ตับอักเสบจากไวรัส - Viral Hepatitis
ลักษณะทั่วไป
ตับอักเสบจากไวรัส (ไวรัสลงตับ ก็เรียก) หมายถึง การอักเสบของเนื้อตับ เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส พบเป็นสาเหตุอันดับแรกสุด ของอาการดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง) ที่เกิดขึ้นในเด็กโตและผู้ใหญ่ จนเป็นที่เข้าใจกันว่า โรคดีซ่าน ก็คือ ตับอักเสบจากไวรัส โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย แต่พบมากในเด็กและคนหนุ่มสาว บางครั้งอาจพบระบาด ตามหมู่บ้าน โรงเรียน โรงงาน กองทหาร เป็นต้น
สาเหตุ
ในปัจจุบันพบว่าไวรัสที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ที่สำคัญมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
1. เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ (Hepatitis A virus) ซึ่งทำให้เกิดโรคตับอักเสบชนิดเอ (Hepatitis A ) หรือ เดิมเรียกว่า Infectious hepatitis สามารถติดต่อโดยทางระบบทางเดินอาหาร กล่าวคือ โดยการกินอาหาร ดื่มนม หรือน้ำที่เปื้อนอุจจาระของคนที่มีเชื้อโรคนี้ (เช่นเดียวกับโรคบิด อหิวาต์ ไทฟอยด์) ดังนั้นจึงสามารถแพร่กระจายโรคได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านเรา ซึ่งการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม(เรื่องส้วม และน้ำดื่ม) ยังไม่ดี บางครั้งอาจพบเป็นโรคระบาดได้ระยะฟักตัว ของตับอักเสบชนิดเอ 15-45 วัน (เฉลี่ย 30 วัน) ซึ่งนับว่าสั้นกว่าชนิดบี
2. เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี (Hepatitis B virus) ซึ่งทำให้เกิดโรคตับอักเสบชนิดบี (Hepatitis B) หรือเดิมเรียกว่า Serum hepatitis เชื้อนี้จะมีอยู่ในเลือด และยังอาจพบมีอยู่ในน้ำลาย น้ำตา น้ำนม ปัสสาวะเชื้ออสุจิ เป็นต้นเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกาย โดยทาง เพศสัมพันธ์ หรือถ่ายทอดจากแม่ไปยังทารกขณะคลอด หรือหลังคลอดใหม่ ๆ (ทำให้ทารกมีเชื้อโรคนี้อยู่ในร่างกาย ซึ่งสามารถแพร่ให้ คนอื่นได้) นอกจากนี้ โรคนี้ยังสามารถติดต่อโดยทางเลือด เช่น การให้เลือด การฉีดยา การฝังเข็ม การสักตามร่างกาย การทำฟัน การใช้เครื่องมือแพทย์ที่แปดเปื้อนเลือดของผู้ที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้ เป็นต้น ระยะฟักตัวของตับอักเสบชนิดบี 30-180 วัน (เฉลี่ย 60-90 วัน) นอกจากไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้แล้ว ยังมีไวรัสชนิดอื่น ๆ รวมเรียกว่า ไวรัสชนิดไม่ใช่ทั้งเอและบี ซึ่งทำให้เกิดโรคตับอักเสบชนิด
ไม่ใช่ทั้งเอและบี (Non-A, Non-B hepatitis) ในปัจจุบันพบเชื้อ ไวรัสตับอักเสบชนิดซี (Hepatitis C virus) ซึ่งสามารถติดต่อโดย ทางเลือด (การให้เลือด, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด) และเพศสัมพันธ์เช่นเดียวกับชนิดบี (ระยะฟักตัวเฉลี่ย 6-7 สัปดาห์), เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดอี (Hepatitis E virus) ซึ่งสามารถติดต่อโดยทางอาหารการกินเช่นเดียวกับชนิดเอ, เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดจี (Hepatitis G virus) ซึ่งสามารถติดต่อโดยทางเลือด (เช่น การให้เลือด, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ในผู้ใช้ยาเสพติด) นอกจากนี้ยัง พบเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดดี (Hepatitis D virus) ซึ่งมักพบร่วมกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี พบมากในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด โดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ และอาจทำให้อาการตับอักเสบจากเชื้อไวรัสบีมีความรุนแรงมากขึ้น
อาการ
