สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


 
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 พฤศจิกายน 2555
 

KHONKAEN :: ภารกิจเที่ยวหัวใจใหม่ไปอีสาน ตอนไปดูพี่ไดโนเสาร์ ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธร

หลังจากตอนที่แล้วพวกเราเดินทางออกจาก โรงแรมเจริญธานีขอนแก่น มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั่นก็คือ "พิพิธภัณฑ์สิรินธร" การเดินทางใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียว ไกลเหมือนกันนะเนี่ย



ก่อนอื่นเรามารู้จักประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กันก่อนนะคะ ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2521 นายวราวุธ สุธีธรและคณะจากรมทรัพยากรธรณี ได้มาพบกระดูกขนาดใหญ่จำนวน 3 ชิ้น ที่พระญาณวิสาลเถร เป็นเจ้าอาวาสวัดสักกะวันได้เก็บรักษาไว้  ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 นายวราวุธ สุธีธรและคณะได้รับแจ้งจากฝ่ายพัฒนาน้ำบาดาล 3 ว่าทางวัดสักกะวันพบซากดึกดำบรรพ์ คาดว่าเป็นกระดูกไดโนเสาร์ จากการนิมิตของพระญาณวิสาลเถร เห็นไดโนเสาร์บริเวณพื้นที่วัดสักกะวัน ประกอบกับมีการพัฒนาเส้นทางเพื่อสร้างถนนรอบวัด ทำให้เปิดเผยร่องรอยของกระดูกไดโนเสาร์ขึ้นมา จึงทำให้มีการสำรวจขึ้นมาอย่างเป็นระบบ และพบซากไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากกว่า 700 ชิ้น เป็นไดโนเสาร์กินพืชอย่างน้อย 7 ตัว ทับถมกันในบริเวณที่เคยเป็นร่องน้ำ อายุประมาณ 130 ล้านปี และใน 7 ตัวนั้น พบโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุด 1 ตัว มีเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่หายไป  นับเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่สมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่มีการขุดสำรวจซากดึกดำบรรพในประเทศไทยมา จึงมีการสร้างอาคารเพื่อครอบหลุมค้นซากไดโนเสาร์นี้ขึ้นเป็นที่แรก ปัจจุบันคือ อาคารพระญาณวิสาลเถร





หลังจากทำการศึกษาวิจัยแล้วพบว่า เป็นซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์กินพืช "ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่" และด้วยความตะหนักถึงคุณค่าของความรู้อันสืบเนื่องมาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตในยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าทางวิชาการและเป็นของหายากในปัจจุบัน กรมทรัพยากรธรณีจึงได้มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมเลียนแบบชั้นหิน เพื่อให้เหมาะสมกับการตั้งฐานของภูกุ้มข้าวขึ้น เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยทางด้านบรรพชีวินวิทยาในระดับนานาชาติ และใช้เป็นที่จัดเก็บตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ทุกชนิดของประเทศอย่างเป็นระบบในคลังตัวอย่างที่เป็นมาตรฐานสากลซึ่งแล้วเสร็จในปี พ.ศ 2549 และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทางพระนามจากพิพิธภัณฑ์ภูกุ้มข้าวมาเป็น "พิพิธภัณฑสิรินธร" เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2549 โดยได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ธันวาคม 2551  .. เอาล่ะทราบประวัติความเป็นมากันแล้ว ตามไปดูของจริงกันเลยค๊า









ค่าเข้าชมคนละ 40 บาทค่ะ พอได้ตั๋วแล้วทางเจ้าหน้าที่จะมีคู่มือในการเข้าชมให้มาหนึ่งเล่ม จะบอกความเป็นมาและโซนทั้ง 8 ภายในอาคารที่พวกเราจะเข้าไปชมการจัดนิทรรศการค่ะ โชคดีที่พวกเรามาแต่เช้า จึงเป็นกลุ่มแรกที่ได้เดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ค่ะ  โซนที่ 1 จะเป็นโซนกำเนิดโลกและจักรวาล  โซนที่ 2 โซนกำเนิดชีวิต และโซนที่ 3 โซนมหายุคพาลีโอโซอิกหรือมหายุควิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตโบราณ























และในโซนที่ 4.1 มหายุคมีโซโซอีก หรือมหายุคแห่งสัตว์เลื้อยคลานและไดโนเสาร์ ที่ค่อยๆ พัฒนาจากตัวเล็กๆ กลายเป็นตัวใหญ่ บางชนิดก็บินได้ไปเลย การจัดแสดงทำให้เห็นพัฒนาการสัตว์เลื้อยคลานและไดโนเสาร์อย่างชัดเจน เรียกว่าอินไปเลยทีเดียว และก็มาต่อด้วยโซน 4.2 ไดโนเสาร์ไทย










โซนนี้จะเป็นไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ที่ขุดพบในประเทศไทย ตรงนี้เองที่ทำให้ จขบ. ได้เจอกันเด็กน้อยคนนี้อายุไม่เท่าไหร่เอง เค้าเดินดูไดโนเสาร์แบบสนใจมากๆ คุณแม่ได้แต่เดินตามดูเด็กน้อย จะว่าไปการมีพิพิธภัณฑ์แบบนี้ทำให้เสริมสร้างความรู้แล้ว ยังเป็นที่ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวอีกด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเห็นคุณพ่อคุณแม่พาน้องๆ มาเที่ยวที่นี่กันค่ะ ตัวเล็กตัวน้อยเดินกันเต็มไปหมดเลยอ่ะ เอาล่ะมาเดินดูโซนต่อไปกันเลยค่ะ โซนนี้ดูน่ากลัวเชียวอ่ะ และโซนต่อไปก็เป็นวิถีชีวิตไดโนเสาร์


















