บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

บุณยภู บทที่ ๑๔ จุดเริ่มต้น (๑) โดย...นิรีย์

นี่คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างใช่ไหม

นี่คือแม่และพ่อ และจุดเริ่มต้นของเธอ

ม่านรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผาก มองนิ่งไปที่บุคคลทั้งสอง...มีความรู้สึกมากมายสะท้อน
ออกมาทางสายตาของคนทั้งคู่ หลากหลายอารมณ์ที่นำมาซึ่งความสับสนไม่เข้าใจ
สำหรับผู้ที่เป็นได้แค่ผู้ชม

เธออยากเข้าไปอยู่ในใจพวกเขา
อยากรับรู้ความรู้สึกส่วนลึกจริง ๆ ของบุพการี
อยากรู้ว่า...เพราะไม่ได้เริ่มต้นด้วยรักหรืออย่างไร ถึงได้มีจุดจบที่โศกเศร้าเช่นนี้

และแล้ว...ก็เหมือนมีอำนาจบางอย่างรับฟังคำขอนั้น สายลมบาง ๆ ล้อมเข้ามาอยู่รอบตัว
จากหมุนวนช้า ๆ ค่อย ๆ แรงและเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดสายลมได้ดูดดึงเธอหายเข้าไป
ในห้วงเวลาที่ต้องการ ไปรับรู้ถึงความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจของใครหลายคน
ไปรับรู้เรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดแห่งคาบสมุทรมายา และจุดสิ้นสุด
ของคำว่า ‘เพื่อน’

**********

การเดินทางสู่ ‘พิชญะ’ บ้านหลังใหม่ที่แม้นจะเป็นเพียงบ้านชั่วคราว น่าจะทำให้สาวน้อย
ที่ไม่เคยเหยียบย่างสู่ดินแดนทางฝั่งซ้ายของบุณยภูอันเขียวขจีตื่นเต้นกับความแตกต่าง
ราวขาวและดำกับบ้านเกิดมากกว่านี้ แต่ความไม่ชอบผู้ชายทรงอำนาจ และเอาแต่ใจ
ที่ควบขับม้าอยู่เบื้องหน้า ทำให้สองวันที่ผ่านมามีแต่ความอึดอัด ยิ่งเขาเร่งเดินทางโดย
แทบไม่มีการหยุดพัก ยิ่งทำให้อารมณ์ของจันทราคล้ายเส้นเชือกที่เขม็งเกลียวพร้อมที่จะ
ขาดผึงไปในทันทีทันใด

“ข้าเหนื่อย อยากพัก” ตะโกนบอกเท่าที่เสียงจะมีอยู่ตอนนี้ หยุดม้ากึกเพราะทนขี่มันต่อไป
อีกไม่ไหว ร่างกายปวดร้าวจนแทบจะขยับเขยื้อนเนื้อตัวไม่ได้

จันทราเห็นเขาเพียงชำเลืองมองมา และยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แต่แค่นั้นก็ทำให้พาลเกลียด
นายพลคนนี้มากขึ้นไปอีก เกลียดเหลือเกินกับสายตาเข้มทรงอำนาจที่ราวกับจะมองทะลุ
เข้ามาในใจได้ และยังรอยยิ้มมุมปากนั่นอีก อยากตรงเข้าไปข่วนหน้ายิ้ม ๆ นั้นให้เลือดซิบ
แต่ก็ได้แค่คิดแค้นในอกอยู่คนเดียว ตอนนี้ไม่มีใครสามารถเข้ามาช่วยได้แม้แต่แม่คิรา

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็อดที่จะหวาดวิตกไม่ได้ ต้องอยู่กับผู้ชายที่แก่กว่าเกือบยี่สิบปีในฐานะ
ภรรยา แม้นอาคิราห์จะพยายามเน้นย้ำว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งบังหน้า
เท่านั้น แต่อีกฝ่ายก็เพียงยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำ ไม่ตอบรับด้วยวาจาสักคำ

จันทรารู้ดีว่าแม่คิราเต็มไปด้วยความอัดอั้น ไม่อยากปล่อยมือจากไป แต่มันคงไม่มีทาง
เลือกอื่นอย่างที่เพื่อนเก่าของนางบอกไว้จริง ๆ สาวน้อยสงสารผู้มีศักดิ์เป็นน้าแต่เลี้ยงดู
และใกล้ชิดราวกับเป็นแม่แท้ ๆ แม่ที่สนใจแต่น้องสาวอีกสองคน แม่ที่ห่างเหินจนเหมือน
คนแปลกหน้า แม่ที่ผลักดันให้เธอหันหลังให้ครอบครัวอย่างไม่อาลัย

ตอนนี้คนที่รักเธอ และเป็นที่รักกำลังลำบาก ถ้าการที่ต้องไปอยู่พิชญะกับนายพลคนนี้ช่วย
อาคิราห์ได้ จันทราก็พร้อมจะทำ  แต่เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องการทำเช่นนี้

