"บัลลังก์เมฆ The Musical" ... ละครเวทีที่มาเหนือเมฆด้วยการแสดง แต่มิวสิคัลยักกะไม่โดน
หลังจากที่เมื่อปีก่อน ได้เป็นปลื้มกับ "ทวิภพ" อย่างสุดๆ... มาในปีนี้ ถึงจะมีละครเวทีโผล่พรวดเกิดมาจากค่ายเดียวกันอีก 2 เรื่อง ก็ไม่มีเรื่องไหนต้องตาต้องใจให้อยากรอดูได้มากเท่า "บัลลังก์เมฆ" ...ละครเวทีมิวสิคัลที่เขาว่ากันมาว่า นี่เป็นสุดยอดละครเวทีเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย มันก็ดูโม้ๆแหละ แต่ผมก็ยังอยากจะพิสูจน์ด้วยกับตาของตัวเอง ...เพราะในเมื่อครั้ง ทวิภพ ผมก็เคยเชื่อฟังคำคนอื่นเขามาก่อน แล้วก็ได้เห็นผลว่าดีอย่างที่พูดจริงๆ ในครั้งนี้กับ บัลลังก์เมฆ ก็ยังคงจริงอย่างที่เขาพูดละมั้ง จะจริงหรือไม่จริง การตัดสินใจอยากรู้ไม่อยากต่อกระบวนการคิด และจ่ายตังค์ ...ตั๋วที่นั่งที่ถูกที่สุด ราคา 500 บาท น่าจะช่วยเบิกเนตรให้ผมได้รับรู้ ซึ่งความคาดหวัง และอยากจะประทับใจกับมิวสิเคิลไทยๆ สักเรื่อง ที่น่าภูมิใจในระดับไม่อายบรอดเวย์ หากแต่ก็เบิกด้วยราคาระดับนี้ ไม่คงต้องเพ่งดวงเนตรหนักซะหน่อย (จะทำไงได้ก็คนมันอยากไฮโซ แต่ฐานะก็แสนจะจนข้นแค้นอย่างไม่เจตนาน่ะ เอิ้กๆ) แล้วสมมติว่าถ้าผมนั้นไม่ได้มีความรู้จักมักคุ้นกับ บัลลังก์เมฆ มาแต่เก่าก่อนใด ...ผมก็คงจะยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่า มันก็มีอะไรให้น่าดู ซึ่งอย่างน้อยๆ ที่จะมีโอกาสได้เห็นนักแสดงหญิงคุณภาพล้นจอทีวีไทย อย่างพี่ "นก-สินจัย เปล่งพานิช" ร่ายลีลาสดๆต่อหน้าต่อตาแล้ว มันยังก็พอจะเป็นแรงดึงดูดใจอย่างรุนแรงให้ต้องยอมเสียตังค์เพื่อโอกาสนี้ให้ได้ เนื้อเรื่องโดยสังเขปของ "บัลลังก์เมฆ" ...เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่ชื่อ "ปานรุ้ง" เธอเป็นเด็กสาวที่จบมาจากเมืองนอก และด้วยความที่โดนแม่ตามใจจนเคยตัว เลยทำให้เธอ กลายเป็นสาวที่ไม่รู้จักความเพียงพอ รักง่ายหน่ายเร็ว รวมไปถึงผู้ชายของเธอที่เลือกได้ว่าจะรักใคร แล้วก็มักทิ้งไปโดยไม่สนใจใยดีอะไรเลย จนเมื่อเธอได้เป็นแม่คนแล้ว ปานรุ้งก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง และเลี้ยงดูลูกๆทั้ง 4 ของเธอ ด้วยความตามใจฉัน ...