บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
บุณยภู บทที่ ๑๑ กองทัพคามินรัฐ โดย...นิรีย์

“ม่าน”

ธรรศร้องตะโกนลั่น พยายามเขย่าร่างที่นอนแน่นิ่งให้ได้สติ หากแต่ไร้ผล ร่างนั้นยังคง
นอนนิ่งตัวเย็นเฉียบ สิ้นลมหายใจ

“ไม่ ไม่ตาย เจ้าตายไม่ได้”

เขาเหมือนคนบ้าคลั่ง ร้องโหยหวนราวกับเจ็บปวดจนถึงที่สุด ไม่อาจรับความจริงที่อยู่
ตรงหน้า เพียงเวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วยามผู้หญิงที่มอบความรักให้ทั้งใจและกายกลับเหลือ
เพียงร่างไร้ลมหายใจอยู่ในอ้อมกอดที่กำลังสั่นสะท้านของเขา

เหล่านักบวชอาวุโสยังคงนั่งสงบอยู่ที่อาสนะของตัวเอง ระงับความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์
ไม่คาดฝันนี้ มีเพียงประมุขแห่งบุณยภูเท่านั้นที่แม้นยังคงนั่งสงบอยู่ที่อาสนะ ทว่าสีหน้าเริ่ม
เคร่งเครียดเมื่อพิจารณาอาการของหญิงสาวตรงหน้า

“ธรรศ” ท่านสังฆราชเรียกสติหลานชายเสียงเคร่ง

“ท่านลุง นางตายได้อย่างไร” ชายหนุ่มยังคงไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ ดวงตาเริ่มแดงก่ำ

“ตั้งสติไว้ก่อนเจ้าธรรศ นางยังไม่ตาย”

เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นลุงทันที สายตาส่องประกายขึ้นมาด้วยความหวัง แต่ก็ดับวูบลง
เมื่อได้ยินในสิ่งที่เขากลัวเหลือเกินว่ามันจะเกิดขึ้น

“นางกำลังจะกลายเป็นอวัศยา”

“แล้วเราจะทำอย่างไร” เขาพึมพำเสียงแหบแห้ง กอดร่างชืดเย็นไว้แน่น

“รีบพานางไปที่ห้องพัก มีสิ่งหนึ่งที่อาจจะช่วยนางได้”

ธรรศรีบอุ้มร่างที่ไร้ลมหายใจขึ้น ทำตามคำสั่งของท่านสังฆราชอย่างไม่รั้งรอใดๆ แต่ยัง
ไม่ทันได้ก้าวพ้นจากห้องนั้น เสียงอึกทึกจากการเหยียบย่ำพื้นดินของบางสิ่งที่ใหญ่โต
และด้วยจำนวนมหาศาลก็ดังสะเทือนแววขึ้นมาถึงบุณยภู

“กองทัพคามินรัฐ” เสียงท่านสังฆราชดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่เริ่มตึงเครียด

“ทำไมมันมาเร็วเช่นนี้ นี่มันหลอกกันชัดๆ” ธรรศเริ่มคืนสติ เขามองคนในอ้อมกอดอย่าง
กังวลใจ ทั้งต้องรีบช่วยเธอและรับมือกับกองทัพที่ขึ้นชื่อว่าเหี้ยมโหดที่สุดในคาบสมุทร
ทำให้เขาละล้าละลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ธรรศ รีบพานางไป” ประมุขแห่งบุณยภูเตือนหลานชายซ้ำเมื่อเห็นอาการห่วงหน้าห่วงหลัง
รีบเดินนำออกไปอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อว่าผู้สูงอายุจะเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนั้น
แต่ก่อนจะออกจากห้องพิธีก็หันไปสั่งการกับนักบวชที่มีอาวุโสน้อยที่สุดในหมู่นักบวช
อาวุโสของบุณยภู และเป็นผู้เดียวกับที่ไปรอรับการมาของธรรศ

“รบกวนท่านจิตติเรียกประชุมทุกคนที่หน้าวิหารในอีกครึ่งชั่วยาม”

“ขอรับท่านสังฆราช” ท่านจิตติก้มหัวรับคำบัญชาด้วยอาการสงบ ก่อนจะรีบแยกไป
ดำเนินการ

