Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
16 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
สู้ไมเกรนหน้าร้อน

//variety.teenee.com/foodforbrain/img2/84780.jpg



อาการปวดตุ้บๆ
ที่บริเวณขมับข้างเดียวหรือสองข้างอย่าเฉย



หน้าร้อนปีนี้มาแล้ว
มาเร็วและแรงกว่าทุกปีเสียด้วย หลายคนคงนึกถึงสายลม แสงแดด
และโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อคลายร้อนกัน
แต่คงมีอีกหลายคนเช่นเดียวกันที่เริ่มวิตกกังวลและกลัวว่าหน้าร้อนปีนี้คงจะ
ไม่สนุกเหมือนเช่นเคย เพราะต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการปวดหัวไมเกรนอีกแล้ว
คงเศร้าน่าดู... ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับอาการปวดหัว
ไมเกรน ให้มากขึ้น เพื่อสู้ไมเกรนหน้าร้อนกันดีกว่า



ไมเกรน (migraine) เป็นอาการปวดศีรษะชนิดหนึ่ง
ซึ่งมีลักษณะอาการที่สำคัญคือ ปวดตุ้บๆ
ที่บริเวณขมับข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
บางคนอาจเริ่มจาก
ปวดแบบตื้อๆ จี๊ดๆ ก่อน แล้วค่อยรุนแรงขึ้นจนเป็นตุ้บๆ ในที่สุด
ความรุนแรงของอาการปวดมีตั้งแต่ปวดปานกลางจนถึงรุนแรงมาก
ระยะเวลาของอาการปวดมีความแตกต่างกันในแต่ละคนตั้งแต่
4-72
ชม. อาการปวดจะกำเริบหรือรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการ
เคลื่อนไหว ขณะปวดไมเกรนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย
เช่น คลื่นไส้
อาเจียน เบื่ออาหาร และอาจไวต่อแสงหรือเสียง
ดังนั้นผู้ที่เป็นไมเกรนส่วนใหญ่มักอยากอยู่ในห้องมืดและเงียบ
เพราะจะทำให้อาการปวดไมเกรนดีขึ้น




นอกจากนี้บางคนก่อน
จะมีอาการปวดไมเกรนอาจมี
อาการนำมาก่อนประมาณ 5-20 นาที เช่น
เห็นแสงวูบวาบคล้ายแสงแฟลช ตามองไม่เห็นชั่วขณะ
หรือชาข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย เป็นต้น



สาเหตุของไมเกรน



        
สำหรับสาเหตุและกลไกของอาการปวดไมเกรนในปัจจุบันยังไม่ทราบชัดเจน
อย่างไรก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้พยายามอธิบายถึงสาเหตุและกลไกของอาการปวดไมเกรนไว้
หลายทฤษฏี ดังนี้



         -
 เดิมเชื่อว่าเกิดจากการที่หลอดเลือดในสมองมีการหดตัวเกิดขึ้น
หลังจากนั้นร่างกายมีการตอบสนองโดยการทำให้หลอดเลือดดังกล่าวเกิดการขยายตัว
ซึ่งการขยายตัวของหลอดเลือดนี่เองเป็นสาเหตุของการปวดไมเกรน



         -  ต่อมาพบว่า
เส้นประสาทคู่ที่ 5 หรือที่เรียกว่า ไทรเจมินัล (trigerminal)
และสารเคมีในสมองที่ชื่อซีโรโตนิน (serotonin) ซึ่ง
เชื่อว่าการเสียสมดุลของสารเคมีนี้ในสมองเป็นสาเหตุของการปวดไมเกรน
เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าเมื่อมีอาการปวดไมเกรน ระดับซีโรโตนินในสมองจะลดลง

ทำให้เกิดการกระตุ้นผ่านเส้นประสาทไทรเจมินัลไปยังหลอดเลือดที่เยื่อหุ้ม
สมองด้านนอก ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวจนบวมและอักเสบในที่สุด



         -
 ระยะหลังมานี้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยีนส์หรือจีโนมิกส์พบว่า ion-transport
gene อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรน



         -
 นอกจากนี้มีการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่าไมเกรนสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

แต่จะเกิดอาการหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกร่างกายที่มา
กระตุ้นด้วย



ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดไมเกรน



ปกติแล้วอาการปวดไมเกรนจะกำเริบขึ้นเมื่อมีปัจจัยบางอย่างมากระตุ้น
ซึ่งแต่ละคนจะมีปัจจัยกระตุ้นที่แตกต่างกันออกไป
ปัจจัยกระตุ้นที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่



         -  อาหารหรือสารบางชนิด
เช่น ผงชูรส สารถนอมอาหาร คาเฟอีน ช็อกโกแลต แอลกอฮอล์ หรือ


การแม้แต่กินอาหารไม่ตรงเวลา
ความหิวก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ในบางคน



         -
 การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนมากหรือน้อยเกินไปอาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้



         -  ฮอร์โมน
ผู้หญิงบางคนจะมีอาการปวดไมเกรนในช่วงที่มีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ในช่วง 3


