<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
25 กุมภาพันธ์ 2553

สอบนรก






“เธอทุจริตการสอบ !”

ประโยคนั้นกึกก้องในความรู้สึกของเด็กหนุ่มจนประสาทแทบปะทุ โลกทั้งโลกเหมือนถล่มครืน สมองลั่นเปรี๊ยะจนชาค้างไปชั่วขณะ
เขาระวังสุดขีดแล้วในการค่อย ๆ แอบแกะกระดาษห่อเล็ก ๆ ซึ่งบรรจุข้อมูลพื้นฐานล้ำค่าในการสอบออกมาจากกระเป๋าเสื้อ โดยแน่ใจว่าคนคุมสอบไม่ได้อยู่บริเวณวิกฤติ แต่จู่ ๆ กรรมการคุมสอบก็โผล่พรวดมาข้างหน้าราวฝันร้ายหน้าตาท่าทางน่าจะเป็นผู้คุมประหารนักโทษมากกว่า สีหน้าโหดดิบเถื่อนและเลือดเย็น รอยยิ้มนั่นก็เต็มไปด้วยความสะใจเย้ยหยัน

“เธอต้องถูกลงโทษ”

น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเฉียบขาดจนขนลุกเกรียว และวินาทีต่อมา เสียงอะไรบางอย่างกระหึ่มกึกก้องไปทั่วห้องสอบ เด็กหนุ่มหันไปมอง แต่ก็ต้องตัวเย็นเฉียบปากอ้าตาค้างด้วยความตกใจสุดขีด กรรมการคุมสอบจอมโหดกำลังเดินตรงมาในถือเลื่อยไฟฟ้าคำรามอย่างน่ากลัว ก่อนจะกดคมเลื่อยลงบนมือขวาของนักลอกข้อสอบซึ่งวางค้างคาอยู่บนโต๊ะแบบไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจ

“โอ๊ย......!!!!!”
เขาร้องสุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีดมากกว่าความเจ็บปวด มองดูมือตัวเองซึ่งยังคงกำปากกาแน่นกระเด็นหลุดลงไปกลิ้งกระตุกพลิกสะบัดตะกุยตะกายพลิกคว่ำพลิกหงายไปมาบนพื้นอย่างปราศจากการควบคุม เลือดสีแดงฉีดออกมาราวท่อประปาแตก เลื่อยไฟฟ้ายังผ่าโต๊ะออกเป็นเสี่ยง กระดาษข้อสอบถูกผ่าแยกออกเป็นสองซีก เขาใช้มือข้างที่ขาดไขว่คว้ากระดาษข้อสอบซึ่งหมุนคว้างออกไปตามสัญชาตญาณหวงแหน โดยลืมไปว่ามือwfhขาดไปแล้ว นั่นทำให้เลือดยิ่งสาดกระจายไปทั่วห้องราวกับรดน้ำสนามหญ้าด้วยสายยางส่ายไปมา เสียงหวีดร้องระงมไปทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน

อะไรบางอย่างหนัก ๆ กระแทกลงบนศีรษะ เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก
“หลับในห้องสอบได้ยังไง”

เสียงหัวเราะคิกคักดังพอได้ยิน เด็กหนุ่มเงยหน้ามองซ้ายขวาอย่างไม่แน่ใจและสับสนครู่หนึ่ง ก่อนสติจะค่อยพลิกฟื้นมาสู่ปัจจุบันและความจริง มองดูมือข้างขวาก็ไม่ได้ขาดไปไหน มันเป็นเพียงฝันร้าย ...ฝันร้ายกาจที่สุดในช่วงระหว่างการเผลอหลับในห้องสอบ แถมโดนมะเหงกกรรมการคุมสอบอีกต่างหาก

จับดูข้อมือขวาเพื่อให้แน่ใจ มันยังอยู่ปกติครบถ้วน แต่กลับรู้สึกเจ็บลึกๆ ราวกับเพิ่งผ่านการถูกตัดมาไม่นานนี่เอง ให้ตายเถอะ....ถ้าเมื่อคืนไม่ดูหนังสือดึกไปหน่อยคงไม่เผลอหลับไปแบบนี้ ก้มลงมองกระดาษห่อเล็ก ๆ ในกระเป๋าเสื้อ มันยังอยู่อย่างสงบเรียบร้อยไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน หันไปมองคนคุมสอบ ซึ่งตอนนี้ถอยไปอยู่หลังห้องพลางกวาดสายไปดุดันเข้มงวดเอาจริงไปมา สมกับเป็นยอดนักคุมสอบ ในมือไม่ได้มีเลื่อยไฟฟ้า หน้าตาก็ไม่ได้เหมือน เลทเธอร์เฟซ ฆาตกรโรคจิตแห่งหนังสยองขวัญแขนขาไม่ครบ Texas Chainsaw Massacre แต่ประการใด