เช่นเดียวกัน ธรรศแทบจะอุ้มร่างของม่านวิ่งกลับไปทางเดิม ถ้าไม่ติดขัดที่บัดนี้มีผู้คน
มากมายเริ่มทยอยเข้ามาในวิหารหิน กว่าจะถึงห้องพักต้องใช้เวลานานเหลือเกินในความ
รู้สึกของเขา ทั้งที่มันผ่านไปแค่ชั่วอึดใจ เขาตรงเข้าไปวางร่างบางลงบนเตียงทันที
หันกลับไปหาประมุขแห่งบุณยภูที่ยืนรออยู่แล้วในห้องพร้อมกับหลอดใส่ยาขนาดใหญ่

“ในร่างกายนางตอนนี้มีแต่ความเย็นมันทำให้หัวใจหยุดเต้น ต้องใช้ความร้อนเข้าไปช่วย
ให้นางดื่มยาหลอดนี้ให้หมด”

ท่านสังฆราชเร่งสีหน้ากังวลหนักจนธรรศไม่กล้าซักถามอะไร เขาประคองร่างที่เหมือนจะ
เย็นลงยิ่งกว่าเดิมให้ลุกนั่ง บีบปากของเธอให้เผยอออกแล้วพยายามป้อนยาหลอดนั้นลงไป
จนหมด

“อีกไม่นานนางจะกลับมามีลมหายใจเช่นเดิม ปล่อยนางไว้ที่นี่ก่อน ส่วนเจ้าตามข้าไป
ประชุมด้วย”

“ข้า...”

“ไม่ต้องห่วง เจ้าสาวของเจ้ายังไม่ตายแน่นอน”

ธรรศยืนนิ่งมองหญิงสาวที่เหมือนกำลังนอนหลับพริ้มอย่างเป็นสุข ใบหน้านั้นงดงามจนเขา
อดไล้เบาๆที่ข้างแก้มไม่ได้ และก็รู้สึกว่าผิวที่เยียบเย็นเริ่มอุ่นขึ้น เธอกำลังจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ

“ตัวนางเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว” น้ำเสียงนั้นตื่นเต้นยินดี

“ใช่ และนางจะฟื้นในไม่ช้า”

“ข้าขอร้องท่านลุง โปรดช่วยนางด้วย อย่าให้นางต้องกลายเป็นคนปรุงยา นางเป็นเจ้าสาว
ของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมาพานางไปจากข้า”

ประมุขแห่งบุณยภูจำต้องคิดหนักสำหรับเรื่องนี้ จริงอยู่ม่านเป็นเจ้าสาวของชายหนุ่ม
แต่‘อวัศยา’ไม่ใช่ และถ้าไม่สามารถช่วยหญิงสาวได้ ประมุขแห่งภูศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจ
คาดเดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด

เพราะอวัศยาไม่ใช่แค่คนปรุงยานรก นางจะกลายเป็นปีศาจร้ายในไม่ช้า ปีศาจ...ที่ไร้หัวใจ
แล้วความรักที่มีให้กันจะมากพอเปลี่ยนหัวใจของปีศาจได้หรือไม่
ท่านสังฆราชได้แต่ภาวนาไว้ในทางที่ดี ทางที่ไม่มีใครต้องเจ็บปวด

“ธรรศ เจ้าจงใจเย็นกับเรื่องนี้ให้มาก เรื่องของเจ้าสองคนต้องใช้ความรักและความเข้าใจ
เท่านั้นถึงจะแก้ไขปัญหาได้ จำไว้อย่าได้ใช้อารมณ์เด็ดขาด”

เขาจำต้องสงบใจลง แม้นว่าหัวใจจะร้อนรุ่มด้วยสัญญาณบางอย่างจากคำเตือนนั้น
ชายหนุ่มน้อมศีรษะรับคำเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องมีเรื่องหนักใจมากไปกว่านี้ สงครามครั้งใหญ่
รออยู่แค่ปลายภู เขาเห็นอาการของนักรบเก่าที่พร้อมจะโผนทะยานเข้าสู่สนามรบ แต่ติดที่
ได้เลือกอยู่ในหนทางแห่งธรรมแล้ว การนองเลือดจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับประมุข
แห่งบุณยภู

เสียงแผ่นดินสะเทือนดังใกล้เข้ามาอีก

“เจ้าพิทยานั่นบอกว่าให้เวลาเราสามวัน แต่นี่เพียงข้ามคืนมันก็บุกเราแล้ว”

“ไม่ใช่พิทยาหรอกที่มา”

“อาคิราห์หรือท่านลุง จอมโฉดนั่นนำกองทัพมาเองหรือนี่”