การแต่งงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเพียงพิธีหลั่งน้ำมนต์จากนักบวชอาวุโสของบุณยภู
ในช่วงเย็นเท่านั้น แล้วการเดินทางก็ได้เริ่มขึ้นในเช้าตรู่ของวันต่อมา เจ้าบ่าวที่เธอแสน
ชังน้ำหน้าเร่งเร้าให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ตัวต้องการ และรวดเร็วจนจันทราแทบจะไม่มี
เวลาหายใจ

“ข้านึกว่าเจ้าจะไม่ยอมพูดกับข้าไปจนถึงพิชญะซะอีก” เขากล่าวยิ้ม ๆ

“ข้าก็นึกว่าท่านจะเร่งเดินทาง จนไม่สนใจคนที่ตามมาด้วยเหมือนกัน” สาวน้อยประชด
ขวางหูขวางตาเมื่อเห็นท่าทีสบายอารมณ์บนหลังม้า หลังจากที่เขาเร่งรัดทุกอย่าง
โดยอ้างการเดินทางกลับพิชญะให้เร็วที่สุด

“เจ้าเบื่อหรือ หนูจัน”

“ใช่ เบื่อมาก”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยากทำอะไรแก้เบื่อล่ะ”

“แค่ท่านออกไปให้พ้นหน้าข้า ข้าก็คงหายเบื่อแล้ว”

“ปากร้ายจริงเมียข้า”

“ข้าไม่ใช่เมียท่าน”

“ทำเสียงเหมือนกับเมื่อคืนนั้นเลยหนูน้อย ที่เจ้าบอกว่าห้องไม่ใช่ห้องของข้า แล้วเป็น
อย่างไร ทุกอย่างกลายมาเป็นของข้าหมด รวมทั้งเจ้า”

“มันก็แค่ชั่วคราวจนกว่าเรื่องทางคามินรัฐจะเรียบร้อย แล้วท่านก็รับปากแม่คิราแล้วว่า
จะไม่ทำอะไรข้า เป็นผู้ใหญ่แล้วรักษาคำพูดด้วย”

“ข้าจำไม่ได้นะว่าเคยรับปากแม่คิราของเจ้าตอนไหน แต่เห็นเจ้าร้อนใจเช่นนี้ ข้ารับปากว่า
จะไม่ทำอะไรเจ้าก็ได้ แต่ไม่ได้รับปากว่าจะไม่ให้เจ้าทำอะไรข้านะ”

“หมายความว่าอะไร”
   
“หมายความว่า...ถ้าเจ้าอยากถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าสาว เชยชมข้าก็ได้” เขาลากเสียง
ตอนท้ายยาว ดวงตาเป็นประกายจ้าสื่อสิ่งที่คิดอยู่ในใจตอนนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

“บ้า! ลามก” สาวน้อยว่าอย่างไม่เกรงกลัวฐานะของอีกฝ่าย 
   
“สิ่งที่เจ้าว่าลามก มันคือเรื่องธรรมชาติสำหรับผัวเมีย แล้ววันหนึ่งเจ้าอาจต้องทำสิ่งนั้น
กับข้า” นายพลหนุ่มตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ เช่นเดิม ประกายจ้าในดวงตายิ่งทวีความ
เข้มขึ้นจนผู้ที่ทำใจกล้าสบตาต้องรีบเมินหนีด้วยหัวใจที่เต้นระทึก 

“ไม่มีวันนั้นแน่นอน” จันทราเชิดหน้าตอบอย่างหนักแน่น แม้นบางเสี้ยวในใจจะมีความรู้สึก
แปลก ๆ แต่การโดนบีบบังคับ ทำให้ใจสาวน้อยมีแต่จะต่อต้าน กรุ่นโกรธ เกลียดชัง
และไม่คิดสนใจที่จะหาคำตอบว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร

“หนูจัน เจ้าโตพอที่จะเข้าใจความต้องการของผู้ชายแล้ว เจ้ารู้ใช่ไหมว่าถ้าสามีต้องการ
ภรรยาก็ไม่ควรปฏิเสธ”

“เราไม่ได้เป็น...”

“หนูน้อยเจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะเล่นขายของหรือ ข้าแต่งกับเจ้าเพราะข้าต้องการเจ้าจริง ๆ”

“ท่านอย่าผิดคำ ท่านบอกจะไม่ทำอะไรข้านะ” จันทรารู้สึกกลัวสายตาจริงจังนั้นอย่างจับจิต
ละล่ำละลักเตือนเขาเพื่ออย่างน้อยยังมีกำแพงแห่งคำสัญญากั้นเขาให้ห่างแม้นสักนิดก็ยังดี

“ข้าไม่ผิดคำแน่นอน ไม่ทำอะไรที่ขืนใจเจ้าแน่นอน” ร่างใหญ่หนาเคลื่อนม้าเข้ามาประชิด
ม้าของคนช่างพูด และโดยไม่ต้องออกแรงมากมาย ร่างเล็กบอบบางก็โดนอุ้มตัวลอยมา
นอนตัวแข็งพาดอยู่บนตักของเขา ส่วนม้าที่ว่างคนขี่ก็โดนผูกติดให้เดินตามมาห่าง ๆ 