เดือนแรก
บางคนที่ใช้ยาฮอร์โมนคุมกำเนิดบางยี่ห้ออาจกระตุ้นให้มีอาการปวดไมเกรนที่
รุนแรงหรือระยะเวลาในการปวดนานมากขึ้นได้



         -  สิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเป็น “อากาศร้อนหรือ เย็นมาก
เกินไป
อยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน
หรือได้กลิ่นบางอย่างก็ทำให้ปวดหัว เช่น กลิ่นน้ำหอม ควันบุหรี่



         -  ความเครียด
ผู้ที่มีความเครียดจะมีอาการปวดไมเกรนได้บ่อยและรุนแรงกว่าผู้ที่ไม่เครียด



ทราบอย่างไรว่าเป็นไมเกรน



การวินิจฉัยไมเกรนนั้นจำเป็นต้องอาศัยประวัติและการตรวจร่างกาย
เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะอาการปวด ตำแหน่ง ความรุนแรง ความถี่
ระยะเวลาในการปวด และอาการอื่นที่ร่วมด้วย
ประวัติโรคประจำตัวและประวัติการใช้ยา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
หรือการตรวจเอกซเรย์เพื่อวินิจฉัยแยกจากโรคอื่น เช่น
อาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัว หรือจากภาวะเครียด
การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง โรคของต่อมใต้สมอง หรือมีเนื้องอก เป็นต้น



ยากับ ไม
เกรน



สำหรับยาที่ใช้ในการรักษาอาการปวดไมเกรนนั้น
สามารถแบ่งออกได้เป็น
2 กลุ่มใหญ่ คือ



กลุ่มที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดไมเกรน



-
 ยากลุ่มแก้ปวด ไม่ว่าจะเป็นพาราเซตามอล แอสไพริน
หรือยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่


เส
ตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบรูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็น
ต้น
กลุ่มยาเหล่านี้เป็นที่นิยมนำมาใช้ในการบรรเทาอาการปวดไมเกรนเป็นกลุ่มแรกๆ
เนื่องจากมีประสิทธิภาพดี อาการข้างเคียงของยาน้อย และราคาถูก



         -  ยากลุ่ม Ergot
alkaloids ได้แก่ ergotamine ในปัจจุบันนี้มีหลากหลาย
ยี่ห้อในท้องตลาด


จัดเป็นยาอีกกลุ่ม
หนึ่งที่นิยมใช้ในการบรรเทาอาการปวดไมเกรน ข้อดีของยากลุ่มนี้คือ
ยาออกฤทธิ์ได้นานและลดการกลับเป็นซ้ำของไมเกรนได้ในบางราย
ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้ยา ergotamine เพียงตัวเดียวในการรักษาหรืออาจ
ให้ร่วมกับยากลุ่มแก้ปวด หากอาการปวดไมเกรนยังไม่ดีขึ้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการปวด และสภาพร่างกายของแต่ละคน



     
    สำหรับผลข้างเคียงที่สำคัญของยา ergotamine ได้แก่ ปวดท้อง
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดตามแขนขาหรือกล้ามเนื้อ มีอาการชา
รู้สึกหนาวตามปลายมือปลายเท้า ปวดศีรษะ เป็นต้น
หากมีอาการดังกล่าวให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที และเนื่องจากยา
ergotamine
ที่จำหน่ายในท้องตลาดอยู่ในรูปแบบที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีนร่วมด้วย
เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมยา
ergotamine ได้ดีขึ้น
ดังนั้นนอกจากผลข้างเคียงจากยา
ergotamine แล้ว
บางคนยังอาจได้รับผลข้างเคียงจากคาเฟอีนด้วย ได้แก่ ใจสั่น ปวดศีรษะ
เป็นต้น



         คำแนะนำสำหรับการใช้ยาที่มีส่วนประกอบของ ergotamine คือ
ไม่ควรกินเกินวันละ
6 เม็ด และไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 10
เม็ด
นอกจากนี้ยังห้ามใช้ยากลุ่มนี้ในผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหลอดเลือดและ
หัวใจ เส้นเลือดสมองตีบ ผู้ที่มีภาวะไตวาย หรือในหญิงตั้งครรภ์
หรือให้นมบุตร



         -  ยากลุ่ม Triptans เช่น sumatriptan,
zolmitriptan เป็นต้น เป็นกลุ่มยาที่ถูกพัฒนามาใหม่เพื่อใช้ใน
การบรรเทาอาการปวดไมเกรนโดยเฉพาะ ข้อดีของยากลุ่มนี้ ได้แก่
ออกฤทธิ์เร็วและลดการกลับเป็นซ้ำของไมเกรนได้ดี นอกจากนี้ยังลดปัญหาการเกิด
headache recurrence (เป็นอาการปวดศีรษะที่แย่ลง
โดยเกิดขึ้นหลังจากอาการปวดไมเกรนดีขึ้นเมื่อกินยาแล้วภายใน
24
ชั่วโมง) ได้ดีกว่ายา
ergotamine และมีผลข้างเคียงจากยาน้อย
อย่างไรก็ตามยาในกลุ่มนี้ยังมีราคาค่อนข้างสูงในปัจจุบัน
แพทย์จึงมักพิจารณาให้ในผู้ที่มีการกลับเป็นซ้ำของไมเกรนบ่อยๆ



