Do you believe in destiny?

( Online ครั้งแรก 15 มค. 2006 //www.pharmacafe.com/phpbb/weblog_entry.php?e=325)

บ่อยครั้งที่เราเคยได้ยินคำถามว่าระหว่างคนที่เรารัก และคนที่รักเรา เราจะเลือกใคร

มีให้เราเลือกด้วยเหรอ นั่นคือคำถามที่ผ่านเข้ามาในหัวเรา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีสักครั้งที่เราจะเคยได้เลือก คำตอบเก๋ๆของเรา คือเลือกคนที่เรารัก และคนนั้นก็ต้องรักเราด้วย แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรารัก หรือรักเรา เกิดผ่านเข้ามาในชีวิต เราจะถือว่าสิ่งนั้นมีคุณค่ามากเพียงพอแล้ว และเราก็จะรักษาสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ไม่ว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร

พรหมลิขิต ดูเหมือนจะเป็นคำที่ห่างไกลจากชีวิตของเรามาก จนบางครั้งเรามองมันแบบเย้ยหยัน ทั้งที่ในเสี้ยวเล็กๆของใจ เรายังอยากให้เกิดขึ้นกับเราบ้าง บางคนพูดเอาไว้ว่า คนทุกคนมีชิ้นส่วนที่หายไปซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่งบนโลกใบนี้ ในขณะที่ตัวเราก็เป็นชิ้นส่วนที่หายไปของคนคนนั้น และพรหมลิขิตจะเป็นตัวชักนำให้ชิ้นส่วนทั้งสองมาประกอบกันอย่างสมบรูณ์ แต่บางครั้งพรหมลิขิตอาจเล่นตลก ไม่ยอมให้ชิ้นส่วนนั้นเจอกันง่ายๆ แม้จะแอบบอกใบ้ ทิ้งร่องรอยไว้ตามรายทาง หรือวางแผนให้ชิ้นส่วนทั้งสองนั้นสวนทางกันไปมา แต่กว่าที่ทั้งสองจะรู้ตัวว่าเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ก็อาจสายเกินไปก็ได้

เราไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เราเจอชิ้นส่วนนั้นของเราหรือยัง อาจจะยังไม่เจอ หรืออาจเจอแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว ชิ้นส่วนของเราอาจเคยตอบกระทู้เดียวกัน อาจเคยประทับใจในข้อความของกันและกัน อาจเคยเข้ามาในบล็อกนี้ และอาจกำลังอ่านข้อความตรงนี้อยู่ก็ได้ (ไม่ต้องอมยิ้มเลย) เราไม่มีวันแน่ใจหรอก ว่าชิ้นส่วนนั้นเป็นของเราจริงไหม แต่การปล่อยให้อะไรอะไร หลุดลอยออกไปโดยยังไม่ได้แม้แต่ศึกษา เป็นการเสียโอกาสอย่างมาก เพราะคงไม่บ่อยครั้งนัก ที่พรหมลิขิตจะขีดเส้นชีวิตของสองคนให้มาบรรจบกันได้

เราอยากจะบอกทุกคน (และตัวเอง)ว่า อย่ากลัว อย่าปิดโอกาสตัวเอง ถ้าอยากรู้จักกับความรัก บางครั้งถ้านั่นไม่ใช่ชิ้นส่วนความรักของเรา แต่การได้เรียนรู้ การได้อยู่ในช่วงเวลาที่รักใครสักคน หรือถูกรักโดยใครสักคน แม้จะไม่ได้ลงเอยด้วย ever after ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากพอแล้ว ก่อนหน้านี้เราปิดกั้นตัวเองมาตลอด โดยเฉพาะการกลัวจะสูญเสียอะไรบางอย่างถ้าคนคนนั้นไม่ได้คิดเหมือนเรา โดยเฉพาะมิตรภาพถ้าเราจะเอ่ยปากอะไรออกไป แต่ในสองสามวันที่ผ่านมานี้ เราพยายามทบทวนเหตุการณ์ในชีวิต และพบว่าข้อผิดพลาดสำคัญคือการไม่ยอมให้โอกาสตัวเอง ซึ่งเราจะไม่ยอมให้ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป เพราะคนที่ผ่านเข้ามา อาจเป็นคนที่เราสามารถบอกรักได้ในชีวิตจริงโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกมองเป็นตัวประหลาดก็ได้


