สิงหาคม 2550

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
23 สิงหาคม 2550
All Blog
เหตุไม่คาดคิด (2)
ฉันกำลังยืนร้องเพลงอย่างสนุกสนานอยู่กลางรถ ลูกทัวร์กำลังรื่นรมย์กับการฟังเพลง ฉันบอกความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก เมื่อเห็นรถทัวร์นำเที่ยวคันที่ 2 วิ่งแซงขวา รถทัวร์นำเที่ยวคันที่ 1 ในช่วงเสี้ยวนาทีนั้น

ทันทีที่รถคันที่ 2 แซงผ่านไปใน 2 นาที พวกเราได้ยินเสียงร้องบอกว่า “ข้างหน้ามีอุบัติเหตุ” ฉันหยุดร้องเพลง ขณะที่รถกำลังชะลอความเร็ว จนจอดสนิทอยู่ริมถนน ติดรั้วกั้นไหล่ทางซ้าย

ฉันก้มตัวมองออกไปนอกรถ เห็นหลังคารถทัวร์คันหนึ่งตะแคงขวาอยู่บนเนินเขา มีต้นหญ้าคาขึ้นอยู่หนาแน่น ฉันนิ่งเงียบ แต่ไม่ได้ยินเสียงผู้คนในรถตะโกนว่าอะไร พวกเราพากันรีบลงจากรถทันทีที่ประตูรถเปิดออก

“ใช่รถของพวกเราเหรอ?” นั่นคือคำถามที่ดังก้องในใจฉัน ขณะที่ลงมายืนนิ่งอยู่ข้างถนนบนไหล่ทาง จนกระทั่งเห็นผู้ชายร่างใหญ่ เสื้อสีฟ้ากางเกงยีนส์โผล่ขึ้นมาจากด้านบน เขาคือ พี่สุริยา กำลังใช้ค้อนทุบกระจกรถ

ไม่มีคำอุทานใด ๆ ร้องออกมา ฉันรู้แค่ว่าต้องทำอะไรสักอย่าง นอกจากยืนแน่นิ่งเหมือนหุ่นยนต์ในวินาทีนี้

กล้องดิจิตอลที่ฉันสะพายอยู่ข้างตัว หยิบมันออกมาทันทีที่คิดได้ว่า นาทีนี้จะต้องบันทึกภาพไว้ แชะ ๆ เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น

ฉันตั้งสติอีกครั้ง รีบวิ่งไปด้านหลังรถคันที่ 1 อ้อมไปขึ้นเนินเขาซึ่งเป็นทางลาดให้รถเบรกแตกวิ่งขึ้นเพื่อให้หยุดความเร็วของรถ เห็นน้องสุ (จนท.สนง.ประกันสุขภาพ) นั่งร้องไห้ ขณะที่น้องอีฟช่วยประคองอยู่ข้าง ๆ เดินไปข้างหน้า (กดชัตเตอร์) เห็นพี่นุ้ย (พยาบาล) กำลังร้องบอกให้พี่แขก (จนท.สนง.ประกันสุขภาพ) อยู่นิ่ง ๆ แล้วให้นอนราบ เพราะบริเวณใบหน้าของพี่แขกมีเลือดไหลไม่ขาดสาย (กดชัตเตอร์) พี่แขกร้องบอกฉัน “พี่ฝากเงินไว้กับเปี๊ยก (จนท.HRD) แล้วนะ” ฉันรับปากจะดูแลต่อเพื่อไม่ให้เธอเป็นกังวล

ฉันหันรีหันขวาง มองไปที่ผู้หญิงเสื้อสีส้มนั่งข้างพงหญ้าคา ใช้มือกดคางให้เพื่อนผู้หญิงเสื้อสีฟ้า ที่นอนพิงอยู่บนตักของเธอ

