บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
17 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
บุญยภู บทที่ ๑๘ ต้องกลับไป




ร่างกายภายนอกของม่านยังคงหลับไหล ไร้อาการตอบรับทั้งสิ้น

แต่ถ้ามีใครสามารถทะลุเข้าไปภายในจิตใจได้ จะได้ยินแต่เสียงสะอื้นร่ำไห้ดังสะท้อนไม่หยุด ภาพในอดีตที่เธอโดนดึงเข้าไปร่วมรับรู้ ทำให้หัวใจเจ็บปวดยิ่งกว่าที่เคยเจ็บหลายเท่านัก

ภาพอดีตนั้นยังคงดำเนินช่วงสุดท้ายของมันต่อไป

ม่านเห็นความโกรธราวกองไฟที่พร้อมเผาทำลายทุกอย่างที่ขวางอยู่ของอาคิราห์เมื่อรู้ว่ามารดาของเธอดื่มยาตัดรักเข้าไปแล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นสิ่งที่ม่านไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เป็นแม่จะทำกับลูกสาวของตัวเองได้

อาคิราห์ไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อีกแล้ว

ร่างกายที่โดนกระทำของจันทราสงบนิ่ง...เหมือนรอคอยบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น

แล้วม่านก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า จันทราบนนั้นโดนเงามืดกลืนกินอย่างรวดเร็ว เดือนแรมของพิชญะกำลังจะเกิดขึ้นอีกในป่าใกล้ชายแดนคามินรัฐแห่งนี้

ดวงจันทร์ไร้แสงสิ้น

ความมืดที่ยิ่งกว่ามืดกระจายไปทั่วบริเวณ มืดจนไม่เห็นแม้นแต่มือตัวเอง

และทันใด แสงนวลจันทร์ที่โดนกลืนหายก็กลับมาอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับตอนดับลับ ตามมาด้วยเสียงกรีดกราดเกรี้ยวของอาคิราห์ก้องไปทั่วป่า เมื่อมีแต่ความว่างเปล่าอยู่เบื้องหน้า

จันทราได้ใช้อำนาจของอวัศยาเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย เพื่อหนีจากการเป็น...อวัศยา

‘ม่านน้ำตา’ พรั่งพรูกลบภาพอดีตให้ค่อย ๆ ลางเลือนลงช้า ๆ

แล้วม่านก็รู้สึกว่าร่างของตนโดนพลังอบอุ่นหนึ่งดึงออกมาจากที่นั้น ก้าวผ่านหมอกหนาแห่งความลับทั้งมวลสู่โลกแห่งปัจจุบัน และเรื่องราวที่เหมือนกงล้อหมุนวนมาอยู่ที่เดิม

แม่ยอมตัดรักเพื่อไม่ต้องเป็นอวัศยา แต่อาคิราห์ยอมตัดรักเพื่อมัน

และสำหรับเธอ จะมีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่

ถ้าหนีแบบมารดาก็ต้องหนีไปชั่วชีวิต ทั้ง ๆ ที่ท้ายสุดแล้วก็ไม่มีทางหนีชาติกำเนิดพ้น แต่อำนาจเหนือโลกที่อาคิราห์ต้องการไม่ใช่สิ่งที่ม่านปรารถนาเช่นกัน ถ้าต้องสังเวยด้วยชีวิตผู้คนมากมายมหาศาลอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

จะมีทางเลือกอื่นอีกไหม ที่ไม่ต้องจบลงดังเช่นอดีต

“ม่าน”

เสียงเรียกแผ่ว ๆ แว่วมาจากที่ไกลแสนไกล แต่เสียงเรียกนั้นสามารถดึงรั้งเธอไว้ท่ามกลางกระแสเชี่ยวกราดของห้วงมิติที่เกือบชักพาให้เตลิดไปอย่างหาทางออกไม่เจอ

“อือ...”

