เรื่องเล่าจากประสบการณ์ 04

เรื่องเล่าจากประสบการณ์ 04
 
ว่าด้วยเรื่องคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า หรือ คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย
 
หลายคนที่เป็นชาวพุทธ น่าจะมีประสบการณ์กับการใช้คาถา หรือสวดมนต์มาบ้าง และอดจะตั้งคำถามไม่ได้ว่า ‘คาถา’ ใช้อย่างไรถึงจะได้ผล บางคนเคยใช้แล้วไม่เห็นผล จนคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หรือหนักกว่านั้นคือ ปรามาสไปเลย ซึ่งข้าพเจ้าขอเล่าประสบการณ์น้อยนิดเท่าที่เคยทำมานะคะ...ถ้าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน ก็ขออภัยด้วย   
 
หลังเรียนจบใหม่ๆ ข้าพเจ้าฝึกสมาธิแบบจริงจัง และจะชอบทัวร์บุญต่างจังหวัดมาก โดยจะไปกันเป็นหมู่คณะใหญ่ คิดว่าไปแล้วได้บุญ ได้เที่ยวได้สนุก ได้เปิดหูเปิดตา ไปบ่อยมากแทบจะทุกโปรแกรมเดือนละครั้งสองครั้ง แต่ข้าพเจ้าจะมีปัญหาเรื่องเหนื่อยง่ายมาก จู่ๆ จะหมดแรงไปเฉยๆ เหมือนโดนดูดพลัง ขนาดเป็นลมหลังขึ้นไปกราบพระธาตุทางอีสาน เดือดร้อนรุ่นพี่ที่ไปด้วยต้องประคองลงมา ทั้งที่ก่อนไปร่างกายก็แข็งแรงดี
 
อับอายขายขี้หน้าผู้หลักผู้ใหญ่รุ่นคุณยายคุณย่ามากๆ เพราะพวกท่านดูแข็งแรงกว่าข้าพเจ้าเสียอีก บางท่านชอบพูดว่า “เวลาไปวัดไปทำบุญ เหมือนชาร์จพลัง”...แต่ไม่ใช่ข้าพเจ้าแน่  
 
แต่ถ้าไปเที่ยวสถานที่อื่น ซึ่งไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่วัด หรือไม่มีพลังงานสูง ร่างกายจะไม่มีปัญหาอะไร จึงรู้ทันทีว่า ‘เรา’ มีปัญหา ‘พลังรั่ว’ แล้วทำไมข้าพเจ้าถึงเป็นแบบนั้น? แล้วจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร? ไม่งั้นเวลาไปทัวร์บุญคงไม่สนุกแน่ ...แต่คิดจนหัวแทบแตก ก็หาคำตอบไม่ได้  
 
จนวันหนึ่งได้เจอกับอาจารย์คนแรกที่สอน ‘มโนมยิทธิ’ ซึ่งข้าพเจ้าเรียนจาก ‘บ้านก๋ง’ ฉะเชิงเทรา พอไหว้ท่านเสร็จ ก็เล่าให้ท่านฟังถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อาจารย์หัวเราะ แล้วตอบอย่างใจดีว่า “ลองนึกเอาองค์แก้วครอบตัวเองสิ ครอบให้เป็นปกติ แบบนี้ถึงจะไม่โดนดูดพลัง”
    
ข้าพเจ้ายิ้มออกหลังได้คำตอบ “ค่ะ” แล้วก็ลองทำทันที  
 
ตอนแรกก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ลืมหรือเผลอเมื่อไหร่องค์แก้วที่ครอบก็จะหายไป แต่ข้าพเจ้าก็ซ้อมต่อไปเรื่อยๆ เพราะเชื่ออาจารย์ ขยันซ้อมพอๆ กับเล่นเกม พอไปออกภาคสนามออนทัวร์ก็เอาตัวรอดได้ อย่างน้อยก็ไม่เป็นลมล้มพับให้ขายขี้หน้าอีก จึงทำแบบนี้เรื่อยมา   
 
