สวนผึ้ง เพิ่งจะไปกับครอบครัว 2 วัน 1 คืน
วันศุกร์ที่ 9 - วันเสาร์ที่ 10 ก.ย.65 ทริปนี้แม่อยากไปเที่ยวสวนผึ้ง ถือโอกาสชวนครอบครัวแฟนไปนอนเล่น 1 คืน หลังจากจองที่พักได้ ถึงเวลาเดินทาง
เวลา 06.57 น. ได้เวลาล้อหมุน เซทไมล์ไว้ที่ 0 กม.น้ำมันเต็มถังเหมือนเดิม ส่วนสมาชิกจากบ้านผมเดินทาง เด็ก 1 ผู้ใหญ่ 4 จากบ้านนนทบุรี ใช้เส้นทางจาก กระทรวงสาธารณสุข ข้ามสะพานพระราม 5 ยิงตรงไปถึงถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายตรงไปถึงแยกต่างระดับฉิมพลีขึ้นสะพานเลี้ยวขวา (ป้ายบอกไปทางนครปฐม เลี้ยวตามป้ายไป) ลงสะพานจะเข้าเส้นถนนบรมราชินี ตรงไปถึงพุทธมณฑล สาย 4 ชิดซ้ายขึ้นสะพานต่างระดับข้ามไปศาลายา ยิงยาวไปถึงนครชัยศรีผ่านตลาดท่านา ตรงไปนครปฐม เลยนครปฐมมาหน่อยมีร้านอาหารเยอะมาก
เวลา 08.00 น. ไมล์ 67 กม.ถึงร้านข้าวแกงพนิดาปลาช่อน มื้อเช้าฝากท้องไว้ร้านนี้ เส้นทาง คลิกเลยร้านอาหารเป็นข้าวแกงโดยมีปลาช่อนเป็นหลัก นอกจากข้าวแกงแล้วยังมีขนมจีน/ก๋วยเตี๋ยว มีเมนูพร้อมบอกราคาอยู่หน้าเคาเตอร์อาหาร จะเลือกเป็นข้าวราดแกงหรือจะตักเป็นถ้วยแล้วแต่เรา อาหารปลาช่อนเป็นหลัก ทำหลายเมนูมากนอกจากข้าวราดแกงแล้วอย่างอื่นก็มีเหมือนกันนะครับของผมปลาช่อนผัดผงกระหรี่ รสนัวมากกินกับแกงส้มไข่ปลาช่อนกับปลาช่อนแดดเดียว รสชาติดีทีเดียว จะออกหวานหน่อยๆถูกปากมาก ส่วนแม่ผมแกงคั่วหอยขมกับปลาช่อนผัดขิงก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่น้ำ ของพี่เลี้ยงแม่ผม น่าตาน่ากินเหมือนกันแต่ไม่ได้ชิมไม่รู้อร่อยเปล่าขนมจีนน้ำยาปลาช่อน แฟนบอกน้ำยาข้นดี อร่อยพอได้แต่ยังไม่ถึงกับน้ำตาไหลสรุป ร้านอาหารอยู่ริมถนน เห็นป้ายชัดเจน กลับราชบุรีบ่อยแต่ไม่เคยแวะร้านนี้เลย ที่จอดรถสะดวก ภายในร้านสะอาด เป็นแบบเปิดโล่งถ่ายเทอากาศได้ดี แต่งร้านเรียบๆ ห้องน้ำสะอาด ส่วนรสชาติอาหารจะออกกลางๆติดหวานนิดๆ ไม่ถึงกับรสจัด ราคาตามมาตรฐานสำหรับยุคนี้ ไม่ถึงกับสูงมากถ้าเทียบกับปริมาณและวัตถุดิบ ส่วนวัตถุดิบถือว่าใช้ของมีคุณภาพ ปลาสด ใครสายปลาช่อนแวะมาชิมกันได้ครับ
อิ่มแล้วเดินทางต่อไปสวนผึ้ง ถึงราชบุรี วิ่งเข้าเจดีย์หัก-ค่ายบุรฉัตร-ก่อนถึงจอมบึงผ่าน ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 (เขาประทับช้าง) แวะหน่อย เส้นทางวิ่งตามกูเกิ้ล คลิกเลยถึงสวนสัตว์เขาประทับช้างเวลา 11.00 น.