บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

บุณยภู บทที่ ๑๒ ดวงอาทิตย์สีดำ โดย...นิรีย์

พิทยาเฝ้ามองร่างสตรีสูงวัยผอมบางในชุดจอมทัพสีดำสนิท นางนั่งหลับตานิ่งบนอาชา
ใหญ่ปราดเปรียวสีดำสนิทเช่นเดียวกับอาภรณ์ที่สวมใส่ ผิวสีน้ำผึ้งของนางยังแลดูผุดผาด
แม้นอายุจะล่วงเลยสู่ปัจฉิมวัยเช่นเดียวกับผมยาวตรงที่คงความดกดำถูกรวบเป็นมวยตึง
ไว้ที่ท้ายทอย เผยให้เห็นวงหน้าออกเหลี่ยมที่คมเข้ม หน้าผากสูง สองแก้มเปล่งแดงเรื่อๆ
คิ้วดกโค้งได้รูปชัด รับกับจมูกยาวตรง และริมฝีปากบางเฉียบ ไม่มีทหารองครักษ์ที่ราย
ล้อมอยู่คนใดกล้าส่งเสียง หรือแม้นแต่จะหายใจแรงไป ด้วยเกรงจะรบกวนผู้ที่คนภายนอก
น้อยคนนักจะรู้ว่านางคือ

‘อาคิราห์’ เจ้าชีวิตแห่งคามินรัฐ
   
อาคิราห์ คือ ดวงอาทิตย์นำทางของอดีตดินแดนที่มีแต่ความหิวโหย ผู้คนยากไร้ต่ำต้อย
จนราวกับเป็นคนอีกชนชั้นในสายตาของดินแดนข้างเคียง การเมืองที่ถูกเอาเปรียบจาก
ความอ่อนแอของกษัตริย์ที่เคยปกครอง ทุกอย่างของคามินรัฐมีแต่ความล้าหลังทรุดโทรม
จนผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนสิ้น

จากความสิ้นหวังกลายเป็นมีหวัง

จากความเจ็บช้ำแค้นเคืองกลายเป็นความสาสมใจที่ได้เป็นผู้กระทำบ้าง

จากที่แทบจะอดตายกลายเป็นครอบครองสมบัติมากมหาศาล

จากต้อยต่ำจนแทบเหมือนหมาขี้เรื้อนบัดนี้เรืองอำนาจจนความเป็นที่หนึ่งกำลังอยู่ใกล้
แค่เอื้อม แค่เพียงขยี้บุณยภูให้แหลกคามือเท่านั้น         

“พิทยา” อยู่ๆ เจ้าชีวิตแห่งคามินรัฐก็ลืมตาเรียวสีน้ำตาลเข้มดุดันจ้องนิ่งมาที่
ผู้เป็นดั่งมือขวาที่กำลังอึดอัดกับการเผชิญหน้าในยามนี้ ดวงตาคู่นั้นราวกับมหาสมุทร
กว้างใหญ่จนไร้สิ่งใดที่จะหยั่งลึกลงไปถึงที่สุด ไม่เคยมีใครบอกได้ว่าอาคิราห์คิดอะไร
หรือจะทำอะไร

ด้วยวัย ด้วยเพศ ด้วยขนาดร่างกาย ไม่มีสักอย่างที่ควรเกรงขาม แต่ผู้รับใช้ใกล้ชิดเช่น
พิทยารู้ดีว่าผู้เป็นดั่งดวงอาทิตย์สีดำมีความเร้นลับน่าสะพรึงกลัวเพียงใด โดยเฉพาะใน
ยามโกรธ

อาคิราห์กำลังโกรธ...พิทยารู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธเกรี้ยวรุนแรงราวเพลิงกาลที่มุ่งตรง
มาที่ตัวชายหนุ่ม ความกลัวแล่นพล่านจนขนหัวลุกชัน อยากจะควบทะยานม้าศึกประจำ
ตัวให้ไปสู่แนวหน้าเสียดีกว่าบังคับม้าให้ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า ‘ดวงอาทิตย์สีดำ’

