UBONRATCHATHANI :: น้ำตกแสงจันทร์ตามไปดูเถาวัลย์ยักษ์
ตอนที่แล้ว จขบ.พาไปเที่ยว "ผาแต้ม" กันมาแล้ว ตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล้วสัญญาณแห่งความหิวโหยเริ่มมาเยือนในจิตใจ หิวแล้วอ่ะพี่ๆ หาอะไรกินกันเหอะ จากผาแต้มพวกเราก็ขับรถมาตามทางเรื่อยๆ เนื่องจากพวกเรามาเที่ยววันธรรมดาดังนั้นร้านอาหารหลายร้านปิดบริการ พวกเราก็ขับรถกันมาเรื่อยๆ จนมาเจอร้าน "ลุงหนวด" อยู่ข้างถนนแล้วเปิดบริการด้วยจัดก่อนเลย ไม่เอาแล้วยังไงช้านก็จะไม่ไปตายเอาดาบหน้านะคะ เอาดาบนี้แหละขอพลีชีพลองก่อนเลย
โปรดสังเกตุว่าโล่งมากมีเพียงโต๊ะเราโต๊ะเดียวประหนึ่งเหมาร้าน จขบ.แอบส่องแล้วร้านสะอาดใช้ได้ ขอเมนูค๊า .. ราคาแอบแรงอยู่เหมือนกันนะแต่จัดไปมาแล้วนี่สั่งโลดตามสไตล์สายกิน
เมนูแรก ตำถาด .. มาถาดใหญ่เลยรสชาติแซ่บเวอร์ขอย้ำว่าห้ามผ่านครบเครื่องมาเต็มมาก
ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม .. ทอดกรอบกินได้ทุกชิ้นส่วนเลยแต่ความเด็ดมันอยู่ที่น้ำจิ้มเนี่ย โหยแซ่บหลายวายวอด รสชาติเปรี้ยวๆ นัวมากอารมณ์เหมือนน้ำจิ้มแจ๋วอีสาน
ตามด้วย ไก่นาทอดเกลือ เมนูนี่ก็ทอดได้แห้งสมุนไพรเยอะมากทานได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมใบมะกรูดตะไคร้เหมือนไก่ทอดสมุนไพรเลย
เมนูน้ำกันบ้าง ต้มยำปลาคัง .. มาโซนริมโขงก็ต้องทานปลาแม่น้ำรสจัดๆ แซ่บอีหลี เนื้อปลามาเป็นชิ้นๆ เลย ทานปลาคังก็ต้องเข้าใจในสรีระปลา ปลาชนิดนี้จะหนังหนาๆ หน่อยอร่อยเลยล่ะ
เมนูสุดท้ายว่าจะไม่สั่งกันแล้วเชียว แต่ไหนๆ มาแล้วต้องลองค่ะ ลาบปลา ถึงเครื่องลาบแซ่บได้ที่ หมดนี่จ่ายไปหนึ่งพันบาทจริงๆ มันมีเศษล่ะพี่เค้าปัดออกให้ใจดีจัง เพราะฉะนั้นถ้าท่านมาผาแต้มอยากกินอาหารรสแซ่บ ท่านไม่ควรขับรถเลยผ่านร้านนี้ไป เพราะจะเสียดายมากมายค่ะ
จากผาแต้มพวกเราเดินทางกันต่อไปยังน้ำตกแสงจันทร์แม้คาดคะเนแล้วว่าไปตอนนี้ก็ไม่มีน้ำ แต่ไหนๆ มาแล้วก็ขอไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร
น้ำตกแสงจันทร์หรือน้ำตกลอดรู หรือน้ำตกลงรู หากท่านเคยเห็นสถานที่เที่ยวเมืองอุบล ท่านจะต้องอยากมาน้ำตกแสงจันทร์แห่งนี้เหมือนเช่น จขบ. แต่แค่มาผิดฤดูกาลเท่านั้นเอง จากผาแต้มใช้เวลาราวๆ 40 นาทีก็มาถึงน้ำตกแสงจันทร์แล้ว
น้ำตกแห่งนี้รถเข้ามาถึงมีที่จอดรถแล้วก็เดินลงมาตามทางจากด้านบนจะเห็นเป็นรูตามรูปข้างล่าง มีป้าย "อันตราย" บอกไว้เพราะตกไปเนี่ยลื่นแน่ๆ หากเป็นฤดูฝนก็จะมีน้ำไหลผ่านรูนี้ ลงไปสู่ด้านล่างสวยงาม แต่แค่ยามนี้ไม่มีน้ำเท่านั้นเอง