ระยะทาง 125 กม. จะมีลานจอดรถพอประมาณ ด้านหน้าจะเป็นร้านขายอาหารนิดหน่อย วันที่ผมไปร้านเปิดไม่กี่ร้าน จากลานจอดรถเดินตรงเข้าไปไม่เก็บค่าเข้า ด้านซ้ายมือจะเป็นร้านค้าสวัสดิการ เห็นขายแต่พวกน้ำดื่มอยู่ในตู้แช่ ด้านหน้าจะมีอาหารไว้ให้สัตว์กิน ไม่ได้ขายแต่จะรับบริจาคโดยการหยอดเงินลงในตู้แล้วหยิบอาหารไปให้สัตว์ได้เลย โดยรวม สัตว์ยังไม่ค่อยเยอะ แต่สุขภาพจิตดีทุกตัว ไม่เครียด ไม่แสดงการก้าวร้าวให้เห็น สถานที่สะอาด ร่มรื่น สัตว์ทุกตัวได้รับการดูแลและเลี้ยงดูอย่างดี ส่วนเจ้าหน้าที่บริการดีทุกท่านเลยครับ ขอลงภาพสัตว์ต่างๆศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่ายาวเลยแล้วกันครับ ตัวนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าจับได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยต่างชาติลักลอบนำเข้ามาเลี้ยง (สัตว์ที่นี่ส่วนมากถูกจับได้หรือได้รับบาดเจ็บแล้วเอามาให้รักษาและดูแล พอแข็งแรงค่อยนำไปปล่อยสู่ธรรมชาติหรือส่งไปให้สวนสัตว์ที่พร้อมดูแลต่อไป) เดินชมสวนสัตว์ประมาณ 20 นาที ได้เวลาเดินทางไปรีสอร์ท
ลาศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าด้วยภาพแม่กับพี่เลี้ยงหน้าทางเข้าศูนย์แล้วกันครับ ออกจากสวนสัตว์เปิดเขาประทับช้าง วิ่งเข้าจอมบึงผ่าน รพ.สมเด็จยุพราชไปหน่อยจะเจอสี่แยกไฟแดงบ้านปากบึง เลี้ยวขวา (ตรงไปเข้าจอมบึง) ขับตามทางหลักไปเรื่อยจะผ่านตัวเมืองชัฏป่าหวาย ตรงนี้ของกิน ของขาย ของแคมป์ปิ้ง แวะชื้อกันได้เลยมีเยอะมาก ตรงไปจนถึงทางแยกไฟแดงภูผาผึ้ง เลี้ยวซ้ายขับตามเส้นทางหลักจะถึงสวิส วัลเลย์ ฮิพ รีสอร์ท ผ่านเดอะ ซินเนอร์รี่ วินเทจฟาร์ม ตรงไปเรื่อย จะถึงสวนผึ้ง ออนเซน รีสอร์ท มาถึงก่อนเวลาเช็ค-อิน (รีสอร์ทเช็ค-อินเวลา 14.00 น.) มีเวลา 1 ชม.เลยไปเที่ยวน้ำตกเก้าชั้น อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท ใครงงเส้นทางวิ่งตามกูเกิ้ล คลิกเลย น้ำตกเก้าชั้นหรือน้ำตกเก้าโจน เป็นน้ำตกที่เดียวกันนะครับ มาถึงน้ำตกเก้าชั้นเวลา 12.40 น.ระยะทาง 181 กม. (ห่างจากรีสอร์ทประมาณ 3 กม.) จะมีลานจอดรถอยู่ทางขวามือ จอดฟรี จะมีด่านคัดกรองก่อนเข้าน้ำตก ช่วงที่ผมไปก็ไม่ได้ตรวจอะไร ช่วงนี้เริ่มใช้ชีวิตปกติกันแล้ว จากลานจอดรถเดินตรงไปยังน้ำตกประมาณ 100 ม. ระหว่างทางจะมีร้านขายไก่ย่าง ส้มตำ ร้านขายของที่ระลึกรวมถึงอุปกรณ์เล่นน้ำตก ผมอุดหนุนร้านนี้ จะให้เสื่อพร้อมอาหารที่เราสั่งไปส่งที่น้ำตกเมนูจะประมาณนี้ สั่ง ไก่ย่าง/ปลาเผา/ตำไทย/ตำปู-ปลาร้า/ลาบหมู/ข้าวเหนียว ราคาตามใบเสร็จ สั่งเสร็จ จ่ายตังค์ ร้านจะให้เสื่อมา 2 ผืน เดินไปหาที่นั่งใกล้น้ำตกได้เลย อาหารเสร็จเดี๋ยวเค้าจะเดินไปส่ง ก่อนเข้าไปยังน้ำตกต้องเสียค่าเข้าคนละ 20 บาท ผู้สูงอายุกับเด็กเล็กไม่ต้องเสียค่าเข้า (แม่ผมกับลูกพี่เลี้ยงเข้าฟรี)น้ำตกมีทั้งหมด 9 ชั้น แม่เดินไม่ไหว ขอนั่งแค่ชั้น 1 พอนั่งไม่นานอาหารก็มาส่ง ส่วนรสชาติปลาเผาไม่ค่อยสดเท่าไหร่ ไก่พอใช้ได้ ลาบอร่อยอยู่ ส้มตำพอกินได้ โดยรวมรสชาติพอกินแก้หิวไปได้ ราคาแอบแรงแซงรสชาติกับวัตถุดิบที่ไม่ค่อยสดเท่าไหร่ไปไกลเยอะ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะเค้ามีเมนูพร้อมบอกราคา ถือว่ากระจายรายได้ให้กับคนท้องถิ่นแล้วกัน นั่งกินไปชมน้ำตกไป เพลินๆ เวลา 14.00 น.ได้เวลาเข้าที่พัก