นี่คงเป็นเพราะหลายวันก่อน เขาดูหนังคลายเครียดกับหนังไล่ล่าคนด้วยเลื่อยไฟฟ้า หลังการดูหนังสือและวางแผนทุจริตการสอบมาจนสมองล้า การทุจริตการสอบเป็นสิ่งซึ่งขาดเสียมิได้ มันน่าตื่นเต้นเร้าใจไม่ต่างจากการไล่หั่นเนื้อคนในหนังสยองขวัญมากนัก

เขาคือมืออาชีพในการทุจริตการสอบอย่างแท้จริง ไต่เต้าสะสมประสบการณ์มาตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆและไม่เคยถูกจับได้แม้แต่ครั้งเดียว ผลการสอบอยู่อันดับต้นๆเสมอและน่าภาคภูมิใจ ท่ามกลางความเจ็บปวดขมขื่นของเด็กหัวดีหลายคนซึ่งตั้งหน้าตั้งตาดูตำราอย่างเดียว สุดท้ายก็พ่ายแพ้ฝีมือของเขาอย่างน่าสงสาร

เจ้าแว่น เด็กดีประจำห้องผู้เคยสอบได้ที่หนึ่งมาตลอด เขายังเคยเขี่ยลงไปอยู่อันดับสองมาแล้ว เจ้าแว่นเป็นเด็กฉลาดและหัวดี แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้กับคนผู้มีข้อมูลอยู่รอบตัวอย่างเขาด้วยคะแนนฉิวเฉียดน่าคลั่งใจ

“ฉันรู้ว่าแกโกงข้อสอบ”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเจ้าแว่น ความเป็นเพื่อนขาดหายลงตั้งแต่วันนั้น

แต่ก็ดีแล้ว เพราะหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครมาทำให้เขากดดันในการสอบอีก คนอื่น ๆ ล้วนไม่คู่ควรมาต่อกร จนกระทั่งจบมัธยมปลายและก้าวสู่เวทีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้

มองเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ก่อนบรรจงใช้นิ้วคีบกระดาษในกระเป๋าออกมาอย่าระมัดระวัง ความจริงแล้วเขามีกระดาษแบบนี้อยู่รอบตัว ซ่อนท่ามกลางเส้นผม ในแขนเสื้อ ขากางเกง ในเข็มขัด ในปกเสื้อ ในรองเท้า ในปากกา ยางลบ ล้วนมีข้อมูลบรรจุทุกรายวิชาอยู่แทบทั้งนั้น ยิ้มในใจ... เพราะกระดาษแผ่นนี้มีสมการทางฟิสิกส์ซับซ้อนมากมายเขียนด้วยภาษาของเขาเองเป็นการกันเหนียวเผื่อถูกจับได้ เพียงแต่ได้ดูสักนิดก็เป็นแนวทางทำข้อสอบได้หลายข้อ ค่อยคลี่ออกมาอย่างซ่อนเร้นและระมัดระวังโดยปราศจากอาการส่อพิรุธ แค่ชำเลืองลงไปก็พอมองเห็นรหัสลับพวกนั้น

ฉันรู้ว่าแกโกงข้อสอบ !
นั่นเป็นข้อความที่เขามองเห็นในกระดาษ มันชัดเจนกว่าการชำเลืองมองทุกครั้ง

“เฮ้ย.....!!!”
เขาลืมตัวร้องเสียงลั่นออกมาโดยไม่ตั้งใจ นี่มันบ้าอะไร ใครมาเปลี่ยนกระดาษแผ่นนี้ นักเรียนคนอื่นหันมามองด้วยความสงสัย กรรมการคุมสอบซึ่งปรี่เข้ามาประชิดติดตัวทันที

“โวยวายอะไร”
กรรมการคุมสอบถามด้วยเสียงเกือบตะคอก พร้อมกับเอื้อมมือมากระชากกระดาษในมือของเด็กหนุ่มออกไป เขาใจหายวาบ นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกจับได้ วินาทีนั้นเขาตะหนักถึงความหวาดกลัวชนิดหนึ่งซึ่งทะลักขึ้นมาในความรู้สึกอย่างรวดเร็ว ความหวาดกลัวอันเกิดจากความอับอายขายหน้า ความเสียชื่อเสียงและการถูกหยามหมิ่น ผลงานซึ่งทำมาดี ๆ ตั้งแต่เด็กจะมาพังครืนล่มสลายในวันนี้เอง เหงื่อเริ่มไหลจนชุ่มโชกไปทั้งใบหน้าและแผ่นหลังราวกับนักโทษกำลังจะถูกลากตัวไปลานประหาร

“จะบ้าเหรอ....”
เสียงกรรมการคุมสอบซึ่งตอนนี้แทบไม่ต่างจากผู้คุมนักโทษในความรู้สึกของเด็กหนุ่มเหมือนแว่วมาแต่ไกล จากสุดขอบนรก

“นี่มันกระดาษเปล่า....ถือมันขึ้นมาทำไม...คิดจะทำอะไร”
สมองของเด็กหนุ่มลั่นเปรี๊ยะขึ้นมาอีกแล้ว กระดาษเปล่า...เป็นไปได้อย่างไร ก็เมื่อครู่เขามองเห็นข้อความประหลาดนั่นเต็มตาเต็มความรู้สึก จะว่าคนคุมสอบล้อเล่นก็ไม่มีทางเป็นไปได้ หน้าตาท่าทางแบบนั้นไม่มีทางล้อเล่นเด็ดขาด