“สมบัติที่มีค่าที่สุดของคามินรัฐอยู่ที่นี่ อาคิราห์ต้องทุ่มเททุกทางที่จะพาอวัศยากลับไป”

“นางจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น นางเป็นของข้า” เสียงของธรรศกร้าวขึ้นทันที

“อย่าให้เรื่องส่วนตัวทำให้เจ้าไร้สติ ไปกันได้แล้วยังมีเรื่องราวอีกมากที่ต้องจัดการ”
ท่านสังฆราชพยายามเตือนสติหลานชายอีก

ธรรศหันไปมองร่างที่ยังคงนอนนิ่งอีกครั้งก่อนจะตัดใจ และเดินออกไปสู่การเริ่มต้นของ
สงครามต้องห้าม ชายหนุ่มคิดถึงคามินรัฐที่ฉีกทิ้งพันธะสัญญาระหว่างเมืองบนคาบสมุทร
มายาต่อดินแดนกันชนอย่างไม่ใยดี พันธะที่ห้ามทำสงครามกับบุณยภูเหมือนเป็นอากาศธาตุ
ไปแล้วสำหรับเมืองแห่งยานรก

อาคิราห์ไม่เห็นบุณยภูอยู่ในสายตาแล้วหรือ

ส่วนบุณยภูที่มีเพียงนักบวชและผู้คนเพียงหยิบมือจะต้านทานกองทัพที่เหมือนมาจาก
นรกนั้นได้อย่างไร มีเพียงหนทางเดียวที่พอทำได้ และต้องทำทันทีคือการรวมกำลังจาก
พิชญะและเมืองที่เหลือทั้งหมดทางฝั่งซ้ายของบุณยภูเพื่อต้านกองทัพคามินรัฐ

“ข้าจะรีบไปพิชญะเพื่อนำกำลังมาที่นี่ และส่งข่าวถึงเมืองทางฝั่งซ้ายที่เหลือ”

เขารีบบอกความคิดของตนเองทันทีที่การประชุมเริ่มขึ้นตรงลานที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน
หน้าวิหารหิน ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยนักบวชและผู้คนที่อยู่บนบุณยภูทั้งหมดประมาณ
ห้าร้อยชีวิต ดังแสงน้อยนิดของหิ่งห้อยที่อาจหาญจะเทียบแสงร้อนแรงแห่งพระอาทิตย์
อย่างกองทัพของอาคิราห์ แต่ทั้งหมดก็มิได้แสดงอาการแตกตื่นคงอยู่ในอาการสงบ
จนเขาประหลาดใจ

“เจ้าคิดว่าจะใช้เวลาสักเท่าไหร่ธรรศที่จะนำกองกำลังของพิชญะมาที่นี่” ประมุขแห่ง
บุณยภูซักถาม

“เร็วที่สุดคือสามวันสำหรับอากาศปกติ แต่ตอนนี้มีหิมะปกคลุมไปทั่วข้าเกรงว่าอาจจะ
ล่าช้ากว่านั้น”

“เรามีเลื่อนและสุนัขลากพันธุ์พิเศษ นั่นคงช่วยการเดินทางของเจ้าได้ในช่วงต้น”

“ช่วยได้อย่างมากเลยขอรับ ข้าอาจจะใช้เวลาไม่มากอย่างที่คิด แต่...บุณยภูจะทำเช่นใด
ถ้าคามินรัฐบุกขึ้นมาก่อนที่พิชญะจะมาถึง จากเสียงเมื่อครู่มันน่าจะเป็นกองทัพที่ใหญ่มาก
และเร็วมากด้วย”

“หลังจากเจ้าออกจากบุณยภูแล้ว เราจะทำพิธีปิดจิตบุญยภูเพื่อปิดทางขึ้นลงทุกทาง”
เสียงก้องกังวานของอดีตนักรบกล้าที่กลับกลายเป็นหัวหน้านักบวชสูงสุดเรียกความสนใจ
ของเขาและผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

“นอกจากนักบวชทั้งหมดหนึ่งร้อยรูปแล้ว เรายังต้องการผู้ที่พร้อมช่วยในพิธีนี้อีกหนึ่ง
ร้อยคน ยกเว้นผู้หญิงและเด็ก”

มีผู้พร้อมก้าวออกมายืนข้างหน้ามากกว่าจำนวนที่ท่านสังฆราชประกาศ จึงเป็นหน้าที่
ของนักบวชอาวุโสหลายรูปออกมาคัดเลือกผู้ที่พร้อมมากที่สุด