ม่านได้ยินเสียงคล้ายคนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเธอครางออกมา พยายามลืมตาที่หนักอึ้งอย่างยากลำบาก แต่ก็ทำได้ในที่สุด

“แม่หนู ฟื้นแล้ว”

สิ่งแรกที่เธอเห็นคือใบหน้าอันอารีย์ของหญิงชราร่างท้วมในชุดนุ่งห่มสีขาว นางนั่งชิดขอบเตียงที่ม่านนอนอยู่ มีสตรีสูงวัยอีกหลายคนในชุดขาวคล้ายกันยืนล้อมอยู่ไม่ไกล

“ข้า...เป็นอะไร...ท่านยาย”

“แค่หลับไปนานหน่อยเท่านั้นเองจ้ะ”

“อย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ม่านพึมพำกับตัวเองก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เหนื่อยอ่อนที่ใจจนอยากให้ตัวเองสามารถหลับตาเช่นนี้ได้ตลอดไป

“รีบไปตามท่านสังฆราช แล้วไปเตรียมยา กับอาหาร”

มีเสียงการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเมื่อหญิงชราสั่งการ ทุกคนออกจากห้องไปหมด ยกเว้นนางที่ยังคงนั่งกุมมือเรียวเล็กไว้อย่างปลอบประโลม

“ยายดีใจที่แม่หนูฟื้น ทุกอย่างจะดีขึ้น เราจะไม่ปล่อยให้แม่หนูเป็นเหมือนจันทรา”

แม้นดวงตาจะเริ่มฝ้าฟาง แต่ยังคงเห็นเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้นไหวระริกอยู่ครู่ ความเงียบเข้าครอบงำห้องทั้งห้องชั่วขณะ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังลั่นอยู่ภายนอก แล้วมีหนึ่งในสตรีที่เพิ่งออกไปจากห้องรีบวิ่งถลันกลับเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

“แย่แล้วเจ้าค่ะแม่นาย กองทัพคามินรัฐอยู่ที่เชิงภูแล้ว”

“อะไรน่ะ!” หญิงชราร้องอย่างตระหนก “แล้วท่านสังฆราชล่ะ อยู่ที่ไหน”

“ท่านสังฆราช กับนักบวชทั้งหมดยังอยู่ในห้องพิธีเจ้าค่ะ”

“ทำไมมันมาเร็วขนาดนี้ ยังไม่ทันข้ามคืนเลย”

“แล้วเราจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะแม่นาย”

น้ำเสียงสั่นพร่าหวาดหวั่นของผู้พูด ทำให้ผู้ที่อาวุโสกว่าต้องพยายามระงับความกลัวของตัวเอง และเยือกเย็นเข้าไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายใจเสียมากไปกว่านี้

“สงบใจไว้ ตอนนี้ท่านสังฆราชกำลังทำพิธีปิดจิตบุณยภูอยู่”

“ข้ากลัวเหลือเกินแม่นาย กลัวว่าเราจะปิดจิตบุณยภูไม่ทัน”

“มีอะไรเกิดขึ้น ปกติเจ้าไม่ได้เป็นคนที่ตื่นกลัวอะไรง่าย ๆ ขนาดนี้”

“เสียงของซากนรกพวกนั้น แค่ได้ยินเสียงร่างกายข้าก็เหมือนกับโดนมันฉีกเป็นชิ้น ๆ”

“เราเป็นผู้ถือศีล เป็นผู้ถือธรรม และเป็นผู้มีสติ ไม่ใช่หรือ จงอย่าลืมเรื่องนั้น จงอย่าไร้สติ”

“เจ้าค่ะ ข้าไม่ควรให้ความกลัวมายึดครองความมีสติเลย”

“ไม่เป็นไร เตือนพวกเราคนอื่น ๆ ด้วย ในตอนนี้ทุกคนต้องมีสติ และช่วยกัน เอาล่ะช่วยข้าเฝ้าแม่หนูคนนี้ไว้ก่อน ข้าจะออกไปช่วยที่ห้องพิธี”

“เจ้าค่ะแม่นาย”