ความโกลาหลทำให้ฉันไม่ได้ยินว่าใครสั่งการอะไร หันไปเห็นน้องเอก (จนท.สนง.ประกันสุขภาพ) และเพื่อนชายอีกคน กำลังช่วยคุณวสันต์ (ผู้ช่วยพยาบาล) ออกจากรถเป็นคนสุดท้าย (กดชัตเตอร์) เขาร้องบอก “ผมปวดหลังนะ” น้องต่าย (จพง.ทันตสาธารณสุข) มาช่วยพยุงและประคองให้คนบาดเจ็บนอนราบ โดยไม่มีการเคลื่อนย้าย เราต้องรอรถหน่วยกู้ชีพพร้อมอุปกรณ์สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี ซึ่งพวกเราหลายคนได้รับการฝึกซ้อมอุบัติเหตุหมู่ จึงรู้วิธีการดูแลผู้บาดเจ็บในเบื้องต้น

คนบาดเจ็บเล็กน้อยที่ฉันสังเกตเห็นในตอนนี้ มีเพียงบาดแผลจากเศษกระจก ยังไม่พบรอยฟกช้ำที่ยังหลบใน ซึ่งทุกคนยังตกใจและขวัญกระเจิง

ได้ยินเสียงสั่งการ "ไปเอากระเป๋ายาจากรถเรามาเร็ว” ขณะพี่อ้วน (จนท.รพ.สิรินธร) วิ่งถือขวดยามาเต็มมือ ฉันร้องถาม “กระเป๋ายายังอยู่บนรถไหมคะ?” “ใช่ๆ” ฉันวิ่งสุดแรงเท้า จากเนินเขาลงมายังรถคันที่ 1 กระเป๋ายาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล พวกเราเตรียมพร้อมเสมอ เมื่อต้องเดินทางไกล ฉันหอบกระเป๋ายาสีดำวิ่งเอามาให้ น้องเดือน (จนท.สนง.ประกันสุขภาพ) ค้นหาผ้าก๊อต ผ้าพันแผลแล้วส่งให้พี่นุ้ยพันแผลบริเวณหน้าผากให้พี่แขกเสร็จ แล้วหันมาดูน้องผู้หญิงเสื้อสีฟ้าซึ่งเลือดไหลไม่หยุดบริเวณคาง ใช้ผ้าพันแผลเรียบร้อย (กดชัตเตอร์)

ฉันวิ่งลงมาที่ถนนด้านล่างอีกครั้ง เมื่อรถหน่วยกู้ชีพพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพ มาถึงที่เกิดเหตุ ลำเลียงคนบาดเจ็บขึ้นรถ พวกเราหลายคนที่อยู่ด้านล่าง กำลังช่วยกันดูแลเพื่อนร่วมชะตากรรม ที่บาดเจ็บเล็กน้อย ทยอยพากันขึ้นรถปิคอัพของตำรวจ เพื่อนำส่ง รพ.วังน้ำเขียว (รพ.อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุด ห่างประมาณ 12 กม.) มองเห็นน้องนิ่ม (จพง.โสต) หน้าซีดไร้สี ฉันเดินไปโอบกอดเธอเพื่อปลอบขวัญให้รู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนเธอจะขึ้นไปนั่งหลังรถปิคอัพไปโรงพยาบาลพร้อมเพื่อน ๆ

คนบาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุหมดเรียบร้อย คงเหลือเพียงคณะกลุ่มคันที่ 1 ยังรอเก็บตกกระเป๋ารองเท้าที่ฝากกันไว้ แต่สิ่งของในรถคันที่ 2 ที่เกิดอุบัติเหตุ ยังไม่ได้เอาออกมา พวกเราจึงระดมความคิดในเบื้องต้น เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาต่อไปข้างหน้า

