สวยสู้ลมหนาว
สวยสู้ลมหนาว (Lisa)
เมื่อลมเย็นเริ่มพัดโชย ความชื้นในอากาศก็เริ่มลดลงตามไปด้วย นี่หมายถึงกิจวัตรการดูแลความงามที่ควรเปลี่ยนแปลงให้สอคล้องกัน เพื่อรักษาดีกรี ความงามให้คงเดิม
ความ เปลี่ยนแปลงของฤดูกาลส่งผลกระทบต่อร่างกายและผิวพรรณของเรา คุณอาจสังเกตได้ถึงความชุ่มชื้นบนผิวและเส้นผมที่ลดลง รวมไปถึงเล็บมือและเล็บเท้าที่คุณอาจรู้สึกได้ว่าแห้งและเปราะขึ้น เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง อย่านิ่งดูดายกับการเปลี่ยนแปลงนั้น เพราะนี่ถึงเวลาที่คุณต้องปรับเปลี่ยนกิจวัตรในการดูแลร่างกายซะใหม่แล้ว และเราได้รวบรวมรายละเอียดที่คุณจำเป็นต้องศึกษาไว้ เพื่อใช้ต่อสู้กับอากาศเย็น ๆ ในช่วงนี้ แล้วเชื่อเถอะว่าคุณจะดูสวยอยู่ได้ตราบจนลมหนาว ระลอกสุดท้ายจะพัดเลยผ่านไป
สิ่งที่มากับความเย็น
ใน ช่วงเวลาอื่นของปี ซึ่งมีความชุ่มชื้นในอากาศมากกว่านี้ ผิวไม่จำเป็นต้องทำงานหนักมากเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีเอาไว้ แต่ในหน้าหนาว อุณหภูมิและความชื้นในอากาศที่ลดลง ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป จากผิวที่สุขภาพดีซึ่งพื้นผิวหน้าเรียบเนียน ทำให้สามารถอุ้มน้ำได้ดีกว่า และป้องกันการสูญเสียความชื้นได้ ความแห้งในอากาศจะดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากผิว ทำให้การสร้างน้ำมันในผิวไม่เพียงพอที่จะให้การปกป้องแก่ผิวตามปกติ เมื่อประกอบกับปัจจัยของสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ส่งผลให้ผิวอ่อนแอลงแห้งดึงขึ้นจนอาจแตกเป็นขุย ทั้งหมดนี้ทำให้คุณไม่อาจดูแลผิวด้วยวิธีเดิม ๆ ได้อีกต่อไป
เพื่อผิวสวยทั่วเรือนร่าง
นี่คือกฎใหม่ในการดูแลความงามสำหรับคุณในยามลมหนาวพัดมา
สำรวจกิจวัตรการดูแลความงามของคุณ ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องสิว คุณอาจจะยังคงใช้ยาทาเพื่อการรักษาได้ แต่ควรปรับเล็กน้อย เช่น ถ้าใช้เรตินเอ อาจขอให้หมอเปลี่ยนจากแบบเจลเป็นสูตรครีมที่ชุ่มชื้นขึ้น และระวังการใช้เอเอชเอให้มากขึ้น เนื่องจากมันอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองมากขึ้นได้
อย่าอาบน้ำร้อนนาน ๆ มัน อาจฟังดูน่าสบาย แต่มันจะทำให้น้ำมันในผิวตามธรรมชาติสูญเสียไป อาบน้ำอุ่น ๆ อย่าให้ร้อนจัด และเมื่อซับผิวพอแห้งให้ทามอยสเจอไรเซอร์ทันทีที่ผิวยังชื้นอยู่
ทำความสะอาด หลีกเลี่ยงสบู่ ใช้เคลนเซอร์ที่อ่อนโยนและน้ำอุ่นเล็กน้อย อย่าให้อุ่นจัด รวมทั้งงดการใช้สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งทั้งหมดนี้จะยิ่งดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวทำให้ผิวยิ่งแห้งแตกยิ่งขึ้น
ขัดลอกเซลล์ผิว คุณอาจไม่อยากให้ผิวแห้งแตกเป็นขุยและหลุดร่อนออกมา แต่การขัดลอกเซลล์ผิวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องของการผลัดผิว ซึ่งเป็นการช่วยผิวทำให้สิ่งที่ควรทำตลอดปี (นั่นคือการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน และแทนที่ด้วยเซลล์ผิวใหม่ที่เรียบเนียนกว่าและปกป้องผิวได้ดีกว่า) และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องความแห้งการผลัดเปลี่ยนเซลล์เป็นหน้าที่ สำคัญอันดับต้นๆ ของผิวที่สุขภาพดี แต่เนื่องจากความเสียหายจากแสงแดด จากความแห้งในอากาศ ทำให้ผิวต้องการความช่วยเหลือในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรขัดลอกเซลล์ผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยใช้สครับที่มีเม็ดขัดอันอ่อนโยน
