<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
20 มีนาคม 2553

เมื่อความมืดมาเยือน......บทที่ 1 (จับความมืด)




เมื่อความมืดมาเยือน


: GTW


กล่องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า ห้องทำงาน ยังคงกักขังจิตแพทย์วัยกลางคน ด้วยกรงขังแห่งรายงานและเอกสารต่าง ๆ ซึ่งวางเกะกะบนโต๊ะอย่างไม่ค่อยเป็นระบบระเบียบ โครงการแจกสมุดปากกาให้คนไข้ทางจิตเขียนบันทึก ได้รับการตอบสนองพอสมควร คนไข้หลายคนให้ความร่วมมือโดยไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะใช้ปากกาทำร้ายตัวเองหรือคนอื่น หลายเล่มอ่านแล้วรู้สึกถึงความยุ่งเหยิงสับสนเหมือนหมอกควันตามประสาคนบ้า หลายเล่มกลับเขียนได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อว่าเขียนโดยคนบ้า

หน้าต่างสี่เหลี่ยมใหญ่เหมือนฝังตัวเองจนดำมืดข้างผนัง นอกจากบางครั้งสายลมพัดเข้ามาบางเบายังมีแสงวูบวาบจากยานพาหนะปรากฏให้เห็น เสียงสับสนมากมายหลายหลากยังลอดเข้ามาให้ได้ยินทำให้ไม่รู้สึกอ้างอ้างเงียบเหงาจนเกินไปนัก สมุดบันทึกคนไข้เล่มสุดท้ายของวันนี้อยู่ในมือแล้ว

หมอเริ่มเปิดอ่าน

++++++

ผมจับความมืดได้

บรรทัดแรกก็ทำให้คุณหมอแทบหัวเราะออกมาดัง ๆ แต่ก็ยังคงก้มหน้าอ่านต่อไป

ผมรู้ว่าตอนนี้คุณหมออาจจะกำลังหัวเราะเยาะผมอยู่ อาจกำลังคิดจะวางบันทึกนี้ลงด้วยซ้ำ และอาจจะหาว่าผมบ้าเต็มสูบได้ที่ ไม่สิ... ไม่ใช่อาจจะ ...ต้องหาว่าผมบ้าแน่นอน ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างถูกปั๊มตราให้เรียบร้อยแล้วว่าบ้าเต็มตำแหน่ง... ไม่เป็นไร... มาพูดเรื่องของผมต่อดีกว่า

ผมบอกว่าผมจับความมืดได้ บ้าดีไหม

ความมืดมันมีชีวิต ใช่..ผมคิดว่าคุณหมอไม่รู้เรื่องแบบนี้มาก่อน มันกลืนกินใครต่อใครเข้าไปมากมาย สะสมความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับจากความทรงจำของเหยื่อ มันอาศัยอยู่ในจักรวาลของเราอย่างชาญฉลาด วางตัวเองให้อยู่ในสภาพเหมือนไร้แสง ไม่มีมวล ไม่มีพลังงานในตัวของมันเอง แต่ความจริงนั่นเป็นเพียงกับดักของมันในการล่อลวงพวกมนุษย์ให้เข้าใจผิดด้วยจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ผมกำลังพยายามทำความเข้าใจมันอยู่ พวกมันเป็นสิ่งอมตะสูงสุดแห่งเอกภพ ยึดครองอาณาเขตแทบทั้งหมดของจักรวาล พวกมันซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ใต้เตียง ในห้องของพวกเรา แม้ในยามมีแสงสว่าง พวกมันยังสามารถแอบตามมุมอับมากมาย คอยจ้องมองพวกเราอย่างเยาะเย้ย

ทำไมผมจับมันได้…?