คืนนี้นอนที่ สวนผึ้ง ออนเซน ห้อง ออนเซน พลูวิลล่า 1 คืน มาถึงครอบครัวแฟนเข้ามาเช็คอินให้ก่อนแล้ว (เสียค่ามัดจำค่าห้อง 1,000 บาท ตอนเช็คเอาท์ถ้าไม่มีอะไรเสียหายคืนเงินเต็มจำนวน)
ห้องออนเซน พลูวิลล่า อยู่บนเนิน หลังเดียวเป็นเอกเทศมาก บันไดเดินขึ้นไปยังห้องพัก ไม่สูงมากแม่ผมยังเดินขึ้นไหวมองลงมาเป็นที่จอดรถเลยไปเป็นห้องอาหารกับแผนกประชาสัมพันธ์ ครอบครัวแฟนผม(อยู่ราชบุรี)มาถึงกันก่อนแล้ว
ห้องที่ผมพักรับได้ 7-10 คน ครอบครัวผมไป 5 คน ครอบครัวแฟน 4 คน มีน้องหมา 1 ตัว ทางรีสอร์ทบอกว่าเอามาพักได้ไม่คิดเงินเพิ่ม (รวมผู้ใหญ่ 8 เด็ก 1 สุนัข 1 )เดินขึ้นมาถึงเป็นที่นั่งเล่น ก่อปูนเรียบเป็นที่นั่งรูปตัว L ตรงกลางก่อปูนเป็นโต๊ะเอนกประสงค์ไว้ทำกิจกรรมต่างๆกับครอบครัวพร้อมเก้าอี้ไว้นั่งเล่น ตามรูป ด้านหน้ามีบ่อน้ำแร่ขนาดใหญ่อยู่หน้าห้อง เป็นน้ำแร่ดึงมาจากบ่อคลึง
ทางรีสอร์ทเพิ่งเปิดน้ำใส่ เป็นบ่อน้ำแร่ส่วนตัวของห้องพักพูลวิลล่า รอไม่นานก็น้ำก็เต็ม ดูขนาดบ่อแช่น้ำแร่ ครอบครัวผมกับครอบครัวแฟนลงพร้อมกันได้สบายๆ บ่อแช่ใหญ่มาก ลงไปด้านหน้าเป็นลานพร้อมเก้าอี้สนาม 1 ชุด มีเปลตาข่ายไว้นั่งรับลมอีก 2 เปลด้านข้างมีห้องน้ำเป็นห้องไม้ไผ่กับตับจากมากันเป็นห้อง ประตูขัดแตะ มีม่านกันอีกชั้นภายในห้องน้ำมีฝักบัวแบบเรน ชาวเวอร์และแบบสายฝักบัวแต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อมสุขภัณฑ์ชักโครกและสายชำระ ห้องน้ำธรรมชาติมาก ชอบมีโถปัสสาวะผู้ชายให้ด้วยหน้าห้องน้ำมีอ่างล้างมือและอุปกรณ์ทำความสะอาดภาพรวมด้านหน้าห้องพัก
น้ำแร่เป็นแบบน้ำร้อนธรรมชาติ ลงไปแช่อุ่นสบายตัวมาก ถ้ามาหน้าหนาวแช่น้ำแร่น่าจะฟินกว่านี้ได้เวลาเข้าไปดูในห้องข้างในกัน เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ พื้นปูด้วยกระเบื้อง มุมห้องด้านซ้ายมือก่อนปูนฉาบเรียบเป็นเก้าอี้นั่งเล่นรูปตัว L พร้อมโต๊ะวางของตรงกลาง ผนังด้านข้างก่ออิฐมอญเปลือย ตามรูป ส่วนด้านหน้าเป็นกระจกใสบานใหญ่ด้านบนเป็นฝ้าหลุมพร้อมโคมไฟด้านหน้าตกแต่งก่ออิฐมอญจำลองเตาผิง ชั้นบนวางของตกแต่งด้วยขวดเหล้าและแจกันดอกไม้ถัดไปเป็นอ่างแช่น้ำแร่เล่นระดับ ขนาดกลาง ข้างบนประดับด้วยโคมไฟและไฟประดับอ่างแช่น้ำทำที่นั่งให้แช่ทั้ง 2 มุม ส่วนด้านข้างทำที่นั่งจากไม้ไผ่ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติทำให้ห้องดูไม่แข็งเกินไปแต่จะว่าไป อ่างก็ไม่เล็กนะครับ แช่กัน 3-4 คนได้สบายๆมองจากอ่างแช่น้ำแร่จากอ่างแช่น้ำด้านขวามือจะมีบันไดขึ้นไปยังห้องนอนชั้น 