“เจ้าคนโง่”
   
เสียงตวาดลั่นดุดันอย่างไม่น่าเชื่อว่าสตรีสูงวัยผ่ายผอมจะมีพลังได้เช่นนี้
   
“ท่านอาคิราห์ ข้า...ไม่ได้ตั้งใจ” พิทยารีบหลบสายตาและรับผิดทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าทำอะไร
ให้เจ้าชีวิตกราดเกรี้ยวได้ถึงเพียงนี้ แต่ยอมรับไว้ก่อนดีกว่าโต้แย้งให้แรงอารมณ์ผู้เป็น
นายโหมกระพือขึ้นอีก
   
“เจ้ารู้หรือว่าเจ้าทำโง่เง่าอะไร” น้ำเสียงสูงแหลมประชดประชันอย่างรู้เท่าทัน

“ขออภัยท่านเจ้าชีวิต ข้ามันโง่เง่าอย่างที่ท่านว่าจริงๆ”

“เห็นแก่ที่พ่อเจ้าและเจ้ารับใช้ข้ามานาน ข้าจะไม่เอาโทษถึงตายในสิ่งที่เจ้าทำลงไป”

พิทยารีบเงยขึ้นมองผู้เป็นนายอย่างตกใจ ปากคอสั่นสะท้านถามออกไปอย่างตระหนก

“ข้า...ทำอะไรร้ายแรงขนาดนั้น”

“ฮึ! ยังไม่รู้อีกหรือว่าเจ้านำจิตของบุณยภูมา”

“จิตของบุณยภูอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ”

“โง่เง่า! ก็ผู้ใดที่เจ้าพาลงมาจากบุณยภูด้วย”

“เจ้าเด็กนักบวชนั่น” พิทยาครางเสียงอ่อน

“ใช่ และมันคือตัวหายนะของพวกเรา รู้ไว้ด้วย”

“ข้า...” เสียงแห้งหายไปในลำคอไม่กล้าซักถามใดๆ ต่อทั้งสิ้นเมื่อเห็นดวงตาวาวโรจน์
ดุจเสือที่พร้อมกระโจนขย้ำเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมที่สุด

“เจ้าพาเด็กนั่นมาก็เหมือนกับพาสังฆราชแห่งบุณยภูมาที่นี่ด้วย มารู้มาเห็นทุกอย่างได้
แม้นแต่จิตใจของข้า”

“โอ้! อภัยให้ข้าด้วยท่านเจ้าชีวิต” พิทยาลนลานลงจากหลังม้าคุกเข่าก้มหน้านิ่งอย่างรู้
ความผิดตัวเอง

“ครั้งนี้ยังนับว่าโชคดีของเจ้าที่ข้ารู้ตัวทันก่อนที่จิตของนักบวชเฒ่านั่นจะล้ำเข้ามามาก
กว่านั้น แต่มันยังไม่รู้ว่าข้ารู้แล้วว่าจิตของบุณยภูคือใคร”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ฆ่ามันซะ” ทำใจกล้าเสนอความเห็น แต่ที่ได้รับตอบแทนมาคือรอยแส้ม้า
ที่ตวัดเข้าที่ข้างแก้มรวดเร็วรุนแรงจนเนื้อปริแยก เลือดสีแดงสดซึมไหลย้อยลงอาบไปทั่ว
หน้าซีกนั้น

“ฆ่ามันตอนนี้ก็เหมือนกับฆ่าอวัศยา”

“บุณยภูจะสลายไปทันทีรวมถึงทุกชีวิตที่อยู่บนนั้น แต่ถ้ายังปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่
ข้าเผลอเมื่อไหร่มันก็จะเชื่อมจิตกับสังฆราชของมันบอกความเป็นไปทั้งหมดของเรา
แล้วทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าเจ้าพาหายนะมาไว้ข้างๆ ตัวแล้ว” 

พิทยายังคงก้มหน้านิ่งอยู่ที่เดิม เริ่มสำนึกในความผิดพลาดร้ายแรงของตน

“เจ้าสามารถชดเชยความผิดนี้ได้”