แล้วเมื่อพวกเขาทั้งหมด ได้เติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็ส่งผลให้ความประพฤติของแต่ละคนตีตนกลับมาทำร้ายจิตใจของคนเป็นแม่ได้แหลกสลายจนเป็นผุยผง มีคนหลายคนที่เขาว่ากันว่า บัลลังก์เมฆ สองรอบก่อนหน้า เมื่อ 5 ปีที่แล้วนั้น ช่างเป็นอะไรที่ สะเทือนใจ ชวนให้บีบน้ำตากันอย่างไม่ต้องอายคนรอบข้างจะรำคาญ... เมื่อได้ฟังกรอกหูมาดังนั้น ก็เลยถือเป็นประเด็นที่ผมต้องการเอามาทำเป็นแบบทดสอบบทแรกสำหรับผม คนที่มีบ่อน้ำตาอันตื้นเขิน อ่อนไหวอินโนเซ้นท์กับอะไรที่มันเพียงสะกิดๆก็ไปแล้ว แล้วก็เป็นอันผ่านเกณฑ์จนได้สำหรับบททดสอบนี้ ...เพราะเพียงแค่ไม่กี่นาทีแรก ในฉากขาย(พลังเสียง)ของคุณป้าโฉมฉาย ฉัตรวิไล (เล่นเป็นแม่ของปานรุ้ง) ก็เริ่มปริ่มๆ ออกมาเล็กๆ แล้วพอผ่านไปถึงฉากขายของนักแสดงแต่ละคน มันก็ยิ่งพรั่งพรูมาเรื่อยๆ ยิ่งนานก็ยิ่งอิน อารมณ์ก็พีคขึ้นไปตามเวลาที่นานขึ้น จวบจนจำไม่ได้นับไม่ทันว่าผมเสียน้ำในตามันไปกี่ครั้ง นอกเหนือไปจากบทละคร ที่ค่อยๆเสริมๆความสะเทือนเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย และผูกเหตุการณ์ต่างๆให้เสริมแรงกดดันอย่างเบาบาง ไปจนถึงขั้นหนักแน่น ...ส่วนการแสดงก็ต้องซูฮกให้เลย กับบทบาทของตัวละครที่ส่งอารมณ์ไปถึงคนดูได้ถึง แม้กระทั่งกับคนที่นั่งอยู่แถวสุดท้ายของราคาบัตร 500 เช่นผม ก็ยังรู้สึกได้ว่า เขาและเธอ เล่นกันได้อย่างเต็มที่ เหมาะสมกับบทบาทในแต่ละฉาก แต่ละองก์ นักแสดงรุ่นใหญ่... ที่ยังคงอยู่กันครบทีมจากคราวที่แล้ว ต่างก็มีความเทพอยู่ในตัวของแต่ละท่าน จากบทบาทที่ผ่านตาไปในผลงานการแสดงชิ้นก่อนๆ... จึงไม่มีอะไรให้น่าผิดหวังที่แต่ละท่าน เล่นสมจริงได้น่ากราบอย่างมากมาย ทั้งเหล่าสามีทั้งสามของปานรุ้ง (กบ-ทรงสิทธิ์ , หมู-กลศ , ดุ๊ก-ภาณุเดช) ที่ถ่ายทอดลักษณะความแตกต่างในความเป็นคนรักของแต่ละคนของปานรุ้ง ได้โดดเด่นในทางของตัวเขาเอง หรือจะป้าๆอาวุโสทั้งสอง อย่าง คุณป้าโฉมฉาย และคุณป้าสุดา ที่แม้จะมีบทบาทแค่ไม่กี่ฉาก แต่ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องราว มีมิติที่สัมพันธ์ส่งผลกับเส้นทางชีวิตของปานรุ้งกันทั้งตรงและอ้อม นักแสดงรุ่นใหม่... ถ้าวัดกันด้วยตรรกะ(ของผม)และประสบการณ์(ของพวกเขา)แล้ว ผมก็ไม่ใคร่อยากจะมั่นใจได้สุดๆ กับฝีไม้ลายมือที่ยังถือว่าน้อยเวลาจะพิสูจน์ตัวเองในการมาเล่นละครเวที ...