รับคำด้วยความรู้สึกที่สงบมากขึ้น แม้นจะอยู่ถือศีลกับผู้เป็นนายมานับสิบปี แต่การถูกโจมตีครั้งนี้เป็นความน่าสะพรึ่งจนแทบไม่สามารถคงสติไว้อย่างที่ได้รับการฝึกฝนตลอดมา แค่กองทัพธรรดาสามารถมาล้อมบุณยภูได้ก็แทบทำให้ใจสั่นรัวจนจะพุ่งออกมาอยู่แล้ว หากตอนนี้กลับยังมีกองทัพจากซากศพมากมายเกินคณานับยิ่งทำให้จิตใจแทบไม่อยู่ในที่ในทางของมัน

“ท่านป้า”

“อ้าว! แม่หนูลุกขึ้นมาทำไม อาการเจ้ายังไม่ดีนะ”

“ข้าไม่เป็นไรแล้ว ข้าอยากพบธรรศ”

“ท่านธรรศไม่อยู่หรอกแม่หนู”

“เขาไปไหน”

“ไปตามกองทหารพันธมิตรมาช่วยบุณยภู”

“ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครช่วยบุณยภูได้แล้ว”

“พูดอะไรอย่างนั้น เจ้าทำให้ข้ากลัวนะ”

“นี่คือความจริง ถ้าต้องการมีชีวิตรอดอยู่ โปรด...พาข้าลงจากภู”

“ไม่ได้ ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้”

“ท่านป้า...ข้าต้องไปเท่านั้น บุณยภูถึงจะรอด”

มีแววลังเลในสายตาของผู้สูงวัยที่กำลังหวาดกลัว ม่านจึงวอนขออีกครั้ง “ได้โปรดเถิดท่านป้า”

“แม่หนู...ช...ช่วยได้จริงหรือ”

“กองทัพคามินรัฐมาที่นี่เพราะข้า อาคิราห์ต้องการข้ากลับไปเท่านั้น”

“แต่เจ้ายังไม่หายดี”

“ข้าหายดีแล้ว”

“...”

“ต้องไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ซากทดลองจะบุกขึ้นมา”

“...ตามข้ามา”

ในที่สุดการตัดสินใจก็เกิดขึ้นอย่างที่ม่านต้องการ เพราะในส่วนลึกของจิตใจแล้วไม่มีใครยอมที่จะสูญเสียบุณยภูเพื่อผู้หญิงจากเขตในของคามินรัฐอย่างแน่นอน และเธอเองก็เช่นกัน การแลกชีวิตของเธอด้วยบุณยภูนั้น...มากเกินไป

อดีตที่เคยถูกกลบฝั่งไปกลับมาบอกเล่าเรื่องราว และ ‘ความลับของอาคิราห์’ รวมทั้งความจริงที่แสนเจ็บปวดของความเป็น ‘สายเลือด’ เดียวกันของเธอและนาง

สายเลือดที่น่ารังเกียจ เชื้อพันธ์เลวร้ายที่ไม่ควรดำรงอยู่บนโลกใบนี้

ทว่าไม่มีใครที่จะหยุดชะตากรรมนี้ได้ ไม่มีการผ่อนปรนทุกข์เวทนาที่จำต้องแบกรับ มีแต่ว่าทุกวันที่ผ่านไปจะหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนไม่มีวันจบสิ้น...แต่เธอต้องจบมัน

ม่านเดินตามร่างของผู้สูงวัยไปด้วยฝีเท้าที่พยายามให้มั่นคงที่สุด แม้นทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน ม่านพร้อมแล้วที่จะเผชิญกับมันด้วยหัวใจดวงเดิมที่กลับมาเต้นได้ใหม่อีกครั้ง

ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นอวัศยาที่ไร้หัวใจ บุณยภูคืนหัวใจให้เธอ

แต่ใครอีกคนก็ต้องการให้คืนหัวใจให้เช่นกัน

เธอจะคืนหัวใจให้ ‘อาคิราห์’ คืน ‘ความรัก’ ที่ครั้งหนึ่งอาคิราห์เคยทอดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี

ตราบใดที่เจ้าชีวิตแห่งคามินรัฐยังไร้หัวใจ ตราบใดที่นางไม่เคยฟังเสียงร้องเรียกของคนที่รักสักครั้ง ตราบนั้นชีวิตคนนับหมื่นนับแสนยังคงต้องสังเวยให้กับหัวใจที่มืดมิด และเงียบสนิท อย่างไม่มีวันจบ

วงเวียนแห่งชะตากรรมย้อนกลับมาอยู่ที่เดิม เป็นคราวของเธอที่ต้องหมุนวงล้อแห่งโชคชะตา

“แม่หนู เจ้าแน่ใจนะที่จะออกไป”

“ข้าแน่ใจ”

“ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ใช้เลื่อนน้ำแข็งอันนี้พาเจ้าลงตามทางข้างหน้า มันจะตรงไปยังเชิงบุณยภู รีบไปก่อนที่จิตของบุณยภูจะปิด”

“เมื่อจิตของบุณยภูปิดจะเป็นอย่างไร”

“จะไม่มีใครเข้าออกบุณยภูได้อีกต่อไป จนกว่าเราจะเปิดจิตอีกครั้ง”

ม่านพยักหน้ารับรู้ เธอกระชับเสื้อคลุมหนาหนักที่ผู้มาส่งปรานีหามาให้ก่อนที่จะออกจากห้องพัก

ภายนอกวิหารในยามค่อนราตรีนี้ขาวโพลนด้วยหิมะที่ยังคงตกอยู่ประปราย ร้างไร้ผู้คน และเหน็บหนาว ทว่ามิได้สงัดเงียบดังที่ควรเป็น
เสียงโหยหวนของความตายจากเบื้องล่างลอยลมขึ้นมากรีดร้องแหลมผ่านทุกอณูแห่งโสตสัมผัสของทุกชีวิตบนบุณยภู

“ขอบคุณท่านป้ามาก ฝากขอบคุณท่านสังฆราช ท่านยาย และทุกคนแทนข้าด้วย”

“แม่หนู...ข้าตัดสินใจผิดหรือถูกนี่ที่ปล่อยเจ้าไป”

“ถูกแล้วที่ข้าต้องกลับไป...โปรดให้สิ่งนี้กับธรรศด้วย”

ม่านวางเชือกรัดผมเส้นหนึ่งบนฝ่ามือของอีกฝ่าย เชือกของเธอที่เคยใช้รัดผมให้เขา รวมทั้งร้อยรัดหัวใจพวกเขาทั้งสองที่ผาตัด มันร่วงหล่นอยู่บนเตียงในเช้าวันวิวาห์ เธอเก็บไว้เพื่อจะรัดผมให้เขาอีกครั้ง แต่คงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว

หญิงสาวก้าวลงนั่งบนเลื่อนสำหรับบังคับคนเดียว เพียงมีแรงส่งเล็กน้อยเลื่อนก็เริ่มไถลลงไปตามทางโล่งที่ค่อย ๆ ลาดลงไปเบื้องล่างอย่างช้า ๆ ดูไม่น่ามีอันตรายแม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่เมื่อถึงที่หมายแล้วต่างหากที่มีแต่อันตรายรออยู่

สายลมหนาวปะทะหน้าจนแสบชา ต้องปิดเปลือกตาลงปกป้องดวงตาไว้จากแรงลมหนาว จนเมื่อเกือบใกล้ถึงเชิงเขา พื้นเริ่มราบเรียบพร้อมกับเลื่อนที่เริ่มชะลอความเร็วลง แต่ยังไม่ทันที่มันจะจอดสนิท

เลื่อนก็พุ่งเข้าชนร่าง ๆ หนึ่งที่นอนนิ่งไร้สติอยู่ท่ามกลางความมืด

ม่านกระเด็นกลิ้งไปฟุบไม่ไกลจากร่างนั้นเท่าไหร่ เลื่อนที่ชะลอลงแล้วทำให้การชนไม่รุนแรงนัก เธอไม่บาดเจ็บ แต่คนที่โดนชนยังนอนนิ่งไม่ไหวติงจนม่านไม่สบายใจ

“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” เธอรีบตรงเข้าไปดูร่างนั้นที่อาจกำลังบาดเจ็บอยู่ และโดนเธอชนซ้ำจนอาการแย่ลงก็ได้ แต่พอหงายร่างที่ฟุบอยู่ขึ้นมา ม่านก็ต้องอุทานออกมาอย่างตกใจ

“ท่านพี่พิทยา!”