นี่อาจเป็นเพราะว่าผมรู้เท่าทันพวกมันไปหลายส่วนแล้ว ผมไม่จำเป็นหรอกนะครับว่าทำไมหรือทำได้อย่างไร มีคนบางคนได้รับสิทธิพิเศษแบบพิเศษซึ่งคนอื่นไม่เข้าใจจนกลายเป็นคนหลุดโลกในสายคนอื่นผมเองก็คงเป็นเช่นนั้นครับ

ผมคิดว่าตัวเองรู้ถึงความรู้สึกนืกคิดของความมืดไม่มากนัก แต่ก็พอจะรู้บางอย่างบางเรื่องของพวกมัน พอรู้ทันพวกมันมากเท่าไรผมก็ยิ่งสามารถฉกฉวยพลังอำนาจของมันมากขึ้นเท่านั้น และคิดว่าเมื่อผมรู้เท่าทันมันทั้งหมดผมคงจะกลายเป็นพวกมันไปแล้วโดยสมบูรณ์ หมอว่าน่ากลัวไหมล่ะ.? ตัวผมเองกลับรู้สึกไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด บางทีมันอาจเป็นฝ่ายเลือกเจาะจงผมให้ทำแบบนี้ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้

ทำไมผมต้องมาบอกหมอด้วยนะ บางทีอาจเป็นเพราะสัญชาติญาณของความเป็นมนุษย์ซึ่งหลงเหลืออยู่ก็เป็นไปได้

---------------

อ่านมาถึงตรงนี้คุณหมอวางบันทึกลง เพราะข้อความต่อไปยิ่งดูบ้าบอวิปริตผิดเพี้ยน มันเป็นข้อความของคนบ้าผู้กำลังพล่ามถึงการสร้างเครื่องจักรเครื่องยนต์กลไกอะไรบางอย่าง โดยมีสมการประหลาดๆ อธิบายเต็มไปหมด แน่นอนว่าคนปกติหรืออัจฉริยะขนาดไหนก็ไม่มีทางแม้แต่จะคิดหรือเขียนสมการแบบนี้ออกมาได้แน่นอน บ้าเข้าขั้นดีจริงๆ ...คุณหมอคิดในใจ

ถ้ามันเป็นเรื่องจริงทำไมความมืดไม่ลงมือกินมนุษยชาติเสียทีเดียวให้หมดสิ้นไปเลย ไม่ใช่เรื่องยากถ้ามันจะมีพลังอำนาจขนาดนั้น
คุณหมอเหลือบมองนาฬิกา เวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ท้องไส้เริ่มส่งสัญญาณเตือนให้จัดการเรื่องอาหารการกิน แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว อ่านให้จบก่อนดีกว่า หมอกวาดสายตาผ่านสมการ และภาพวาดโครงสร้างเครื่องจักรกลแปลก ๆ หลุดโลกผ่านไปทีละหน้าอย่างไม่สนใจ ผ่านไปจนถึงช่วงท้ายสุดของบันทึก

คุณหมอคงไม่เชื่อ ผมรู้ว่าคุณหมอไม่มีทางเชื่อ ผมจึงเตรียมตัวอย่างมาให้คุณหมอดูแล้ว ผมแอบเอามาวางอยู่ใต้โต๊ะ แอบมาตอนไหนคุณหมอไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ ก็อย่างที่บอกว่าผมมันคนพวกไม่ปกติทำอะไรก็ไม่ค่อยปกติ ลองก้มลงมองใต้โต๊ะสิครับ ถุงใหญ่สีดำนั่นไง ความมืดมันอยู่ในนั้น

--------

ข้อความในสมุดบันทึกขาดหายไปเฉย ๆ เหมือนเจ้าของผู้เขียนหายไปโดยกะทันหัน เอ.. ! ทำไมหมอถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้นะ ทำไมต้องคิดว่าหายไปเฉย ๆ ไม่คิดว่าอาจจะลุกหนีไปจากโต๊ะไม่ยอมเขียนต่อ วูบนั้นจิตแพทย์รู้สึกเย็นวูบไปทั่วไขสันหลังอย่างไม่มีสาเหตุ

ก้มมองใต้โต๊ะ ไม่เห็นมีถุงอะไร เออ.....! . เราก็พลอยบ้าบอคอแตกไปด้วย

นั่งนิ่งครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ต่อไปยังเจ้าหน้าที่ภายในตึกคนไข้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก

“นำตัวคนไข้ห้อง..........ไปหาผมที”