“ท่านลุง พวกท่านไม่ควรจะเสี่ยงทำอย่างนั้น”

“ข้าอยากให้สงครามเป็นทางเลือกสุดท้าย เราจะประวิงเวลาไว้เผื่อว่าการร่วมกันใช้
กระแสจิตสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นบังบุณยภูไว้ครั้งนี้ จะทำให้คามินรัฐล่าถอยไปก่อน
ที่จะเกิดการฆ่าฟัน”

“แต่การใช้กระแสจิตมากขนาดนั้น จะทำได้นานแค่ไหน”

“นานพอ เจ้าไม่ต้องห่วง”

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็พร้อมจะไปแล้ว” เขาจำต้องยอมรับการตัดสินใจของประมุขแห่งบุณยภู
แต่เขาจะไม่ยอมรับการสูญเสียใดๆเด็ดขาด จะไม่มีคนคามินรัฐคนใดได้เหยียบย่างขึ้น
บุณยภูอีก

เลื่อนพร้อมสุนัขลากที่ปราดเปรียวเตรียมไว้พร้อม หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีก ชายหนุ่ม
กระชับเครื่องแต่งกายให้รัดกุมขึ้นเพื่อกันไม่ให้ลมหนาวซอกซอนเข้าไปถึงเนื้อใน รับเอา
ผ้าพันคอและหมวกที่หญิงชราใจดีคนหนึ่งนำมาให้ด้วยน้ำใจ   

“ขอบคุณท่านยาย ข้าจะกลับมาช่วยพวกท่านให้เร็วที่สุด” เขาบอกนางด้วยเสียงหนักแน่น
ก่อนจะเข้าไปนั่งบนเลื่อนและเพียงกระตุกเชือกที่ผูกติดเบาๆเจ้าสุนัขก็วิ่งตะลุยลากเลื่อน
ไปบนหิมะราวกับพาเขาบินไปบนก้อนเมฆสีขาวที่สุดทางคือชายแดนพิชญะ

“เตรียมพิธี” ประมุขแห่งบุญยภูสั่งทันทีที่เลื่อนถูกลากลับตาไป

“ท่านสังฆราชขอรับ เรากำลังเสี่ยงอย่างที่ท่านธรรศพูด” นักบวชจิตติเลี่ยงเข้ามาพูดเพียง
ลำพังหลังจากทุกคนต่างแยกย้ายไปเตรียมการในส่วนที่ตนรับผิดชอบ

“เราจำเป็นท่านจิตติ”

“แต่จิตของบุณยภูไม่ได้อยู่ที่บุณยภู”

“ท่านเกรงว่าพวกนั้นจะรู้หรือ”

“ใช่ขอรับ ข้าห่วงจิตของบุณยภูเหลือเกิน ถ้าพวกนั้นรู้...”

“ที่ที่อันตรายที่สุด อาจจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็ได้”

“ข้าจะพยายามคิดในทางนั้น แต่เรื่องของอวัศยา”

“อวัศยาเป็นชะตากรรมที่เลวร้าย ถ้าเราหาวิธีหยุดชะตากรรมนี้ไม่ได้ คาบสมุทรแห่งนี้
ก็อาจเหลือเพียงซากเพราะยานรก ท่านเข้าใจดีไม่ใช่หรือ”

“ขอรับ ข้าเข้าใจ”

ประมุขแห่งบุณยภูทราบดีว่า ทุกคนที่นี่ต่างเข้าใจดีถึงภาระอันหนักอึ้งของพวกเขาทุกคน
ที่พยายามรักษาดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ด้วยธรรมะ แต่อธรรมเช่นคามินรัฐก็อหังการจนมิอาจ
ปล่อยไว้ได้โดยเฉพาะจอมโฉดเช่นอาคิราห์ ไม่มีใครรู้จักผู้ที่เรียกตัวเองว่าเจ้าชีวิตของ
คามินรัฐดีเท่าท่านที่เป็นสหายเก่า   

‘เพราะเพียงไม่ได้รัก เจ้าถึงกับทำลายล้างทุกสิ่งหรืออาคิราห์’
ท่านสังฆราชรำพึงถึงเพื่อนเก่าที่กำลังจะมาบดขยี้บุณยภูในไม่ช้านี้อย่างเศร้าใจ 

