ตุลาคม 2551

 
 
 
1
2
3
10
11
13
16
17
20
21
22
24
25
26
27
28
29
 
 
All Blog
ร่างกาย

1. การดื่มน้ำ
 
       
ปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็วอาจก่อให้เกิดสภาวะน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง
ร่างกายจึงขับโปแตสเซียมออกจากเซลล์เพื่อปรับสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอกเซลล์
ผลที่ตามมาคือเป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็ง หากเกิดอาการเกร็งที่สมอง หัวใจ หรือปอด จะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้
แต่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปเพราะหากดื่มน้ำทีละเล็กทีละน้อย
แม้ดื่มมากกว่าปกติก็ไม่เป็นอันตรายเพราะไตจะขับออกมาเป็นปัสสาวะ
และถ้าเมื่อไรมีอาการจุกนั่นแสดงว่าดื่มน้ำมากไป ควรหยุดได้แล้ว


2. การปล่อยให้ตนเองหิวอาจนำไปสู่โรคร้าย

         
เพราะ
ความหิวกระตุ้นร่างกายให้หลั่งฮอร์โมนความเครียด
ซึ่งหากเกิดขึ้นเป็นประจำจะทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวานได้
ลองควบคุมความหิวด้วยการแบ่งมื้ออาหารจากวันละ
3 มื้อเป็นมื้อเล็กๆ
5-6 มื้อต่อวัน


3. ชา กาแฟ
รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน


         
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดหลังเพราะคาเฟอีนลดการหลั่งสารเอนโดรฟีนซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายผลิตขึ้นและมีฤทธิ์ลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ

4. วิธีง่ายๆในการดูแลสุขภาพคือหลังจากตื่นนอนทุกเช้า

         
จะดื่มน้ำส้มสายชูที่หมักจากผลแอ๊ปเปิ้ล
ผสมกับน้ำผึ้งอย่างละ
1:1 ใส่น้ำอุ่นคนให้เข้ากันแล้วค่อยเติมน้ำแข็งลงไปเพื่อให้ทานง่ายและมีรสชาติดีขึ้น
ซึ่งวิธีนี้จะไปช่วยการดูดซึมของระบบลำไส้ และการเผาผลาญของร่างกาย
แต่โรคบางโรคอาจเกิดจากสุขภาพจิตที่อ่อนแอ
ในหนึ่งอาทิตย์จึงควรจะมีวันพักผ่อนอย่างจริงจังหรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น
เล่นโยคะ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพกายและลดมลภาวะทางจิตใจไปพร้อมๆกัน


5.
การนอนดึก


         
คืนวันศุกร์-เสาร์แล้วตื่นสายในวันเสาร์-อาทิตย์ทำให้นาฬิกาชีวภาพของร่างกายตั้งเวลาตื่นใหม่
เมื่อถึงวันจันทร์จึงมีอาการอิดเอื้อนไม่อยากตื่น
ทั้งยังทำให้ขาดสมาธิในการทำงานหรือเรียนหนังสืออีกด้วย


6. แสงแดดยามเช้า

         
ไม่ได้ช่วยให้กระดูกแข็งแรงเท่านั้น
แต่การออกกำลังกายกลางแดดใน ช่วงเวลาดังกล่าวยังช่วยให้ร่างกายผลิตสารเอนโดรฟีน
ซึ่งเป็นสารต่อต้านอาการซึมเศร้าตามธรรมชาติอีกด้วย



7.
ความเครียดเป็นตัวการทำลายผิวที่ร้ายแรงที่สุด 
 
       
ฉะนั้นเราต้องปรับความคิดใหม่
และใช้ร่างกายเราอย่างทะนุถนอมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม หาเวลาออกกำลังกายบ้าง และรับประทานอาหารดีๆ



8. แอ๊ปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวี มีประโยชน์

         
แต่ถ้าคุณรับประทานยาปฏิชีวนะอยู่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้เหล่านี้เพราะบูดง่ายในลำไส้
อาจเกิดการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้


9. การไอเรื้อรัง

         
อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
ยาปฏิชีวนะที่แพทย์สั่งเพื่อรักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ ให้ใช้วิธีที่สุดแสนธรรมดาแต่ได้ผลมากกว่าคือ
ดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ อมยาอมให้ลำคอชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา
และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
แค่นี้ก็หายแล้ว


10. การที่เราคิดว่าตัวเองมีสุขภาพดี


         
แถมอายุยังน้อย ทำให้เราชะล่าใจในการดูแลรักษาสุขภาพ
เวลาเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับร่างกายจะคิดว่าช่างมัน เดี๋ยวคงหายเอง ซึ่งไม่ถูกต้อง


11. เมื่อมีอาการเท้าและข้อเท้าบวม

         
ให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15
นาที แล้วขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลัง เพื่อช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น
หลังจากนั้นใช้แปรงที่ขนทำจากวัสดุธรรมชาติ แปรงผิวหนังเบาๆ
เริ่มบริเวณฝ่าเท้าซึ่งเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย แล้วค่อยๆ
ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง
(ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวาน เพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล)
จากนั้นอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น


12. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน 

         
และรับประทานไข่มากกว่าอาทิตย์ละ
1
ครั้ง เสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากขึ้น


13. ผู้ที่รับประทานไข่เป็นเวลา
8 อาทิตย์


         
ลดน้ำหนักได้มากกว่าผู้ที่ไม่รับประทานถึง
65 เปอร์เซ็นต์ และรอบเอวลดลงเกือบสองเท่า
เพราะผู้ที่รับประทานไข่รู้สึกอิ่มกว่าการรับประทานขนมปัง
ทำให้รับประทานอาหารกลางวันและอาหารเย็นน้อยลง


