สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


 
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
15 พฤศจิกายน 2555
 

KHONKAEN :: ภารกิจเที่ยวหัวใจใหม่ไปอีสาน ตอนเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง

กลับมาอีกครั้งกับภารกิจเที่ยวหัวใจใหม่ในทริปอีสานแหล่งเรียนรู้อู่อารยธรรมกับ 1081009 ภารกิจเที่ยวหัวใจใหม่ งานนี้ จขบ. ก็ได้มีโอกาสไปร่วมทริปในฐานะบล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยวค๊า .. ภารกิจรอบนี้เป็นการเที่ยวแบบแฟมิลี่ทริปฮิปๆ เมืองดอกคูนค่ะ จขบ.มีเด็กน้อยผู้ติดตามไปด้วยสองคน เอาล่ะตาม จขบ.ไปเที่ยวกันเลยค่ะ เริ่มจากวันแรกของการเดินทางทีมงานนัด จขบ. พร้อมผู้โชคดีที่แมคพัฒนาการงานนี้ไปกันตั้งแต่เช้าเลย ตามสไตล์วัยรุ่น (เหลือน้อย) จะไปตั้งแต่ตีสี่เหอะ เค้านัดตีห้าจะรีบไปไหนเนี่ย



เด็กน้อยสองคน (เตี่ยกะแม่) งานนี้เตรียมตัวกันมาอย่างดีจัดกระเป๋ากันตั้งแต่ไก่โห่ไม่ค่อยเห่อเลยเหอะ สำหรับ จขบ.นี่จะเป็นครั้งแรกเลยที่จะได้ไปเที่ยวเมืองขอนแก่น หากใครเป็นแฟนบล็อกของ จขบ. ก็จะเห็นว่าไม่ค่อยเที่ยวโซนนี่เลยดีกว่า เพราะคิดว่าโซนนี้ไกลและดูน่าจะไม่มีอะไร เอาล่ะตาม จขบ.มาดูกันว่าทริปนี้จะเป็นยังไงนะตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย วันนี้ล้อหมุนกันตั้งแต่ตีห้าเลยค่ะ จากกรุงเทพใช้ถนนเส้นวงแหวนรอบนอกออกอยุธยามุ่งหน้าสู่ถนนมิตรภาพไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเกือบแปดชั่วโมงพวกเราก็เดินทางมาถึงเมืองดอกคูนขอนแก่นเด้อค๊าเด้อแล้นนน





โปรแกรมแรกพวกเราจะแวะทานข้าวกันก่อนค่ะ ร้านแรกที่เราจะแวะทานกันนั้นมีชื่อว่า "ร้านไดโนเสาร์" แหม.. เข้ากับสถานที่โปรแกรมต่อไปของเราจังเลยค่ะ อยู่ติดกับร้านไดนาโมด้วยเหอะ เอาล่ะตาม จขบ. เข้าไปในร้านกันเลยค่ะ ดูจากพื้นที่แล้วไม่น่ามีร้านอาหารอยู่แถวนี้เลยอ่ะ ทางเข้าร้านร่มรื่นมากจนเกือบมองไม่เห็นทางเข้าร้านเลยค่ะ พอพวกเราเข้ามาในร้านเมนูอาหารก็ถูกทยอยมาแล้วววว





ต้มยำไก่บ้าน



ตำแตง



ผัดเต้าหู้อ่อน



ห่อหมกทะเล



ยำไดโนเสาร์



ปลาหมึกผัดพริก



ปลานิลลุยสวน



ซี่โครงหมูทอดงา

ต้นทริปก็จัดหนักมาเลยกับหลากหลายเมนูที่ต้องบอกว่าไม่ใช่หน้าตาดูดีอย่างเดียวนะคะ รสชาติแซ่บเวอร์ด้วยเหอะ ไม่น่าเชื่อว่าร้านเรียบๆ จะแฝงไว้ด้วยความอร่อย แต่ทั้งหมดทั้งมวลเนี่ยสำหรับคนหกคน เรื่องใหญ่พอๆ กับไดโนเสาร์เลยนะเนี่ย ทีมงานบอกเราว่ากินเยอะๆ เดี๋ยวเดินไกลเอ๊ะยังไงหว่า .. จุดหมายต่อไปที่พวกเราจะเดินทางนั่นคือ "พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง"







พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ตั้งอยู่อำเภอเวียงเก่า จ.ขอนแก่อน ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติภูเวียงสามกิโลเมตร ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย ส่วนนิทรรศการ ห้องบรรยาย ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ค ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 20 บาทและเด็ก 10 บาทค่ะ เอาล่ะพี่ไกด์ซื้อตั๋วเข้าให้พวกเราเสร็จแล้วก็เข้าไปข้างในกันเลยค่ะ







วันนี้เรามีพี่วิทยากรพาชมด้วยค่ะ ประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้มีการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกของประเทศไทยในหุบเขาภูเวียง เมื่อปี พ.ศ. 2519 ต่อมากรมทรัพยากรธรณีได้สำรวจเพิ่มพบไดโนเสาร์ 9 แหล่ง ในปี พ.ศ. 2532 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีได้เสด็จทอดพระเนตรหลุมขุดค้นกระดูกไดโนเสาร์ และในปี 2533 สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ได้เสด็จมาทอดพระเนตรเช่นกัน

พ.ศ. 2538 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการก่อสร้างอาคารคลุมหลุมขุดค้น จัดทำเส้นทางเดินเท้าระหว่างหลุมขุดและได้สร้างอาคารพิพิภัณฑ์นอกเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียง ซึ่งได้เปิดบริการตั้งแต่ปี พ.ศ 2544 เป็นต้นมา มีการจัดแสดงเรื่องราวของไดโนเสาร์ที่ขุดค้นพบและองค์ความรู้ต่างๆ ด้านธรณีวิทยา




จากทางเข้าเดินเข้ามาก็จะพบกับโซนกำเนิดไดโนเสาร์ สิ่งที่ขุดค้นพบถูกจัดแสดงไว้ในตู้พร้อมคำอธิบายที่มาพร้อมสรรพ ไดโนเสาร์มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า Dinosaur ถูกตั้งโดยเซอร์ริชาร์ด โอเวน นักบรรพชีวินวิทยาชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นการผสมคำในภาษากรีกสองคำ คือคำว่า Deinos (ใหญ่จนน่าสะพรึงกลัว) และคำว่า Sauros (สัตว์เลื้อยคลาน)

ไดโนเสาร์มีวิวัฒนาการมาจากสัตว์ในกลุ่มอาร์โคซอร์ (Archosaur) โดยไดโนเสาร์เริ่มแยกตัวออกมาจากกลุ่มอาร์โคซอร์ในยุคไทรแอสซิก ไดโนเสาร์ชนิกแรกถือกำเนิดขึ้นราวๆ 230 ล้านปีที่แล้ว สายพันธุ์ไดโนเสาร์ได้แพร่กระจายอยางรวดเร็วหลังยุดไทรแอสซิก ซึ่งในยุคนี้อาการมีสภาพร้อนและแล้งกว่าในอดีต ทำให้ต้นไม้ใหญ่น้อยในเขตร้อนสามารถเจริญเติบโตได้ดีมาก เหมาะสำหรับเป็นแหล่งอาหารให้กับพวกไดโนเสาร์กินพืช ไดโนเสาร์กลุ่มแรกมีขนาดเล็กเดินสองเท้า ลักษณะพิเศษคือ มีเท้ารูปร่างคล้ายกับเท้าของนกเพลททีโอซอรัส ไดโนเสาร์กินพืชคอยาวที่เป็นบรรพบุรุษของพวกซอโรพอต โห..ชื่อยากยังเนอะแต่ละสายพันธุ์เนี่ย






นี่เป็นกระดูกไดโนเสาร์ที่กรมทรัพยากรธรณีสำรวจพบครั้งแรกเหอะ พอที่ภูประตูตีหมาอุุทยานแห่งชาติภูเวียง ในปี พ.ศ. 2519 โดยนายสุธรรม แย้มนิยม นักธรณีวิทยาขณะสำรวจแร่ยูเรเนียม กระดูกที่พบเป็นส่วนปลายของกระดูลขาหลังท่อนบนข้างซ้ายของไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ มีอายุประมาณยุคครีเทเชียลตอนต้น (แยกออกได้ไงฟ่ะ)