“ขอรับ” รับคำด้วยเสียงที่หนักขึ้น จนอีกฝ่ายค่อยพอใจขึ้นมาบ้าง

“ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ลอบขึ้นไปพาอวัศยากลับลงมาให้ได้ก่อนที่เราจะบุก
บุณยภูคืนนี้”

“ขอรับท่านเจ้าชีวิต ข้าจะไปพานางกลับมาให้ได้”

“ดี” อาคิราห์บอกสั้นๆ แล้วกระตุกม้าให้เคลื่อนตัวผ่านร่างที่ยังคงคุกเข่าก้มหน้านิ่งอย่าง
ไม่ไยดี จากหางตานางเห็นร่างเล็กๆ ของตัวปัญหาโดนจับมัดแน่นนั่งบนม้าซ้อนอยู่ข้างหน้า
ทหารองครักษ์นายหนึ่งห่างออกไป แต่ไม่ไกลเกินที่จะเห็นสีหน้าของนักบวชน้อยนั่นยังคง
สุขสงบ หัวใจของอาคิราห์เต้นถี่กระชั้นด้วยแรงอารมณ์แห่งความเกลียดชัง

ความสุขสงบที่น่ารังเกียจ คาบสมุทรที่แบ่งชนชั้นเช่นนี้ไม่ควรได้อยู่อย่างสงบ รวมทั้ง
บุณยภูที่คิดว่าสูงส่งกว่าใคร ทุกอย่างจะต้องได้รับการชำระล้าง และคามินรัฐได้ตอบแทน
ความอยุติธรรมทั้งมวลในอดีตอย่างสาสม

“เจ้า” ชี้นิ้วไปที่องครักษ์ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด

“ขอรับท่านเจ้าชีวิต” รีบลนลานลงจากหลังม้ามายืนค้อมศีรษะรับคำสั่ง

“เอานี่ให้เด็กใบ้นั่นกิน” สิ่งที่ยื่นส่งให้ทหารองครักษ์นายนั้น ทำให้ผู้ที่เคยเห็นและจำสิ่ง
นั้นได้ดีถึงกับชะงักอย่างไม่คาดคิดเพราะสิ่งที่มาอยู่ในมือเวลานี้คือยานรกสูตรที่ร้ายแรง
ที่สุดของอาคิราห์

“ขอรับ” รับคำแม้นจะอึดอัดใจที่ต้องกระทำต่อเด็ก แต่คำสั่งของเจ้าชีวิตถือเป็นประกาศิต
ที่ไม่มีใครกล้าไม่ทำตาม

“จงฟังคำสั่งข้า”

เสียงทรงพลังดังแหลมก้องไปทั่วกองทัพที่กำลังโหมฮึก กระหายจะให้อาวุธได้ดื่มด่ำ
กับรสโลหิตของนักบวชแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะเหลือเพียงเศษซากในไม่ช้านี้

“เร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด ก่อนอาทิตย์ตกดินต้องถึงทางขึ้นบุณยภู”

เสียงโห่รับของเหล่าทหารเรือนแสนดังรับกันไปเป็นทอดๆจนในที่สุดก็กระหึ่มขึ้นอย่าง
พร้อมเพรียง และตามด้วยเสียงคำรามราวสัตว์จากอเวจีของซากทดลองอีกจำนวนนับ
ไม่ถ้วน ก่อนจะก้าวตะลุยไปเบื้องหน้าตามคำสั่งของเจ้าชีวิตที่ต้องการทุกแผ่นดินบน
คาบสมุทรมายามาสยบแทบเท้า

“ท่านนายพลเคืองข้าหรือไม่ ที่ข้าทำเช่นนั้นกับลูกชายท่าน”
จู่ๆ เจ้าชีวิตแห่งคามินรัฐก็หันมาทางนายพลคนสนิทที่นิ่งเงียบอยู่บนหลังม้ามาตลอด