“บณยภูไม่ได้ทำเรื่องนี้แต่เพียงลำพัง จะต้องมีคนมาช่วยเราแน่นอน” คำปลอบใจนั้นไม่ใช่
เพื่อผู้อ่อนอาวุโสกว่าเท่านั้นแต่เพื่อตัวของท่านสังฆราชเองด้วย เพราะสงครามครั้งนี้เดิมพัน
ด้วยทุกชีวิตบนบุณยภู

“ครืน”

“ครืน”
   
เสียงดังสนั่นราวฟ้าร้องดังขึ้นๆ แผ่นดินใต้เท้าประมุขแห่งบุณยภูสะเทือนไหวจนรู้สึก
ได้ถึงการยาตราของกำลังพลมหาศาลที่เดินทางด้วยความเร็วผิดมนุษย์ปกติ หรือสิ่งนั้น
ไม่ใช่มนุษย์

ที่กำลังมาบุกบุณยภูน่าจะเป็นกองทัพซากทดลอง

อาคิราห์นำกองทัพอมนุษย์มาเพื่อหวังทำลายบุณยภูไม่ให้เหลือซากจริงๆ

แต่บุณยภูก็ไม่ใช้สถานที่ที่ใครหรืออะไรจะมาย่ำยีได้ดั่งใจ ถ้าบุณยภูไม่ยอมเปิดทางก็
อย่าหมายว่าจะมีมดสักตัวเล็ดลอดขึ้นมาบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้

“ท่านจิตติ จงเข้าไปเริ่มพิธีแทนข้าก่อน”

“ท่านจะไปที่ใดหรือขอรับ”

“ทักทายเพื่อนเก่า” พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็เดินผละออกมาทันที

ร่างใหญ่โตที่สวมใส่เพียงเสื้อคลุมนักบวชผืนบางก้าวยาวๆมายืนชิดขอบภูซึ่งเป็นจุดที่
สามารถมองภูมิทัศน์ได้โดยรอบ สายตาคมกล้ามองผ่านม่านหิมะลงไปเบื้องล่าง แลเห็น
กลุ่มฝุ่นขนาดมหึมาเคลื่อนเข้ามาใกล้ทางขึ้นด้านหน้าบุณยภูทุกที แม้นระยะยังห่างอยู่
มากแต่ท่านสังฆราชก็เห็นซากทดลองขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนตะลุยนำอยู่ในกลุ่ม
ฝุ่นนั้น พวกมันกำลังกรีดเสียงร้องก้องจนดังสะท้อนไปทั่ว การเหยียบย่ำของพวกมันแต่
ละครั้งแทบจะทำให้แผ่นดินตรงหน้าแยกออก สะเทือนจนเขย่าภูเขาทั้งลูกได้
   
กองทัพที่น่าสยดสยอง กองทัพที่มาจากเลือดเนื้อของผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นหลายแสนชีวิต
ชวนให้สังเวชใจนัก

ประมุขแห่งบุณยภูหลับตาลงยืนสงบนิ่ง ปล่อยให้ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
ปล่อยจิตสู่เบื้องหน้าที่มีแต่ความมืดดำ

“ต้องการพบข้าหรือท่านสังฆราช” เสียงเยือกเย็นของหญิงนางหนึ่งดังแหวกความมืดเข้า
มาในจิตทันทีที่ไร้สิ่งขวางกั้น

“อาคิราห์” ใช่เสียงนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าชีวิตแห่งคามินรัฐซึ่งน้อยคนนัก
จะรู้ว่าเป็นสตรี

“ฮึ ฮึ ในที่สุดเจ้าก็อยากพบข้า”

“ข้าอยากพบเพื่อนคนเก่าของข้าเสมอ”

“อยากพบ หรืออยากร้องขอชีวิต”

“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยเสียดายชีวิต”

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เสียดายชีวิตตัวเอง แต่ชีวิตน้อยๆของนักบวชที่น่ารักรูปนั้นล่ะท่านสังฆราช”

“เด็กไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยเขามา”

“มันไม่ง่ายดายอย่างนั้น ข้าต้องการการแลกเปลี่ยน”

“อะไร”

“คนทรยศของคามินรัฐ”

“นางอยู่ในการคุ้มครองของบุณยภู”

“ไม่สำคัญ นางต้องกลับมา ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งหัวของไอ้นักบวชน้อยไปให้เจ้า”

“อาคิราห์ ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ผู้หญิงที่มากด้วยเมตตาคนนั้นหายไปไหน”

“ไม่มีผู้หญิงอ่อนแอเช่นนั้นอีกแล้ว ข้ากำลังสร้างแผ่นดินใหม่ที่เข้มแข็งเกินกว่าที่ใครจะคิด”