บอกหมายเลขห้องของคนไข้น่าสงสัย เสียงเจ้าหน้าที่ตอบรับจึงวางหูโทรศัพท์ลง เอนกายพิงพนักเก้าอี้เหมือนจะผ่อนคลาย แต่เท้าไปเตะถูกอะไรบางอย่าง ก้มลงไปมอง

ถุงสีดำมัดปากด้วยเชือกแน่นหนา วางอยู่ใต้โต๊ะจริง ๆ แต่มันอยู่ในตำแหน่งมิดชิดเกินกว่าปกติธรรมดา เหมือนกับว่าถุงพลาสติกสีดำใบนั้นขยับตัวหนีเข้าไปได้ด้วยตัวของมันเองจากจุดควรจะอยู่ในตอนแรกอย่างไรอย่างนั้น คุณหมอขนลุกซู่อย่างไม่มีเหตุผลและรู้สึกโมโหตัวเองกับอาการเริ่มต้นประสาทเสียกับเรื่องนี้ เพราะทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนเชื้อบ้าเล่นงาน

อย่างลังเลใจ ก้มลงมองถุงประหลาดอยู่นาน คิดว่าบางทีคนไข้บ้า ๆ บางคนอาจจะล้อเขาเล่นตามประสาบ้า แต่ในที่สุดกลั้นใจลองจับถุงปริศนานั่นยกขี้นมาดูอย่างไม่แน่ใจ

มันเบาหวิวเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในภายใน จึงวางลงบนโต๊ะ

จะเปิดดูดีไหมนะ?

เปิดดูมันก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว เขายิ้มและบอกตัวเองอย่างมั่นใจ มันเป็นเพียงถุงเปล่า ๆเท่านั้น น้ำหนักเบาแบบนี้ไม่น่าจะมีอะไรอยู่ภายใน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จิตแพทย์หันไปรับสาย

“คนไข้ไม่อยู่ในห้องครับ”

เสียงเจ้าหน้าที่รายงานด้วยน้ำเสียงตกใจและแปลกใจ

“อะไร” คุณหมอแผดเสียงดังอย่างคาดไม่ถึง

“คุณตรวจสอบดีหรือยัง คนทั้งคนจะหายไปได้อย่างไร”

“พวกเราไปถึงก็พบว่าไฟในห้องปิดอยู่แล้วนะครับ “ น้ำเสียงเจ้าหน้าที่คนนั้นมีแววกังวลปนมาชัดเจน

“แต่พอเข้าไปดูในห้องก็ไม่เห็นมีใคร เหมือนไม่เคยมีใครอยู่ในห้องนั้นมาก่อน ประตูหน้าต่างปิดอยู่ในสภาพเรียบร้อย”

“คุณอย่าพูดบ้า ๆ ลองตรวจสอบให้ดี ๆ อีกครั้ง”

สั่งด้วยน้ำเสียงเกือบเป็นตะคอก แล้ววางหูโทรศัพท์ลง นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกัน

คนทั้งคนจะหายไปจากห้องพักได้อย่างไร ห้องพักซึ่งเสมือนเป็นคุกจองจำคนไข้ปิดเปิดเป็นเวลา มีมาตรการรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม เรื่องคนไข้หลบหนีออกไปข้างนอกสถาบันได้ไม่เคยมีมาก่อน

ทันใดนั้นเองหางตาของหมอก็เห็นถุงใบนั้นเหมือนขยับไหวนิด ๆ ราวทักทายกึ่งล้อเลียน ความรู้สึกแปลก ๆ บอกให้คิดแบบนั้นอย่างไม่มีเหตุผล

ลม.. ! คุณหมอคำราม ก็แค่ลมพัดจากหน้าต่างเท่านั้นเอง

แต่ทำไมต้องทำใจจริงจังขนาดนี้นะ ทำไมไม่เปิดดูให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย เปิดมาดูความว่างเปล่าในถุง หัวเราะใส่หน้ามัน แล้วออกจากห้องไปอย่างสบายใจไม่มีอะไรน่ากังวล ขับรถออกไปหาอาหารอร่อย ๆในร้านอาหารสักแห่งคลายเครียด แต่ความกังวลรุมเร้าจิตใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้