ด้วยรูปร่างที่ต่างกันอย่างมากทำให้เหมือนกับเขากำลังอุ้มเด็กน้อยแนบอกพาขี่ม้าเที่ยวเล่น

“นอนให้สบาย ตอนนี้ข้าจะชดใช้สองวันที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก” เขาก้มลงกระซิบข้างหู
แม่สาวน้อยอย่างนุ่มนวล ร่างเล็กแบบบางหากแต่นุ่มนิ่ม และหอมกรุ่น ทำให้ยากจะห้ามใจ
คำสัญญาที่เพิ่งกล่าวจึงดูราวกับจะเอ่ยเพียงลอย ๆ เหมือนเจ้าตัวไม่คิดที่จะจริงจังใด ๆ
เพราะฝ่ามือใหญ่ได้ละจากบังเหียน เพื่อเคลื่อนขึ้นมาประคองหน้างามจิ้มลิ้มให้แหงนขึ้น
มองเขาเต็มตา

“หนูจัน เจ้าทำให้ข้าทรมาน คิดถึงแต่จุมพิตในคืนนั้น” เขาทำเสียงครางราวเจ็บปวดทรมาน
อย่างที่พูด ใบหน้าโน้มลงจนปลายจมูกโด่งตรงแตะชิดจมูกรั้นแต่ได้รูปสวยของสาวน้อย
ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อเผยอน้อย ๆ  คล้ายอยากจะทัดทาน แต่ก็ไม่ทันกาล คำพูด
ต่าง ๆ โดนกลืนหายเข้าไปในริมฝีปากของนายพลหนุ่มจนสิ้น

ไม่เหมือนจุมพิตแรกที่ผ่านมา ครั้งนี้เขาตั้งใจใช้ลิ้นนุ่มร้อนซอกซอนสำรวจไปทั่วปากช่าง
ต่อว่า ลิ้มรสความหวานซ่านของดอกไม้แรกผลิที่ได้แต่ไหวสะท้านยามโดนละเลียดอย่าง
ตั้งใจ ลิ้นที่ช่ำชองชักนำคนไม่ประสาให้หลงเพริดในวังวนแห่งธารพิศวาส พัดพาล่องลอย
ไปไกลลิบ จนไร้เรี่ยวแรงจะว่ายกลับฝั่ง และคงจมสู่ห้วงลึกของสายธารอารมณ์ ถ้าเขาจะ
ไม่ปรานีต่อความอ่อนเดียงสานั้น

พยัคฆ์หนุ่มหยุดหยอกเย้าสมันน้อยที่กำลังตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมอกกว้าง ความเก่งกล้าเมื่อ
ครู่ละลายหายไปเพียงเพราะจุมพิตเดียว

“ข้าจะไม่ขืนใจเจ้า จะรอจนกว่าเจ้าจะพร้อม แต่ขอให้ได้แตะต้องบ้างนะหนูจัน”

แม้นจะรู้ว่าเป็นการเอาเปรียบผู้อ่อนเยาว์ แต่นายพลแห่งพิชญะกลับห้ามตัวเองไม่ได้ ที่จริง
แล้วเขาไม่สามารถห้ามตัวเองได้ตั้งแต่แม่สมันตัวน้อยคนนี้เปิดประตูผิดห้องออกมา จุดที่
อ่อนไหวที่สุดตื่นตัวจนเจ็บปวดราวกับเด็กหนุ่มอารมณ์เดือดพลุ่ง ไม่เคยเลยที่จะรู้สึกกับ
ผู้หญิงคนไหนมาก่อนเช่นนี้ ยิ่งได้ลองแนบชิดได้กกกอดเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมละมุน ยิ่งยั่วยุ
ไฟราคะในตัวให้ลุกโชน

และเมื่อเห็นโอกาสเขาก็ลืมสิ้นถึงความเหมาะสม ลืมสิ้นถึงความคิดเดิมที่เพียงอยากจะกัน
เธอจากอาคิราห์เพื่อหาเหตุผลที่แท้จริงของเพื่อนตั้งแต่วัยเยาว์คนนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยาก
ช่วยนาง แต่การขอความช่วยเหลือครั้งนี้มีเงื่อนงำจนไม่อาจวางใจ

การเติบโตมากับอาคิราห์ที่หนีราชภัยจากกษัตริย์คามินรัฐมาอยู่กับครอบครัวของเขาตั้งแต่
เพิ่งเริ่มเดินได้ในฐานะสายเลือดนอกบังลังก์ของกษัตริย์พระองค์ก่อน ทำให้เขารู้ดีว่าภายนอก
ที่เรียบร้อยนุ่มนวลนั้นซ่อนอะไรไว้บ้าง