แต่ยังไงก็ไม่ใช่ความอคติที่จะทำให้ผมไม่วางใจในละครโดยรวมไปได้ อย่างน้อยๆ(ที่ผ่านตามาจากการโปรโมตทางทีวี)ก็พอจะเชื่ออยู่ว่า เขาและเธอคงจะใช้เวลา 3 เดือน กว่าๆอย่างคุ้มค่า กรำศึกฝึกฝนแอคติ้งจนคู่ควรจะขึ้นเวทีได้แล้วล่ะ พอเมื่อได้ดูกับตาแล้ว ก็ถึงได้ใจชื้น ปนชื่นใจ ที่หน้าใหม่ของละครเวที ทั้ง 4 ตัวหลัก ทำหน้าที่ของตนได้ดีสมน้ำสมเนื้อกับประสบการณ์ครั้งแรก ..."เจสัน ยัง" ในบท "ปานเทพ" ...เจ้าอารมณ์ ยโสโอหังเยี่ยงพ่อชูนาม ...เล่นได้น่าหมั่นไส้ แต่ก็น่าเห็นใจอยู่ในที "เต้-ปิติศักดิ์" ในบท "ปรก" ...ลูกคนเดียวของพ่อเกื้อ ผู้ไม่สำคัญ ที่แม่ไม่เคยเห็นแก่ใจ ...บทบาทถูกกำหนดให้น่าสงสาร แต่มันจะไม่สำคัญอะไรเลย ถ้าคนเล่นไม่สามารถสื่ออารมณ์โดนๆ ได้ในเพลง "คนไม่สำคัญ" ...ฉากนี้คุณเต้ อาจจะทำยังสู้คุณหนุ่ม-อรรถพร เมื่อครั้งก่อนไม่ได้ แต่น้ำตาและหัวใจของผมก็อยากถือว่า ให้ผ่านได้คะแนนดีก็แล้วกัน"มด ทรีจี" ในบท "ปานวาด" ...ลูกสาวคนพี่ของพ่อวาสุเทพ โดนฟูมฟักให้มั่นจนโตมาไม่ฟังเสียงใคร ...เธอคนนี้ ถือว่าเหนือกว่าที่คาดเอาไว้ ทั้งในส่วนการแสดงแข็งนอกอ่อนใน ที่เล่นได้แรงแถมยังเปรี้ยว ดูเซ็กซี่ ใช่กว่า คุณแพท-สุธาสินี เสียอีก ...พอเป็นส่วนที่ต้องร้องเพลงแล้ว ก็อาจจะยังไม่ทรงพลังเท่าคนก่อนอยู่หรอก แต่สุ้มเสียงของเธอก็เปล่งออกได้เพราะจับจิตจับใจมากๆ จนไม่น่าเชื่อว่า เคยเป็นนักร้องป๊อบๆ ร้องเพลงตลาดๆ มาก่อนหน้า"บี้ สุกฤษฎิ์" ในบท "ปกรณ์" ...ลูกชายคนน้องของพ่อวาสุเทพ ที่แม่ห่วงหวงยิ่งนัก เป็นคนสำคัญที่ทำให้ ปานรุ้ง ต้องใจสลายในท้ายที่สุด ...เขาคนนี้ ได้รับเสียงค่อนขอดค่อนข้างมากว่าเป็นเด็กดันของค่าย ที่มีอภิสิทธิ์พิเศษได้บทดี มีความหมายมาก ทั้งยังเด่นกว่าใครๆ (เด่นเสียจน โดนตั้งชื่อเล่นละครตอนนี้เป็น "บัลลังก์บี้" ไปเรียบร้อยโรงเรียนคุณบอยซะแล้ว) แล้วยิ่งถ้าวัดดูจากการแสดงก่อนหน้า ก็นับว่ายังธรรมดา ไม่ถึงกับแข็งแต่ก็ไม่ดีเลิศ (ที่ผมว่าธรรมชาติที่สุด ก็ตอนที่เล่นซิทคอม นัดกับนัด ...เป็นคนหล่อที่ทำฮาได้เนียนดี) ...แต่ถึงอย่างไร แค่ความคิด มันก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ จนกว่าจะได้เห็นความจริง ว่าเขาคนนี้ มีพัฒนาการที่ถือว่าเยี่ยมในระดับหนึ่งเลย แล้วกับการสวมบทตัวลูกที่เด่นที่สุด ทั้งยังเค้นฝีมือได้สมความเด่น ก็มามีผลต่ออารมณ์คนดูเป็นยิ่งๆในฉากสำคัญที่ทำให้เราต้องสะเทือนใจไปตาม ความสุดกลั้นของคนเป็นแม่ที่ต้องเจอเรื่องอย่างนี้ ส่วนอีกหนึ่งตัวละครหน้าใหม่ที่เป็นตัวรองอีกที อย่าง "วิรินทร์" ...