ใบหน้าขาวซีดของพิทยาเกรอะกรังไปด้วยเลือด เนื้อตัวเย็นเฉียบแทบไม่เหลือไออุ่นในกาย ลมหายใจติดขัดเพราะอยู่ในอากาศที่หนาวเหน็บนานเกินไป ม่านเม้มปากแน่น แล้วตัดสินใจถอดเสื้อคลุมของตัวเองคลุมร่างที่ไร้สตินั้นไว้ก่อน แต่ความอบอุ่นแค่นี้ไม่เพียงพอช่วยชีวิตพิทยาอย่างแน่นอน เขาต้องการที่พัก และความร้อนของไฟ ทว่าเธอจะไปหามันได้ที่ไหนท่ามกลางหิมะ และความมืดเวิ้งว้างเช่นนี้

“ตื่น ตื่น เดี๋ยวนี้ ท่านพี่”

ม่านเขย่าตัวพิทยาอย่างแรงเพื่อให้ได้สติให้ได้ ร่างสูงเพรียวของเขาใหญ่โตเกินกว่าที่เธอจะเคลื่อนย้ายได้โดยลำพัง

“ท่านพี่ ท่านอยากนอนตายอย่างน่าอนาถอย่างนี้หรือไง ลืมตาซิ ลืมตามองข้า” เธอยังคงเขย่าตัวเขาไม่หยุด ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งที่เลวร้ายกับเธอก่อนหน้านี้ แต่ม่านปล่อยให้เขาตายไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรพิทยาก็เคยเป็นพี่ชายที่แสนดีในยามเยาว์ที่แทบไร้คนเหลียวแลของเธอ

“ม่าน”

เสียงครางแผ่ว ๆ นั้น ทำให้ม่านแทบยิ้มออกมาทั้งน้ำตา “ใช่ข้าเอง”

“ภาพฝันก่อนตายของข้า คือเจ้าหรือนี่” พิทยาเพ้อกับตัวเอง ดวงตาดั่งตาจิ้งจอกสีเทาหรี่ปรือ และเลื่อนลอย

“ท่านตายแน่ถ้ามัวแต่นอนฝันกลางหิมะอย่างนี้ ลุกขึ้นเร็ว” ม่านทั้งฉุดทั้งดึงร่างสูงเพรียวจนในที่สุดยอมขยับตัวลุกขึ้นช้า ๆ

“แข็งใจเดินหน่อย เราต้องไปหาที่อบอุ่นมากกว่านี้” รีบเข้าไปช่วยประคองเมื่อเห็นท่าทางโงนเงนไม่มั่นคงของอีกฝ่าย “ในป่าข้างทางน่าจะพอมีที่ให้หลบลมหนาว”

ม่านยังคงพาจิ้งจอกที่โหดเหี้ยมคนนี้ลุยฝ่าหิมะไปไม่หยุด แม้นจะรู้ว่าหลังจากนี้เธออาจต้องแหลกเหลวคาเขี้ยวแหลมคมก็ตาม

“ม่าน ใช่เจ้าจริง ๆ ข้าไม่ได้ฝันไป” สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มคืนกลับ ร่างนุ่มอบอุ่นที่โอบกอดประคองเขาอยู่ขณะนี้คือความจริง ไม่ใช่ความฝันที่ถวิลหาในทุกค่ำคืน

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย แข็งใจเดินไปทางโน้นหน่อยนะ ข้าเห็นแสงไฟอยู่แวบ ๆ”

เป็นแสงไฟจริง ๆ อย่างที่ม่านคิด มันเป็นแสงจากตะเกียงดวงใหญ่ที่จุดไว้ในกระท่อมใกล้เชิงภูหลังหนึ่งที่เจ้าของคงรีบเตลิดหนีกองทัพคามินรัฐ และทิ้งห้องที่คงอุ่นอยู่ให้ทั้งสองได้พออาศัย