ความทะเยอทะยานที่ร้อนแรง

แต่ความเป็นเพื่อนที่ยังคงติดต่อกันอยู่เสมอแม้นว่าอาคิราห์จะถูกส่งตัวกลับไปนานแล้ว
ทำให้ทั้งเขาและสังฆราชแห่งบุณยภูช่วยอาคิราห์ในหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องนี้ ด้วยความ
สงสารผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่พยายามดิ้นรนหาความเป็นธรรมให้ตัวเอง กุลิสร์รู้ว่าฐานะของนาง
ยิ่งแย่กว่าเมื่อตอนอยู่ที่พิชญะ แต่เขารู้ดีว่านางจะไม่มีทางยอมต่ำต้อย เขารู้ดีถึงความพยายาม
ความมุมานะ และความอดกลั้นที่เกินขีดที่ผู้หญิงจะทำมันได้ ในวัยเด็กอาคิราห์แอบเรียน
แอบฝึกอาวุธ และทำทุกอย่างที่ผู้ชายทำ นางกลายเป็นดอกไม้เหล็กที่แข็งกล้า แม้นภายนอก
จะเป็นหญิงแต่หัวใจนั้นไม่ใช่ และนั่นคือสิ่งที่เขากลัวแทนสาวน้อยจันทรา

ไม่มีใครรู้จักอาคิราห์ดีเท่าเขา เพียงแวบเดียวที่เขาเห็นประกายดุดันจากสายตานางเมื่อเขา
ยืนยันการแต่งงาน เสียงบางอย่างในหัวก็บอกให้เขารีบพาจันทราออกห่างนางให้มากที่สุด

อาคิราห์กำลังจะใช้เด็กสาวคนนี้ เหมือนที่เคยใช้ใครหลาย ๆ คน ความผูกพันในวัยเด็กทำให้
เขามองผ่านความไม่ถูกต้องนั้นมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่กับสาวน้อยในอ้อมกอดคนนี้
เขาไม่อาจละเลย ไม่อาจทิ้งให้อยู่ในเงื้อมือของอาคิราห์ แม้นว่าขณะนี้สภาสูงสุดของพิชญะ
จะมีคำสั่งลับให้เขาช่วยเหลือนางในทุกเรื่องเพื่อให้อาคิราห์ได้ครองบังลังก์คามินรัฐ โดย
แลกกับการนำดินแดนมาอยู่ภายใต้พิชญะอย่างถาวร

ข้อแลกเปลี่ยนที่แสนอัปยศในความรู้สึกของเขา
ทำไมสภาสูงคณะนี้ถึงตัดสินใจทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่เขาต้องรู้ให้ได้ และโอกาสก็มา แต่สิ่งที่
มาพร้อมกันนั้นคือสาวน้อยที่สั่นคลอนจิตใจจนมิอาจควบคุม

ใจร้อนราวไฟที่ไม่สามารถเอาความเยือกเย็นของคำว่าสุภาพบุรุษมาดับได้ บีบบังคับให้
ได้ตัวไว้ก่อน ถึงจะไม่ถูกต้องเมื่อแรกเริ่ม...แต่เขาจะทำให้มันสิ้นสุดที่ความยินยอมในไม่ช้า

นายพลหนุ่มใช้ความพยายามอย่างที่สุดเพื่อข่มไฟอารมณ์ที่กำลังผลาญเผาเขาให้สงบลง
กอดกระชับร่างในวงแขนอย่างทะนุถนอมพร้อมจุมพิตแผ่วบางที่หน้าผากมน

“หลับซะจันทราของข้า”

อาจเพราะเหน็ดเหนื่อย หรือเพราะคำที่เขาเรียกจากใจนั้น ทำให้จันทราเผลอไผลผล็อย
หลับในอ้อมอกกว้างอบอุ่น กว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นรอบตัวก็ห้อมล้อมไปด้วยความมืด แต่
อ้อมอกแกร่งยังคงยืดตรงให้ร่างเล็กบอบบางได้ซุกแนบหลับใหลอย่างเป็นสุข ไม่อยาก
ลืมตาขึ้นเลยถ้าไม่เป็นเพราะมีคนแกล้งเป่าลมเบา ๆ เข้ามาที่หู

“อือ อย่าซิ”

“ตื่นได้แล้วคนขี้เซา ถึงบ้านของเราแล้ว”

‘บ้านของเรา’ คำ ๆ นี้ทำให้สาวน้อยขี้เซารีบผุดขึ้นนั่งตัวตรงทันที และก็ต้องเบิกตา
กว้างกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า บ้านไม้ชั้นเดียวกลางทะเลสาบดอกบัวขาวที่ชูดอกเด่น
สล้างในความมืด ไม่ใหญ่โตแต่งดงามกลมกลืนกับธรรมชาติ โดดเด่นแม้นอยู่ท่ามกลาง
ความมืดเช่นนี้   

“ที่นี่คือบ้านนอกเมืองของข้า เล็กแต่สะดวกสบาย เราจะพักอยู่ที่นี่สักระยะ”

“เพราะข้าใช่ไหม ท่านถึงไม่กลับบ้านจริง ๆ ของท่าน”