14. การรับประทานอาหารไปดูหนังไป
 
       
ทำให้รับประทานอาหารมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าจะกินอิ่มมาแล้วหรือรสชาติของอาหารไม่ได้เรื่องเลยก็ตาม นอกจากนี้ไฟสลัวๆ
ทำให้ผู้ที่รับประทานอาหารไม่ค่อยระวังตัว เพลิดเพลินเจริญอาหารไปเรื่อย


15. เสียงเพลง

         
มีอิทธิพลต่ออารมณ์ของคนเรายิ่งดนตรีมีจังหวะเร็วเท่าไรก็ยิ่งกระตุ้นให้รับประทานอาหารมากขึ้นเท่านั้น


16. การดื่มน้ำ(เปล่า)เย็น

          50
ออนซ์ (8 ออนซ์= 1 ถ้วย) จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50
แคลอรี เท่ากับช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 5 ปอนด์หรือ
2.5 กิโลกรัม
เพราะการดื่มน้ำเปล่าไม่ทำให้ร่างกายได้รับพลังงาน แต่ต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญน้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นน้ำเย็นทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานเผาผลาญมากขึ้นอีก


17. การออกกำลังกาย

         
ด้วยการยกน้ำหนักและพิลาทิส
ควบคู่กันไปจะช่วยพัฒนาความแข็งแรงของปอดและหัวใจ
รวมถึงความแข็งแรงและยืดหยุ่นของโครงสร้าง และการรับประทานอาหารมื้อย่อยๆ
5
มื้อต่อวัน โดยมื้อกลางวันจะเน้นอาหารประเภทโปรเท้าเพียง 1 มื้อ นอกนั้นเน้นผักและผลไม้ จะทำให้มีพลังงานที่พอเหมาะในการใช้งาน
และไม่ทิ้งไขมันส่วนเกินสะสม


18. ผู้ชายที่รับประทานมะเขือเทศ
 
       
ซึ่งมีไลโคปีนสูงอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10
ผลหรือมากกว่านั้นเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์ วิธีง่ายๆ
ให้นำมะเขือเทศไปปั่นให้ละเอียดเติมน้ำมันมะกอกและนำไปปรุงสุก
ความร้อนจะช่วยให้มะเขือเทศปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น



19. รับประทานแอ๊ปเปิ้ลหนึ่งชิ้นหลังอาหาร
 
       
ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดแบคทีเรียในช่องปากและช่วยให้เหงือกแข็งแรง
การรับประทานสับปะรดและมะละกอคือก่อนอาหารประมาณ
2-3 ชิ้น
ดีต่อกระเพาะอาหารเพราะมีเอนไซน์ซึ่งช่วยย่อย
จึงเท่ากับช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่ตามลงมาได้ง่ายขึ้น



20.
หากไม่อยากมีกรดในกระเพาะมากเกินไป


         
ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่นมะนาว
ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุ๊ต หรือน้ำมะเขือเทศสดปั่น หรือทำให้เจือจางด้วยการผสมน้ำเข้าไป


21. สำหรับหนุ่มเจ้าสำราญ
 
       
ที่ชอบปาร์ตี้หามรุ่งหามค่ำ
ก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้ด้วยการนอนหลับให้นานหน่อย อีกวิธีหนึ่งในการดูแลตัวเองคือมีแฟนเด็ก
จะได้มีแรงกระตุ้นให้เราทำตัวเด็กตาม ต้องดูดีตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอบายมุข
การเที่ยวกลางคืนก็เป็นอันต้องงด


22. การเล่นเกมคอมพิวเตอร์
 
       
โดยเฉพาะเกมที่ต้องใช้สมาธิ
ช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันโรคอัลเซเมอร์ได้
เกมอื่นๆ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ หรือเลือกเรียนดนตรี ก็ช่วยได้เช่นกัน


23. การใช้พลาสติกใส่อาหารหรือปิดอาหาร 

         
รวมถึงใส่จานชามพลาสติกในไมโครเวฟ
เพราะความร้อนจะทำให้พลาสติกปนเปื้อนในอาหาร เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม


24. ก่อนตั้งครรภ์

         
ควรเตรียมตัวล่วงหน้าประมาณ 3
เดือน 1.ดูแลเรื่องอาหารการกิน เน้นโฟเลต
แคลเซียม วิตามินต่างๆ ป้องกันอาการแพ้ท้องหรืออยากอาหารประหลาดๆ
2.ระวังเรื่องการรับประทานยาทุกชนิด อ่านฉลากให้ดี
เพราะอาจทำร้ายลูกโดยไม่เจตนา
3.ทำใจให้สบาย คิดในแง่บวก 4.
ออกกำลังกายที่เหมาะสม


25. ถ้ามื้อนั้นรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก


  
     
ไม่ควรรับประทานผลไม้อีก
เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน
ทำให้ผลไม้ที่ย่อยเสร็จไปเรียบร้อยแล้วถูกกักอยู่ในกระเพาะ
เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้






Create Date : 14 ตุลาคม 2551
Last Update : 16 ตุลาคม 2551 20:41:21 น.
Counter : 984 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nutangmo
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เราไม่สามารถทำให้ทุกคนรักเราได้ แต่เราสามารถที่จะทำให้คนที่รักเรารักมากขึ้นได้ จงเลือกเก็บสิ่งที่ดีไว้ผลักดันตัวเอง จงใช้หัวใจนำทาง

ไปฟังเพลงที่ห้องTRUELIFEจ้า ไม่มีความคิดใดไร้ค่า แม้นาฬิกาตาย ยังบอกเวลาตรงตั้ง2ครั้งต่อวัน

Sudoku from SudokuPuzz.com
เพลงใหม่ โค้ดเพลง MV