แม้นเวลาจะล่วงเลยมานานแต่นายพลเฒ่ายังคงความสง่าผึ่งผายของนักรบที่ไม่เคยเสีย
เลือดให้กับศัตรูคนใด นอกจากคนๆ เดียวที่พร้อมยอมพลีเลือดทุกหยดหยาดในร่างกาย
ให้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

“เพียงแค่แส้เดียว ยังน้อยเกินไปสำหรับความผิดของมัน” ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ท่านคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”

“จริงขอรับ”

“ถ้าอย่างนั้น ท่านก็ยินดีรับอีกแส้หนึ่งแทนลูกชาย”

“ท่านเจ้าชีวิต!”

“ไม่ต้องตกใจไป ข้าเพียงล้อท่านเล่น”

“แต่ถ้าท่านเจ้าชีวิตต้องการเช่นนั้นจริง ข้า...ก็พร้อมรับทัณฑ์”

“ฮึ ฮึ ฮึ ทัณฑ์ที่สมควรสำหรับนายพลผู้เก่งกาจเยี่ยงท่านมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ท่านก็รู้ดีนี่ว่าคืออะไร”

“ข้าทราบดี ท่านเจ้าชีวิต”

“อย่าทำให้ข้าผิดหวังท่านนายพล ข้าต้องการเห็นบุณยภูพินาศ และเราได้อวัศยา
กลับคืนมา”

“ข้าไม่กล้าทำให้ท่านผิดหวัง ท่านอาคิราห์”

“ข้ารู้”

นายพลเฒ่าแห่งคามินรัฐมองรอยยิ้มเย็นๆ ที่ปรากฎบนใบหน้าที่ยังไม่สร่างความสวยคม
เช่นอดีตความหวั่นวิตกที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในอกมานานปีเต้นรัวกระหน่ำขึ้นมาอีก นางกล้า
แข็งและเรืองอำนาจจนไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคณะผู้บริหารที่ช่วยผลัก
ดันให้นางมีความชอบธรรมในการเป็นเจ้าชีวิต รวมทั้งนักรบคู่กายที่พร้อมจะฆ่าทุกคนที่
ขัดขวางหนทางสู่อำนาจของนาง

แต่ทุกคนมาไกลเกินกลับ หรือที่ถูกคือไม่มีทางกลับ ต่างติดกับดักอยู่ในวังวนสีดำของ
ยานรกโดยไม่รู้ตัว ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับยาแก้พิษทุกครึ่งปีที่จะไม่ทำให้ร่างต้อง
กลายเป็นซากน่าสังเวช

และครั้งนี้ก็เช่นกัน...นายพลผู้เฒ่าจำต้องทำทุกวิถีทางที่จะบุกขึ้นบุณยภูให้ได้แม้นจะ
ไม่มีความมั่นใจเพียงสักกระผีก ร่างผึ่งผายรีบบังคับม้าให้วิ่งเต็มเหยียดไปสู่ส่วนแนวหน้า
ที่เหล่าอมนุษย์กำลังวิ่งตะลุยด้วยความเร็วที่คงทิ้งห่างกองทัพของมนุษย์ปกติไปไกลแล้ว
หากว่าทหารเหล่านั้นไม่ได้ควบขับม้าศึกกันทุกคน มีเสียงฝีเท้าม้าของทหารชั้นหัวหน้า
ควบตะบึงตามมาติดๆ อย่างรู้หน้าที่ และคงรู้ตัวดีว่าจะมีสภาพเช่นใดถ้าบุณยภูไม่แตกภาย
ในคืนนี้

โอ้คามินรัฐ...เวลานี้เจ้าโดนแสงมืดมนของดวงอาทิตย์สีดำปกคลุมจนไม่เหลือแม้นเพียง
จุดเล็กๆ ของแสงสว่างแห่งความหวังแล้วหรือ 

“ท่านนายพลขอรับ” เสียงนายกองที่อาวุโสสุดดังแหวกความอึกทึกที่รายล้อมอยู่รอบตัว
ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบนำม้าเข้ามาใกล้ม้าของนายพลเฒ่าที่รั้งรอไว้