คณะกลุ่มคันที่ 1 และคันที่ 2 ที่ไม่ได้บาดเจ็บ พวกเราจะไปด้วยกันทั้งหมด เพื่อติดตามไปดูแลคนบาดเจ็บที่ รพ.นาดี อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 45 กม. ฉันมีหน้าที่เช็คชื่อ นับจำนวนคนที่อยู่ขณะนี้มีทั้งหมด 41 คน แต่พวกเรา 3 คน ต้องอยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อเฝ้าสิ่งของที่ตกค้างภายในรถคันที่ 2

ณ โรงพยาบาลนาดี

พี่นุ้ยเข้าไปดูผู้บาดเจ็บ ซึ่งพยาบาลกำลังเย็บแผลบริเวณริมฝีปาก และประสานงานกับ จนท.ในห้องฉุกเฉิน (ER) ฉันมีหน้าที่ประสานงานเรื่องสิทธิด้านการรักษาพยาบาลและหลักฐานที่ต้องใช้

ระหว่างนี้พวกเราหลายคนที่อยู่ในคันที่ 2 ทยอยตรวจดูบาดแผลของตนเอง พี่เป้ย (พนง.บัญชี) มีแผลถลอกบริเวณศีรษะ คุณสมคิด (จพง.เภสัชกรรม) มีแผลบริเวณนิ้วเท้า พี่สุริยา มีเลือดซึมบริเวณนิ้วมือจากเศษกระจก น้องผู้หญิงเสื้อสีส้มมีอาการหูอื้อ ทั้งหมดได้รับการตรวจรักษาทันที

หลังจากแพทย์ตรวจเสร็จ สั่งยาเรียบร้อยทุกคน พี่นุ้ยประสานงานทางโทรศัพท์กับผู้บริหารได้รับคำสั่งให้นำส่งผู้บาดเจ็บจาก รพ.นาดีไปรวมกับเพื่อน ๆ ที่ รพ.วังน้ำเขียว เพื่อจะได้ไปรักษาต่อที่ รพ.ขอนแก่น

รถ Ambulance พร้อมพยาบาลนำส่งคนบาดเจ็บไปก่อน แต่พวกเรายังไม่สามารถตามไปในเวลานั้น เพราะต้องไปรับกระเป๋าเสื้อของคณะคันที่ 2 ซึ่งนำมาเก็บไว้ที่ สภอ.นาดี (เขตพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภอ.นาดี แม้ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ อ.วังน้ำเขียว เพียง 15 กม.) และต้องพาคนบาดเจ็บไปสอบปากคำในเบื้องต้นก่อน

พวกเราทั้งหมด ได้กินข้าวกล่อง (มื้อเที่ยง) บนรถทัวร์ขณะจอดอยู่ด้านหน้าสถานีตำรวจในเวลาบ่ายโมง

รถคันที่ 1 ขับย้อนกลับมายังที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อแวะเอาข้าวกล่องมาให้พี่ยงยุท (ช่างโยธา) เฝ้าจุดเกิดเหตุพร้อม จนท.ตำรวจหนึ่งนายและจนท.กู้ภัยอีกคน น้องเดือนช่วยหิ้วถุงข้าวกล่อง 3 ห่อและน้ำเปล่า 4 ขวด ถือลงมาให้ มองเห็นพี่ยงยุท มีถุงดำคลุมศีรษะ หน้าของเขาแดงเป็นลูกตำลึงสุกเพราะแดดเผา เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก และตรงนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่พี่ยงยุท ยังต้องอยู่กับ จนท.ตำรวจต่อไป จนกว่าสิ่งของสำคัญที่มีค่า ไม่มีหลงเหลือในที่เกิดเหตุ พวกเราออกเดินทางไปต่อ

ณ โรงพยาบาลวังน้ำเขียว

เห็นคนมากมาย อยู่บริเวณด้านหน้าห้องฉุกเฉิน (ER) ฉันเดินไปถามน้องสุ ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า เธอบอกไม่เป็นอะไร แค่บาดแผลบนศีรษะเล็กน้อยไม่ต้องเย็บ ไม่นานผิวจะสมานแผลได้เองตามธรรมชาติ ฉันเดินไปถามน้องตู่ เธอบอกมีบาดแผลบริเวณด้านในฝีปาก เย็บ 2 เข็ม ฉันเดินไปถามพี่แดง ไม่มีบาดแผล แต่มีรอยฟกช้ำเขียวบริเวณแขน