เขาหยิบกรรไกรออกมาจากลิ้นชัก ขยับคมกรรไกรไปมาครู่หนึ่งอย่างไม่แน่ใจในตัวเอง

เพื่อความแน่ใจ เขายกหูโทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่คนเดิมอีกครั้ง

“อะไรหรือครับ”

เสียงเจ้าหน้าที่คนนั้นย้อนถาม มีแววงุนงงสงสัยเต็มที่

“อย่ามาล้อเล่นกับผม” จิตแพทย์รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

“ผมบอกให้คุณตรวจสอบดูอีกที”

“ตรวจสอบอะไรครับ” น้ำเสียงของเจ้าหน้าที่เหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด

“คนไข้ไง คนไข้ห้อง.... ที่ผมโทรมาให้ตรวจดูเมื่อครู่”

“โทรมาตอนไหนครับ ผมเพิ่งได้รับสายจากคุณหมอเป็นครั้งแรกของวันนี้ และห้องนั้นเป็นห้องว่างอยู่ตั้งนานแล้วนี่ครับ”

“อย่ามาล้อเล่นนะโว้ย...!” เขาลุกขึ้นอย่างลืมตัว ร้องสุดเสียง หน้ามืดด้วยแรงโทสะปะทุระเบิดออกมา เรื่องแบบนี้จะมาทำตลกล้อเล่นไม่ได้เด็ดขาด วูบนั้นเขาแทบมองเห็นใบรายงานความประพฤติการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวลอยไปมาเบื้องหน้าเป็นรูปแบบร่างเสียด้วยซ้ำ เขาระดับจิตแพทย์ชำนาญการพิเศษไม่ใช่เพื่อนเล่นของพวกแก.....!

“ใจเย็น ๆ นะครับ ผมจะมาหาหมอเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”

น้ำเสียงของเจ้าหน้าที่ร้อนรนตกใจกลัว ไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย และน้ำเสียงนั่นพูดฟังแล้วเหมือนกับน้ำเสียงบรรดาคุณหมอเคยใช้กับคนไข้โรคจิตไม่มีผิด พระช่วย .....! จะมาหาพระแสงอะไร พวกมันเห็นฉันเป็นคนบ้าไปแล้วหรือ เขากระแทกหูโทรศัพท์อย่างแรง ทรุดตัวลงนั่ง หายใจหอบจนอกกระเพื่อม

ไอ้พวกบ้า...! พากันเป็นอะไรไปหมดแล้ว

ถุงใบนั้นขยับไปมาอีก คราวนี้มองเห็นถนัดชัดตาเหมือนมีอะไรสักอย่างอยู่ในถุง แต่ว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไรกัน

เขาขบกรามแน่น ค่อย ๆ หยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มันคงเบาหวิวเกินกว่าจะมีอะไรอยู่ภายในแม้แต่มดสักตัว เขาคิดพิจารณาครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตัดปากถุงออกด้วยกรรไกรอย่างระมัดระวัง ทั้งที่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องระวังอะไรเลยสักนิด

เห็นไหม ไม่มีอะไร... เขาพยายามหัวเราะออกมาเหมือนคนใกล้เสียสติ เมื่อมองลงไปพบว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า ไม่มีอะไรอย่างที่วิตก เขาคงอยู่กับคนไข้โรคจิตมากเกินไปจนโรคประสาทระบาดเข้าใส่ จิตแพทย์ผู้กำลังจะกลายเป็นคนไข้เสียเอง เอียงถุงปริศนารับแสงสว่างสำรวจตรวจไปมา เหมือนคนย้ำคิดย้ำทำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรอยู่ในถุงใบนั้นจริง ๆ

ไม่มีอะไรจริงๆ

นอกจากความมืด.... !

ก้นถุงดำทะมืนอยู่ภายใน ไม่ว่าจะเอียงมองมุมไหนอย่างไรก็มองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด

“มันทาสีดำ” เขาคำรามในลำคอ สีดำดูดกลืนแสงทั้งหมด มันจึงดูเป็นสีดำ ความรู้ชั้นเด็กประถม!

ทำไมไม่ลองควานมือดูล่ะ ถ้าจะให้แน่ใจ……!