“เปล่าครับ...”
พอได้สติก็รีบฝืน ยิ้มปฏิเสธภาระความรับผิดชอบทั้งหมดทั้งปวงอย่างรวดเร็ว ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไว้ก่อนเป็นดีที่สุดในตอนนี้
“ถ้าไม่มีอะไรก็นั่งสอบต่อไปดี ๆ”

กรรมการคุมสอบเน้นเสียงอย่างกำชับก่อนจะก้มหน้าลงมาบอกข้างหูด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบเอาจริงเอาจังจนน่าขนลุกว่า
“แต่อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอทุจริตการสอบ ไม่งั้น......”

มันอะไรกัน...เด็กหนุ่มร้องในใจ กรรมการคุมมีสิทธิ์มาลงมะเหงกบนหัวชาวบ้านเล่นแบบนี้ มาข่มขู่คนสอบแบบนี้ด้วยเหรอ... คอยก่อนเถอะ.... ให้สอบเสร็จก่อน ฉันจะหาทางเล่นงานแก... เขาเริ่มหันมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง พอไม่มีฐานข้อมูลสำคัญเขาก็ไม่แน่ใจในการทำข้อสอบ แต่ไม่เป็นไร...ยังมีกระดาษบรรจุข้อมูลในแนวเดียวกันนี้อีกในปากกาลูกลื่น เขาหมุนด้ามปากกาออกมาอย่างแผ่วเบา แต่การกระทำยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์เพราะเขาสังเกตเห็นสาวน้อยนางหนึ่งซึ่งนั่งโต๊ะด้านข้างมีท่าทางผิดปกติ

ลางสังหรณ์อย่างคนเจนประสบการณ์ บอกว่าเธอกำลังจะทุจริตการสอบ.....

ตอนนี้กรรมการคุมสอบเดินไปหลังห้อง เป็นโอกาสอันดีในการก่อเหตุ เขาชำเลืองมองอย่างสนใจ ดูว่าเจ้าหล่อนจะซ่อนข้อมูลไว้บริเวณไหน บางทีอาจจะเป็นขาอ่อน เขากลืนน้ำลายเมื่อนึกภาพเธอค่อยถลกชายกระโปรงขึ้นเห็นช่วงขาเรียวงามขาวผ่องนวลเนียนละเอียด

แต่เขาคิดผิด

เธอพลิกหงายฝ่ามือซ้ายวางบนโต๊ะ มือขวากำคัทเตอร์ แล้วใช้ใบมีดคมกริบบรรจงกรีดเป็นทางยาวลงบนข้อมือด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉยเหมือนไม่มีความเจ็บปวด เลือดไหลทะลักเป็นสายขณะเธอค่อย ๆ ดึงกระดาษชุ่มเลือดแผ่นเล็ก ๆ ออกมาจากรอยแผลเวอะหวะอย่างน่าสยดสยอง

“เฮ้ย.......!”
เขาพรวดพราดลุกขึ้นร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ กระแทกโต๊ะล้มโครมไปข้างหน้า มันบ้าอะไรกัน ยังมีคนคิดวิธีซ่อนกระดาษข้อมูลสำคัญได้วิปริตผิดแผกแตกต่างมากไปกว่าที่เขาคิดอีก เธอคนนั้นหันมามองพลางยกมือซ้ายอาบเลือดขึ้น เอานิ้วชี้แตะริมฝีปากเป็นนัยว่าอย่าเอะอะเสียงดังไป โดยไม่สนใจกับบาดแผลตัวเองเลยสักนิด

“โวยวายอะไรอีก จะบ้าหรือไง....”

เสียงคุกคามของกรรมการคุมสอบดังเต็มรูหู ก่อนมะเหงกจะหล่นเปรี้ยงลงเต็มหัว หมอนี่มาถึงที่เกิดเหตุรวดเร็วทันใจเหลือเกิน แบบนี้น่าจะไปเป็นตำรวจมากกว่าคนคุมสอบ

“ก็.......”
เด็กหนุ่มชี้มือสั่นระริกไปทางเด็กสาวต้นเหตุ แต่คำพูดซึ่งกำลังจะหล่นออกมาก็ชะงักค้าง เด็กสาวคนนั้นนั่งหันมามองด้วยสีหน้าท่าทางประหลาดใจ ไม่มีรอยแผลหรือสีแดงฉานของเลือดเลยสักนิด ไม่มีคัทเตอร์ ไม่มีกระดาษอะไรเลย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เธอมองหน้าเขา มองหน้าคนคุมสอบ แล้วผายมือออกบอกอาการว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักนิด

กรรมการคุมสอบจอมโหดคุมสอบมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างเอาเรื่องก่อนตะคอกเสียงดังว่า

