกอริฏฐะ แม้คนทั้งหลายจะนำไม้แลหญ้าทั้งสิ้นโลก พร้อมทรัพย์สมบัติทั้งปวงของตนมาเผา เพลิงก็มิอาจกินอิ่มหนำ แล้วนำพาคนเหล่านั้นไปสู่สวรรค์ได้




****************************************************

คุ้ง – อ้อม นาน ยาว ตลอดไป
พยับ – มืดมัว ครึ้ม เงาแดด ภาพลวงตาอันเกิดจากเงา เช่น เห็นแต่ไกลเป็นน้ำ
ธีร – นักปราชญ์ ฉลาด มีปัญญา ชำนาญ มีไหวพริบ มั่นคง แข็งแรง
โมหะ – ความเขลา ความหลง ความโง่ ความฉงน ความมืดมน
พิชญ์ – คนมีความรู้สูง นักปราชญ์
เมธี – ผู้มีปัญญาความรู้ นักปราชญ์
อัสมะ – ไม่เสมอเหมือน ไม่มีสิ่งเปรียบ










สรรพสิ่งแปรเปลี่ยนได้....ฉันใด
ไฟเกิดแลแปรไป......ดั่งนั้น
ประกอบวิริยสีไฟ......จึ่งเกิด
ดังเช่นนมเปลี่ยนชั้น...สู่ส้มแลเนย


นมสดแปรไปได้เป็นธรรมดาคือเป็นนมส้ม แล้วเป็นเนยข้นฉันใด ไฟก็มีความแปรไปเป็นธรรมดาฉันนั้น เมื่อประกอบความเพียรในการสีไฟ ไฟจึงจะเกิดได้


ไม้แห้งไม้สดไร้.....แรงเพลิง
อัคคิจักร้อนเริง......โรจน์ได้
เพราะสีจุดจึ่งเถกิง.....ก่อเกิด
เว้นเหตุแล้วย่อมไร้...เดชไร้ไฟผลาญ


ไฟมิใช่เทวเจ้าผู้สถิตอยู่ในไม้แห้งฤๅไม้สดเลย เว้นกิริยาของผู้ประสงค์ไฟสีไม้ให้เกิดไฟเสีย ไฟย่อมเกิดไม่ได้โดยธรรมดา


หากเพลิงแฝงร่างเร้น.....รุกขา
พฤกษชาติถ้วนพนา.....จักไหม้
ไม้แห้งเดือดเดชา...ลุกโชติ เองนา
เพลิงมิได้สถิตไม้...พลุ่งไม้ไหม้เพลิง


ถ้าไฟพึงสถิตอยู่ในไม้แห้งและไม้สดแล้วไซร้ ป่าในโลกทั้งหมดคงจะแห้ง ไม้ทั้งหลายก็คงลุกโพลงเป็นเปลวได้เอง


หากบุญบังเกิดได้.....ด้วยไฟ
เผาถ่านเผาเกลือไป.....หลุดพ้น
พ่อครัวสัปเหร่อใคร......เผาศพ
ล้วนหลากบุญล้ำล้น...ชื่อล้นแรงบุญ


ถ้านรชนทำบุญได้ด้วยการนำไม้แลหญ้าให้เพลิงกินเพียงเท่านี้แล้ว บรรดาคนเผาถ่าน คนคั่วเกลือ พ่อครัว หรือคนเผาศพผู้จุดไฟก็ชื่อว่าบำเพ็ญบุญยิ่งแลหรือ


แท้พราหมณ์ทรงเพทเลี้ยง....บำเรอเพลิง
กรานก่อกองกูณฑ์เถกิง.....ก่องฟ้า
เร่งเชื้อโชติโชนเชิง.......โชนโชติ
หาใช่กอปรบุญกล้า....แก่นเสี้ยวบุญไฉน


แม้พราหมณ์ฤๅใครทั้งหลายจะเลี้ยงไฟเรียนมนต์ บ้างให้เชื้อไฟ บ้างทำให้บังเกิดควันมีเปลวร้อน ผู้เหล่านั้นมิได้ชื่อว่าทำบุญเลย เพราะเหตุไร