หมอยืนงงกับตัวเองครู่หนึ่ง กับอารมณ์และความกลัว.... ความหวาดกลัวซึ่งพยายามเก็บกดมันไว้ในส่วนลึกที่สุด แต่ตอนนี้มันกำลังดิ้นรนออกมาจากการควบคุม บางส่วนคืนคลานไปตามไขสันหลังจนรู้สึกเย็นยะเยือก ไม่น่าเชื่อว่าถุงซึ่งดูปกติทั่วไปใบหนึ่งจะสร้างเรื่องยุ่งยากวุ่นวายจนแทบประสาทเสียได้ขนาดนี้

จิตแพทย์มือหนึ่งมามีปัญหากับถุงเปล่าๆใบหนึ่งได้อย่างไร นึกแล้วอยากจะหัวเราะแต่กลับรู้สึกว่าหัวเราะไม่ออก แต่แล้วต่อมาเขาก็รู้สึกตกใจเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเริ่มหัวเราะแบบไม่มีเหตุผลและควบคุมไม่ได้ คุณหมอเอามือตะครุบปากตัวเองด้วยความตกใจกับอาการแปลกประหลาดของตนเอง

เป็นไงเป็นกัน...! ตัดสินใจล้วงมือลงไปในถุงอย่างช้า ๆ ปลายนิ้วดูเหมือนจะสั่นระริกอย่างบังคับไม่อยู่ ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะหวาดระแวงกับการล้วงเข้าไปในถุงธรรมดาใบหนึ่ง มันช่างน่าอายคนบ้า

ไม่มีอะไรจริงๆ คุณหมอยิ้มอย่างผู้ชนะและโล่งอก..... ก้นถุงว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่หมาสักตัว เขาควานมือลงไปในถุงจนลึกสุด รู้สึกเหมือนจอมทัพผู้ดำลังจะประกาศชัยชนะขั้นเด็ดขาด

ถุงใบนี้ไม่ใหญ่เกินไป ความยาวของมันไม่เกินหนึ่งศอก แต่ทำไมเขาล้วงมือลงไปจนลึกถึงไหล่ มือก็ยังไม่ถึงก้นถุง…!

ยิ้มค้าง !

แล้วมือของเขาหายไปไหน ใจหายวาบแบบเย็นยะเยียบจนน่าขนลุกและน่าสะพรึงกลัวเกาะกุมจิตใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต รีบดึงมือข้างนั้นออกมาทันที เหวี่ยงถุงทิ้งออกไปอย่างลนลานหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้มันบ้ายิ่งกว่าบ้า จอมทัพผู้กำลังจะประกาศชัยชนะถูกโยนลงในหุบเหวแห่งความมืดดำสิ้นหวัง

มือข้างนั้นไม่มี เขารู้สึกว่าเหมือนมัน “ไม่เคยมี” มากกว่าจะ “หายไป” และสิ่งที่มาทดแทนคือความมืดอันว่างเปล่าแต่เหมือนมีชีวิตกำลังแผ่ขยายกัดกินลุกลามหัวไหล่ ซอกคอ เข้ามาอย่างหิวโหยรวดเร็วแบบไม่ทันให้ตั้งตัว มันเลวร้ายยิ่งกว่าฝันร้ายใด ๆ

สำนึกสุดท้ายของคุณหมอผู้โชตร้ายคือการลุกขึ้นวิ่งไปยังประตู พยายามจับลูกบิดหมุนเพื่อเปิดประตูออกไปนอกห้อง แต่เขามองไม่เห็นมือตัวเองอีกต่อไป ไม่รู้สึกถึงมือของตัวเองเสียแล้ว

ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่มี !!ความไม่มีกลายเป็นความว่างเปล่ามืดดำตลอดกาล

………

“อ้าว ...ที่รัก ใครมาปิดไฟหน้าบ้านล่ะนี่ บอกให้เปิดไว้ทุกคืนกันขโมย”

“เอ...ไม่รู้สิคะ ไม่มีใครปิดไฟนี่นา”

“...ทุกคนพากันมาที่นี่เร็ว ได้เวลาดับไฟเป่าเทียนร้องเพลงวันเกิดแล้ว...”