“บ้านที่มีไว้แค่ซุกหัวนอน กับเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าไม่เรียกมันว่าบ้านจริง ๆ หรอก บ้านที่
สมควรเป็นบ้านต้องเป็นที่ของครอบครัว และข้าคิดมาตลอดว่าจะมีครอบครัวที่นี่”

“ทำไมท่านถึงยังไม่มีครอบครัว” ทำใจกล้าถาม และรู้สึกดีใจที่สามารถซ่อนสีหน้าไว้ใน
ความมืดได้

“ไม่มีเวลา” เขาตอบสั้น ๆ ลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็วก่อนจะหันกลับไปช่วยคนที่เขาคิด
จะให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกันลงจากม้าอย่างนุ่มนวล

“ต้องผูกม้าไว้ตรงนี้ สะพานเข้าไปที่บ้านมันแคบไปหน่อย”

จันทราพยักหน้ารับง่าย ๆ แต่พอมาเห็นสภาพสะพานเข้าจริง ๆ ก็หันกลับไปส่ายหน้าใส่
เขาทันที สะพานที่เห็นไม่ใช่เพียงแคบไปหน่อยอย่างที่นายพลหนุ่มบอก แต่มันแทบไม่
เหมือนสะพานเลยสักนิด แค่เป็นเพียงท่อนไม้ไผ่มัดติดกันไม่เกินสามท่อน แล้วเอามาวาง
พาดบนตอไม้ธรรมชาติที่กระจายอยู่ทั่วทะเลสาบ พอเป็นทางข้ามจากฝั่งจนถึงเกาะกลาง
น้ำเท่านั้น แต่ที่ยิ่งร้ายกว่านั้นคือไม่มีจุดไหนที่พอให้จับเพื่อพยุงตัวเลย แล้วอย่างนี้จะให้
เหาะข้ามไปหรืออย่างไร ไหนจะข้าวของติดตัวอีก

“ท่านนายพลคงคิดว่าข้าเป็นนกกระมัง จะได้บินข้ามไปได้”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เขาปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่กับคำพูดประชดน่ารักนั่น จน
เห็นว่าสาวน้อยจิ้มลิ้มหน้างอหงิกยิ่งกว่าเดิมจึงต้องพยายามกลั้นหัวเราะไว้เดี๋ยวสาวเจ้า
โกรธมากกว่านี้ จะพาลไม่ยอมเดินเข้าบ้าน

“กลัวตกน้ำหรือไง”

“แล้วสะพานของท่านมันน่าจะข้ามไปอย่างปลอดภัยหรือ”

“ไม่เอาน่าหนูจัน เจ้าคงไม่คิดนอนอยู่ตรงนี้กับม้าหรอกนะ“

“ก็ไม่แน่”

“ฮึ ฮึ มาเถอะ ข้าช่วยเจ้าเอง” เขาหันหลังพร้อมกับย่อตัวให้ ซึ่งเป็นการบอกวิธีช่วยของ
เขากลาย ๆ แต่อีกฝ่ายยังรีรออยู่เพราะไม่แน่ใจนัก

“ขี่หลังข้าเร็ว คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงน้ำกำลังจะขึ้นมาท่วมสะพานแล้ว เดี๋ยวข้ามไปไม่ได้
ต้องนอนกับม้าอีกคืนนะหนูจัน” อาจจะเพราะคำขู่ตอนท้ายทำให้ร่างเล็ก ๆ บอบบางราว
ตุ๊กตายอมขึ้นขี่หลังเขาโดยไม่อิดออด

“ตัวก็เล็ก แต่ทำไมถึงหนักอย่างนี้” เขาแกล้งบ่นเมื่อพากันข้ามมาจนเกือบกึ่งกลางสะพาน
ไม้ไผ่แสนแคบที่เขาเดินมาได้อย่างสบาย ๆ พร้อมกับภาระบนหลัง

จันทราได้แต่ค้อนใส่หลังคนปากเสีย ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านั้นเพราะกลัวตกน้ำ ยิ่งมี
อยู่ช่วงหนึ่งที่เขาเหยียบพลาดจนเซไปหน่อย สาวน้อยก็ยิ่งกอดเขาไว้แน่น ลืมคำพูดไม่
ถูกหูไปจนสิ้น

“ลงได้แล้วหนูน้อยก่อนที่เจ้าจะรัดคอข้าจนตาย”

จันทรารีบปล่อยแขนที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังรัดลำคอใหญ่ไว้แน่น แอบค่อนในใจว่าแขนท่อน
เล็ก ๆ อย่างนี้จะไปทำอะไรลำคอราวต้นซุงของเขาได้ คนอะไรตัวสูงใหญ่ราวกับยักษ์
แต่ทำไมถึงคล่องแคล่วนัก ข้ามสะพานที่เธอคงใช้เวลาหลายชั่วยามมาด้วยเวลาไม่กี่อึดใจ   