อัคคีอันโลกค้อม..... เคารพ
ไยจึ่งเสวยซากศพ.......อสุภไสร้
มิลักขุชนนบ..........น้ำนอบ
น้ำ ฤ เพลิงฤๅไท้.....เทพท้าวเทวา


ก็ไยไฟอันเป็นเทพของพวกพราหมณ์ อันเธออ้างว่าเป็นที่บูชาแห่งโลก จึงกินสิ่งปฏิกูลเช่นซากงู ซากศพ ซึ่งหมู่ชนรังเกียจเหล่านั้นได้เล่า

ชนบางหมู่นับถือไฟว่าเป็นเทวดา ชาวมิลักขุก็นับถือน้ำ ชนทั้งหมดนั้นหลงนับถือผิด ไฟไม่ใช่เทพเจ้าองค์หนึ่ง แลน้ำก็มิใช่เทพเจ้าองค์หนึ่ง


ไร้ร่างสำหรับรู้......ไร้ใจ
ใช้ช่วยกิจชนใน........นเรศหล้า
แม้บูชิตเชิดไฟ.....หากกอปร บาปนา
หวังสุคติภาคหน้า......ภพโพ้นฤๅถึง


เพลิงนั้นไร้ร่าง ไร้อินทรีย์ ไร้สัญญา ไม่มีจิตเจตนาจะรู้สึก เป็นเครื่องมือประกอบกิจการงานแห่งชนทั้งหลาย พวกผู้ที่นำเพลิงมาบูชาแล้วนั้น ถ้ายังประกอบกรรมชั่วอยู่ จะถึงสุคติภพได้อย่างไร


พราหมณ์หวังประโยชน์น้อม.....พรรณนา
คุณอิทธิพรหมา.......โลกสร้าง
เอกองค์อัคคิบูชา.....บุรพชาติ
ไหว้สิ่งสร้างเองอ้าง....เหตุนี้น่าหัว


พราหมณ์ทั้งหลายหวังเลี้ยงชีวิตตนด้วยความเลื่อมใสของผู้อื่น กล่าวยกย่องพระพรหมหนักหนาว่า ทรงอานุภาพ ทรงสร้างโลก ทรงบูชาไฟ ก็ถ้าพระพรหมเป็นผู้สร้างโลกจริงแท้แล้ว มาบำเรอไฟอันตนสร้างเองเพื่ออะไร คำของพราหมณ์นี้ขัดกันเองน่าหัวเราะ


พราหมณ์ยกยัญยิ่งด้วย.....สันติธรรม
ผลาญสัตว์บ่เกรงกรรม......ก่อกร้าว
หวังลาภสักการะนำ......นิกรผิด
ธรรมเท็จมิควรน้าว....จิตน้อมนิยมตาม


ในอดีตเหล่าพราหมณ์หวังลาภสักการะ ชักชวนคนฆ่าสัตว์บูชายัญ อ้างว่าเป็นเหตุให้ได้สวรรค์สมบัติ เมื่อเกิดมีผู้นับถือขึ้นก็ร้อยกรองยัญพิธี ยกย่องเป็นสันติธรรมเทียว คำของพราหมณ์เหล่านี้เท็จทั้งนั้น ไม่ควรนำมาพิจารณาน้อมนับถือตาม



****************************************************

เถกิง – สูง รุ่งเรือง ปรากฏ ขึ้น
พลุ่ง – ลอยพุ่งขึ้น อาการที่น้ำเดือดหรือควันพุ่งขึ้นไป พล่าน
อสุภ – ซากศพ ไม่งาม ไม่สะอาด ไม่ดี น่าเกลียด ไม่สวย
บูชิต – บูชาแล้ว บูชา ก็ได้
พรหมา – พรหม










พราหมณ์ทรงไตรเพทท้าว..กษัตริย์ครอง ธราแล
แพศย์ปลูกค้าศูทรรอง........รับใช้
สี่วรรณะตริตรอง......กอปรกิจ ตนนา
เพียงเหตุพรหมสร้างให้...ลิขิตไว้แลหรือ


