Group Blog All Blog
|
เหตุไม่คาดคิด (2) ฉันกำลังยืนร้องเพลงอย่างสนุกสนานอยู่กลางรถ ลูกทัวร์กำลังรื่นรมย์กับการฟังเพลง ฉันบอกความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก เมื่อเห็นรถทัวร์นำเที่ยวคันที่ 2 วิ่งแซงขวา รถทัวร์นำเที่ยวคันที่ 1 ในช่วงเสี้ยวนาทีนั้น ทันทีที่รถคันที่ 2 แซงผ่านไปใน 2 นาที พวกเราได้ยินเสียงร้องบอกว่า ข้างหน้ามีอุบัติเหตุ ฉันหยุดร้องเพลง ขณะที่รถกำลังชะลอความเร็ว จนจอดสนิทอยู่ริมถนน ติดรั้วกั้นไหล่ทางซ้าย ฉันก้มตัวมองออกไปนอกรถ เห็นหลังคารถทัวร์คันหนึ่งตะแคงขวาอยู่บนเนินเขา มีต้นหญ้าคาขึ้นอยู่หนาแน่น ฉันนิ่งเงียบ แต่ไม่ได้ยินเสียงผู้คนในรถตะโกนว่าอะไร พวกเราพากันรีบลงจากรถทันทีที่ประตูรถเปิดออก ใช่รถของพวกเราเหรอ? นั่นคือคำถามที่ดังก้องในใจฉัน ขณะที่ลงมายืนนิ่งอยู่ข้างถนนบนไหล่ทาง จนกระทั่งเห็นผู้ชายร่างใหญ่ เสื้อสีฟ้ากางเกงยีนส์โผล่ขึ้นมาจากด้านบน เขาคือ พี่สุริยา กำลังใช้ค้อนทุบกระจกรถ ไม่มีคำอุทานใด ๆ ร้องออกมา ฉันรู้แค่ว่าต้องทำอะไรสักอย่าง นอกจากยืนแน่นิ่งเหมือนหุ่นยนต์ในวินาทีนี้ กล้องดิจิตอลที่ฉันสะพายอยู่ข้างตัว หยิบมันออกมาทันทีที่คิดได้ว่า นาทีนี้จะต้องบันทึกภาพไว้ แชะ ๆ เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น ฉันตั้งสติอีกครั้ง รีบวิ่งไปด้านหลังรถคันที่ 1 อ้อมไปขึ้นเนินเขาซึ่งเป็นทางลาดให้รถเบรกแตกวิ่งขึ้นเพื่อให้หยุดความเร็วของรถ เห็นน้องสุ (จนท.สนง.ประกันสุขภาพ) นั่งร้องไห้ ขณะที่น้องอีฟช่วยประคองอยู่ข้าง ๆ เดินไปข้างหน้า (กดชัตเตอร์) เห็นพี่นุ้ย (พยาบาล) กำลังร้องบอกให้พี่แขก (จนท.สนง.ประกันสุขภาพ) อยู่นิ่ง ๆ แล้วให้นอนราบ เพราะบริเวณใบหน้าของพี่แขกมีเลือดไหลไม่ขาดสาย (กดชัตเตอร์) พี่แขกร้องบอกฉัน พี่ฝากเงินไว้กับเปี๊ยก (จนท.HRD) แล้วนะ ฉันรับปากจะดูแลต่อเพื่อไม่ให้เธอเป็นกังวล ฉันหันรีหันขวาง มองไปที่ผู้หญิงเสื้อสีส้มนั่งข้างพงหญ้าคา ใช้มือกดคางให้เพื่อนผู้หญิงเสื้อสีฟ้า ที่นอนพิงอยู่บนตักของเธอ ความโกลาหลทำให้ฉันไม่ได้ยินว่าใครสั่งการอะไร หันไปเห็นน้องเอก (จนท.สนง.ประกันสุขภาพ) และเพื่อนชายอีกคน กำลังช่วยคุณวสันต์ (ผู้ช่วยพยาบาล) ออกจากรถเป็นคนสุดท้าย (กดชัตเตอร์) เขาร้องบอก ผมปวดหลังนะ น้องต่าย (จพง.ทันตสาธารณสุข) มาช่วยพยุงและประคองให้คนบาดเจ็บนอนราบ โดยไม่มีการเคลื่อนย้าย เราต้องรอรถหน่วยกู้ชีพพร้อมอุปกรณ์สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี ซึ่งพวกเราหลายคนได้รับการฝึกซ้อมอุบัติเหตุหมู่ จึงรู้วิธีการดูแลผู้บาดเจ็บในเบื้องต้น คนบาดเจ็บเล็กน้อยที่ฉันสังเกตเห็นในตอนนี้ มีเพียงบาดแผลจากเศษกระจก ยังไม่พบรอยฟกช้ำที่ยังหลบใน ซึ่งทุกคนยังตกใจและขวัญกระเจิง ได้ยินเสียงสั่งการ "ไปเอากระเป๋ายาจากรถเรามาเร็ว ขณะพี่อ้วน (จนท.รพ.สิรินธร) วิ่งถือขวดยามาเต็มมือ ฉันร้องถาม กระเป๋ายายังอยู่บนรถไหมคะ? ใช่ๆ ฉันวิ่งสุดแรงเท้า จากเนินเขาลงมายังรถคันที่ 1 กระเป๋ายาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล พวกเราเตรียมพร้อมเสมอ เมื่อต้องเดินทางไกล ฉันหอบกระเป๋ายาสีดำวิ่งเอามาให้ น้องเดือน (จนท.