หุบเขาภูเวียงแห่งนี้ถือได้ว่าค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ที่มีความหลากหลายสายพันธุ์มากที่สุด มีการสำรวจศึกษาและวิจัยพบเป็นสกุลและชนิดใหม่ของโลกดังนี้
1. ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosaurus Sirindhornae) เป็นไดโนเสาร์ซอโรพอด กินพืชเดินสี่ขา คอยาวและหางยาว จากหัวจรดปลายหางประมาณ 15-20 เมตร พบครั้งแรกที่ภูประตูตีนหมาในเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียง ชิ้นส่วนตัวอย่างต้นแบบมีจำนวน 21 ชิ้น ชื่อสกุล ภูเวียงโกซอรัส ตั้งชื่อขึ้นตามสถานที่ค้นพบคือภูเวียง ส่วนชื่อชนิด สิรินธรเน่ ได้รับพระราชทานอนุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยของสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นชื่อชนิดได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์สากลในปี พ.ศ. 2537
2. สยามโมซอรัส สุธีธรนี (Siamosaurus Suteethorni) เป็นไดโนเสาร์เทอร์โรพอด กินเนื้อ เดินด้วยสองขาหลัง สองขาหน้ามีขนาดเล็ก พบจากแหล่งเดียวกับไดโนเสาร์สกุลภูเวียงโกซอรัสโดยพบเป็นหันจำนวนเก้าซี่ มีลักษณะฟันเป็นรูปกรวยคล้ายฟันของจระเข้ โดยบนพื้นผิวของฟันมีลายเส้นนูนเล็กๆ ยาวจากส่วนโคนฟันไปเกือบถึงส่วนปลายแหลมของฟัน ชื่อชนิดตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร.วราวุธ สุธีธร ซึ่งภายหลังมีการพบหลักฐานเพิ่มเติมว่า ไดโนเสาร์ชนิดนี้มีแผงสันกระโดงบนกลางหลังด้วย
















3. สยามไมไทรันนัส อีสานเอนชิส (Siamotyranus Isanensisi) เป็นไดโนเสาร์เทอร์โรพอด กินเนื้อ เดินด้วยสองขาหลัง สองขาหน้ามีขนาดเล็ก ซึ่งพบครั้งแรกในบริเวณลานหินลาดยาว ด้านเหนือของภูประตูตีหมา พบเป็นส่วนปลายของกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพกและส่วนต้นของกระดูกหาง ซึ่งถือว่าเป็น-ไดโนเสาร์ในกลุ่มเดียวกันกับไดโนเสาร์ไทรันโนซอรัสเร็กซ์ หรือ T-Rex ที่ค้นพบในอเมริกาเหนือ

4. กินรีไมมัส ขอนแก่นเอนซิล (Kinnareemimus Khonkaenansis) เป็นไดโนเสาร์ชนิดใหม่ สกุลใหม่ของโลกตัวที่ 6 ที่พบในประเทศไทยพบที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง เป็นไดโนเสาร์นกกระจอกเทศกินพืชและสัตว์ขนาดเล็ก ลำตัวยาว 2-4 เมตร อายุประมาณ 130 ล้านปี

นอกจากนี้ยังมีการขุดพบกระดูกไดโนเสาร์อีก 1 ชนิด คือ คอมซอกนาธัส ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก มีขนาดเล็กเท่าแม่ไก่ซึ่งยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ทั้งยังมีการขุดค้นพบซากของปลา เลพิโดเทสจระเข้ โกนิโอโฟลิส ภูเวียงเอนซิส (Goniopholis Phuwiangensis) และหอยเป็นชั้นหนาแผ่กระจายตัวไปเป็นบริเวณกว้าง พื้นที่หุบเขาภูเวียงเมื่อ 130 ล้านปีมาแล้ว เคยเป็นที่ราบลุ่มมีแม่น้ำไหลผ่านเป็นที่อยู่ของไดโนเสาร์และสัตว์ร่วมสมัยหลากหลายชนิด



เอาล่ะพอรู้เรื่องพี่ไดโนเสาร์กันมาพอสมควรแล้ว ตอนนี้ จขบ. ก็เดินเข้าไปชมในห้องสวนไดโนเสาร์ ป้าด.. ตัวจะใหญ่ไปไสเนี่ย เกิดมีชีวิตจริงๆ พวกเราคงวิ่งกันตับแล่บอ่ะ ตัวเล็กยัง 2-4 เมตรเหอะ ภายในสวนไดโนเสาร์ก็จัดแสดงไดโนเสาร์ตามที่กล่าวมาแล้วครบเลยค่ะ มีวิดีทัศน์และซาวน์ได้อารมณ์เหมือนอยู่ในสวนสัตว์มากๆ แต่แค่เป็นสวนของสัตว์ตัวใหญ่ๆ แค่นั้นเอง อิอิ