เพื่อเติมและตรึงความชุ่มชื้นไว้ในผิวให้ได้มากที่สุด คุณอาจต้องเปลี่ยนมาใช้มอยสเจอไรเซอร์แบบเข้มข้นขึ้น มอยสเจอไรเซอร์แบบที่มีส่วนผสมของน้ำมัน จะมีประสิทธิภาพในการปกป้องการสูญเสียความชุ่มชื้นมากกว่ามอยสเจอไรเซอร์ใน รูปขี้ผึ้งจะมีน้ำมันมากที่สุด นั่นคือน้ำมัน 80% กับน้ำ 20% มันจะปกป้องผิวชั้นบนและให้ความชุ่มชื้นกว่าครีมหรือโลชั่น แต่ไม่ควรใช้กับร่างกายส่วนที่ร้อนและเหงื่อออกได้ง่าย หรืออาจเลือกครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้นอย่างเช่น ยูเรียแลคเทต (Urea Lactate) แล้วทามอยสเจอไรเซอร์เพื่อตรึงความชุ่มชื้นไว้อีกที ก็จะช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้านได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การใช้มาส์กให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็ช่วยได้อย่างมากอีกด้วย แต่ในกรณีที่คุณผิวมัน อากาศที่แห้งและเย็นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องชโลมผิวด้วย มอยสเจอไรเซอร์ในทันที แต่ควรรอสัก 15 นาทีหลังล้างหน้า ถาหน้ายังแห้งตึงอยู่ ค่อยทามอยสเจอไรเซอร์ในบริเวณที่แห้งตึง ไม่เช่นนั้นคุณอาจเสี่ยงกับการทำให้ผิวมันเยิ้มขึ้น
เติมความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว หลังอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมตามด้วย โลชั่นทาผิวทันที เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานเกินสามนาที ความชุ่มชื้นบนผิวก็จะระเหยออกไป จนกระทั่งโลชั่นทาผิวก็เอาไม่อยู่ และอย่าลืมเลือกใช้โลชั่นที่มีประสิทธิภาพ พอจะต่อสู้กับผิวตกสะเก็ดและแห้งมากๆ ได้ ซึ่งโลชั่นชนิดนี้มักจะมีส่วนผสมของกรดอัลฟ่า-ไฮดร็อกซี่ กรดไกลโคลิก หรือกรดแล็กติก ที่ทำให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดลอกออกไป ส่งผลให้ความชุ่มชื้นจากโลชั่นซึมซาบลงไปในผิวได้มากขึ้น ซึ่งก็หมายความว่าผิวของคุณจะดูนุ่มเนียนและอยู่ได้ยาวนานขึ้นด้วย แต่ถ้าอากาศเย็นๆ ทำให้ผิวแดงเป็นจ้ำๆ คุณก็ควรเลือกใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของสารต่อต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น วิตามินเอ ซี และอี ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิวหนัง ทำให้เซลล์ผิวหนังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัญหารอยจ้ำแดงก็จะหมดไปในที่สุดได้
การปกป้องแสงแดด แสง แดดไม่ว่าจะเจิดจ้าหรือหม่นมัว ก็ยังมีรังสีที่ทำร้ายผิวได้อยู่ดี และผิวเสียจากแดดจะอุ้มความชื้นไว้ได้น้อยลง หน้าหนาวจึงไม่ได้หมายความถึงการงดใช้ครีมกันแดด แต่คุณอาจใส่เอผ้าที่ปกปิดผิวกายมากขึ้น ซึ่งทำให้สามารถงดเว้นการทาครีมกันแดดที่ผิวกายได้ แต่ยังต้องทาครีมกันแดดที่มี SPF15 เป็นอย่างน้อยบนผิวหน้าเสมอ