ต่อด้วยโซนที่ 6 ปริศนาการสูญพันธุ์และคืนชีวิตให้ไดโนเสาร์ โซนนี้เด็กๆ ยืนเล่นคอมพิวเตอร์กันเป็นแถวเลยอ่ะ เรียกว่าอินเตอร์แอดทีฟเนี่ยมีผลทางด้านจิตใจ ขอให้ได้กดได้เล่นเหอะ เด็กๆ แวะกันหมด จะเห็นได้จากของบางชิ้นพังไปแล้วเหอะ จขบ.ลองหมุนอยู่ตั้งนานทำไมพื้นดินมันไม่ขยับฟ่ะ อ่านป้ายแล้วก็บอกให้หมุนนี่น่า ปรากฏว่าเสียค่ะเสียกันเป็นโซนๆ เลยทีเดียว อันนี้ก็อยากฝากผู้ปกครองที่พาน้องๆ มาเล่นก็ดูแลกันนิดหนึ่ง พังแล้วกว่าจะได้ซ่อมมันยากเนอะ



โซนที่ 7 เป็นโซนของมหายุคซีโนโซอิก หรือมหายุคแห่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม และโซนสุดท้ายโซนของเรื่องราวมนุษย์ ดังนั้นใครจะมาที่นี่ต้องเผื่อเวลาสักนิดหนึ่งนะคะ ถ้าจะเอาแบบมีความรู้ก็มาเช้าหน่อย คนไม่ค่อยเยอะ พอเริ่มใกล้เทียงแล้วคนเพียบเลยค่ะ การเข้าไปเดินอ่านข้อมูลก็จะเริ่มยากแล้วล่ะ เอาล่ะกลับมาเดินชมกันต่อค่ะต่อไปจะเป็นห้องปฏิบัติการ มีที่ประทับทรงงานของสมเด็จพระเทพด้วยค่ะ

















พอเดินครบแล้วทุกคนก็จะออกมาเจอไดโนเสาร์ตัวนี้ถือเป็นไฮไลท์เลยล่ะ ยังไงก็ต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกค่ะ จากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปยังหลุมที่ขุดค้นพบอีกจุดหนึ่งที่เป็นอาคารพระญาณวิสาลเถร ต้องเดินขึนเขาไปเล็กน้อยค่ะ งานนี้สองเด็กน้อยเห็นทางขึ้นถอดใจขอรออยู่ด้านล่างค่ะ เอาล่ะตาม จขบ.ขึ้นไปด้านบนที่เป็นพิพิธภัณฑ์เดิมกันเลยค่ะ

















กระดูกไดโนเสาร์ที่พบเป็นจำนวนมากในแหล่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นกระดูกไดโนเสาร์ซอโรพอด (Sauropod) เป็นโครงกระดูกที่เกือบครบสมบูรณ์ทั้งตัว วางเรียงรายต่อกันเป็นรูปร่างเห็นชัดเจน ไดโนเสาร์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ตัวนี้ เป็นไดโนเสาร์ที่ยังโตไม่เต็มที่ มีขนาดความยาวประมาณ 13-15 เมตร ป้าด.. นี่ขนาดไม่โตเต็มที่นะเนี่ย จากลักษณะโครงกระดูกพบว่ามันนอนหงายท้องตายแล้วหางม้วนอย่างที่เห็น เค้าเรียงต่อกันได้ดีมากอ่ะ ขนาดหางไดโนเสาร์อย่างเล็กอ่ะ ยังต่อกันชัดเจนเลยเหอะ และที่สำคัญเค้าติดป้ายชัดเจนนะคะอย่าโยนเหรียญลงไป ก็ดูกระดูกหางมันสิเปราะบางขนาดนั้นอ่ะ กว่าเค้าจะค้นพบและต่อให้เราดูได้ใช้เวลานานเหอะ






ส่วนกลุ่มนี้โครงกระดูกที่ประกอบด้วยกระดูส่วนสะโพกและหางเรียงรายต่อกัน กระดูกซี่โครง กระดูกท่อนขา จากลักษณะกระดูกที่เหมือนกันซ้ำกัน สามารถบอกได้ว่ามีไดโนเสาร์ซอโรพอตอย่างน้อย 3 ตัวเลยทีเดียว แต่ที่สงสัยไปกว่านั้น มูลไดโนเสาร์กะแกสโตรลิทเป็นก้อนกรวดในกระเพาะไดโนเสาร์นี่ดิ เค้ารู้ได้ยังไงฟ่ะ เก่งจริงๆ อ่ะ




หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับลงมายังอาคารพิพิธภัณฑ์สิรินธรค่ะ มาเที่ยวคราวนี้ทำให้เข้าใจไดโนเสาร์มากยิ่งขึ้นทีเดียว คิดดูแล้วกันขนาดไดโนเสาร์ยังสูญพันธุ์แล้วมนุษย์ล่ะ มันก็มีความเป็นไปได้นะเนี่ย หากเราไม่ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม เมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนมันก็จะกลับมาทำลายเรา เหมือนที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์นี่แหละ จขบ. คิดขำๆ ต่อไปเราจะไปอยู่ในตู้ให้คนยุคอื่นดู เหมือนเรายืนดูไดโนเสาร์หรือเปล่าเนี่ย คริคริ .. แล้วพบกันตอนหน้านะคะ จะพาไปดูผ้าไหมขึ้นชื่อของเมืองขอนแก่นค๊า ...



Photo and Story By
Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
Facebook : Patthanid FC




Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 8 ธันวาคม 2556 23:36:35 น. 1 comments
Counter : 2730 Pageviews.  
 
 
 
 
 
 

โดย: Kavanich96 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:7:18:52 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com