สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


 
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
22 พฤศจิกายน 2555
 

KHONKAEN :: ภารกิจเที่ยวหัวใจใหม่ไปอีสาน ตอนชมผ้าไหมแพรวาอันเลืองชื่อ

ตอนที่แล้ว จขบ. พาไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์สิรินธร มาแล้วมาต่อกันค่ะ ตอนนี้ก็บ่ายแก่ (แก่มากแล้นน) หิวแล้วอ่ะ พวกเราขับรถย้อนกลับมาตรงสวนไดโนเสาร์ แหม.. มาเมืองนี้อะไรก็มีแต่ไดโนเสาร์เหอะ เพื่อไปยังร้านไทนิคม เจ้าหน้าที่ที่พิพิธภัณฑ์แนะนำไกด์เรามาค๊า จขบ.ประเมินจากสายตาแล้วในเวิ้งนี้ไม่มีที่กินที่ไหนแล้วล่ะนอกจากร้านนี้อ่ะ











ป้ายเก่าแก่มาก รสชาติจะเก๋าเหมือนป้ายหรือเปล่าน้า .. มาดูกันค๊า ภายในร้านมีสองโซนด้านนอกและห้องแอร์ แน่นอนพวกเราเลือกห้องแอร์ก็ร้อนซะปานนี้ กาฬสินธุ์เนี่ยร้อนไม่ใช่เล่นเลยนะ เอาเรื่องอยู่เหมือนกันขนาดมีต้นไม้เขียวๆ สองข้างทางนะเนี่ย พอนั่งกันสักพักอาหารที่สั่งก็เดินทางมาค๊า



ต้มยำปลานิล



ยำรวมมิตร



ผัดผักรวมมิตร



ปีกไก่ทอด



ส้มตำปูปลาร้า



ไส้กรอกปลา



ผัดฉ่าปลา



ตำถั่ว



เบาๆ สำหรับหกคนเช่นเคย ทริปนี้ยังกะทริปทำน้ำหนักอ่ะ จัดหนักทุกอย่างเลยค๊า .. เรียกว่าไม่ต้องกินข้าวกันเลยกินมันแต่กับเหอะ เอาล่ะหลังจากชิมมันทุกเมนู จขบ. ให้คะแนนส้มตำ ตำถั่วสิบค่ะ มาขอนแก่นมันต้องรสชาติแซ่บเวอร์จังซีดิถึงจะถูกใจ ตามด้วยเมนูไก่ทอด ผัดฉ่าปลานิลก็อร่อยค่ะ เอาล่ะเมื่อท้องอิ่มก็เดินทางกันต่อค่ะ จุดหมายต่อไปทางทีมงานจะพาพวกเราไปดูการทอผ้าไหมแพรวา ณ อำเภอคำม่วงกันค่ะ ว่ากันว่าผ้าไหมที่นี่ขึ้นชื่อมาก เอ่อ..สงสัยจังทำไมป้ายข้างทางถึงเขียนว่า "ระวังไดโนเสาร์แม่ลูกอ่อนข้ามถนน" ใครรู้บอกหน่อยนะว่ามันคืออะไรอ่ะ









จากสวนไดโนเสาร์พวกเราขับรถมุ่งหน้ามาที่อำเภอคำม่วง ใช้เวลานานเหมือนกันค่ะก็มาถึงบ้านคำม่วงสถานที่ทอผ้าไหมแพรวาอันเลื่องชื่อ ป้ายรางวัลการันตีเพียบเลยเหอะ เอาล่ะก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับผ้าไหมแพรวากันก่อนนะคะ "ผ้าแพรวา เป็นผ้าชนิดหนึ่งที่ใช้คลุมไหล่หรือสไปเฉียงของชาวภูไทย "แพร" หมายถึง ผ้า คำว่า "ว่า" หมายถึง ความยาวของผ้าหนึ่งวา รวมกันจึงเป็นผ้าที่มีความยาวประมาณ 1 วา ชาวภูไทยเป็นกลุ่มชนที่อพยพมาจากประเทศจีนตอนใต้ มาตั้งรกรากอยู่แถบเทือกเขาภูพาน ภาคตะวันอกกเฉียงเหนือของไทย ชาวภูไทยที่ทอผ้าแพรวาส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุิ์ โดยผู้หญิงจะถูกฝึกทอผ้าแพรวาตั้งแต่ 9-15 ปี ซึ่งการทอผ้าและเก็บลาย หรือเก็บขิดแบบจกนั้นเป็นภูมิปัญญาการทอผ้าไหมของชาวภูไทยเลยทีเดียว

และเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2520 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมพสนิกรในอำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ทอดพระเนตรเห็นชาวภูไทยแต่งชุดพื้นเมือง ห่มสไบเฉียงแพรวาสีแดง ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกลได้ทรงพระราชทานเส้นไหมให้แก่ชาวบ้านโพนเพื่อทอผ้าแพรวาถวาย และโปรดรับงานทอผ้าแพรวาของชาวภูไทย อำเภอคำม่วงเข้าไว้ในโครงการศิลปาชีพในพระบรมราชินูปถัมภ์และทรงโปรดให้มีการพัฒนาการทอผ้าไหมแพรวา จนทำให้ผ้าแพรวาเป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วไป อืม.. ฟังประวัติกันมาพอสมควรแล้วคราวนี้ตามไปดูของจริงกันเลยค่ะ












ชาวบ้านที่นี่หลังจากว่างจากการทำนาก็มานั่งทอผ้าไหมเนี่ยแหละ จะเห็นได้ว่าลายที่นี่ละเอียดมาก ในหนึ่งผืนจะมีลายรวมกันอยู่สิบลาย ที่เห็นอยู่เนี่ยเป็นด้านหลังนะคะ เค้าใช้วิธีสอดไหมแล้วก็ผูกขึ้นลายไปเรื่อยๆ จากข้อมูลที่ จขบ.ได้สอบถามพี่ที่เค้านั่งทออยู่ผืนหนึ่งใช้เวลาหลายเดือนนะคะกว่าจะได้หนึ่งผืน สนนราคาซื้อที่นี่ก็ 25,000 บาทต่อผืน กรุงเทพฯก็เป็นแสนอ่ะ ขนาดความยาวของผืนผ้าก็ตามแต่ลูกค้าสั่งมา ขอบอกว่าที่นี่มีเงินก็ซื้อไม่ได้นะคะ เพราะต้องจองคิวกันมาล่วงหน้า จะดุ่มๆ เดินเข้ามาซื้อผ้าเนี่ยไม่ได้นะค๊า โดยส่วนใหญ่ลูกค้าผ้าไหมที่นี่ก็จะมีสองแบบคือ เอาไปตัดชุดสำหรับสวมใส่กับซื้อไปเพื่อเก็บสะสมค่ะ




พี่เค้ายกผืนผ้าที่กำลังทออยู่กลับด้านให้พวกเราได้ชม โอ้ว.. งดงามมากลายการทอละเอียดแน่นมากเข้าใจคำว่าฝีมือเลยอ่ะ เห็นแล้วจะเสียดายมากถ้าไม่มีคนสืบทอด พวกเราถามพี่ๆ เค้าบอกว่า ไม่ต้องกลัวสูญพันธุ์ค๊า เด็กรุ่นใหม่ของที่นี่ส่วนใหญ่จะทอผ้าเป็นทุกบ้านค่ะ นอกจากจะได้เรียนรู้จากที่บ้านแล้วเด็กที่นี่ยังต้องเรียนการทอผ้าไหมที่โรงเรียนด้วยค่ะ  แหม.. ได้ฟังแบบนี้แล้วรู้สึกชื่นใจการทอผ้าไหมแพรวายังไงก็ไม่มีทางสูญสิ้นค่ะ เนี่ยแหละเป็นมรดกอันล้ำค่าทางภูมิปัญญาเลยทีเดียว



และนอกจากชาวบ้านที่นี่จะทอผ้าเพื่อการค้าแล้ว บางส่วนยังทอผ้าเพื่อใช้นุ่งเองด้วยค่ะ อย่างที่เห็นคุณยายท่านนี้ทออยู่นั้นเป็นผ้าภูไทยค่ะ สีจะเรียบๆ แบบนี้นิยมทอไว้เพื่อการสวมใส่ค่ะ ทอง่ายกว่าขึ้นลายแบบแรกเยอะ เพราะเป็นผ้าสีพื้นใช้สำหรับตัดเสื้อผ้าของชาวภูไทยเค้าล่ะ จะว่าไปให้ จขบ. มานั่งทอเนี่ยขอลาเลยยอมแพ้จริงๆ แบบให้เค้าเหอะ 25,000 เนี่ยจะถูกไปเสียด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสมเด็จพระราชชินีจึงสนพระทัยผ้าไหมแพรวาของชาวบ้านที่นี่ ฝีมือเค้าดีจริงๆ การทักทอปราณีตมากเหอะ เชื่อไหมว่าพวกเราดูเค้าเพลินๆ เนี่ยใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลยเหอะ เอาล่ะได้เวลาเดินทางกลับขอนแก่นกันแล้วค๊า