เสียงเด็ก เสียงผู้ใหญ่เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ เอะอะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขสันต์หรรษา

ในที่สุดเทียนไขวันเกิดถูกเป่าดับ

แล้วความมืดก็มาเยือน

+++

จบบทที่1


Create Date : 20 มีนาคม 2553
Last Update : 20 มีนาคม 2553 18:26:11 น. 10 comments
Counter : 972 Pageviews.  

 
ความมืดแบบนี้ ผมไม่อยากจับต้อง..

แต่ผมอยากจับต้องอะไรที่หยุ่นๆ นุ่มมือ ท่ามกลางความมืด

ผมชอบซุกไซ้ริมฝีปากไปตามสิ่งกลมๆ ตึงๆ งับเม้มสิ่งนั้นเบาๆ ท่ามกลางความมืด

คุณล่ะครับ..ชอบเหมือนผมไหม ?

ขอบคุณหลังไมค์นะครับ เดี๋ยวจะลองทำ สมมุติเป็นเรื่องใหม่


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:11:20:34 น.  

 
โค้ชที่หลังไมค์มาเริ่มใช้งานได้แล้วล่ะครับ ดีจัง..อักษรตัวใหญ่ ไม่ปวดลูกกะตาเวลาอ่าน ขอบคุณในน้ำใจไมตรี ว่างก็คลิ๊กไปฝากรอยไว้ได้เลยครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:23:47:00 น.  

 


โดย: Setakan วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:15:47:12 น.  

 


โดย: mon_m&m วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:19:40:16 น.  

 
โหหหห กว่าจะตามล่าเจอ
ธุงามๆ ค่ะ จานจี

ต้องตามความมืดมา อิอิ
ทำไมติดต่อยากเย็นอย่างนี้หนอ

คิดถึงนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:17:32:53 น.  

 
มาตามไปอ่านบล็อกใหม่ครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:22:25:50 น.  

 

คุณ ปลายแป้นพิมพ์:
เอ....
ทำอะไรมืดๆน่ะครับ
ไม่เข้าใจ (เกาหัวแกร่กๆ)
ส่วนผมชอบแบบสว่างๆครับ ฮี่ๆๆๆๆ
----

คุณ Setakan :
ยิ้มอะไรครับ
ไม่เข้าใจความนัย
แง่มๆๆ
-----

คุณ โดย: mon_m&m
เอ
นี่ก็ยิ้มมีเลสนัย
น่ากลัว งือ...

-------

คุณพรายทราย:
เย
แปะ...โป้ง
ตามจนเจอนะครับ
งั้นเปลี่ยนตัว
ผมเป้นฝ่ายตามหาบ้าง
คุณพรายทรายเป็นคนซ่อน
ฮี่ๆๆ

----

คุณปลายแป้นพิมพฺ:
โอ...พีกนี้งานเข้าครับ
ไม่ได้ลงตอนต่อไปเลย
อีกสองสามวันครับ
รอวันหวยออกก่อน
เกี่ยวกันไงนี่....


โดย: Psycho man วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:21:23:30 น.  

 
ผมมี 094 ครับ (ถูกแล้วยุ่งแน่ตู ฮิ ฮิ)

อันที่จริงเจ้ามือไม่ค่อยได้แอ้มเงินผมหรอกครับ เพราะผมเป็นคน ไม่ซื้อหวย แต่ถ้าฝันก็กระซิบคนข้างตัวบ้าง ก็แค่นั้นแหละ

บายดีนะครับ ภูเก็ตฝนฟ้าเริ่มตั้งเค้ามาบ้างแล้วล่ะ แต่ว่าอากาศก็ยังคงร้อนอยู่ทุกวัน


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:21:35:38 น.  

 
อ่านย้อนหลังค่ะ
อยากหัดเขียนนิยายบ้างจัง
แต่ไม่มีจินตนาการเลย
ฝึกเบื้องต้นอย่างไรคะ


โดย: kimmy (kimmybangkok ) วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:13:05:15 น.  

 
หายตัวไปเกิดใหม่หรอเปล่า อ่านต่อๆ


โดย: มาโซคิส วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:15:46:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Psycho man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add Psycho man's blog to your web]