“จะบ้าหรือไง อยู่ดี ๆ ก็เอะอะโวยวาย..ถ้าประสาทกินก็กลับบ้านไปซะอย่ามาก่อกวนห้องสอบ”
คนบ้าอะไรปากจัดชะมัด เขาได้แต่คิดในใจ รีบยกมือไหว้ขอโทษแล้วจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เข้าที่เข้าทาง นั่งทำข้อสอบต่อไป แต่ตอนนี้สมาธิในการทุจริตแตกซ่านไปหมดแล้ว หนทางในการทุจริตการสอบซึ่งเคยปลอดโปร่งโล่งใจมาตลอดตอนนี้เริ่มมีปัญหา เป้าหมายในชีวิตที่เคยวาดเอาไว้สวยงามว่าจะต้องทุจริตการสอบไปจนถึงตำแหน่งใหญ่โตในอนาคตเริ่มไม่ราบรื่นเสียแล้ว หรือนี่จะเป็นอาการสติแตกเบื้องต้น ไม่มีทาง...เขาคำรามในใจ เขาไม่มีวันบ้าก่อนวัยเกินใจฝัน....เขาไม่ต้องการถูกส่งเข้าโรงพยาบาลโรคจิตก่อนวัยอันควร!

แต่สิ่งแปลก ประหลาดชวนขนลุกในวันนี้มันคืออะไรกันแน่ เริ่มต้นจากข้อความประหลาดในกระดาษ และภาพสาวน้อยอาบเลือดเมื่อครู่ มันต้องมีคำอธิบายในเรื่องนี้ มองปากกาอย่างไม่แน่ใจ มันถูกหมุนออกมาจนจะออกมาหลุดแล้ว กระดาษแผ่นเล็ก ๆ บรรจุข้อมูลสำคัญม้วนอยู่ในนั้น แค่ดึงออกมาอ่านเท่านั้น แต่ทำไมใจคอมันถึงสั่นโดยไม่มีเหตุผล

กรรมการคุมสอบเดินไปหลังห้องอีกแล้ว...เขารู้ว่ามันเป็นเพียงกลลวงให้คนเข้าสอบตายใจ ทันทีที่สัมผัสถึงการทุจริตการสอบ เขาจะกระโจนเข้าหาเป้าหมายทันทีราวเสือร้ายตะครุบเหยื่อ แต่จอมทุจริตอย่างเขาไม่เคยหวั่น เด็กหนุ่มดึงกระดาษออกมาอย่างระวังตัวสุดขีด แล้วคลี่ออกมาอ่านด้วยใจเต้นระทึก

ฉันรู้ว่าแกโกงข้อสอบ!
ข้อความนรกนั่นปรากฏอีกแล้ว อักษรเหล่านั้นเหมือนขยายใหญ่ขึ้นเป็นขุนเขาถาโถมเข้ากระหน่ำถล่มทะลายในความรู้สึกจนใจหายวูบกดทับหนักอึ้งราวร่วงหล่นลงก้นเหวลึกไม่มีที่สิ้นสุด กระดาษแผ่นนี้เขาบรรจุลงปากกากับมือ ไม่มีใครรู้เด็ดขาด แต่ข้อความมันเปลี่ยนไปได้อย่างไร จะว่ามีคนมาแอบเปลี่ยนก็ไม่น่าเป็นไปได้ มันเป็นฝีมือของมนุษย์ เทวดา หรือหมาตนใดกันแน่ !

อยากจะตะโกนออกมาให้ลั่นโลกจะได้ระบายความอัดอั้นตันใจ แต่กรรมการคุมสอบจอมโหดคงไม่ไว้หน้า จึงได้แต่ชำเลืองมองไปมาอย่างว้าวุ่นใจ อนาคตสดใสแห่งการทุจริตจะดับวูบลงวันนี้หรืออย่างไร

อีกข้างหนึ่งของเขาเป็นเด็กหนุ่มซึ่งก้มหน้าทำข้อสอบอย่างเอาเป็นเอาตายไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แบบนี้คงตั้งหน้าตั้งตาดูหนังสือเหน็ดเหนื่อยทั้งปีทั้งชาติอย่างน่าเวทนา เขาเย้ยหยันในใจ....มันช่างน่าสงสารจริง ๆ คนพวกนี้

แต่หมอนั่นดูคุ้นตาชอบกล …เขาเริ่มรู้สึกอย่างนั้น เหมือนเคยเห็นกันมากันที่ไหนสักแห่งซึ่งนึกไม่ออก
เด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนรู้ตัวว่าถูกมองแบบผิดปกติ เขาหันมามองแวบหนึ่ง
นั่นมันถึงกับทำให้เด็กหนุ่มจอมทุจริตถึงกับตะลึงนั่งตัวแข็งขนลุกเกรียว สีหน้าท่าทางแววตาแบบนั้นเขานึกออกแล้ว นี่มันเจ้าแว่น เพื่อนสมัยมัธยมต้น ถึงจะโตขึ้นกว่าวัยเด็กมาก เขาก็จำได้ดี เพราะเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาพักหนึ่ง เจ้าแว่นคนซึ่งเขาเคยเอาชนะมาได้ ทำลายความมั่นใจในที่หนึ่งของการสอบมาตลอดจนหมดสิ้น

เจ้าแว่นผู้พ่ายแพ้จนต้องกินยาตายในเวลาต่อมา ! แกตายไปแล้ว.... ด้วยสาเหตุอันน้อยนิดและไม่สมเหตุผล แค่สอบแพ้เท่านั้น !