“สัมภาระของข้าล่ะ” เริ่มมีฤทธิ์เมื่อเท้าแตะพื้นได้แล้ว

“กลับไปเอาไม่ทันแล้ว เจ้ามัวแต่ชักช้าจนน้ำขึ้นมิดสะพาน”

จันทราเม้มปากแน่นอย่างขัดเคืองที่โดนโยนความผิดมาให้ คนต่างถิ่นอย่างเธอจะไปรู้เรื่อง
น้ำขึ้นน้ำลงได้อย่างไร แล้วไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนอย่างนี้คงอึดอัดไปทั้งคืน

และดูเหมือนเขาจะเดาใจเธอออกจึงพูดได้แทงใจ
“ไม่ต้องกลัวว่าต้องนอนแก้ผ้าหรอก ในบ้านคงพอมีเสื้อให้เจ้าเปลี่ยน”

“ฮึ!” ร้องได้แค่นั้นก่อนจะสะบัดหน้าพรึด ก้าวจ้ำพรวด ๆ ไปก่อนหน้าเจ้าของบ้านที่กำลัง
จะร้องเตือนบางอย่าง แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว

“ว้ายย”
   
เสียงร้องลั่นอย่างตระหนก พร้อมกับร่างเล็กบอบบางร่วงหล่นลงไปในหลุมดักขนาดใหญ่
ทั้งตัว นายพลหนุ่มรีบก้าวไปที่ปากหลุมที่เขาทำไว้ดักผู้บุกรุกด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็ก
แต่ฤทธิ์มากทันที แม้นจะมืดแล้วแต่แสงจากพระจันทร์ข้างขึ้นก็พอให้มองเห็นสภาพล้มลุก
คลุกคลานของคนอวดเก่ง และก็น่าขำพอที่จะทำให้เขาหัวเราะลั่นทะเลสาบได้

“คนบ้า คนใจดำ หัวเราะเยาะอยู่ได้”
   
“ขอโทษ ขอโทษ ฮึ ฮึ ส่งมือมาข้าจะช่วยดึงขึ้น” เขาพูดไปกลั้นหัวเราะไปจนคนที่ตกหลุม
คงฉิวจัดขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ต้องจำใจรับความช่วยเหลือเดียวที่มีของเขา ร่างเล็กโดนดึงขึ้น
มาอย่างง่ายดาย ทั้งตัวทั้งเสื้อผ้าชุดเดียวที่เหลืออยู่เปรอะเปื้อนโคลนใต้หลุมจนสกปรก
มอมแมมไปทั่ว

“ข้ากำลังจะเตือนเรื่องหลุมดัก เจ้าก็ใจร้อนรีบเดินมาก่อน อยากเข้าบ้านมากหรือไงหนูจัน”

ไม่ใช่อยากเข้าบ้าน อยากจะหนีหน้าเจ้าของบ้านมากกว่า จันทราคิดเถียงในใจ

“มาข้าพาเจ้าเดินเข้าไปดีกว่า ยังมีหลุมดักอีกหลายหลุม”

สาวน้อยยอมให้จับจูง แต่พอใกล้จะถึงตัวบ้านจากจับจูงก็กลายเป็นโดนจับอุ้มขึ้นพาดบ่า
ทั้งตัว

“อะไรนี่ ปล่อยข้านะ”

“อย่าดิ้นซิ เจ้าจะเดินเข้าไปทั้งอย่างนี้ได้ยังไง เดี๋ยวบ้านก็สกปรกหมด”

โดนดุราวกับเป็นเด็กน้อย จันทราหยุดดิ้นรนทันที แต่พยายามเกร็งศีรษะให้ตั้งตรงไว้เพื่อ
ที่จะได้มองรอบ ๆ ตัวได้ถนัด เห็นเขาเพียงแตะเบา ๆ ประตูหน้าบ้านก็เปิดออกอย่างง่าย
ดาย บ้านหลังนี้คงไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจปิดสักดอก เพราะแค่หลุมดักก็คงกันคนบุกรุกได้
อยู่แล้ว เขาแบกเธอฝ่าเข้าไปในส่วนลึกของบ้านที่มืดมิดอย่างคุ้นทาง จันทรารู้สึกราวคน
ตาบอดที่มองอะไรแทบไม่เห็นเลยได้แต่ฟังเสียงฝีเท้าเบา ๆ ก้าวเดินไปเรื่อย ๆ จนมา
หยุดนิ่งอยู่ที่ ๆ หนึ่ง แล้วเขาก็ปล่อยตัวเธอลงมาจากบ่าเร็วพอ ๆ กับตอนจับอุ้มขึ้นไป

“ยืนอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะไปหาตะเกียงก่อน”

“อย่านานนะ” ความมืดทำให้เผลอเรียกเขาไว้

“ไม่นานหรอกหนูน้อย” เสียงที่ตอบนุ่มหวานนัก และถ้ามีแสงสว่างมากกว่านี้เธอก็จะเห็น
ประกายตาวิบวับที่หวานไม่แพ้น้ำเสียงของเขา

