รถชนอีกแล้วตรู .. บทเรียนสำหรับงานขาย กรณีศึกษาบริษัทวิริยะประกันภัย

หลังจากที่เปลี่ยนงานจาก EA มาเป็น AE เหนื่อยอิบหาย ... จากชีวิตอันแสนสบายกลายเป็นหินและหิน และหิน เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าชีวิต Sale จริงๆ มันลำบากขนาดนี้ เป้าและยอดขายค้ำคอเป็นที่สุด ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ไม่มีปรับลดมีแต่เพิ่มขึ้น เหนื่อยเป็นที่สุด

ตั้งแต่มาทำตำแหน่งนี้น้ำหนักลดไปตั้ง ๙ กิโลแนะ ไม่ลดไหวเหรอดูลูกค้าเป็นร้อยราย โทรมารายละ ๑ ครั้งก็แย่แล้ว แถมต้องขับรถตะลอนๆ ไปหาลูกค้าอีกแม่งเอ้ย ยังกะแท็กซี่ ไกลๆ กันทั้งนั้น ตรูดูลูกค้ากรุงเทพฯ หรือปริมณฑลวะเนี่ย

แต่ทุกอย่างต้องมีแต่ แต่สนุกตรงที่ได้ไปเจอกันลูกค้านี่แหละ การได้รู้จักคนมากกว่าหนึ่งคน มันคือกำไรชีวิต นี่ได้รู้จักเกือบร้อยคนแนะ ได้ออกมาข้างนอกมาดูมาเห็น จึงเข้าใจคำว่า "ธุรกิจ" ทุกอย่างๆ มันต่อสู้ กว่าจะได้มา และกว่าจะเป็นอย่างที่เห็น ช่วงนี้เศรษฐกิจขาลง ลูกค้าก็เหนื่อยขึ้นกว่าเดิม แต่สิ่งสำคัญ ยังไงเราก็คง Concept เดิม การสร้าง Relation เป็นสิ่งสำคัญ ทำยังไงก็ได้ให้เค้านึกถึงเราเวลาจะเรียกใช้ นั่นแหละประสบความสำเร็จแล้ว

วันนี้ไปหาลูกค้ามา นึกในใจตะหงิดๆ ว่าจะเจอไรเปล่าวะ ว่าแล้วเชียว "รถชน" อีกล่ะ อยู่ๆ ก็ไปถอยชนเค้าซะงั้น โลโก้กระเด็นเลย แหมหันซ้ายหันขวามีใครเห็นเปล่าวะ ตอนแรกคิดว่าโดนนิดเดียว จอดรถได้ลงไปดู โหบุบเลยเว้ย งานเข้าแล้วตรู

เอาไงดีวะ เดินเข้าไปถามคนในบริษัทว่าใครเป็นเจ้าของรถ (แบบว่ารถเค้าจอดเฉยๆ ถอยมาชนเค้าซะงั้น) เค้าก็บอกว่าเค้าเองนี่แหละ ก็เลยบอกว่ารถมีประกัน เดี๋ยวเรียกประกันมาเคลีย เค้าก็ไม่ว่าอะไรเราก็ขอตัวเข้าไปหาลูกค้าก่อน

สักพักประกันมาเค้าก็เดินเข้ามาโวยวายที่บริษัทลูกค้าเรา ก็เลยต้องออกไปเคลียเรื่องประกันก่อน วันนี้มันซวยจริงๆ รถเรานะไม่เป็นอะไร แต่รถเค้าอ่ะโลโก้กระเด็นเลย

เรื่องของเรื่องมันจะไม่เกิดขึ้นถ้าอีโลโก้มันหาเจอ มันซวยตรงที่อีโลโก้มันดันหาย ประกันก็ไม่ยอมเคลมเพราะไม่มีซากให้เห็น เจ้าของรถเค้าก็โวยเลย รถผมมีโลโก้แน่นอน แล้วก็หันมามองหน้าเรา เหมือนแบบเอาไปหรือเปล่า โห ใครจะเอาไปวะ เค้าก็ไม่พอใจอย่างแรงอ่ะ เพราะประกันไม่เคลมให้

งานเข้าเลยกรู เลยเดินเข้าไปร้านลูกค้าว่าแถวนี้มี CCTV ไหม ปรากฏว่าไม่มีเลย ทำไงดีวะ โลโก้ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ อีเจ้าของรถก็โวยอยู่นั่นล่ะ นึกในใจกรูหนีเลยยังได้นะเนีย อุตส่าห์เป็นคนดีมารับผิดชอบ แม่งเอ๋ยบ่นอยู่นั่นล่ะ ไอ้เราก็เดินหาโลโก้ มันอยู่ไหนฟ่ะเรื่องจะได้จบๆๆ หากันตั้งนานแทบจะมีเรื่อง โทรไปถามเฮียกอฟล์ว่าไอ้โลโก้มันราคาเท่าไหร่วะ เฮียบอกว่าสองร้อยเอง แต่ไม่ต้องจ่ายให้ประกันเคลีย ก็เลยเดินหากับพี่ประกัน