####หนังที่เกี่ยวกับ Destiny ####

กุมภาพันธ์ (B)
หญิงสาวที่กำลังจะตายในเดือนกุมภาพันธ์เดินทางไปนิวยอร์คเพื่อขอโทษเพื่อนสนิท แต่อุบัติเหตุทำให้ความทรงจำเก่าๆเธอหายไป และความทรงจำครั้งใหม่กับผู้ชายไร้รากที่เกิดเป็นความรัก โดยเธอไม่รู้ตัวเลยว่านั่นคือเดือนสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่กับเขา
นี่คือที่มาของประโยค Do you believe in destiny? แต่การพยายามหักมุม และความไม่สมเหตุสมผล ทำให้หนังเรื่องนี้ไปได้ไม่ถึงที่สุด

Sleepless in Seattle (A)
หนุ่มหม้ายที่ยังเสียใจกับการตายของภรรยา และหญิงสาวที่อาจดูสมบูรณ์แบบ แต่เธอรู้ตัวว่าชีวิตยังขาดอะไรสักอย่าง ทั้งสองอยู่คนละฟากของประเทศ และคงไม่มีโอกาสมาพบกัน แต่กามเทพก็เล่นกลให้ทั้งสองหากันจนเจอ
เสน่ห์ของทอม แฮงค์ และเม็ก ไรอัน และ Chemistry ของทั้งสอง แม้จะแทบไม่ปรากฏตัวร่วมฉากกันเลย แต่คนดูก็รู้สึกว่าเขาและเธอ เกิดมาคู่กัน

Only you (B)
เฟธเชื่อมาตั้งแต่เด็กว่าเนื้อคู่ของเธอชื่อดามอน และเธอจะต้องตามหาเขาให้เจอแม้จะต้องดั้นด้นไปถึงต่างแดน และที่นั่น เธอจึงได้พบเนื้อคู่ที่แท้จริงของเธอ
มาริสา โทเมอิ และ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ มาช่วยกันหว่านเสน่ห์ใส่หนังเรื่องนี้ ฉากหลังของอิตาลี และการเดินเรื่องที่เน้นศรัทธาในพรหมลิขิต ทำให้คนที่เชื่อเรื่อง soulmate พลาดไม่ได้

The Lovers of the Arctic Circle (A+)
Otto และ Anna รู้ว่าทั้งสองเกิดมาเพื่อกันและกันตั้งแต่เด็ก ชะตาชีวิตเคยขีดเส้นให้เขาและเธอบรรจบกันมาตลอด แต่เมื่อทั้งสองแยกกัน ชะตาชีวิตกลับไม่เคยทำให้เส้นทางชีวิตของเขาและเธอมาพบกันอีกเลย แม้ทั้งสองเส้นทางนั้นจะขนาน และพาดกันไปมา
เป็นหนังเกี่ยวกับ destiny ที่ชอบที่สุด ฉากจี๊ดๆหลายฉาก เช่นแอนนานั่งสูดกลิ่นบุหรี่จากผู้ชายที่นั่งหลังเธออย่างดื่มด่ำ เพราะมันเป็นกลิ่นเดียวกับบุหรี่ที่อ็อตโต้สูบ โดยเธอไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าผู้ชายคนนั้น หรือฉากเครื่องบินสองลำบินสวนทางกัน หนังอาจหาดูยาก เพราะเป็นหนังพูดสเปน แต่ highly recommend สำหรับคนชอบหนังกลุ่มนี้

Turn Left, Turn Right (B+)
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่อยู่แสนใกล้แค่เพียงกำแพงกั้น แต่ชะตาชีวิตก็เล่นตลกให้คลาดกันไปคลาดกันมาเพียงแค่คนหนึ่งเลี้ยวซ้าย อีกคนเลี้ยวขวาเท่านั้น
ความจงใจที่มากไป ทำให้การดูหนังเรื่องนี้ช่วงต้นๆไม่ค่อยอินกับหนังเท่าไร แต่พอปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยๆจนถึงฉากสุดท้ายที่อารมณ์หนังพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ก็ทำให้เราตกหลุมรักหนังเรื่องนี้จนได้

Create Date : 06 มกราคม 2550		2 comments
Last Update : 26 มกราคม 2550 9:58:49 น.
Counter : 2001 Pageviews.
Share Tweet