ก็เล่นได้น่ารักดีจัง แถมสุ้มเสียงก็เพราะพริ้งไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว ...พอได้ไปค้นหาชื่อคนเล่นมา ก็รู้สึกให้แปลกใจอย่างช๊อค ว่า น้อง "หนูนา-หนึ่งธิดา" ก็คืออีกหนึ่งในตัวละครสุดบ๊องส์แบ๊ว ของ ซิทคอม "เทวดาสาธุ" ...โอ้ว มาย เทพ! ใครจะไปเชื่อได้เต็มใจว่า เธอจะพลิกภาพเป็น สาวมหาลัยหวานใสได้น่าตกหลุมรักซะขนาดนี้เนี่ย นักแสดงที่ไล่ๆมาแต่ละคน ว่าทำได้ดีแล้ว แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังดูจะเป็นเครื่องเคียงประกอบจานที่ช่วยทำให้ละครออกรสชาติจัดจ้านยิ่งขึ้น ...ด้วยเนื่องเพราะอาหารจานหลักที่สำคัญที่สุดที่ผมอยากมาดู อยากมาเห็นฝีมือกะตาสองลูกของตัวเอง ก็มีเพียงหนึ่งเดียว คือ คุณนก-สินจัย เท่านั้น เพียงแค่การอุ้มชูของเธอคนเดียว ก็เพียงพอจะทำให้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงของผม ไม่มีช่วงไหนจะเรียกว่าน่าเบื่อได้เลย... แล้วมันก็ช่างสมแล้วที่ใครๆต่างก็เรียกว่าเธอเป็นอีกหนึ่งตัวแม่ของวงการการแสดงไทย ซึ่งจะมีใครสักกี่คนที่มาสวมบทแม่ผู้เหลวแหลกได้สะกดตา ตรึงใจ และประทับจิต ทั้งทำให้เราเชื่อในสิ่งที่เธอเป็นตอนนั้น ลืมไปเลยว่าก่อนหน้า เธอก็เคยเป็นมาทั้ง คุณยายวรนาถ , สุวรรณี สุคนธา (แม่ของน้ำพุ) จนล่าสุดกับ คุณยายสายเดี่ยว ก็เพิ่งแอ๊บเด็กได้เนียนเชียว อีกอย่างที่ต้องนับถือซูฮกเช่นกัน ก็คือ ฝีมือการกำกับของคุณ "บอย-ถกลเกียรติ" ที่ยังคงเนี้ยบ และวางฐานของเรื่องราวได้แน่น เท่าที่เวลา 3 ชั่วโมงจะอำนวย ถึงการปูอารมณ์ในเหตุการณ์ทั้งเล็กและใหญ่ ก็ทำได้กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ เนิบนาบ สมที่คุณบอยยืนยันว่าไม่มีน่าเบื่อ ...ยังไปถึงการแสดงที่หนักแน่น ก็ต้องยกนิ้วให้การจัดการไว้แน่นหนาของคุณบอย ที่เคี่ยวกรำตัวละครแต่ละตัวให้ออกมาในทางที่เขาและเธอต้องเป็นไปได้ถึง รวมไปถึง งานโปรดักชั่น ก็ยังคงอลังพระกาฬได้ใจ ...ไม่ว่าจะฉาก แสง สี เสียง ขนาดมองไกลๆก็ยังว่าดูดี (ขอยกเว้น เสื้อผ้า หน้าผม ที่พยายามจะเพ่ง หรือซูมสายตายังไง ก็ไม่สามารถทำตัวกระแด๊เป็นดีไซเนอร์นักวิจารณ์ได้) ...แถมยังจะมีให้ อึ้ง ทึ่ง ว้าว! กันสุดๆ ในฉากงานตอนท้ายที่ไม่คาดคิดว่าจะโผล่ได้ตะลึงงึนงันกันเยี่ยงนี้ (คนได้ดูคงรู้ว่าผมหมายถึงฉากไหน) ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้ว่ามานั้นถือว่าเป็นข้อดีย่อยๆ ของ บัลลังก์เมฆ กันทั้งหมด ที่รวมมาเป็นข้อดีใหญ่ๆ ต่อความคุ้มค่าที่ได้ตัดสินใจดูละครเวทีฟอร์มใหญ่ยักษ์อีกครั้งหนึ่ง ...