พราหมณ์ทั้งหลายกล่าวว่า พระพรหมผู้มีอำนาจสร้างให้พราหมณ์เป็นผู้ทรงมนต์ กษัตริย์เป็นผู้ครองแผ่นดิน แพศย์ทำไร่ไถนาแลค้าขาย ส่วนศูทรนั้นมีหน้าที่รับใช้วรรณะทั้ง ๓ ทั้งนี้สืบทอดกันโดยตระกูลและประเทศแห่งตน


ถ้าวัจน์นี้แท้เที่ยง.....สถาวร
ใช่ราชวงศ์ฤๅธร.....ธเรศได้
ใช่พราหมณ์ฤเรียนสอน...สรรพเวท
ใช่เวสสแล้วไซร้......สุดรู้กสิกรรม


หากคำที่พราหมณ์กล่าวนี้เป็นความจริง บุคคลผู้มิใช่ขัตติยวงศ์ก็ย่อมมิอาจครองแผ่นดินได้ คนผู้มิใช่เชื้อสายพราหมณ์ก็เรียนมนต์เวทไม่ได้ คนผู้มิใช่แพศย์มิอาจเพาะปลูกทำกสิกรรมหรือทำการค้าขายเลย


ใช่ศูทรฤๅรับใช้.....รับรอง
คำเท็จผู้พร่ำปอง.....ประโยชน์ได้
คนเขลาสดับบ่ตรอง....หลงเชื่อ
บัณฑิตพิศแจ้งไซร้...มิได้ใหลหลง


ผู้มิใช่ศูทรมิอาจรับใช้ผู้ใดได้ดังนั้นหรือ แท้ที่จริงคำกล่าวเหล่านั้นไม่จริง พราหมณ์เหล่านั้นกล่าวเท็จเพราะหวังเลี้ยงปากท้องตน คนด้อยปัญญาอาจหลงเชื่อ แต่ผู้มีปัญญาเห็นความเท็จประจักษ์ได้ด้วยตนทีเดียว


กษัตริย์ส่งพลีแพศย์น้อม....นานมี
พราหมณ์ล่าสัตว์ก็ดี......ดื่นด้าว
มากวรรณะเลี้ยงชี-....พิตผิด วรรณเฮย
ไฉนนาถพรหมห่อนน้าว...นระให้ตรงเสมอ


ชนวรรณะกษัตริย์ส่งสิ่งของสักการะหรือส่วยแก่ชนวรรณะแพศย์ก็มี พราหมณ์หาเลี้ยงชีพโดยเป็นพรานฆ่าสัตว์ก็มี เพราะเหตุไรพระพรหมจึงมิแก้ไขสิ่งผิดจากที่ทรงบัญญัติไว้ให้ตรงเล่า


เทวะนฤนาถผู้.....พรหมา
บดีแห่งสรรพโลกา.......เสกสร้าง
ไฉนลิขิตชาวประชา....ทุกข์โศก
ไยบ่สรรค์โลกกว้าง....สถิรล้วนสุขสมาน


พระพรหมผู้เป็นใหญ่ ผู้ยิ่งแล้วในโลกทั้งปวง เจ้าชีวิตแห่งสัตว์ทั้งหลาย เหตุไรจึงบัญญัติโลกให้เป็นทุกข์ เหตุไรมิสร้างโลกทั้งปวงให้มีสุข


ภูตบดีพรหเมศวร์เจ้า....จอมอมร
สรรค์พสกอดิศร......อสัจแสร้ง
มายามุสากรณ์....เกลื่อนภพ พระนา
องค์อธรรมท่านแกล้ง...ก่อร้าวรังสรรค์


พระพรหมผู้เป็นใหญ่ ผู้เจริญในโลกทั้งปวง เป็นเจ้าชีวิตของเหล่าสัตว์ เหตุไรจึงทำร้ายโลกให้พินาศเสื่อมถอยด้วยการสร้างอธรรมคือมารยาและคำเท็จทั้งหลาย


อิสสรพรหเมศวร์เจ้า.......จอมประชา
แท้อธรรมะเทวา.........ภูตเผ้า
บวรธรรมะทั่วธรา.....บ่จัด สรรนา
สรรอกุศลเสื่อมเศร้า...เสกสร้างโศกศัลย์