ต่อมาหลวงพี่เจ้าอาวาส วัดทางเหนือได้แนะนำว่า ให้สวดคาถา ‘มงกุฏพระพุทธเจ้า’ เพื่อให้มโนมยิทธิชัดเจนแจ่มใสกว่าเดิม และสายตาจะไม่สั้น ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้าสายตาเริ่มสั้นร้อยนิดๆ แต่ไม่ค่อยจะใส่แว่นเพราะรำคาญ ข้าพเจ้าเลยสวดคาถาบทนี้ตอนก่อนหลับ คือนอนสวดบนเตียง โดยนึกให้องค์แก้วครอบตัวในทุกจบที่ท่อง และขยายให้ครอบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนจบที่ 9 จะครอบได้ทั้งพื้นที่บ้าน ซึ่งป้องกันได้หลายอย่าง ทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น รวมถึงเรื่องคุณไสยต่างๆ ได้อีกด้วย
 
ครั้งหนึ่งเดินทางไปกับกลุ่มญาติธรรมด้วยรถตู้ ตกกลางคืนนอนโรงแรมเกรดธรรมดา ด้วยความที่เหนื่อยมากหลังตะลอนมาทั้งวัน หลังอาบน้ำก็อยากจะพักผ่อน พอล้มตัวลงนอนก็สวดมนต์ในใจ แต่ไม่มีพลังพอที่จะครอบแก้วทั้งห้องพัก จึงกำหนดจิตครอบแก้วแค่ตัวเอง แล้วผล็อยหลับไป
 
ตอนเช้าเจอหลายคนในกลุ่มบ่นอุบอิบคล้ายๆ กันว่า นอนไม่หลับ เหมือนมีอะไรมากวน แม้แต่เพื่อนร่วมห้องก็เป็นแบบนั้น หลับๆ ตื่นๆ ไม่เว้นกระทั่งคนขับที่นอนในรถตู้ หัวหน้าทัวร์จึงถามข้าพเจ้าว่า “เมื่อคืนเจออะไรหรือเปล่า?”
 
ข้าพเจ้าหลับสนิทไม่รู้เรื่อง จึงส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”
 
คนอื่นได้แต่มองหน้าอย่างงงๆ ว่ารอดไปได้อย่างไร ข้าพเจ้าแค่ยิ้มๆ 
 
สรุปคือตั้งแต่ใช้คาถาบทนี้ก่อนนอน ก็ไม่เคยเจออะไรแปลกๆ มารบกวนนัก แม้แต่กระทั่งไปค้างที่วัดจังหวัดทางเหนือ ที่มีพ่อมดหมอผีแถวนั้นส่งคุณไสยมาก่อกวน ทุกคนในกลุ่มได้ยินเสียงเหมือนโลหะกระทบแก้วดังแสบหู แต่ไม่มีใครออกมาจากห้องพัก รุ่งเช้าหลวงพี่เจ้าอาวาสให้ดูตะปูผูกด้ายแดงกับหนังสัตว์ที่ถูกส่งมา ซึ่งไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆ 
 
ต่อมาแวะไปทำบุญกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดใกล้บ้าน ท่านบอกให้ช่วยอ่านฉลากขวดที่ตัวหนังสือเล็กมาก ข้าพเจ้าหยิบมามองแล้วก็อ่านไม่ชัด ตอนนั้นนึกยังไงก็ไม่รู้ จึงว่าคาถาในใจ 9 จบ แล้วขอให้อ่านออก...ผลคืออ่านได้จริงๆ เหมือนตัวหนังสือลอยออกมา ก็ตอบท่านไปตามที่เห็น
 
หลวงพ่อท่านยิ้ม แล้วกล่าวออกมาว่า “คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า คือมงกุฎ ไม่ใช่องค์แก้ว เวลาคิดครอบ...ต้องคิดเป็นมงกุฎ เข้าใจไหม?”
 
ตอนนั้นข้าพเจ้าอึ้งไปเล็กน้อย รู้ทันทีว่า...ท่านอ่านใจคนได้ชัดเจนมาก หรือที่เรียกว่ามี เจโตปริยญาณ จึงยกพนมมือรับคำ “ค่ะหลวงพ่อ”
 
คาถาแต่ละบทล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์ โดยอาศัยอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ถ้าใช้ได้คล่องแคล่วจะมีประโยชน์มาก และข้าพเจ้าเชื่อว่า ไม่ใช่แค่ป้องกันอันตรายได้ ป้องกันโควิด-19 ก็ได้ แม้แต่รังสีต่างๆ ก็ป้องกันได้...เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ค่ะ    
 
ขอบคุณที่กรุณาติดตาม
 
-ลำดวนพยากรณ์-
 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2563		0 comments
Last Update : 11 กรกฎาคม 2563 19:27:59 น.
Counter : 9457 Pageviews.
Share Tweet