ขณะคนบาดเจ็บกำลังรอคิวสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรนั่งพิมพ์บันทึกข้อมูลรายละเอียดลงคอมพิวเตอร์ พวกเรากลุ่มคันที่ 1 ไปช่วยตรวจดูกระเป๋าเดินทางและคืนให้เจ้าของแต่ละคน

รถทัวร์อีกคันเดินทางมารอรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนผู้บาดเจ็บปานกลางได้เคลื่อนย้ายโดยรถ Ambulance เพื่อกลับไปรักษาต่อที่ รพ.ขอนแก่น เมื่อก่อนเที่ยงเป็นที่เรียบร้อย

คณะคันที่ 2 คนที่ไม่มีแผลบาดเจ็บ ส่วนใหญ่ขอเดินทางกลับบ้าน มีเพียง 6 คน ตัดสินใจร่วมเดินทางไปพร้อมคณะคันที่ 1 เพื่อดำเนินการตามโครงการฯ พวกเราทีมทำงานรู้ว่า โครงการสัญจรสานใจฯ ครั้งที่ 5 ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบก็ตาม แต่ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไป

เมื่อคนบาดเจ็บคนสุดท้ายขึ้นรถยนต์ครอบครัวพี่แดง พร้อมพี่แมว น้องสุ เคลื่อนรถออกจาก รพ.วังน้ำเขียว เพื่อกลับคืนขอนแก่น พวกเราทุกคนกล่าวขอบคุณ จนท.รพ.วังน้ำเขียวและผู้อำนวยการ ที่ช่วยดูแลรักษาฯ อย่างสุดกำลัง

พวกเราออกเดินทางตามหน้าที่ที่รับผิดชอบซึ่งรออยู่ข้างหน้าต่อไป
ด้วยความมุ่งมั่น เมื่อทุกสิ่งผ่านพ้นด้วยดี



อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด เราไม่หยุดก้าวไปข้างหน้า
เพียงเพราะมีอุปสรรคเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ในช่วงเวลาหนึ่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งร้ายและดี เกิดได้เสมอในทุกวินาที
เหตุร้ายที่เกิดขึ้น ไม่ต้องการให้อยู่ในความทรงจำในใจของใคร
แต่สอนให้เราได้เรียนรู้บทบาทหน้าที่
การใช้สัญชาตญาณจากประสบการณ์ของชีวิต

------------------*------------------
เหตุร้ายและ (อาจ) รุนแรง จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ขอเพียงตั้งสติ มีสติ มีสติและมีสติ


ปล. ชมภาพเหตุการณ์ที่... เหตุไม่คาดคิด (1)



Create Date : 23 สิงหาคม 2550
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 14:53:22 น.
Counter : 1077 Pageviews.

2 comments
  

เคยเจอค่ะ ทำอะไรไม่ได้เลยเข่าอ่อนอยู่ตรงนั้น
โดย: ลูกแมวขี้อ้อน วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:10:04:06 น.
  
พวกเราชาววังยินดีและเต็มใจช่วยอย่างสุดกำลังเลยค่ะ
โดย: ส้มโอ ณ วังน้ำเขียว IP: 125.26.95.193 วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:52:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ลูกคนสุดท้องน้องสาวคนเล็ก
เด็ก ๆ ชอบเอาตัวไปปลายนา
เอาขาไปวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้า
โตเป็นสาว..ชอบอยู่บ้านนอก
อนาคต..ได้ไปที่ชอบ..ที่ชอบ
อะคึ่ ๆ


Friends Blog
[Add สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น's blog to your weblog]