สนง.ประกันสุขภาพ) ค้นหาผ้าก๊อต ผ้าพันแผลแล้วส่งให้พี่นุ้ยพันแผลบริเวณหน้าผากให้พี่แขกเสร็จ แล้วหันมาดูน้องผู้หญิงเสื้อสีฟ้าซึ่งเลือดไหลไม่หยุดบริเวณคาง ใช้ผ้าพันแผลเรียบร้อย (กดชัตเตอร์) ฉันวิ่งลงมาที่ถนนด้านล่างอีกครั้ง เมื่อรถหน่วยกู้ชีพพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพ มาถึงที่เกิดเหตุ ลำเลียงคนบาดเจ็บขึ้นรถ พวกเราหลายคนที่อยู่ด้านล่าง กำลังช่วยกันดูแลเพื่อนร่วมชะตากรรม ที่บาดเจ็บเล็กน้อย ทยอยพากันขึ้นรถปิคอัพของตำรวจ เพื่อนำส่ง รพ.วังน้ำเขียว (รพ.อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุด ห่างประมาณ 12 กม.) มองเห็นน้องนิ่ม (จพง.โสต) หน้าซีดไร้สี ฉันเดินไปโอบกอดเธอเพื่อปลอบขวัญให้รู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนเธอจะขึ้นไปนั่งหลังรถปิคอัพไปโรงพยาบาลพร้อมเพื่อน ๆ คนบาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุหมดเรียบร้อย คงเหลือเพียงคณะกลุ่มคันที่ 1 ยังรอเก็บตกกระเป๋ารองเท้าที่ฝากกันไว้ แต่สิ่งของในรถคันที่ 2 ที่เกิดอุบัติเหตุ ยังไม่ได้เอาออกมา พวกเราจึงระดมความคิดในเบื้องต้น เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาต่อไปข้างหน้า คณะกลุ่มคันที่ 1 และคันที่ 2 ที่ไม่ได้บาดเจ็บ พวกเราจะไปด้วยกันทั้งหมด เพื่อติดตามไปดูแลคนบาดเจ็บที่ รพ.นาดี อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 45 กม. ฉันมีหน้าที่เช็คชื่อ นับจำนวนคนที่อยู่ขณะนี้มีทั้งหมด 41 คน แต่พวกเรา 3 คน ต้องอยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อเฝ้าสิ่งของที่ตกค้างภายในรถคันที่ 2 ณ โรงพยาบาลนาดี พี่นุ้ยเข้าไปดูผู้บาดเจ็บ ซึ่งพยาบาลกำลังเย็บแผลบริเวณริมฝีปาก และประสานงานกับ จนท.ในห้องฉุกเฉิน (ER) ฉันมีหน้าที่ประสานงานเรื่องสิทธิด้านการรักษาพยาบาลและหลักฐานที่ต้องใช้ ระหว่างนี้พวกเราหลายคนที่อยู่ในคันที่ 2 ทยอยตรวจดูบาดแผลของตนเอง พี่เป้ย (พนง.บัญชี) มีแผลถลอกบริเวณศีรษะ คุณสมคิด (จพง.เภสัชกรรม) มีแผลบริเวณนิ้วเท้า พี่สุริยา มีเลือดซึมบริเวณนิ้วมือจากเศษกระจก น้องผู้หญิงเสื้อสีส้มมีอาการหูอื้อ ทั้งหมดได้รับการตรวจรักษาทันที หลังจากแพทย์ตรวจเสร็จ สั่งยาเรียบร้อยทุกคน พี่นุ้ยประสานงานทางโทรศัพท์กับผู้บริหารได้รับคำสั่งให้นำส่งผู้บาดเจ็บจาก รพ.นาดีไปรวมกับเพื่อน ๆ ที่ รพ.วังน้ำเขียว เพื่อจะได้ไปรักษาต่อที่ รพ.ขอนแก่น รถ Ambulance พร้อมพยาบาลนำส่งคนบาดเจ็บไปก่อน แต่พวกเรายังไม่สามารถตามไปในเวลานั้น เพราะต้องไปรับกระเป๋าเสื้อของคณะคันที่ 2 ซึ่งนำมาเก็บไว้ที่ สภอ.นาดี (เขตพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภอ.นาดี แม้ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ อ.วังน้ำเขียว เพียง 15 กม.) และต้องพาคนบาดเจ็บไปสอบปากคำในเบื้องต้นก่อน พวกเราทั้งหมด ได้กินข้าวกล่อง (มื้อเที่ยง) บนรถทัวร์ขณะจอดอยู่ด้านหน้าสถานีตำรวจในเวลาบ่ายโมง รถคันที่ 1 ขับย้อนกลับมายังที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อแวะเอาข้าวกล่องมาให้พี่ยงยุท (ช่างโยธา) เฝ้าจุดเกิดเหตุพร้อม จนท.