เจ้าแว่นหันมามองอีกพลางแสยะยิ้มให้อย่างคนคุ้นเคย ก่อนก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบต่อไป มันจะบ้ากันใหญ่แล้ว เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองประสาทสัย ถ้าลุกขึ้นโวยวายจะมีใครเชื่อว่าคนตายไปแล้วจะมานั่งทำข้อสอบแข่งอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ ใครจะไปเชื่อ ! ความตกใจ หวาดกลัว ไม่เข้าใจ และสับสนปนเปกันไปหมด เขาน่าจะลุกขึ้นแหกปากโวยวายแต่นั่นหมายถึงอาการสติแตกจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ใจสั่นตัวสั่นเหมือนคนจับไข้ พยายามสุดแสนในการประคองสติ ไม่ใช่....ไม่ใช่.... เด็กหนุ่มคร่ำครวญในใจ มันเป็นไปไม่ได้ บางทีอาจเป็นฝาแฝด หรือไม่ก็แค่คนมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน มันเป็นความบังเอิญเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสเป็นไปได้น้อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้เอาเสียเลย มันต้องเป็นแบบนี้แน่นอน

แต่ความหวังน้อยนิดที่เพิ่งก่อตัวขึ้นมาก็ดับวูบลงเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูแผ่วเบาพอได้ยิน
“ตัวแสบ.....ไม่ได้เจอกันหลายปีเลยนะเพื่อน....”

ผวาแทบตกโต๊ะ ..!.ชัดเลย.....มีแต่ไอ้เจ้าแว่นคนนี้เท่านั้นชอบเรียกเขาว่า “ตัวแสบ” อันเนื่องมาจากวีรกรรมเชิงลบในสมัยเด็ก หันไปมองอย่างไม่ตั้งใจก็เห็นสีหน้าท่าทางสงบราบเรียบแต่แฝงไปด้วยการเย้ยหยันอยู่ในที

“แกตายไปแล้ว....”
เสียงของเขาแหบพร่าจนแทบจำเสียงตนเองไม่ได้ ประสาทและความรู้สึกมึนชาไปหมด มันต้องเป็นฝันร้าย...สมองเริ่มหาทางออกให้กับสถานการณ์วิปริตผิดปกติ นี่มันแค่ความฝัน เดี๋ยวเราก็จะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ากำลังอยู่ในห้องนอน …ถ้าเป็นความฝันทำไมมันชัดเจนและตื่นยากขนาดนี้

“ตายแล้วเป็นไงล่ะ”
เสียงของเจ้าแว่นย้อนถามเหมือนแว่วมาจากไกลแสนไกล
“แกต้องการอะไร”
“ก็แค่มาสอบแข่งกับแกอีกที ตัวแสบ ดูสิว่าวันนี้แกจะโกงข้อสอบได้อีกไหม”

เด็กหนุ่มรู้สึกว่าสติของตัวเองกำลังจะขาดผึงลงไม่ช้าไม่นานนี้ เขาเอามือกุมหัว พยายามไม่หันไปมองร่างคนซึ่งตายไปแล้วและมานั่งสอบข้าง ๆ ไอ้แว่นคนนี้เป็นคนเดียวที่รู้ความลับในการโกงข้อสอบของเขา เพราะการสอบครั้งสุดท้ายของมัน เจ้าแว่นก็บังเอิญมานั่งข้าง ๆ เขาเหมือนวันนี้ไม่มีผิด มันเห็นเขาหยิบกระดาษข้อมูลมาดู แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่มองด้วยสายคาผิดหวังเย็นชา บางทีความเป็นเพื่อนทำไห้มันไม่โวยวายอะไรออกมา

หันไปมองคนคุมสอบตอนนี้ยืนนิ่งอยู่หลังห้อง ไอ้บ้านั่นแทนที่จะมาเกรี้ยวกราดโวยวายตามแบบฉบับ กลับยืนนิ่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทำไมไม่มาดูว่าตอนนี้มีคนตายไปแล้วมานั่งสอบอยู่ในห้อง ...แบบนี้มันบ้าเกินไป หันมองอีกครั้งให้แน่ใจ ทำไมมันยืนนิ่งแบบนั้น สายตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่าเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจ หรือจะว่าไปก็เหมือนใบหน้าของคนยืนตายตาไม่หลับ ความรู้สึกแบบนั้นทำให้ขนลุกเกรียวโดยไม่มีเหตุผล ร่างแข็งทื่อแบบนั้นควรจะนอนอยู่ในโลงศพท่ามกลางกลิ่นธูปควันเทียนมากกว่า