ตับอักเสบจากไวรัสทุกชนิด มักจะมีอาการแสดงคล้าย ๆ กัน (จะแยกกันได้แน่ชัด ก็โดยการตรวจหาเชื้อในเลือด)
ระยะนำ ผู้ป่วยมักมีอาการอื่น ๆ นำมาก่อนจะมีอาการตาเหลือง ประมาณ 2-14 วัน ด้วยอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อิดโรย คลื่นไส้ อาเจียน และเป็นไข้ (ประมาณ 38-39 ํซ.) บางคนอาจมีอาการปากคอจืด และเหม็นเบื่อบุหรี่อย่างมาก บางคนอาจมีอาการปวดเสียด หรือจุกแน่นแถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา บางคนอาจมีอาการถ่ายเหลวหรือท้องเดิน หรือมีอาการเป็นหวัด เจ็บคอ ไอ คล้ายไข้หวัด หรือไข้หวัดไหญ่ หรืออาจมีอาการปวดตามข้อ มีลมพิษ ผื่นขึ้นก่อนมีอาการตาเหลือง 1-5 วัน ผู้ป่วยจะปัสสาวะสีเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น และอุจจาระสีซีดกว่าปกติ ระยะนี้มักจะพบว่าตับโต และเคาะเจ็บ
ระยะตาเหลือง เมื่อมีอาการตาเหลือง อาการต่าง ๆ จะเริ่มทุเลา และไข้จะลดลงทันที (หากยังมีไข้ร่วมกับตาเหลืองอีกหลายวัน ควรนึกถึงสาเหตุอื่น ตาจะเหลืองเข้มมากที่สุดในสัปดาห์ที่ 1และ 2 แล้วจะค่อย ๆ จางหายไปใน 2-4 สัปดาห์ โดยทั่วไปผู้ป่วย มักจะมีอาการตาเหลืองอยู่ประมาณ 3-5 สัปดาห์ และน้ำหนักตัวอาจลดไป 2-3 กิโลกรัม ในขณะที่ตาเหลืองเริ่มจางลง ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นอุจจาระกลับมีสีเข้มเหมือนปกติ และปัสสาวะสีค่อย ๆ จางลง ระยะนี้ตับยังโตและเจ็บ แต่จะค่อย ๆ ลดน้อยลง ต่อมน้ำเหลืองที่หลังคอและม้ามอาจโตได้ระยะฟื้นตัว หลังจากหายตาเหลืองแล้ว ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายขึ้น แต่ยังอาจรู้สึกเหนื่อยล้า ตับจะยังโต และเจ็บเล็กน้อย กินเวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์ ส่วนใหญ่อาการจะหายสนิทภายใน 3-4 เดือน หลังมีอาการแสดงของโรคผู้ป่วยบางคน อาจไม่แสดงอาการตาเหลือง (ดีซ่าน) ให้เห็น หรือคลำตับไม่ได้ มีเพียงอาการเพลียคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือปวดเสียดชายโครงขวา ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน
สิ่งตรวจพบ
ตาเหลือง ตับโต ลักษณะนุ่ม ผิวเรียบ กดเจ็บเล็กน้อย
อาการแทรกซ้อน
ส่วนมากมักจะหายเป็นปกติ โดยไม่มีอาการแทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็น ตับอักเสบชนิดเอ ส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมี อาการแทรกซ้อน ซึ่งจะพบในผู้ป่วยที่เป็นตับอักเสบชนิดบีหรือซี และมักเกิด ในผู้ป่วยสูงอายุ หรือมีโรคอื่น ๆ (เช่น หัวใจวาย เบาหวาน มะเร็ง โลหิตจางรุนแรง เป็นต้น) อยู่ก่อนโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงกับทำให้เสียชีวิตในเวลารวด เร็ว (ซึ่งพบได้น้อยมาก) ได้แก่ตับอักเสบชนิดร้ายแรง (Fulminant hepatitis) ซึ่งเซลล์ของตับถูกทำลาย จนเนื้อตับเสีย เกือบทั้งหมดผู้ป่วยจะมีอาการตาเหลืองจัด บวม และหมดสติ ประมาณ 10% ของผู้ป่วยที่เป็นตับอักเสบชนิดบี อาจกลายเป็น โรคตับอักเสบเรื้อรัง (chronic hepatitis) ซึ่งจะมีอาการอ่อนเพลีย และตาเหลือง อยู่นานกว่า 6 เดือน ถ้าเป็นชนิดคงที่ (chronic persistent hepatitis) อาการจะไม่รุนแรงและมักจะหายได้เป็นปกติภายใน 1-2 ปี แต่ถ้าเป็นชนิดลุกลาม (chronic active hepatitis) ก็อาจกลายเป็นโรคตับแข็งได้ แพทย์สามารถแยกชนิดคงที่ออกจากชนิดลุกลามได้ด้วย การเจาะเอาเนื้อตับพิสูจน์ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบชนิดบีหรือซีแบบเรื้อรัง หรือเป็นพาหะของเชื้อชนิดบีหรือซีอยู่นาน30-40 ปีขึ้นไป อาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ ได้
Create Date : 03 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 13:56:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 181 Pageviews. |
|
|