รูด้านบนนี่ก็คือรูเดียวกับที่มองจากด้านล่างขึ้นไปเนี่ยแหละ รูใหญ่เชียว ว่ากันว่าหากได้มาดูน้ำตกนี้ในคืนวันเพ็ญแสงจันทร์จะสาดส่องลงมาตรงรูหินพอดีพร้อมกับละอองของธารน้ำตก ที่โปรยเป็นประกายสีนวลสวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อ "น้ำตกแสงจันทร์" นั่นเอง
จขบ.เอารูปมาจากเว็บไซต์ผู้จัดการเพื่อเป็นภาพประกอบในการบรรยายจะได้เห็นภาพและจินตนาการตาม จขบ.ได้ เห็นเปล่าว่ามันสวยจริงๆ นะ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เห็นในคืนวันเพ็ญก็ดูแค่นี้แล้วกันนะ
เมื่อตอนก็เลี้ยวเข้าน้ำตกแสงจันทร์ จขบ.เหลือบไปเห็นป้ายบอกว่ามีเถาวัลย์ยักษ์อยู่แถวนี้ ไหนๆ มาแล้วขอแวะหน่อยแล้วกัน จริงๆ เถาวัลย์มันก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรอกดันไปอ่านเจอในเว็บเค้าบอกว่าขอพรได้เท่านั้นล่ะ แรงบันดาลใจที่จะไปเยือนมาทันที
เถาวัลย์ยักษ์ดูไปดูมาเหมือนท่อนไม้เนอะ ตามข้อมูลบอกว่าเป็นเถ้าต้นสะบ้ามีอายุกว่า 400 ปี เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร รอบลำต้น 1.5 เมตร ความยาวนี่ว่ากันว่ายาวไปถึงแม่น้ำโขงเลยทีเดียว จุดกำเนิดของเถาวัลย์น่าจะอยู่แถวๆ น้ำตกทุ่งนาเมือง
ความเชื่ออีกอย่างของเถาวัลย์ยักษ์แห่งนี้ที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ว่ากันว่าคู่รักได้มาสัมผัสกับเถาวัลย์นี้จะมีความรักที่มั่นคงยืนยาว ไม่มีวันแยกจากกันเหมือนดังเช่นเถาวัลย์ยักษ์ มีสโลแกนด้วยนะจ๊ะ "กอดเถาวัลย์หนึ่งทีรักกันนานร้อยปี"
แคร์ม๊ะไม่มีคู่ก็กอดมันคนเดียวเนี่ยแหละ จะได้มีอายุยืนยาว (เกี่ยวกันไหมวะ) เอานะขำๆ มันเป็นกิมมิกของคนมีคู่ ไม่มีคู่จะยืนดูเฉยๆ เหรอขอหวยมันซะเลยจบนะ เอาฮาค่ะไม่เน้นคู่เดี๋ยวผิด Concept โสดเที่ยวสนุกนะ .. ติดตามต่อกันตอนหน้าค่ะจะพาไปเที่ยวสามพันโบกกันต่อจ้า
Photo and Story By Patthanid C.
Create Date : 07 กรกฎาคม 2559 |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2559 23:51:45 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2177 Pageviews. |
|
|
|
น้ำตกแสงจันทร์ไปมาหลายครั้งค่ะ..
แต่เถววัลย์ยักษ์ แต่ก่อนไม่มีนะ..
สงสัยเพิ่งมาค้นพบ เลยเพิ่งเห็นค่ะ..ยักษ์จริงๆ
อาหารร้านลุงหนวดก็น่าทานทุ๊กอย่าง...วาว...^^