จขบ. จำได้ว่าตอนมาทำไมดูเหมือนไม่นาน แต่ไหงขากลับมันดูนานจังฟ่ะ หลับไปหลายรอบแล้วยังไม่ถึงขอนแก่นอีกเหอะ ไอ้เราก็นึกใจพี่คนขับรถเค้าหลงเปล่าฟ่ะ กว่าจะถึงขอนแก่นก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วล่ะ ตามโปรแกรมพวกเราจะต้องมาดูพิพิธภัณฑ์ที่เก็บของเก่าของเมืองขอนแก่นอีกทีหนึ่ง แต่พอเดินทางมาถึงริมบึงแก่นนครก็ดูเหมือนเค้าปิดโปรแกรมเลยล้มเลิก  เปลี่ยนเส้นทางกลับไปที่พักก่อนที่จะออกมาอีกครั้งเพื่อไปทานข้าวที่ "ภัตตาคารบัวหลวง"





ร้านนี้อยู่ภายในบริเวณบึงแก่นนครขอนแก่นทำเลดีมากเหอะ มองไปทางไหนก็น้ำรอบทิศทางเลย มีพื้นที่กว้างขวางเรียกว่าสามารถจัดงานแต่งงานที่นี่ได้เลยทีเดียว ประเมินจากสายตาน่าจะรับแขกได้ถึงสามร้อยเลยเหอะ เอาล่ะมาดูสิว่าทำไมไกด์ถึงพามาทานที่นี่ มันต้องมีอะไรเด็ดเหอะ



ปลาราดพริก



ไข่เจียวเมนูคลาสสิค



คะน้าหมูกรอบ



ผัดฉ่าปลาดุก



กระเฉดหม้อไฟ



ยำปลาดุกฟู



ไก่นุ่ม



แล้วก็เด็ดจริงๆ ค่ะ รสชาติอาหารที่นี่อร่อยเกือบทุกเมนูเลยอ่ะ ไม่แปลกใจเลยที่รอบๆ โต๊ะพวกเรามีงานจัดเลี้ยงอยู่หลายห้องทีเดียว เมนูแนะนำที่ จขบ. ให้คะแนะเต็มได้แก่ ไก่นุ่ม ผัดฉ่า และปลาสามรส ไม่ผิดหวังเหอะ จากนั้นพวกเราก็ลงมติกันว่าจะไปเดินถนนคนเดิน พอมาถึงตลาดก็ลงเดินเพลินเชี๊ยะ ปรากฏว่าที่เดินกันเนี่ยไม่ใช่ถนนคนเดินเมืองขอนแก่น แต่เป็นตลาดโต้รุ่งขอนแก่นค๊า แป่ว.. ผิดที่เอาใหม่นะคะเอาใหม่






พวกเราเดินซะรอบก็นึกในใจเลยว่าทำไมมันเหมือนตลาดโต้รุ่งหัวหินฟ่ะเนี่ย อิอิ.. จากนั้นเค้าก็พาพวกเราไปยังถนนคนเดินซึ่งอยู่ติดกับ บขส ค๊า คราวนี้ใช่แล้วล่ะบรรยากาศค่อยเป็นถนนคนเดินหน่อย มีของหลากหลายเชียวแหละ งานฝีมือเพียบและที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งรวมของนักศึกษาที่มาทำกิจกรรมแสดงความสามารถกันที่ถนนแห่งนี้ค่ะ









จขบ. ล่ะถูกใจโคมไฟของที่นี่เป็นที่สุด ไอเดียเค้าดีจริงๆ ใช้ที่นึ่งข้าวเหนียวมาดัดแปลงเป็นโคมไฟ เก๋เหอะเข้ากับบรรยากาศเมืองขอนแก่นดีทีเดียว เดินไปเดินมาได้ครึ่งรอบก็ขอลาแล้วค๊า .. ประมาณสี่ทุ่มพวกเราก็เดินทางกลับที่พักค่ะ ไว้มาต่อกันตอนหน้านะคะสุดท้ายปิดทริปนี้แล้วจ้า



Photo and Story By
Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
Facebook : Patthanid C.





Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 8 ธันวาคม 2556 23:37:51 น. 1 comments
Counter : 3942 Pageviews.  
 
 
 
 
 
 

โดย: Kavanich96 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2555 เวลา:7:21:00 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com