บรรยากาศในห้องตอนนี้ดูหม่นมัวหนักอึ้ง เวลาผ่านไปเท่าไรแล้วก็ยากจะเดา เหลือเวลานรกในห้องสอบนี่เท่าไรกัน เขายกข้อมือขึ้นมาดูเวลาจากนาฬิกา ปรากฏว่ามันนิ่งตายสนิท หันไปดูนาฬิกาแขวนผนังห้องด้านหน้า เข็มนาฬิกานั่นก็หยุดนิ่ง อากาศในห้องเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับ อากาศ แต่เด็กหนุ่มกับรู้สึกว่าใบหน้าและแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ มองคนด้านข้างด้วยหางตา เจ้าแว่นตอนนี้นั่งทำข้อสอบอย่างตกตกตั้งใจ แต่เหมือนรู้ว่าเขากำลังชำเลืองมอง มันก็หันมาแสยะยิ้มด้วยความเป็นมิตรซึ่งไม่มีความเป็นมิตรเอาเสียเลย

เขารีบหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เด็กสาวคนนั่งอีกข้าง เหมือนไม่รับรู้ความผิดปรกติอะไรในห้อง เธอคงนั่งทำข้อสอบเงียบ ๆ และเงียบจนน่ากลัว หรือเธอนั่งหลับไปแล้ว เขาเริ่มมองอย่างสังเกต ทำไมนั่งตัวแข็งทื่อแบบนั้น ! คนธรรมดาไม่น่าจะนั่งตัวแข็งเป็นหุ่นปั้นขนาดนี้ มันผิดปกติ เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าความไม่ชอบมาพากลมันทวีมากขึ้นทุกที มองจากด้านข้างเห็นแค่เสี้ยวใบหน้าซึ่งมีผมปรกประระหน้าซึ่งไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด

ขณะกำลังมองด้วยความสับสนปนหวาดกลัว เธอก็สะบัดศีรษะหันมามองอย่างรวดเร็วเหมือนตุ๊กตาถูกคนจับหัวบิดหมุนมามองชะงักค้างแน่นิ่ง มองเห็นใบหน้าขาวซีดเป็นซากศพ นัยน์ตาดำกลอกกลับขึ้นด้านบนเห็นแต่ตาขาว เด็กชายนั่งตัวแข็งความหวาดกลัวตกใจทะลักล้นขึ้นมาจนตัวแข็งทื่อกลายเป็นหุ่นปั้นไปชั่วขณะ และแล้วริมฝีปากแข็งค้างของเธอก็ขยับไหว พูดออกมาอย่างช้า ๆ ทีละคำ

“ฉัน รู้ ว่า แก โกง ข้อ สอบ..!!”
ทุกพยางค์ที่พูด ริมฝีปากบิดเบี้ยวปริแตกหักออกเหมือนรูปปั้นพยายามพูด เพียงแต่สิ่งร่วงหล่นลงเป็นเศษชิ้นเนื้อแข็งชุ่มเลือด ผิวใบหน้าก็แตกปริลงบนพื้นเหมือนปูนพลาสเตอร์ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อใบหน้าสีแดงอาบเลือดก่อนศีรษะของเธอจะบิดหมุนอย่างรุนแรงอีกครั้ง จนหลุดกระเด็นหมุนลอยขึ้นไปในอากาศ พร้อมกับเลือดพุ่งออกมาเป็นน้ำพุ

“โอ๊ย....ไม่ไหวแล้วโว้ย.....!!!”
เขาผวาออกมาโต๊ะ หลบศีรษะสยองขวัญซึ่งหมุนคว้างทำท่าจะหล่นลงมาใส่ เสียหลักล้มลงกับพื้น ดีว่ามีมือใครบางคนคว้าแขนเอาไว้อย่างหวุดหวิดเจ้าแว่นนั่นเองเป็นคนคว้าเขาเอาไว้ มันก้มหน้าลงมามองพลางเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกว่าให้เงียบ ๆ ก่อนบอกด้วยเสียงเย็นเฉียบพอๆ กับมือของมัน

“อย่าส่งเสียงดังในห้องสอบ มันรบกวนคนอื่น”
ถ้าไม่เพราะแขนของเจ้าแว่นมันเปราะบางเกินไป ก็เป็นเพราะเขาหนักมากเกินไป แขนของเจ้าแว่นหลุดขาดออกมาจากลำตัวเหมือนท่อนไม้ผุพัง จับติดต้นแขนของเด็กหนุ่มมาด้วย สีแดงฉานของเลือดสาดเข้ามาเต็มหน้าจนแดงฉานไปหมดทั้งโลก ไม่เห็นอะไรอีกนอกจากสีแดงและกลิ่นคาวเลือด สิ่งสุดท้ายที่กระแทกผ่านม่านเลือดมาปรากฏให้เห็นเต็มหน้าคือใบหน้าสยดสยองของเด็กผู้หญิงคนนั้นซึ่งหล่นลงมาพอดี โลกถล่มครืนแผ่นดินหมุนคว้างความรู้สึกแตกปะทุสะท้านสะเทือนเกินอัตราแห่งความทานทน