ริมฝีปาก นี่เป็นส่วนที่มีความสามารถน้อยที่สุดในการคงความเรียบและนุ่มนวลเอาไว้ เมื่ออากาศเริ่มแห้งลง มันไม่มีลิปิดและโครงสร้างเซลล์แบบเดียวกับส่วนอื่นของผิว ผลก็คือมันเปราะบางต่อความแห้งของอากาศอย่างมาก โดยวิธีดีที่สุดในการเยียวยาริมฝีปากก็คือ การขัดลอกเซลล์ผิวที่แห้งแตกเป็นประจำ และทาลิปบาล์ม ที่ไม่มีส่วนผสมอันระคายเคือง อย่างเช่น เปปเปอร์มินต์หรือเมนธอลซึ่งไม่ได้ช่วยให้ริมฝีปากแห้งๆ ดีขึ้นแต่อย่างใด สำหรับคนที่ริมฝีปากแห้งอย่างมา กมองหาลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของโคคาบัตเตอร์หรืออัลมอนด์ออยล์ คนที่ต้องการการปกป้องน้อยหน่อย ลองเลือกแบบที่ผสมเชียบัตเตอร์ และคนที่ผิวแพ้ง่ายหลีกเลี่ยงส่วนผสมอย่างเช่นโคคาบัตเตอร์หรือมิเนอรัล ออยล์ และเลือกน้ำมันโจโจบาแทน
ดูแลมือและเท้าให้เรียบลื่น
นี่คือวิธีขจัดความหยาบกร้านออกไปจากมือ ข้อศอก เท้า และตาตุ่มอย่างได้ผล
แช่มือและเท้าในน้ำอุ่น ที่ผสมสบู่อาบน้ำชนิดเหลวที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟ่าหรือเบต้า-ไฮดร็อกซี่หนึ่งฝา วิธีนี้จะทำให้ผิวหยาบ ๆ และหนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้น
ใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวนวดลงบนผิวตั้งแต่ข้อศอกจนถึงปลายนิ้ว และจากหัวเข่าจนถึงนิ้วเท้า
ทามอยสเจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก และสารป้องกันการระคายเคือง อย่างเช่น ชาเขียวและวิตามินอีลงบนแขนและขา
ผิวที่แห้งแตกมักจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณมือและเท้า เพราะเชื้อแบคทีเรียจะแทรกตัวเข้าไปในรอยแตกของผิวได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นก็ตบท้ายด้วยครีมทามือและเท้าชนิดเข้มข้น และอย่าลืมทาซ้ำหลังล้างมือทุกครั้งด้วย
อย่าละเลยเส้นผม
นี่คือสิ่งที่คุณควรใส่ใจเพื่อรักษาความงามของเส้นผม
เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม คุณ ควรเปลี่ยนมาใช้แชมพูชนิดให้ความชุ่มชื้น และคอนดิชันเนอร์ชนิดเข้มข้น เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมได้มากขึ้น แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนแชมพูและคอนดิชันเนอร์แล้ว ก็ไม่ควรจะสระผมบ่อยเกินไป ควรสระผมซักสัปดาห์ละสองครั้งก็พอ (ยกเว้นถ้าคุณมีหนังศีรษะเป็นมันเยิ้มง่าย ก็อาจจะสระผมวันเว้นวันได้) และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผมชี้ฟูในสภาพอากาศแห้ง ๆ นี้ โดยเฉพาะกับสาวที่มีผมหยิก ก็อย่าล้างคอนดิชันเนอร์ออกจนหมด เหลือติดเส้นผมไว้นิดหน่อย ก็จะช่วยลดปัญหานี้ได้
เติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมบ่อย ๆ นอกจากเปลี่ยนมาใช้แชมพูและคอนดิชันเนอร์แล้ว คุณก็ควรหาเวลาหมักผมด้วยคอนดิชันเนอร์ชนิดที่ให้ความชุ่มชื้นได้ล้ำลึกบ่อย ๆ อย่างน้อยก็เดือนละสองครั้ง โดยชโลมคอนดิชันเนอร์แบบล้ำลึกนี้ ลงบนเส้นผมที่เปียกหมาดๆ ให้ทั่ว จากนั้นก็ชุบผ้าขนหนูให้เปียกน้ำ แล้วนำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟเป็นเวลา 20 วินาที ใช้ผ้าขนหนูนั้นโพกศีรษะทิ้งไว้สิบห้านาที ความร้อนจากผ้าขนหนูจะช่วยให้สารบำรุงจากคอนดิชันเนอร์แทรกซึมเข้าไปในเส้น ผมได้ล้ำลึกยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะทำให้มั่นใจได้ว่า หนาวนี้...คุณจะไม่มีวันมีเส้นผมแห้งกรอบและเปราะอย่างแน่นอน