ฮามาก หากันตั้งนานมันตกอยู่ตรงกันชนหน้าแบบมันหลุดออกมาเป็นแผ่นแล้วคว่ำอยู่ ถ้าไม่พลิกแผ่นสีที่มันหลุดออกมาไม่เห็นโลโก้นะนั่น พี่ประกันเลยไปเคลีย อีตาเจ้าของรถก็ไม่พอใจ สงสารพี่ประกันชะมัด แต่ไม่เดินเข้าไปดีกว่า ตรูยิ่งอารมณ์ร้อนอยู่ด้วยเดี๋ยวมีเรื่องอีก

แต่ไม่พอใจอย่าแรง "รถผมราคาเป็นล้านนะเนี่ย ถ้าไม่รับผิดชอบโลโก้ก็ไปโรงพักกันเลย" แม่งเอ้ย อีแค่สองร้อยบาท ตอนแรกคิดว่าถ้าหาไม่เจอจ่ายให้ก็ได้ ผิดเราก็ยอมรับผิด ถ้าเราหนีก็ว่าไปอย่าง ไม่เห็นต้องขนาดนั้นเลย (คิดเข้าข้างตัวเอง อย่างว่าแหละเค้าเสียหายอ่ะนะ) อีกอย่างประเมินจากสายตาแล้ว ๓๐๐,๐๐๐ จะขายได้เปล่าเนี่ยสภาพขนาดนี้ เห็นว่าเรารถกระบะมั้ง (นึกในใจถึงกรูกระบะกรูก็ประกันชั้นหนึ่งวิริยะนะเว้ย) คิดดูว่ารถเก่าขนาดไหน สีลอกออกมาเป็นแผ่นเลยอ่ะ

วันนี้เลยเห็นความสำคัญของประกันเลย นี่ถ้าเราบอกว่ารถเราประกันชั้นสามมันคงด่าเราเละแน่ๆ ขนาดประกันดีตรูยังโดนซะ แต่จะว่าไปที่เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดนะเนี่ย คิดถูกที่เลือกประกันวิริยะ เพราะเค้ามาเร็วและจัดการให้ได้เรียบร้อย ขนาดอีเจ้าของรถโวยวายขนาดนั้น ประทับใจจริงๆ เพราะขั้นตอนเค้าดีอ่ะ โทรเข้า Call Center เสร็จก็มี SMS แจ้งชื่อและเลขทะเบียนคนที่มา สักพักก็โทรมาถามว่าเจ้าหน้าที่มาหรือยัง เออค่อยคุ้มกับจ่ายประกับเกือบสองหมื่นหน่อย

อะไรที่มองดูแล้วคุ้มค่าเราก็ยอมเสียอ่ะนะ ไม่งั้นต้องไปเสียเวลาทะเลาะกับคู่กรณีอีกวุ่นวาย แถมอู่วิริยะที่เราเคยไปเคลมก็คุณภาพดีด้วยอ่ะ เจ้าหน้าที่ประกันก็บริการดี (เคลมรอบที่สองล่ะ) เลยเห็นความสำคัญของประกันชั้นหนึ่งมันดีแบบนี้นี่เอง เตี่ยขับรถมาสี่ปีไม่เคยชน ตรูขับไม่ถึงห้าเดือนแม่งจะเคลมรอบคันอยู่แล้วเนี่ย

วันนี้ต้องขอบคุณลูกค้าน่ารักๆ มากแบบออกมาช่วยหาด้วยอ่ะ เฮียกอฟล์ก็โครตดีเป็นที่สุด ขับรถมาดูด้วยอ่ะ แต่ดันบอกซอยมันผิด นึกในใจพี่ตรูแม่งดีวะ มีเรื่องอะไรพีตรูมา ณ บัดดลเลยอ่ะ ใครได้พี่ตรูเป็นแฟนนะโครตของโคตรโชคดีเลยอ่ะ ในเรื่องเลวร้ายก็มีเรื่องประทับใจเหมือนกันแฮะ

และนี่ก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่งของงานขาย ทำยังไงนะให้ลูกค้าประทับใจในการบริการแบบพี่เจ้าหน้าที่ประกัน เพราะเราก็คือตัวแทนของบริษัท ทำยังไงให้ลูกค้ารู้สึกว่าบริษัทของเราดี ก็เหมือนคดีนี้แหละ ที่เราในฐานะลูกค้าประทับใจในการบริการของพนักงานนั่นก็หมายถึงความ Loyalty ของตราสินค้า นั่นก็คือแบรนด์บริษัทวิริยะประกันภัยนั่นเอง เพราะเกิด Loyalty นั่นคือการบอกต่อ เหมือนที่เรามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังนี่ล่ะ

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2552		2 comments
Last Update : 17 กรกฎาคม 2554 16:34:39 น.
Counter : 1247 Pageviews.
Share Tweet