|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Looper: วงจรที่ไม่สมบูรณ์
(เฉพาะผู้ที่ชมภาพยนต์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น)
การเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามกาลเวลาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆคือ การข้ามเวลาเพื่อทำให้วงจรของการข้ามเวลามาบรรจบกันเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ยังขาดหาย โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร กับการข้ามเวลาเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเหตุการณ์บางอย่างซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ถัดไป หรืออีกนัยหนึ่งคือการสร้างมิติที่แตกต่างไปจากปกติ
Looper เลือกที่จะดำเนินเรื่องในประเภทที่สอง แต่การเล่าเรื่องกลับเต็มไปด้วยการวนกลับมาที่เดิม สมกับชื่อหนัง โดยเฉพาะสองวงจรที่หนังนำเสนอ
วงจรรูปธรรม (โจแก่ VS โจหนุ่ม) การที่ทั้งสองคือคนๆเดียวกัน แต่อยู่คนละช่วงเวลา โจแก่อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ จากการที่เขารู้จักโจหนุ่มทุกอย่าง ประสบการณ์ที่โจหนุ่มเรียนรู้คือสิ่งที่เขาสัมผัสได้ แต่การที่ตกอยู่ในฐานะผู้ถูกล่า ทำให้เขาไม่สามารถใช้ความได้เปรียบนี้ให้เกิดประโยชน์ได้ เพราะประสบการณ์ที่เกิดการหักเห จากสมัยเขาที่ลงมือฆ่าอีกหนึ่งตัวตนอย่างไม่ต้องคิดอะไร กับอีก 30 ปีต่อมา ที่เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและเตรียมตัวตั้งรับ ภาระกิจหลักของโจแก่ จึงอยู่ที่การพยายามรักษาความทรงจำและประสบการณ์ของตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้หลงลืมว่าเขาข้ามเวลามาอดีตทำไม (มาจัดการ rainmaker เพื่อหยุดวงจรเสีย) ในขณะที่ภาระกิจรองคือการหลบหนีการไล่ล่า และการคอยคุ้มครองโจหนุ่ม ซึ่งบางครั้งก็เปลี่ยนเป็นคนไล่ล่าเขาให้ปลอดภัย
วงจรนามธรรม (โจ VS ซิด) หนังจงใจเน้นย้ำการซ้อนทับกันของตัวละครโจและซิด ราวกับว่าเป็นตัวละครตัวเดียวกัน มีประสบการณ์เหมือนกัน เติบโตมาเหมือนกัน (มากกว่าโจแก่กับโจหนุ่มด้วยซ้ำ) แต่แตกต่างกันที่ปลายทาง คือโจที่กลายเป็น looper และซิดที่กลายเป็น rainmaker แต่การที่ rainmaker ไม่ได้มีอิทธิพลใดๆต่อชีวิตของโจหนุ่มในปัจจุบัน ทำให้โจหนุ่มมีภาระกิจนอกเหนือจากการตามกำจัดโจแก่เพื่อให้วงจรกลับมาสมบูรณ์ คือการปกป้องซิดให้ปลอดภัยอีกด้วย
จากโครงเรื่อง ไอเดีย แนวคิดที่แข็งแรงของหนังเรื่อง Looper ดังที่กล่าวมา นี่น่าจะเป็นหนังไซไฟชั้นดีมากๆได้ แต่น่าเสียดายที่ผู้กำกับไม่เชื่อมั่นกับไอเดียหลักของตัวเอง จึงขนเอาไอเดียอีกหลากหลายมาใส่จนหนังดูสะเปะสะปะ ในขณะที่บางไอเดียก็ไม่ได้รับการสานต่อจนกลายเป็นหนังทั่วๆไปเรื่องหนึ่ง
สิ่งที่หนังใส่มาน้อยไป -บทบาทของผู้หญิงในชีวิตโจหนุ่ม (ซูซี่ และซาร่า) และโจแก่ (ซูซี่และภรรยาชาวจีน) ที่ดูเหมือนจะมีอะไร แต่หนังเล่าเพียงผ่านๆ โดยเฉพาะซูซี่ ซึ่งเป็นผู้หญิงของทั้งสองโจ - แอ็พและคิดบลู ตัวประกอบชัดๆ ทั้งที่มีอะไรให้เล่นมากกว่านี้
สิ่งที่หนังใส่มามากไป - การที่ซิดมีปมเกี่ยวกับแม่ การไม่ยอมรับซาร่าเป็นแม่ ซึ่งระดับซิดแล้ว ไม่น่าแค่ความเข้าใจผิดเฉยๆ จนคนดูคาดหวังว่าจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ จนมาถึงฉากไคล์แม็กซ์ที่อยู่ๆซิดก็เรียกแม่ อ้าว คนดูคิดไปเอง -การดำเนินชีวิตของโจหนุ่ม โดยเฉพาะการเสพติดยา (หยอดตา) ส่งผลต่อการดำเนินเรื่องอย่างไร แค่บอกว่าเกือบลงแดงตอนเจอซาร่า -พลังจิตต่างๆ นอกจากเป็นกิมมิคของหนัง แทบจะไม่มีความสำคัญกับเนื้อเรื่อง และยังทำให้เห็นชัดเจนว่าซิดเป็นเด็กไม่ธรรมดา โตไปมีปัญหาแน่ๆ เลยไม่ค่อยเอาใจช่วยโจหนุ่มปกป้องซิดเท่าไร (แค่ให้เห็นว่าซิดเป็นเด็กอัจฉริยะก็พอ) -การสร้างภาพตัวละคร rainmaker ไม่มีใครเคยเห็นหน้า ไม่รู้ประวัติ ไม่รู้เป็นใคร ทำให้คาดหวังว่าจะมีเซอร์ไพรซ์หรือการหักมุม แต่พอตัวละครซิดโผล่มา คนดูก็เดาได้แล้วว่าใครคอ rainmaker แถมเดาถูกด้วย
ฉากที่ชอบที่สุดในหนัง ฉาก 8 x 3 = 32 ซึ่งนอกเหนือจากการแสดงคาแรกเตอร์และความเกรียนของซิดแล้ว ฉากนี้ยังสะท้อนตัวตนของผู้กำกับได้ดีมากๆ จากตัวหนังดูออกว่าผู้กำกับเป็นคนมั่นใจ และรู้ว่าตัวเองมีไอเดียเจ๋งๆ แต่พอบางอย่างมันเริ่มเยอะไป แต่ก็ยังดึงดันที่จะใส่มันเข้าไปอยู่ดี จนหนังออกมาเป็นอย่างนี้
ถ้า looper ออกมาเป็นหนังแค่ 24 มันจะเป็นหนังที่ดีมากๆของปีนี้เลยครับ แต่เมื่อผู้กำกับยืนยันว่ามันต้องเป็น 32 บางคนอาจจะชอบว่ามันเยอะดี แต่ผมว่ามันเกินครับ
Create Date : 18 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 18 ตุลาคม 2555 12:30:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 4061 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|