“มีอะไร”

“ยาสำหรับพวกซากทดทองกำลังจะหมดขอรับ”

“บ้าจริง! เหลือใช้ได้อีกกี่วัน”

“วันเดียวขอรับ”

“ทำไมถึงหมดเร็วอย่างนั้น ข้าให้เจ้าเตรียมมาให้พอไม่ใช่หรือ”

“เราเร่งเดินทาง พวกมันเลยต้องใช้ยามากกว่าปกติขอรับ”

“วันเดียว ช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้” นายพลแห่งคามินรัฐแค่นเสียงออกมา 

“มีคำสั่งด่วนออกไปให้เร่งพวกซากทดลองอีก ขึ้นบุณยภูได้เมื่อไหร่เราอาจไม่จำเป็น
ต้องใช้ซากพวกนี้อีกต่อไป”

“ขอรับท่านนายพล” รับคำแล้วก็รีบบังคับม้าให้วิ่งผละไปทันที

และเพียงชั่วอึดใจทหารที่มีหน้าที่ควบคุมซากทดลองทุกคนก็ได้รับการถ่ายทอดคำสั่งด่วน
ต่อจากนั้นราวกับแผ่นดินกำลังจะเคลื่อนแยกออกจากกัน ม้าศึกหลายพันตัวกระโจนอย่าง
ตกใจ ทหารหลายนายโดนสลัดร่วงลงจากหลังม้ามานอนจุกคลุกฝุ่น แต่ก็ต้องรีบกระเสือก
กระสนวิ่งหนีตายทั้งม้าและคนเพื่อให้พ้นจากการเหยียบย่ำของกองทัพซากทดลองที่กำลัง
เร่งลุยฝ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าไปยังทางขึ้นบุณยภูที่อยู่อีกไม่ไกล

“เร็วขึ้นอีก”
นายพลแห่งคามินรัฐตะโกนก้อง กดน่องเตือนให้ม้าคู่ใจวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วราว
ลมพายุ เพ่งมองดูภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่บัดนี้ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแล้ว

ท่ามกลางความร้อนแรงที่ยังไม่คลายของแสงอาทิตย์ในยามบ่ายจัด บุณยภูกลับเหมือน
อยู่อีกโลก...โลกแห่งความเยือกเย็นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

และไม่มีทางขึ้น

“ไม่มีทางขึ้น เป็นไปได้อย่างไร” นายพลเฒ่าครางออกมา ไอเย็นของภูศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่
มาถึงกลับทำให้ใจของผู้เฒ่ารุ่มร้อน

“แยกกำลังทหารรอบบุณยภู หาทางขึ้นให้เจอ”

พวกซากทดลองถูกสยบให้นิ่งด้วยเสียงนกหวีดที่ดังแหลมเสียดหู ก่อนที่ทหารกองหน้า
ทั้งหมดจะถูกแยกกำลังออกล้อมรอบบุณยภูที่ถูกหิมะถมทับขาวโพลนจนมองแทบไม่เห็น
พื้นดิน ทุกคนต่างพยายามหาทางขึ้นอย่างร้อนใจเพราะใกล้เวลาที่ดวงอาทิตย์จะตกแล้ว

“ท่านนายพลขอรับมีทางหนึ่งที่น่าจะขึ้นไปได้ แต่...” นายกองคนเดิมมารายงานด้วย
สีหน้าเป็นกังวล

“ไม่มีแต่ ให้พวกซากทดลองตะลุยขึ้นไป”

“มันเป็นทางน้ำแข็งที่แปลก ข้าเกรงว่าพวกมัน...”