เขาไปไม่นานอย่างที่บอกก็กลับมาพร้อมกับตะเกียงดวงย่อมที่ให้แสงสว่างนวลตา และ
สว่างพอให้เธอมองออกว่าที่ที่ยืนอยู่ขณะนี้คือห้องนอนที่ตบแต่งเพียงเล็กน้อยด้วยภาพ
วาดของทะเลสาบบัว และอาจจะเป็นเขาเองที่วาดผลงานนั้น ตรงกลางวางแค่ฟูกหนา
ขนาดใหญ่ ซึ่งยิ่งเน้นความเรียบง่ายของเจ้าของห้อง

“ถอดเสื้อผ้าออกซิ” ไม่พูดเปล่า แต่ลงมือช่วยด้วย

“ไม่เอา ข้าทำเอง” จันทราร้องห้ามเสียงหลง พยายามเบี่ยงตัวหนีจากฝ่ามือใหญ่ที่
ยุ่มย่ามอยู่ที่เสื้อของเธอ

“ข้าทำให้เร็วกว่า”

กระดุมเสื้อทั้งด้านนอกและด้านในถูกปลดออกตลอดแนวอย่างรวดเร็วโดยที่จันทราไม่ทัน
รู้สึกตัว แล้วเพียงไม่นานเธอก็เปลือยเปล่าราวเด็กแรกเกิด

“เช็ดตัวนะหนูจัน”

แล้วเขาก็บรรจงใช้ผ้าเปียกน้ำหมาด ๆ ที่คงถือติดมือเข้ามาเมื่อออกไปเอาตะเกียงเมื่อครู่
เช็ดไปทั่วตัวเธอ จันทราแทบสั่นเมื่อโดนผ้าปัดผ่านยอดอก ความซ่านเสียวที่ไม่เคยรู้จัก
กำลังเล่นงานเธอ

“อย่า อย่าลืมสัญญา”

“ไม่ลืมหรอก แค่แตะต้องบ้างเท่านั้น”

จนเมื่อยอดอกถูกครอบครองด้วยริมฝีปากชื้น สาวน้อยจึงได้รู้ว่าการยอมรับคำขอของ
หนุ่มใหญ่มากประสบการณ์เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง การแตะต้องของเขา...กำลังทำให้
เธอทุรนทุรายด้วยความวาบไหวไปทั่วช่องท้อง มันสร้างความตื่นตระหนกให้กับดรุณี
แรกแย้มที่ไม่เคยได้เรียนรู้เรื่องราวแห่งความดื่มด่ำของชายหญิง

“ไม่นะ! ไม่”

การดิ้นรนหนีอย่างสุดฤทธิ์ และแววตาตื่นตระหนกทำให้นายพลกุลิสร์หยุดชะงัก เขาคง
เร่งเร้าเกินไป แต่หน้าอกสาวรุ่นที่ถูกเปิดเปลือยอยู่ตรงหน้ากำลังฉีกทึ้งความอดทนของ
เขาอย่างไม่มีชิ้นดี นายพลหนุ่มพยายามข่มอารมณ์อย่างยากเย็น อยากจะใจเย็นค่อยเป็น
ค่อยไปกับความสัมพันธ์นี้ แต่เขาก็แก่เกินจะเอาใจเจ้าหล่อนแบบเด็กหนุ่ม

“ข้าเป็นปีศาจสำหรับเจ้าใช่ไหม”

ร่างเล็กแบบบางเม้มปากแน่นไม่ตอบ มือทั้งสองกอดกระชับอกเพื่อปิดบังดอกบัวตูมเต่งตึง
คู่งามจากสายตาร้อนแรงของคนที่ทั้งสูงใหญ่และหนาจนแทบบังร่างเล็ก ๆ นี้มิด

“กลัวสัมผัสของข้าหรือ”

อีกฝ่ายยังคงยืนเม้มปากนิ่งเงียบ

“เงียบอย่างนี้แสดงว่าข้าไม่ใช่ปีศาจ และสัมผัสของข้าก็ไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจใช่ไหม”

จันทราอยากจะตอบว่าไม่ใช่ เขาเป็นปีศาจร้ายสำหรับเธอ ที่กำลังยั่วยวนใจให้เตลิดไปใน
ห้วงพิศวาสด้วยสัมผัสวาบหวิว แต่อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสใด ๆ อีกแล้ว

ริมฝีปากร้อนของเขาประกบลงมาที่ริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง แต่เผลอรุนแรงจนปากน้อย ๆ นั้น
บวมช้ำจนเลือดซึมออกมา เขาใช้ลิ้นเลียไล้เพื่อบรรเทาความบอบช้ำ แต่กลายเป็นเขาเอง
ที่ไม่อาจบรรเทา บางสิ่งกระตุ้นเร้าความดิบเถื่อนในตัวให้ตื่นคำรามก้อง ความรุ่มร้อนในตัว
เขาทวีขึ้นรวดเร็ว ไม่อาจควบคุมมันที่เรียกร้องการปลดปล่อยอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่อาจรั้งรอ
มือใหญ่สากที่กำแต่ดาบมาแทบตลอดชีวิตก็กระชากอาภรณ์ทุกชิ้นของตัวเองออกอย่าง
ไม่ใยดี ความใคร่ครอบงำจนไม่อาจทนรอได้อีก อยากจะรักษาสัญญาแต่เนื้อตัวเขามันเจียน
จะระเบิดด้วยความต้องการที่เข้มล้นจนจะคลั่ง