“ท่านพี่รออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปก่อไฟใหม่” ม่านประคองร่างสูงไปนั่งบนเตียงภายในกระท่อมที่มีอยู่เพียงห้องเดียว เสียงกรีดร้องของซากทดลองเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่มิได้ทำให้หญิงสาวหวาดหวั่น ยังคงก่อกองไฟที่คุอยู่จากไม้ฟืนที่หลงเหลือในหลุมกลางห้องที่เจ้าของใช้เป็นทั้งที่หุ่งหาอาหาร และเตาผิงไฟ

กองไฟโชนแสงแดงจ้าขึ้นอีกครั้ง ห้องร้อนขึ้นจนคนที่อยู่พอจะทนกับความหนาวเหน็บได้

“ข้าจะทำความสะอาดแผลให้” ม่านถืออ่างน้ำเล็ก ๆ และผ้าสะอาดที่พอหาได้มายืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นดั่งพี่ชาย

“เจ้าไม่โกรธพี่หรือม่าน” พิทยาจ้องมองเธอนิ่ง รอฟังคำตอบ

“ข้าจะลืมมัน” เธอเอ่ยเรียบ ๆ มือเรียวบางบรรจงเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดแห้งกรังโดยไม่รังเกียจ แผลของเขาเป็นรอยยาวพาดลึกอยู่ที่แก้ม โดยไม่ต้องถามอะไร...ม่านรู้ดีว่ามันเป็นรอยแส้ของใคร

“แต่พี่ไม่ลืม” เขาปัดมือเธอออกจนอ่างน้ำเล็ก ๆ นั้นปลิวไปกระทบฝาห้อง น้ำแตกกระจายไปทั่ว

“ท่านพี่ อย่า…”

เสียงร้องของม่านไม่อาจเล็ดลอดออกมาได้อีก เมื่อริมฝีปากเย็นเฉียบของพิทยาประกบลงมาปิดปากเธอแนบแน่น

ม่านเกร็งตัวรับกับความรุนแรง

แต่ที่ได้รับไม่เป็นเช่นนั้น...นี่ไม่ใช่จูบด้วยราคะ

จูบนี้เบาพริ้ว และแสนเศร้าสร้อย...คือคำเว้าวอนขออภัยจากผู้ชายที่กำลังเจ็บปวดเพราะการทำร้ายผู้หญิงที่รัก

“พี่ขอโทษ” เขาถอนจุมพิต เสียงแหบแห้งสั่นเครือด้วยพิษหนาวที่ยังคงอยู่

“ท่านพี่” ม่านตกตะลึงอยู่ในอ้อมกอดที่บีบรัด รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวเร็วของเขาแนบอยู่ข้างแก้ม

“พี่รอเจ้าอยู่นาน เดาใจว่าคนใจอ่อนอย่างเจ้า คงต้องทำตัวเป็นวีรสตรีผู้เสียสละเหมือนเช่นเคย”

“ข้าคงใจอ่อนเกินไปจริง ๆ ถึงช่วยท่านไว้ให้กลับมาทำอย่างนี้กับข้าอีก ปล่อยได้แล้ว” เธอพยายามขยับตัวหนี รู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เดี๋ยวแข็งกร้าว เดี๋ยวนุ่มนวลของเขา

พิทยาปล่อยมือจากเธอโดยง่าย สีหน้าสงบนิ่งจนยากจะล่วงรู้อารมณ์แท้จริง

“ถ้าท่านพี่อาการดีขึ้นแล้ว พวกเราควรรีบกลับไปหาท่านอาคิราห์ก่อนที่กองทัพคามินรัฐจะบุกขึ้นมา”

“ม่าน...เราจะไม่กลับไป”

“ท่านพี่หมายความว่าอย่างไร”

“จะไม่มีใครได้เจ้านอกจากพี่”

“ไม่ได้ ท่านทำอย่างนี้ไม่ได้ อาคิราห์จะเข้าโจมตีบุณยภูเพราะคิดว่าข้าอยู่บนนั้น”