เขานั่งอยู่ในห้องสอบ

ความรู้สึกพลิกฟื้นขึ้นมาทีละน้อยบอกว่าเขากำลังนั่งอยู่ในห้องสอบ ใช่แล้ว.... เขาเริ่มจำได้ เขากำลังสอบอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจและคงเผลอหลับไป จนจมปลักอยู่กับความฝันนรกร้ายนั้น เด็กหนุ่มถอนใจอย่างโล่งอก มันก็แค่ความฝัน ฝันร้ายทำเอาเหงื่อไหลชุ่มโชก แต่ยังไงตอนนี้ก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริงอันอบอุ่นแล้ว มองดูเวลาจากนาฬิกาแขวนผนัง เข็มของมันหยุดนิ่ง เอาเข้าไป..ทำไมต้องมาพ้องกับความฝันนรกแตกนั่นขนาดนั้น

“อาจารย์ครับ....”
ใครคนหนึ่งร้องเสียงดังในห้อง เขาหันไปมองต้นเสียง ประสาทซึ่งเพิ่งฟื้นตัวก็ลั่นครืนลงนรกอีกครั้ง ไอ้แว่นนั่นเอง มันยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน แถมตอนนี้ลุกขึ้นชี้หน้าชี้ตาเขาด้วยสีหน้าท่าทางเอาเป็นเอาตาย

“ไอ้หมอนี่มันโกงข้อสอบครับ”
โกงข้อสอบบ้าอะไร ยังไม่ทันทำอะไรเลย แต่วินาทีต่อมาเขาก็ปากอ้าตาค้างเมื่อพบว่าตนเองกำลังถือกระดาษแผ่นสำคัญอยู่ในมือ กระดาษซึ่งจะชี้นำไปสู่ชัยชนะและผู้นำแห่งการโกงข้อสอบ

เขาหยิบออกมาตั้งแต่ตอนไหน !
เงาทะมึนของกรรมการคุมสอบถาโถมเข้ามาทันที ใบหน้าดุดันน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนเอาหนังหน้ามนุษย์มาตัดแปะปุปะเอาไว้โผล่พรวดเข้ามาเต็มหน้า รอยยิ้มสยองนั่นยิ่งกว่าฝันร้าย หลักฐานตอนนี้ปรากฏชัดเจนเหลือเกิน

“ฉันบอกแล้วว่าอย่าโกงข้อสอบ!”
เสียงคำรามของเลื่อยไฟฟ้ากระหึ่มกึกก้อง ใบเลื่อยหมุนจี๋วับวาวอยู่เบื้องหน้า ดูไปเหมือนมีชีวิตและเป็นสิ่งมีชีวิตกระหายเลือดเนื้อ เด็กหนุ่มจอมทุจริตผวาจากโต๊ะด้วยท่าทางคนสติแตก สิ่งเดียวซึ่งเหลือในความคิดตอนนี้คือต้องหนีไปให้พ้นจากห้องสอบนรก ความเป็นผู้นำแห่งการโกงข้อสอบไม่ต้องคิดต้องฝันแล้ว

มือของบรรดาคนนั่งสอบแถวนั้นไขว่คว้าปิดทางหนีพร้อมกับเสียงแหบโหยระงม คนพวกนี้เป็นคนตายทั้งนั้น มือของพวกมันเย็นเฉียบแข็งกระด้าง

“จะไปไหน มานั่งโกงข้อสอบด้วยกันก่อนสิ”
เด็กหนุ่มน้ำตาไหลพรากด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัวสุดขีด เขาไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย แค่โกงข้อสอบเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรผิดมากไปกว่านี้ ทีไอ้พวกโกงบ้านโกงเมืองทำไมยังคงอยู่ได้อย่างบรมสุข พวกนั้นควรจะถูกลงโทษมากกว่าเขาไม่ใช่หรือ เขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการเขี่ยเด็กเรียนดีแต่ไม่รู้จักโกงข้อสอบ ออกไปนอกเส้นทางชีวิตอย่างควรจะเป็นไปเท่านั้น ถึงเขาจะโกงไปจนได้เป็นรัฐมนตรีมันก็ไม่แปลกอะไรมากมาย

อาการคร่ำครวญปริเวทนาการของเขาไร้ผล มือมรณะเหนี่ยวรั้งเขาไว้ในผืนม่านดำมืดแห่งความตาย

+++++++++++++++

หลังจากการพูดคุยสอบถามกับอาจารย์คุมสอบพักหนึ่ง นายตำรวจหนุ่มก็แน่ใจว่าคดีนี้จะปิดลงได้ไม่ยากนักและไม่มีอะไรซับซ้อน มันก็แค่เป็นการหัวใจวายตายในขณะทำการสอบของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมสีใบหน้าของศพถึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแบบเขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน มันแสดงความหวาดกลัวเต็มที่เท่าที่ใบหน้าของคน ๆ หนึ่งพึงจะกระทำได้ นึกแล้วทำเอาขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