เช่นนี้ไยมิควรนับว่าพรหมของเหล่าพราหมณ์นั้นเป็นเจ้าชีวิตผู้อธรรม ทั้งๆ ที่ธรรมมีอยู่ เช่นกุศลธรรม ๑๐ ประการนั้น กลับจัดสรรโลกให้ไม่เที่ยงธรรม


ตั๊กแตนผีเสื้อภุชค์....แมลงวัน
แมลงภู่หนอนประหารพลัน...ผ่องแผ้ว
คืออนริยะธรรม์....พาลประพฤติ ผิดนา
กัมโพชชนคล้อยแคล้ว...คลาดแคล้วคลองธรรม


คำสอนที่ว่า ผู้ฆ่าตั๊กแตน ผีเสื้อ งู แมลงภู่ หนอนและแมลงวันแล้วย่อมบริสุทธิ์นั้น ไม่ใช่อริยธรรม เป็นธรรมอันผิดของชาวกัมโพชรัฐเป็นอันมาก



****************************************************

ธรา – แผ่นดิน
ธร – ทรงไว้ รักษาไว้ การถือไว้ ยึดไว้
ธเรศ – แผ่นดิน, ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
เวสส – เวสสะ พ่อค้า(ในอินเดียสมัยก่อน) บุคคลในวรรณะที่สามคือวรรณะแพศย์
นาถ – ผู้เป็นที่พึ่ง ที่พึ่ง
นระ – นร คน ผู้ชาย บุรุษ สามี
สถิร – เสถียร แข็ง แข็งแรง มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง
ภูตบดี – เจ้าผี เจ้าแห่งสรรพสัตว์ อมนุษย์หรือเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ พระศิวะ
ในที่นี้ใช้คำตามต้นคาถาพระบาลีที่ว่า
พฺรหฺมาปหู ภูตปตี ปชานํ
อดิศร – ผู้เป็นเจ้าใหญ่
อสัจ – อสัตย์ ไม่มีสัจจะ
กรณ์ – การทำ เครื่องทำ
อิสสร – อิสฺสร ผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแผ่นดิน เจ้านายเหนือหัว พระอิศวร
สรร – เลือก คัด, สรรค์ – สร้าง แต่ง (สัค,สัคคะ – การสร้าง การแต่ง สวรรค์)
อนริยะ – ไม่ประเสริฐ ปุถุชน ไม่ใช่อริยะ









Create Date : 01 พฤษภาคม 2550
Last Update : 23 เมษายน 2553 10:29:04 น. 2 comments
Counter : 751 Pageviews.

 
ว่าง ๆ เชิญใส่บาตรที่ blog ka


โดย: goodpeople วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:47:10 น.  

 
ค่ะ ^ ^


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:57:39 น.  

ศรีสุรางค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]












visit me at:
Srisurang's book recommendations, liked quotes, book clubs, book trivia, book lists (read shelf)




ประวัติผลงาน





สงวนลิขสิทธิ์

การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read

หัวใจที่ถูกจอง รักนี้ (ไม่) มีสตรอว์เบอร์รี รวมมิตรแต้พานิช มายานาง เจ้าดวงใจ คนในผ้าเหลือง A Man in Saffron Robes

More of Srisurang's books »
Book recommendations, book reviews, quotes, book clubs, book trivia, book lists

My Goodreads bookshelf

Dream Lake
Rose
เหยื่ออธรรม
ประมูลหัวใจ
Something About You
ปทมาศวรรย์
อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข
Celebrity in Death
The Madness of Lord Ian Mackenzie
รักหลงฤดู
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ เล่ม 1
จิตสดใสแม้กายพิการ
Love me, please...เพียงรักฝากใจ
พระสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค๑ และอรรถกถา Tipitaka The Pali Canon (Thai Translation) Book 15
Born in Sin
Dark Desire
ตุ๊กตา
นาคราช
ทวิภพ
Red River, Vol. 8


Srisurang's favorite books »
Friends' blogs
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.