เขาจับร่างเล็กแบบบางอุ้มใส่เอวด้านหน้า บังคับให้เธอเกี่ยวขาพันรอบไว้ก่อนจะพาไปที่ฟูก
นายพลหนุ่มเอนกายลงนอนหงายโดยมีสาวน้อยนั่งคร่อมอยู่กลางตัว สีหน้าเธอขณะนี้ตื่นกลัว
จนน่าสงสาร

“อย่าทำข้า ข้า...กลัว” เสียงนั้นสั่นเครือราวคนร้องไห้ และคงจะร้องไห้จริง ๆ ถ้าเขา
ไม่หยุด

แต่เขาหยุดไม่ได้แล้ว

รู้ตัวว่าอาจจะรุนแรง รู้ว่าสาวน้อยไร้เดียงสาเช่นนี้ไม่อาจทานทน แต่เขาก็ยังคงเดินหน้า
ต่อไป ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง และฝ่ามือเล็ก ๆ ที่ทุบกระหน่ำลงมาที่แผงอก

“ปล่อยนะ ปล่อย ท่านบอกจะไม่ขืนใจข้านี่”

จันทรายังคงร้องไม่หยุด พยายามจะลุกขึ้นจากร่างใหญ่หนาแน่นด้วยมัดกล้าม แต่เขาไม่
ยอม และไม่รับฟัง ยังคงตรึงสะโพกเธอด้วยมือทั้งสองข้างไว้แน่น ข้างใต้ตัวนั้นมีบางสิ่ง
ที่ทำให้เธอกลัวอย่างจับใจกำลังดุนดันเข้าไปในซอกเร้นลับแห่งความเป็นหญิง และ
แค่ล่วงเข้าไปได้เพียงเล็กน้อย น้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็ไหลพรูอย่างไม่อาจกลั้น สิ่งนั้น
ได้ฉีกเธอออกด้วยขนาดที่เกินจะเข้าสู่เส้นทางที่แสนคับแคบ

“กรี๊ด!”

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดสาหัสทำให้เขาได้สติ รู้สึกเหมือนนรกมาอยู่ตรงหน้าเมื่อเห็น
ร่างเล็กบอบบางนอนฟุบร้องไห้จนตัวสั่นสะท้านอยู่บนอก เขากำลังทำสิ่งนี้ได้อย่างไร

เขากำลังข่มขืนเมียตัวเอง

นายพลแห่งพิชญะกัดกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ตัวเอง หยุดทุกอย่างไว้อย่างเจ็บปวดเช่นกัน
เขากอดร่างที่กำลังร้องไห้เสียขวัญอย่างปลอบโยน ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนดิบเถื่อนเช่นนี้
ทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ ทุกอย่างกำลังดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เหมือน
เขาโดนครอบงำด้วยอำนาจบางอย่างที่แสนเลวร้าย อำนาจที่อาจดึงความเป็นคนทิ้งไปได้
อย่างง่ายดาย

“ข้าขอโทษหนูจัน ข้าขอโทษ” พร่ำขออภัยพร้อมกับวนเวียนจูบปลอบขวัญไปทั่ววงหน้า
จิ้มลิ้มที่เนืองนอนด้วยน้ำตา แต่จันทราไม่ฟังแล้ว ร่างเล็กบอบบางพยายามดิ้นรนผลักไสจน
หลุดออกมาจากอ้อมกอดแกร่งนั้นได้ ความเจ็บแปลบที่จุดกึ่งกลางตัว ทำให้ต้องนั่งงอตัวนิ่ง
เจ็บปวดทั้งกายและใจจนไม่อาจทนมองคนตรงหน้าได้สักวินาที

“ไปให้พ้น” เธอตะโกนก้อง   

เขาสบสายตาที่มีแต่ความรังเกียจชิงชัง รับรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นอาจจะ
ต้องจบลงในไม่ช้านี้






Free TextEditor




 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2553
2 comments
Last Update : 28 สิงหาคม 2553 9:54:54 น.
Counter : 374 Pageviews.

 


รอคอยเธอมาแสนนาน
ทรมารวิญญานหนักหน่า.....
อิอิ มาอัพอีกเร็วๆๆนะจ๊ะ

 

โดย: sakeena IP: 124.120.235.4 17 กรกฎาคม 2553 15:20:09 น.  

 


รักแล้วรอหน่อยนะจ้ะ

 

โดย: นิรีย์ IP: 58.11.78.47 18 กรกฎาคม 2553 21:14:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.