ในขณะร่างของเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายถูกนำออกไปจากห้องสอบ กระดาษแผ่นเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งหลุดร่วงออกมาจากเปลหามศพ นายตำรวจหนุ่มก้มลงหยิบขึ้นมาดูตามวิสัยของตำรวจซึ่งมีสัญชาติญาณพิเศษในการสอบสวน

ข้อความในกระดาษไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย
“ฉันรู้ว่าแกโกงข้อสอบ”
นายตำรวจหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่พอนึกไปนึกมาก็เดาว่าคงเป็นการล้อการเล่นของพวกนักเรียนพวกนี้มากกว่า เขายิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจและภาคภูมิใจ เพราะในชีวิตเขาไม่เคยโกงข้อสอบ

นั่นมันเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิอย่างร้ายกาจ ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น โกงข้อสอบมันเป็นฝีมือทุจริตระดับต่ำ มันต้องอย่างเขาผู้ซึ่งไม่มีวันลดตัวลงโกงข้อสอบเด็ดขาด เพราะการสอบเข้ามาเป็นนายตำรวจเขา “ใช้เส้น” บารมีนายพลของพ่อกรุยทางสู่อาชีพการงานอย่างสบาย ข้อสอบจะทำมั่วยังไงก็ได้ ไม่มีใครกล้ายุ่งกล้ารื้อฟื้น นึกแล้วเวทนาพวกไร้เส้นเข้ามาสอบแข่งแบบไร้เดียงสา ไม่มีเส้นยังบังอาจมาสอบแข่ง หน้าไม่อายบ้างเลย ไม่ต้องโกงข้อสอบ “แต่เส้นใหญ่จนได้งาน” แบบนี้มันจึงดู สง่างามภาคภูมิใจ มีเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างยิ่งต่อวงค์ตระกูล

พ่อเป็นนายพล แบบนี้เราก็ว่าที่นายพลเห็น ๆ
เขารู้สึกว่ามีใครกำลังมองมาจากด้านหลัง พอหันไปดูก็พบเด็กหนุ่มใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยคงแก่เรียนคนหนึ่งจ้องมองมาเงียบๆ แล้วยิ้มแปลก ๆ เหมือนมีเลศนัยบางอย่าง ก่อนเดินลับหายไปบริเวณมุมตึก คงเป็นพวกเด็กที่สนใจเหตุการณ์เท่านั้น ท่าทางแบบนั้นไม่ใช่คนจะก่อปัญหาอะไร นายตำรวจหนุ่มยักไหล่อย่างไม่สนใจ เตรียมโยนแผ่นกระดาษในมือทิ้งขยะ

แต่อะไรบางอย่างดลใจทำให้พลิกอ่านข้อความในกระดาษอีกครั้ง

ฉันรู้ว่าแกใช้เส้นในการสอบ!


…………..




Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 2 มีนาคม 2553 7:41:58 น. 8 comments
Counter : 945 Pageviews.  

 
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมที่บล็อกและให้กำลังใจค่ะ


โดย: nathanon วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:23:56 น.  

 
บทจบดีมาก กระแนะกระแหนได้เข้าไส้ สรุปแล้วเป็นเรื่องที่เนื้อหาดี หาคนซ้ำแบบได้ยาก นอกจากลงบล็อกแล้ว ไม่ลองส่งไปที่นิตยสารต่างๆดูหรือ เรื่องแบบนี้ถ้าผมเป็น บก. และตรงกับแนวของหนังสือ รับรองผมรับไว้ตีพิมพ์แน่นอน

"ฉันรู้นะว่าแกโกงชาติบ้านเมือง พรุ่งนี้ล่ะ แกจะรู้สึก 5555"


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:27:31 น.  

 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะค่ะ ชอบฝันร้ายเหมือนกันเลย


โดย: Small town girl วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:04:24 น.  

 
พลางกวาดสายไปดุดันเข้มงวดเอาจริง****มันแปร่งๆหรือเปล่าค่ะพี่

อิๆ ลุ้นให้ส่งสนพ. เหมือนที่ คุณปลายแป้นพิมบอกเลย สนุกดีออก

ปล.กลัวเฟรดดี้ประสม เจคอบ และพี่วิทิต มากค่ะ 555


โดย: ครูใหญ่ตัวจริงฮี่ๆๆๆ (Setakan ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:53:02 น.  

 


โดย: grilled chicken วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:29:41 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยือนครับ


โดย: Psycho man วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:7:47:03 น.  

 
โหดร้าย ซิกๆ


โดย: มาโซคิส วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:21:21:40 น.  

 
ชอบเรื่องนี้จังค่ะ อยากเอาไปให้เพื่อนอ่านจริงๆ ฮา...
ตกก็ตกเนอะ อย่างน้อยก็ทำด้วยตัวเอง ไปแก้เอาทีหลังแล้วกันค่ะ T T


โดย: ฆโนทัย วันที่: 14 กรกฎาคม 2556 เวลา:13:10:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Psycho man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add Psycho man's blog to your web]