“ไปทำให้พวกมันทำให้ได้ หรือพวกเจ้าจะทำเอง”

“ขอรับ” จำต้องรับคำ และทำโดยไม่มีทางเลือก

เสียงนกหวีดดังแหลมขึ้นอีกครั้ง เหล่าซากที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อมี
วิญญาณแห่งเสรีแต่บัดนี้มีสภาพไม่ต่างจากสัตว์จากอเวจีที่โดนนำมากดหัวใช้เยี่ยง
ทาสที่ไม่มีวันได้เผยอร้องหาอิสระ พวกมันเริ่มย่ำเท้าหนาหนักอีกครั้ง บุณยภูสะเทือน
ไหวจนปุยหิมะที่เกาะตามกิ่งก้านไม้ร่วงพราว น้ำแข็งที่จับตัวตามพื้นดินแตกออกจนพอ
จะเป็นทางให้บุกลุยขึ้นไปได้ มีซากทดลองประมาณร้อยซากกรูกันขึ้นไปตามทาง
น้ำแข็งที่เริ่มแตกนั้น พวกมันป่ายปีนอย่างไม่รู้สึกรู้สมกับสภาพหนาวเหน็บรอบตัว
ใบหน้าบิดเบี้ยวพุพองไร้ความรู้สึก

แต่แล้วเหล่าอมนุษย์ก็ต้องกรีดร้องครวญครางด้วยเสียงดังสยดสยอง เมื่อน้ำแข็งที่แยก
ตัวไปแล้วกลับมารวมตัวกันใหม่โดยผนึกขาของพวกมันติดแน่นไปด้วย

นายพลเฒ่าตื่นตะลึงเช่นเดียวกับทุกคนในที่นั้น ชั่วแวบหนึ่งอดที่จะคิดถึงพิทยาผู้เป็น
บุตรชายไม่ได้ หวังว่าลูกชายคงสามารถผ่านขึ้นบุณยภูไปได้ และได้ตัวหญิงสาวที่เป็น
ความเป็นความตายของคามินรัฐกลับมา หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็น'ลูกเลี้ยง'

ม่านเป็นลูกติดที่ไร้คนสนใจ อยู่ในฐานะที่ไม่ดีไปกว่าคนรับใช้เท่าไหร่นัก แล้วทุกสิ่งก็
เปลี่ยนไปเมื่อเธออายุได้สิบสองปี นายพลเฒ่ายังจำสายตาของลูกชายที่เป็นหนุ่มแล้ว
จับจ้องมาที่เด็กหญิงอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งความรู้สึกแห่งราคะของตัวเองต่อลูกเลี้ยง
แม่ที่แสนอ่อนแอของม่านต่อสู้เพื่อปกป้องลูกสาวจากผู้เป็นสามีใหม่จนร่างกายถูกทำ
ร้ายยับเยิน และก่อนสิ้นใจก็พาด็กหญิงหนีไปในที่ที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาแตะต้อง
‘เขตในของคามินรัฐ’

ม่านกลับกลายมาเป็นอวัศยาคนต่อไปได้อย่างไร ยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
รวมถึงอะไรคือส่วนผสมที่สำคัญที่สุดของยานรก ทุกอย่างเป็นความลับอยู่ในเขตในเท่านั้น

“ส่งซากทดลองขึ้นไปอีก” นายพลแห่งคามินรัฐรีบสั่งการต่อเมื่อได้สติ ต้องบุกขึ้นบุณยภู
ให้ได้แม้ว่าจะต้องเสียพวกซากทดลองทั้งหมดก็ตาม พวกมันไร้ค่าเกินกว่าจะเสียดาย

ซากทดลองอีกนับร้อยถูกส่งขึ้นไปตามทางนั้นอีก พวกมันเหยียบย่ำไปบนซากที่ติด
ค้างบนทางน้ำแข็งอย่างจงใจ เสียงเหมือนกระดูกหักดังยาวไปตลอดทางท่ามกลาง
เสียงร้องระงม แต่ในที่สุดพวกที่ถูกส่งขึ้นไปใหม่ก็มีสภาพที่ไม่ต่างไปจากพวกแรกที่
โดนเหยียบจนกระดูกแหลกละเอียด

“ส่งพวกมันขึ้นไปอีก เราจะทำทางขึ้นจากซากทดลอง”






Free TextEditor




 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 28 สิงหาคม 2553 9:54:24 น.
Counter : 363 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.