“ไม่มีใครยอมรับแผ่นดินวิปโยคเช่นนั้นหรอกอาคิราห์”

“แล้วมีหน้าไหนจะกล้าต้านทานข้า พวกพิชญะหยิ่งผยองนั่นนะหรือ พวกมันดีแต่เสวยสุข
กับสิ่งที่ติดมากับแผ่นดิน แต่ข้าสร้างแผ่นดินที่แห้งแร้งกันดารให้ผงาดด้วยสองมือของข้า
ข้าจะครอบครองทุกอย่างบนคาบสมุทรแห่งนี้ รวมทั้งบุณยภู”

“เจ้ากำลังทำลายคามินรัฐ”

“คามินรัฐต่างหากที่กำลังจะทำลายพวกเจ้า”

“อย่าทำเช่นนั้นอาคิราห์ ข้าขอร้องในฐานะเพื่อน”

“ถ้าเจ้ายังคิดว่าข้าเป็นเพื่อนก็อย่ายุ่งกับเรื่องนี้ ปล่อยอวัศยามา แล้วข้าจะละเว้นบุณยภู”

“ข้าจะรักษานาง”

“อย่าแส่เรื่องนี้”

“การกำจัดยานรกเป็นเรื่องของทุกคน ไม่มีใครต้องการมันแม้แต่ตัวอวัศยาเอง”

“เพราะนางยังไม่รู้ในอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในมือ แต่อีกไม่นานนางจะตื่นมารับรู้ ข้ารู้น่ะว่านาง
กำลังนอนหลับอย่างไร้ลมหายใจอยู่ หัวใจของนางกำลังเยือกเย็นลงเรื่อยๆจนท้ายสุด
จะไม่รู้สึกอะไร เหมือนไม่มีหัวใจ และไม่ว่าเจ้าจะให้ยาวิเศษอย่างไรปีศาจอย่างอวัศยา
ก็ไม่มีทางกลับมาเป็นคนได้อีกต่อไป ไม่มีวัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

อาคิราห์หัวเราะเสียงสูงสะท้อนอยู่ในความมืด ไม่นำพากับสิ่งใดนอกจากไขว่คว้าอำนาจ
ที่จะอยู่เหนือทุกสิ่ง

“เจ้าอาจจะคิดผิดในเรื่องนี้ ม่านไม่เหมือนเจ้า ไม่เหมือนอวัศยาคนก่อนๆ”

“นางจะไม่เป็นอย่างอื่น เจ้าไม่มีทางทำได้”

“ข้าทำได้แน่นอนอาคิราห์”

“อย่าทำให้ข้าโกรธมากไปกว่านี้ คืนนางมา”

“ข้าจะให้ม่านเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะกลับไปหรือไม่”

ประมุขแห่งบุณยภูลืมตาขึ้นช้าๆ ตัดจิตที่เชื่อมอีกฝ่ายก่อนที่จะโดนครอบงำ อาคิราห์มี
จิตใจที่แข็งกร้าวดุดันร้อนแรงราวเพลิงกัลป์ จนการเข้าไปใกล้จิตใจเช่นนั้นอาจจะเป็น
การทำร้ายตัวเองได้ ถ้าไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งพอกัน แต่ท่านสังฆราชก็จำเป็นต้องทำ
เพื่อได้เข้าใกล้จิตของบุณยภู

ใช่แล้วจิตของบุณยภูอยู่ในมือนาง

‘นักบวชน้อย’ จิตอันพิศุทธิ์แห่งบุณยภู

เบื้องหลังความมืดของจิตใจอาคิราห์ จิตของนักบวชน้อยแอบเร้นอยู่ในมุมหนึ่งที่อาคิราห์
ไม่ทันรู้ตัวรับรู้ความห่วงใยของประมุขแห่งบุณยภูด้วยรอยยิ้มที่ยังคงสดใสเบิกบาน

‘ไม่ต้องห่วง ข้าเพียงนอนหลับเหมือนพี่สาวคนนั้น ปิดจิตของบุณยภูได้เลย’

เสียงเล็กใสดั่งระฆังกังวานที่ไม่เคยมีใครมีโอกาสได้ยินในยามปกติกระซิบบอก ก่อนที่
ท่านสังฆราชจะจากไป






Free TextEditor


Create Date : 08 กรกฎาคม 2553
Last Update : 28 สิงหาคม 2553 9:54:10 น. 0 comments
Counter : 282 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.