เปลี่ยนปลอกหมอน ถ้าคุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับเส้นผมพับกัน หรือมีปลายผมชี้ๆ ก็เป็นไปได้ว่าปลอกหมอนที่คุณนอนเกลือกลิ้งอยู่ทุกวันนั้นคือตัวการที่ทำให้ เส้นผมเสียดสีกันจนเกิดการบิดงอและพับกัน ฉะนั้นก็ลองเปลี่ยนมาใช้ปลอกหมอนที่ทำจากผ้าซาติน หรือผ้าที่มีเนื้อลื่นๆ เพื่อไม่ให้เส้นผมเกาะติดปอกหมอนจนเกิดการเสียดสีกัน และเมื่อคุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็อย่าหวีผมโดยเริ่มหวีจากโคนผม แต่ให้เริ่มหวีจากปลายผมก่อน แล้วค่อยขยับขึ้นไปทีละนิดจนถึงโคนผม วิธีนี้อาจทำให้คุณเสียเวลานิดหน่อย แต่ช่วยป้องกันเส้นผมหักขาดจากการพันกันได้
ดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก
ดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาว นี่เป็นตำรับของจีนซึ่งช่วยให้ร่างกายมีพลังวังชา มันจะดีท็อกซ์ระบบของคุณ รวมทั้งตับและกระเพาะปัสสาวะ หมายความว่าร่างกายคุณจะสามารถทำความสะอาดเลือดได้เร็วกว่า และกำจัดสารพิษที่ทำให้ผิวเสียได้ดีขึ้น
นอนให้พอ เงินไม่อาจซื้อประโยชน์ของการนอนหลับสนิท ยามค่ำคืนได้ ระดับออกซิเจนของคุณจะลดลงเมื่อคุณนอนไม่พอ หมายความว่าการเติบโตของเซลล์ผิวใหม่จะช้าลง ทำให้ความร่วงโรยเข้ามาเยือนผิวเร็วขึ้น ลองนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงเพื่อที่จะได้ประโยชน์สูงสุดแก่ผิว
กินวิตามินรวม ที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ ไบโอติน วิตามินเอ ซี ดี อี ทองแดง แมงกานีส และชิงก์ คือจุดเริ่มที่ดี แต่ที่สำคัญคือการกินอาหารที่มีกรดไขมันจำเป็น ถ้าคุณเพิ่มกรดไขมันจำเป็น มันจะทำให้ผิวดีขึ้นด้วยการเพิ่ม Epithelial Cells ซึ่งจะผลัดตัวโดยไม่ทำให้เกิดอาการอักเสบ แต่เนื่องจากกรดไขมันจำเป็นต้องใช้เวลากว่าจะเข้าไปอยู่ในเซลล์เมมเบรน ผลดีนี้จึงไม่อาจเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน
ตารางการดูแลผิวประจำวัน
นี่คือกิจวัตรในการดูแลผิวแบบง่าย ๆ ที่คุณควรทำตามอย่างเคร่งครัดไปตลอดหนาวนี้
ตอนเช้า : อาบ น้ำและล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นชนิดครีม หรือแบบที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ แล้วตามด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟ่า-ไฮดร็อกซี่ หรือกรดไกลโคลิกทันทีหลังจากเช็ดตัวให้แห้งแล้ว
ตอนกลางวัน : แตะแต้มมอยสเจอไรเซอร์ลงบนผิวในบริเวณที่แห้งมากๆ อย่างเช่น ข้อศอก หัวเข่า มือ และเท้า แล้วอย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้มืออีกทันทีหลังล้างมือทุกครั้งด้วย
ตอนค่ำ : ล้างหน้าอีกครั้ง ด้วยเคลนเซอร์ชนิดครีมแล้ว ตามด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เพื่อป้องกันรอยจ้ำแดง และทาตัวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมแบบเดียวกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.12 No.47 7 ธันวาคม 2554
Create Date : 14 มกราคม 2555 |
Last Update : 14 มกราคม 2555 6:58:26 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1221 Pageviews. |
|
|
|
|