ตำรวจหนึ่งนายและจนท.กู้ภัยอีกคน น้องเดือนช่วยหิ้วถุงข้าวกล่อง 3 ห่อและน้ำเปล่า 4 ขวด ถือลงมาให้ มองเห็นพี่ยงยุท มีถุงดำคลุมศีรษะ หน้าของเขาแดงเป็นลูกตำลึงสุกเพราะแดดเผา เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก และตรงนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่พี่ยงยุท ยังต้องอยู่กับ จนท.ตำรวจต่อไป จนกว่าสิ่งของสำคัญที่มีค่า ไม่มีหลงเหลือในที่เกิดเหตุ พวกเราออกเดินทางไปต่อ ณ โรงพยาบาลวังน้ำเขียว เห็นคนมากมาย อยู่บริเวณด้านหน้าห้องฉุกเฉิน (ER) ฉันเดินไปถามน้องสุ ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า เธอบอกไม่เป็นอะไร แค่บาดแผลบนศีรษะเล็กน้อยไม่ต้องเย็บ ไม่นานผิวจะสมานแผลได้เองตามธรรมชาติ ฉันเดินไปถามน้องตู่ เธอบอกมีบาดแผลบริเวณด้านในฝีปาก เย็บ 2 เข็ม ฉันเดินไปถามพี่แดง ไม่มีบาดแผล แต่มีรอยฟกช้ำเขียวบริเวณแขน ขณะคนบาดเจ็บกำลังรอคิวสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรนั่งพิมพ์บันทึกข้อมูลรายละเอียดลงคอมพิวเตอร์ พวกเรากลุ่มคันที่ 1 ไปช่วยตรวจดูกระเป๋าเดินทางและคืนให้เจ้าของแต่ละคน รถทัวร์อีกคันเดินทางมารอรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนผู้บาดเจ็บปานกลางได้เคลื่อนย้ายโดยรถ Ambulance เพื่อกลับไปรักษาต่อที่ รพ.ขอนแก่น เมื่อก่อนเที่ยงเป็นที่เรียบร้อย คณะคันที่ 2 คนที่ไม่มีแผลบาดเจ็บ ส่วนใหญ่ขอเดินทางกลับบ้าน มีเพียง 6 คน ตัดสินใจร่วมเดินทางไปพร้อมคณะคันที่ 1 เพื่อดำเนินการตามโครงการฯ พวกเราทีมทำงานรู้ว่า โครงการสัญจรสานใจฯ ครั้งที่ 5 ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบก็ตาม แต่ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไป เมื่อคนบาดเจ็บคนสุดท้ายขึ้นรถยนต์ครอบครัวพี่แดง พร้อมพี่แมว น้องสุ เคลื่อนรถออกจาก รพ.วังน้ำเขียว เพื่อกลับคืนขอนแก่น พวกเราทุกคนกล่าวขอบคุณ จนท.รพ.วังน้ำเขียวและผู้อำนวยการ ที่ช่วยดูแลรักษาฯ อย่างสุดกำลัง ด้วยความมุ่งมั่น เมื่อทุกสิ่งผ่านพ้นด้วยดี เพียงเพราะมีอุปสรรคเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ในช่วงเวลาหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งร้ายและดี เกิดได้เสมอในทุกวินาที เหตุร้ายที่เกิดขึ้น ไม่ต้องการให้อยู่ในความทรงจำในใจของใคร แต่สอนให้เราได้เรียนรู้บทบาทหน้าที่ การใช้สัญชาตญาณจากประสบการณ์ของชีวิต เหตุร้ายและ (อาจ) รุนแรง จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอเพียงตั้งสติ มีสติ มีสติและมีสติ ปล. ชมภาพเหตุการณ์ที่... เหตุไม่คาดคิด (1) พวกเราชาววังยินดีและเต็มใจช่วยอย่างสุดกำลังเลยค่ะ
โดย: ส้มโอ ณ วังน้ำเขียว IP: 125.26.95.193 วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:52:31 น.
|
สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เด็ก ๆ ชอบเอาตัวไปปลายนา เอาขาไปวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้า โตเป็นสาว..ชอบอยู่บ้านนอก อนาคต..ได้ไปที่ชอบ..ที่ชอบ อะคึ่ ๆ Friends Blog
|
เคยเจอค่ะ ทำอะไรไม่ได้เลยเข่าอ่อนอยู่ตรงนั้น