“นั่นแหละที่พี่ต้องการ ให้พวกมันฆ่ากันเอง” ความเหี้ยมเกรียมกลับเข้ามาฉาบบนใบหน้าของเขา ดวงตาสีเทาส่องประกายเข้มจัด

“ท่านยังคงเหมือนเดิมเช่นกัน เจ้าเล่ห์เพทุบาย โหดเหี้ยมอย่างกับสุนัขจิ้งจอก” ม่านรู้สึกแน่นอกไปหมดด้วยความโกรธ รู้แล้วว่าพิทยาเสแสร้งทำทุกอย่าง

“ข้าประทับใจฉายานั้น” พิทยาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงใหญ่ของเขาที่สามารถบดบังแสงตะเกียงที่ตั้งอยู่เบื้องหลังได้เกือบหมด เขาจึงเหมือนเงาดำทะมึนของซาตานที่กำลังกรายเข้ามาบีบเค้นเอาวิญญาณของเหยื่อสาวไปเป็นทาสรับใช้ชั่วนิรันดร์

“หยุดนะ ท่านรู้ไม่ใช่หรือว่าอวัศยาทำอะไรได้บ้าง”

“ใช่ ข้ารู้ว่าอวัศยามีอำนาจจิต มีพลังพอที่จะฆ่าใครสักคนอย่างข้าได้โดยไม่กระพริบตา แต่เจ้าไม่ใช่อวัศยา ไม่เช่นนั้นเมื่อครู่ข้าคงตายไปแล้ว”

ถ้าที่ตรงนั้นสว่างพอ พิทยาคงได้เห็นดวงตาที่ตื่นตระหนกของอีกฝ่าย แต่ความมืดสลัวก็ได้ช่วยพรางความจริงนั้นไว้

ใช่แล้ว...พิทยาพูดถูกเธอไม่ใช่อวัศยาคนนั้นอีกต่อไป

“สังฆราชแห่งบุณยภูนี่เก่งจริง ๆ สามารถรักษาเจ้าได้ แต่เรื่องนี้อาคิราห์คงไม่ชอบใจแน่”

“นางก็คงไม่ชอบใจที่ท่านหลอกนางเช่นกัน”

“กว่าจะถึงตอนนั้น ข้าก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว อำนาจเหนือคามินรัฐ”

“ในเมื่อข้าไม่ใช่อวัศยา ข้าก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ข้าให้อำนาจนั้นกับท่านไม่ได้”

“แต่อาคิราห์ไม่รู้ นั่นแหละที่ข้าขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เจ้ามาอยู่ในมือข้าอีกครั้ง นังอาคิราห์ต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาหัสที่มันทำกับข้าอย่างนี้”

“ท่านไม่มีทางได้สมหวัง”

“ข้าสมหวังอยู่เรื่องหนึ่งแล้ว ข้าได้เจ้า...รู้ไหมว่าสุนัขจิ้งจอกมีอะไรที่น่าประทับอีกอย่างหนึ่ง”

“มันเป็นสัตว์ที่ไม่น่าไว้ใจที่สุด” สุ้มเสียงนั้นแดกดัน แต่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายขุ่นใจ

“ข้าว่าตรงกันข้าม มันเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์ที่สุด เมื่อมันพบคู่ของมันแล้ว มันจะซื่อสัตย์กับคู่ของมันตลอดไป”

“และเจ้า...คือคู่ที่ข้าเลือก”








Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 20:04:06 น. 3 comments
Counter : 454 Pageviews.

 
จะดีใจดีไหมเนีย ที่ถูกเลือก หุหุ


โดย: sakeena IP: 124.120.87.172 วันที่: 22 กันยายน 2553 เวลา:10:23:28 น.  

 
เจ้าสาวอย่ากลัวฝนซิจ้ะ


โดย: นิรีย์ IP: 58.8.140.57 วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:8:33:23 น.  

 
มีร่มไม่กลัวหรอกฝนอะ 555++


โดย: sakeena IP: 124.120.153.101 วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:11:06:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.