     
   คำแนะนำสำหรับการใช้ยากลุ่มนี้คือ ควรกินยากลุ่มนี้ทันที
เมื่อเริ่มมีอาการปวดไมเกรน
เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้อย่างสูงสุด
และยากลุ่มนี้ก็มีข้อห้ามใช้เช่นเดียวกันกับยา Ergotamine คะ



กลุ่มที่ใช้เพื่อป้องกันอาการปวดไมเกรน



สำหรับยาที่ใช้เพื่อป้องกันอาการปวดไมเกรน
นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ในผู้ที่ปวดไมเกรนทุกราย
โดยแพทย์จะพิจารณาให้ในบางรายเท่านั้น
เพื่อช่วยให้ความรุนแรงและ/หรือความถี่ของอาการปวดไมเกรนลดน้อยลง
กลุ่มผู้ที่ควรได้รับยาป้องกันอาการปวดไมเกรน



-
ผู้ที่มีอาการปวดไมเกรนมากกว่า 2 ครั้ง ต่อเดือน


- ผู้ที่มี
อาการปวดรุนแรงจนมีผลต่อการดำเนินชีวิต ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง


- ผู้ที่มี
แนวโน้มว่าอาการปวดไมเกรนจะรุนแรงมากขึ้น หรือปวดเป็นระยะเวลานานมากขึ้น



ยาที่ใช้เพื่อป้องกันอาการปวดไมเกรนในปัจจุบันนี้มีหลาก
หลายชนิด
โดยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อให้เกิดการเลือกชนิดของยาและการปรับ
ขนาดยาให้เหมาะสมกับแต่ละราย
ควรกินยาป้องกันอาการปวดไมเกรนอย่างต่อเนื่องจนอาการปวดสงบลงนาน
6-12
เดือน แพทย์จึงอาจพิจารณาหยุดยา
และถ้าอาการปวดไมเกรนกำเริบขึ้นอีกครั้งจึงค่อยเริ่มกินยาป้องกันใหม่


ตัวอย่างกลุ่มยาป้องกันอาการปวดไมเกรน เช่น


         -  กลุ่มยาต้านเบต้า (Beta-blockers) เช่น propanolol,
atenolol, metoprolol, nadolol เป็นต้น


         -  กลุ่มยาต้านแคลเซียม (Calcium channel blockers) เช่น
flunarizine, verapamil เป็นต้น


         -  ยารักษาโรคซึมเศร้า เช่น amitriptyline,
nortriptyline เป็นต้น


     
   -  ยากันชักบางชนิด เช่น sodium valproate, topiramate เป็นต้น



     
การรักษาอาการปวดไมเกรนนั้นไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ
เพียงแค่ดูแลทั้งสุขภาพกายแลสุขภาพจิต
ให้ดี
หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจจัยกระตุ้นอาการปวด
แค่นี้ก็สามารถลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดได้แล้วค่ะ



Tips



         -
 เมื่อคุณจำเป็นต้องเดินออกไปในที่ที่มีอากาศร้อน
อาจป้องกันการปวดศีรษะจากไมเกรน
ได้โดยการดื่มน้ำเย็นหรืออมน้ำแข็งไปด้วยขณะเดิน
ซึ่งจะช่วยคลายความร้อนระหว่างเดินทำให้ไม่ปวดศีรษะ



         -
 เมื่อเริ่มมีอาการไม่ควรชะล่าใจ ให้รีบรับประทานยาบรรเทาปวดเลย
เพราะหากปล่อยให้อาการปวดมากขึ้นอาจอาการจะบรรเทาได้ยากขึ้นหรือต้องใช้ยา
ที่แรงขึ้น



     
   -  ช่วงหน้าร้อนแบบนี้
อาจทำให้ไมเกรนกำเริบขึ้นได้ง่ายและมีอาการรุนแรง
เมื่อปวดศีรษะแล้วนอกจากใช้ยาบรรเทาปวด
ให้ใช้ก้อนนำแข็งหรือกระเป๋านำแข็งประคบที่ศีรษะ
เพื่อช่วยให้เส้นเลือดหดตัวลง ก็จะสามารถช่วยบรรเทาอาการลงได้
แต่บางคนการนอนหลับก็สามารถบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้



         -
 บางคนเมื่อมีอาการปวดขึ้นมาอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาบรรเทาอาการปวดไมเกรน
เพียงแค่ใช้การนวด การกดจุด บริเวณเส้นเลือดใหญ่หลังใบหู



         -
 หากอาการปวดไมเกรนไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นต่อไป
เพื่อให้เกิดการรักษาได้อย่างทันท่วงทีคะ



นพ.รังสรรค์ อยู่บาง อายุรแพทย์


ภญ.อัมพร อยู่บาง










Create Date : 16 เมษายน 2553
Last Update : 16 เมษายน 2553 15:53:59 น. 0 comments
Counter : 217 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

somsee53
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add somsee53's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.