หากแต่โดยภาพรวมแล้ว ผมยังไม่อาจจะเรียกว่า ประทับใจ หรือเป็นปลื้ม ได้อย่างเช่น ทวิภพ ...เนื่องด้วยสาเหตุที่ บัลลังก์เมฆ ก็ยังถือว่าเป็น อีกหนึ่งการแสดงแนวมิวสิคัล ที่ใช้เพลงนำการแสดงออกของคนบนเวที ถึงการแสดงของตัวละครจะทำได้ดีมากๆ ซะเท่าไหร่ หากตัวบทเพลงไม่สามารถถ่ายทอดได้โดนเท่าที่ควร มันก็ยังจะดูผิดหวังสำหรับความเป็นมิวสิคัลสักเรื่อง ...ผมไม่ได้จะว่า บัลลังก์เมฆ เพลงไม่เพราะ และผมก็ยังอยากชื่นชมว่าบทเพลงแต่ละบท ทำหน้าที่เล่าเรื่องของตน ให้คนดูได้เข้าใจอย่างลึกถึงเนื้อในของประเด็นละคร ...หากแต่ปัญหาของมันก็อยู่ตรงที่ ความซึ้งกินใจของเพลง ยังไม่ถึงพร้อมเข้าขั้นจะโดนกระทบใจผมได้อย่างจังๆ ...แล้วกับเพลงที่ว่าเป็นเพลงเอกทั้งหลาย ถึงจะทำออกมาได้เพราะ มีความอลังอยู่ในตัวของมันก็จริง แต่ความตราตรึงในภาษาที่สละสลวย บวกกับเสียงร้องของคนเล่น ก็ดูจะขาดพลังบางอย่างไป มันเป็นพลังที่ผมอธิบายไม่ถูก แต่มันก็คือพลังที่ผมเคยรู้สึกว่ามีให้ได้รับ จาก ทวิภพ ...มิวสิคัลที่เพลงออกจะฟังแล้วธรรมดา แต่ความหมายแอบแฝงในของมัน ช่างยิ่งใหญ่ฝังใจชวนให้จำ ...ถึงจะลืมเนื้อร้องไปหมดจากหัวแล้ว แต่พลังที่อธิบายไม่ถูกนี้ มันก็ยังคงวงเวียนคละคลุ้งอยู่ในใจของผมเสมอมาไม่เสื่อมคลาย "บัลลังก์เมฆ The Musical" ... การเสียเงิน 500 บาท ไปกับตั๋วโลว์คลาสของคนที่อยากไฮโซเช่นผม ในครั้งที่ 2 ของการดูละครเวที(อลังการงานสร้าง) นับว่าคุ้มค่าสมดังใจที่อยากเห็นการแสดงที่น่าติดตาม เรื่องราวที่มีแง่คิด อันต้องหลั่งน้ำตาใสๆเป็นไม่พอ ก็ยังแถมน้ำมูกเหนียวๆพ่วงมาด้วย (อันนี้ไม่ได้พูดเล่น ...วันนั้นเป็นหวัดพอดี ก็เลยมีแถม อิอิ) ถึงจะไม่ประทับใจ เป็นปลื้มได้มากเท่า "ทวิภพ" แต่ผมก็จะถือว่า เป็นหนึ่งละครเวทีดีๆที่คุณๆควรหาโอกาสไปดูกันนะครับ ปล. ไม่ได้เป็นหน้าม้าของ ซีเนริโอ มาช่วยโฆษณาแต่ใดๆ เพราะของเขาดีจริงๆก็เลยมาบอกต่อนะจ้า ปล.2 กรุณาพกทิชชู และผ้าเช็ดหน้าไปด้วย ...