เอ่อ.. ผู้ร่วมทริปเราหายไปไหนฟ่ะ หันซ้ายหันขวา ป้าด.. น้องถ่ายรูปเหมือนไดโนเสาร์อยู่ด้านหลัง คริคริ เอาซะเหมือนเลย .. พอออกจากสวนไดโนเสาร์ก็เดินตามบันไดขึ้นไปชั้นสอง ก็จะบอกเล่าเรื่องราวของยุคเทอร์เชียรี วิวิฒนาการของสัตว์หน้าตาคุ้นๆ อ่ะ









จากนั้นก็เป็นโซนของหินในประเทศไทย จัดแสดงหินชนิดต่างๆ ที่พบในประเทศไทย เดินเลยไปอีกก็เป็นโซนทรัพยากรแร่ในประเทศไทย มุมนี้ จขบ. ชอบไอเดียในการจัดแสดงอ่ะ เก๋มากๆ เหมือนเล่นเกมส์ดีอ่ะ ดูเผินๆ เหมือนเป็นตู่สำหรับตกแต่ง แต่พอเดินเข้าไปหยิบฝาแต่ละช่องออกมา ด้านในจะเห็นเป็นแร่ชนิดต่างๆ ด้านใต้ของฝาปิดจะบอกว่าแร่ชนิดนี้ใช้นำไปทำอะไรค่ะ











ต่อมาก็เป็นโซนอุปกรณ์สำรวจธรณีวิทยาและปิโตเลี่ยม และการจัดแสดงเรื่องธรณีพิบัติภัย โซนสุดท้ายจะเป็นโซนห้องเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะพระองค์ท่านนี่แหละที่ทำให้มีที่นี่ ทำให้พวกเราได้เรียบรู้ความเป็นมาของไดโนเสาร์ บอกตรงๆ จขบ.ก็เพิ่งรู้วันนี้เนี่ยแหละ ประเทศไทยมีไดโนเสาร์ด้วยอ่ะ การเดินทางมาที่นี่ทำให้ได้รู้ข้อมูลมากมายในยุคประวัติศาสตร์พี่ไดโนเสาร์หลายสายพันธุ์ที่ต้องบอกไม่น่าเชื่อว่าบ้านเราที่ร้อนตับแตกขนาดนี้ จะเคยมีพี่ไดโนเสาร์มาอาศัยอยู่ในอดีต






สำหรับภูเวียงแห่งนี้บริเวณพื้นที่เป็นหุบเขาล้อมรอบเลยอ่ะ มีแผนขุดอุโมงค์ลอดจากด้านหลังมายังพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงด้วยล่ะ ถ้าเป็นไปได้เนี่ยแจ๋วเลยจะเป็นอีกเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาก เพราะเข้าทางด้านหลังหุบเขาใกล้กับจังหวัดอื่นที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอยู่แล้ว ทางปัจจุบันการเดินทางมาที่นี่ไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน จะว่าไปที่นี่โลเกชั่นดีเนอะ มิน่าจะพี่ไดโนเสาร์ถึงมาอาศัยกันอยู่ที่นี่ ในอดีตน่าจะอุดมสมบูรณ์ไม่ใช่น้อยเลยล่ะ

หากใครสนใจเดินทางมาที่นี่มีข้อควรรู้นิดหนึ่งนะคะ ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 - 17.00 น. เปิดทำการทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ปิดทำการทุกวันจันทร์ยกเว้นวันจันทร์ที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ โทรศัพท์สอบถามได้ที่เบอร์ 043-438204 หรือ 043-438206 หรือเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dmr.go.th  ขอบคุณข้อมูลดีๆ ที่ทำให้ จขบ. มีความรู้เพิ่มขึ้นมากมายจากพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงค่ะ แต่เรื่องของ จขบ. เนี่ยยังไม่จบนะคะ ตอนหน้าจะพาเพื่อนๆ ไปดูหลุมขุดที่อุทยานแห่งชาติภูเวียงกันค่ะ



Photo and Story By
Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
Facebook : Patthanid FC




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2555
1 comments
Last Update : 8 ธันวาคม 2556 23:29:28 น.
Counter : 3062 Pageviews.

 
 
 
 
 
 

โดย: Kavanich96 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:4:03:10 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com