ไม่ใช่รู้ตามที่เราอยากให้มันเป็นหรือไม่อยากให้มันเป็น ให้รู้ตามที่มันเป็น รู้ตามที่มันเป็น กท.นี้ ยกอานาปานสติเป็นตัวเดินเรื่อง https://pantip.com/topic/42463787 แล้วโยงศัพท์ทางธรรมศัพท์นี้ไปหาศัพท์นั้น จากศัพท์นั้นไปหาศัพท์โน้น ฯลฯ โยงไปตามที่ตนเองอยากให้มันเป็นบ้าง ไม่อยากให้มันเป็นบ้าง คือเอาที่สบายใจ อาจมีคำถามว่า แล้วมันมีปัญหาอะไรหรอ ? ตอบ. ถ้าไม่เอาศัพท์อานาปานสติมาผูกติดแล้วว่าไปตามอัธยาศัยก็ไม่สู้กระไร อ้าวแล้วทำไม ? อานาปาน (อาน+อาปาน) มันแค่ลมหายใจเข้า กับ ลมหายใจออก. พูดโยงให้ถึงกรรมฐาน อานาปาน เท่ากับกรรมฐาน คือที่ทำงานของจิต, ที่ให้จิตทำงาน โยคีใช้ลมหายใจเข้า กับ ลมหายใจออกนี่แหละฝึกจิตฝึกใจให้อยู่กับลมเข้า-ลมออกแต่ละขณะๆไป (= อานาปานสติ) และในขณะที่โยคีกำลังบริกรรมภาวนา (หรือจะเรียกอะไรแล้วแต่เอาที่สบายใจได้) ลมเข้า ลมออกอยู่นั่น สภาวะใดเกิดขึ้นกระทบความรู้สึกให้บริกรรม,ให้ว่า, ให้กำหนดรู้,ให้ปริญญา ตามนั้นคือตามที่มันเป็น เช่น รู้สึกโกรธก็ว่าโกรธ รู้สึกชอบก็ว่าชอบ รู้สึกไม่ชอบก็ว่าไม่ชอบ รู้สึกปวดก็ว่าปวด รู้สึกว่าคิดฟุ้งซ่านก็ว่าฟุ้งซ่าน เป็นต้น ไม่ใช่รู้สึกโกรธแล้วไปคิดเรื่องอโหสิกรรม เป็นต้น แบบนี้เรียกว่ารู้ตามที่เราอยากให้มันเป็น ไม่อยากให้มันเป็น (โกรธ) อาจมีคำถามอีกว่า แล้วกิเลสมันจะหมดจะสิ้นได้ยังไงละ ? ตอบ. แค่โยคีฝึกทำอย่างว่าให้จิตอยู่กับลมหายใจเข้าหายใจออกกิเลสก็ระงับแล้ว ไม่ใช่ทำไปคิดไปละนั่นละนี่เอาเองอย่างนั้น ใช้ตัวอย่างนี้เทียบ > แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟนก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือกินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย มันน่าน้อยใจนัก!! พูดถึงสมถะ วิปัสสนาด้วย ดูหลัก สติ ทำกิจสำคัญทั้งในสมถะและในวิปัสสนา หากพูดเปรียบเทียบ ระหว่างบทบาทของสติในสมถะ กับ ในวิปัสสนา ในสมถะ สติกำหนดอารมณ์ที่นิ่งอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบเฉพาะซ้ำไปซ้ำมาภายในขอบเขตจำกัด ส่วนในวิปัสสนา สติกำหนดอารมณ์ที่กำลังเคลื่อนไหว หรือเป็นไปในสภาพใดๆก็ได้ ไม่จำกัดขอบเขต ในสมถะ นิยมให้เลือกกำหนดอารมณ์บางอย่าง ในบรรดาอารมณ์ที่สรรแล้ว ซึ่งจะเป็นอุบายช่วยให้จิตใจสงบแน่วแน่ได้ง่าย ส่วนในวิปัสสนา ใช้อารมณ์ได้ทุกอย่างไม่จำกัด สุดแต่อะไรปรากฏขึ้นให้พิจารณาและอะไรก็ตามที่จะให้เห็นความจริง (สรุปลงได้ทั้งหมดใน กาย เวทนา จิต ธรรม หรือในนามและรูป) ในกรณีของสมถะ เหมือนเอาเชือกผูกลูกวัวพยศไว้กับหลัก ลูกวัวจะออกไปไหนๆ ก็ไปไม่ได้ คงวนเวียนอยู่กับหลัก ในที่สุด เมื่อหายพยศ ก็หมอบนิ่งอยู่กับหลักนั้นเอง จิตเปรียบเหมือนลูกวัวพยศ อารมณ์เหมือนหลัก สติเหมือนเชือก ส่วนในกรณีของวิปัสสนา เปรียบเหมือนเอาเชือกหรือเครื่องมือ ผูกตรึงคน สัตว์ หรือวัตถุบางอย่าง ไว้กับแท่นหรือเตียง แล้วตรวจดู หรือทำกิจอื่น เช่น ผ่าตัด เป็นต้น ได้ถนัดชัดเจน เชือกหรือเครื่องยึดคือ สติ คนสัตว์หรือวัตถุที่เกี่ยวข้องคืออารมณ์ แท่นหรือเตียงคือจิตที่เป็นสมาธิ การตรวจหรือผ่าตัดเป็นต้นคือปัญญา โยคีท่านใดพอมองออกเข้าใจ มีแววผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ฯลฯ ไม่ว่าจะใช้พุทโธ ธัมโม สังโฆ พอง-ยุบ ก็ตาม อื่นๆอีกก็ตาม | | | | |