เผื่อเวลาร้องไห้ แล้วมีน้ำมูกไหล จะได้ไม่เป็นที่รังเกียจของคนรอบข้างนะจ้าของแถม : ภาพบรรยากาศหรูๆสวยๆ ของ รัชดาลัย เธียร์เตอร์ กับคนดูในรอบเดียวกันกับผมบริเวณชั้นล่าง ของ รัชดาลัย ในห้างไฮโซ เอสพลานาด ย่านรัชดา บริเวณนี้ มีการประมวลภาพละคร เป็นการเรียกน้ำย่อย ก่อนจะเห็นของจริงจะจะตา เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปสู่ประตูโรงละคร นี่คือ ประตูโรงละคร ที่ผมคงยากจะมีวันได้ก้าวเข้าไป ...เพราะมันเป็นประตูที่คนมีกะตังค์เยอะจะได้อภิสิทธิ์ก้าวผ่าน (ถ่ายมาด้วยความอิจฉาวุ้ย) บรรยากาศของคนดูภายในโรงละคร ...ดูจากในภาพ อาจไม่ค่อยจะคึกคักซักเท่าไหร่ แต่ความเป็นจริง... เยอะมากมาย ...แบบที่กว่าจะเดินลงมาถึงชั้นล่าง ต้องฝ่าฝูงชนใช้เวลาไปถึงเกือบ 15 นาที (นี่ยังไม่รวมถึงการออกจากห้าง ...ที่มีรถอีกนับร้อยแห่กันออกในเวลาเดียวกัน) ใครดูแล้ว ขอเชิญมาคุยกันครับ... ว่าคุณชอบอะไร ไม่ชอบอะไร คิดเหมือนผมมั้ย หรือว่าคิดแตกต่าง มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ อ้างอิง : "ทวิภพ เดอะ มิวสิคัล" ...ความทรงจำดีๆ กับละครเวทีครั้งแรก //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onceupon&month=09-2006&date=05&group=6&gblog=5
Create Date : 25 ตุลาคม 2550
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 1:07:54 น.
10 comments
Counter : 14796 Pageviews.
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:0:19:47 น.
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:0:21:55 น.
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:0:33:37 น.
โดย: ann (a_mulika ) วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:12:30:06 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:16:21:50 น.
โดย: mayni IP: 124.120.48.146 วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:21:13:32 น.
โดย: แฟนคลับพี่นก IP: 124.157.229.107 วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:15:35:46 น.
โดย: คนที่รักพี่นก0807456656 IP: 124.157.229.107 วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:15:38:00 น.
โดย: ทีดาล่า IP: 124.121.5.114 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:19:09:51 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
ชอบในส่วนของฉาก การเปลี่ยนฉากครับ
เนื้อเรื่องก็กระชับ นักแสดงทุกคนเล่นดีมาก
โดยเฉพาะ กบ ทรงสิทธิ์ครับ
ฉากที่ต้องพรากจาก ปรก ทำเอาผมน้ำตาคลอเลยครับ