2 ส่วนด้านหลังจะเป็นห้องครัวห้องครัวจะเข้าทางด้านปีกขวาทางเข้าห้องครัวด้านขวามือ จะผ่านห้องนอนด้านปีกขวาภายในห้องครัวมีอุปกรณ์การทำอาหารให้ครบ ตั้งแต่หม้อหุงข้าว กาน้ำร้อน เครื่องชงกาแฟ ไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า ตู้เย็น แก้วน้ำ มีด จานชาม มีให้ครบแต่ไม่เห็นกระทะ แค่เราเตรียมอาหารสด อาหารแห้งรวมถึงเครื่องปรุงรสต่างๆมาเอง สะดวกมากครกยังมีให้เลยในตู้เย็นมีน้ำขวดใหญ่ขนาด 1.5 ลิตร 4 ขวด นอกนั้นผมเตรียมมาจากบ้านมาดูห้องนอนชั้นล่างด้านซ้ายมือกันก่อนครับ เปิดเข้ามาห้องกว้างมาก จะเป็นเตียงนอนแบบปูนก่อ บนเตียงนอนมีเบาะนอน 2 ชั้น ชั้นล่างเบาะปูติดกับเตียงนอนขยับไม่ได้ ชั้นบนเป็นฟูกยกได้แต่ใหญ่กว่าเบาะรองพื้น พื้นปูด้วยกระเบื้องหัวเตียงมีโคมไฟปลายเตียง เป็นกระจกใสบานใหญ่ มีม่าน 2 ชั้นเป็นม่านลูกไม้กับม่านกันแสง พื้นให้พรมผืนใหญ่ 1 ผืนข้างเตียงเป็นห้องน้ำเล่นระดับนิดนึง หน้าประตูให้กระจกเงามา 1 บานเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ห้องกว้างมาก มีราวตากผ้าไม้ไผ่กิ๊บเก๋ พื้นปูกระเบื้องกันลื่น ผนังฉาบปูนเรียบ มีบล็อกแก้วทำให้ห้องน้ำไม่มืดเกินไปด้านซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของ ก่อปูนทั้งหมด ชั้นวางของมีเครื่องเป่าผมกับผ้าเช็ดผมถัดไปเป็นอ่างล้างมือด้านขวามือเป็นห้องอาบน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่น ติดกับผนังปูนกั้นกับชักโครก แยกเปียก แยกแห้งชักโครกมีสายชำระให้ด้วย ด้านบนจะมีเครื่องดูดกลิ่นมาดูห้องชั้นล่างด้านขวามือ ห้องนี้จัด layout เหมือนกับห้องด้านซ้ายมือ อุปกรณ์ให้ครบเหมือนกัน ความกว้างพอๆกัน เพิ่มเติมคืนให้ที่นอนเสริมมา 1 หลัง ดูแล้วสมาชิกนอนไม่สบายเลยขอเพิ่มที่นอนเสริมมาอีก 2 หลัง (คิดเพิ่มหลังละ 300 บาท) มาดูห้องชั้นบนกันบ้าง เป็นบันไดวน แอบแคบไปหน่อยแต่ไม่ชันมากแม่ผมขึ้นได้สบายๆ ขึ้นมาเจอประตูไม้บานพับ 2 บานก่อนเข้าห้องเปิดประตูมาจะเจอเตียงไม้ขนาด 3.5 ฟุต 2 เตียงด้านหัวเตียงมีโต๊ะวางของพร้อมโคมไฟและปลั๊กไฟภายในห้องไม่ใหญ่มากถ้าเทียบกับห้องชั้นล่าง แต่ก็ถือว่าห้องกว้างอยู่เหมือนกัน ด้านข้างจะเป็นประตูกระจกใสแบบเลื่อน 4 บานใหญ่มุมปลายเตียง จะทำเตียงหรือโต๊ะนั่งเล่นและชั้นวางของด้วยไม้ไผ่ด้านข้างเตียงนั่งเล่นเป็นห้องน้ำ ใช้ประตู PVC ลายดอกไม้แบบเลื่อน
เปิดเข้าไปมีก๊อกน้ำฝักบัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นตรงข้ามเป็นอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงามุมห้องมีไดร์เป่าผม (มีให้ทุกห้องน้ำ) แชมพูและสบู่เหลว สบู่เหลวหอมมากด้านในเป็นชักโครกพร้อมสายชำระ เสียดายห้องน้ำนี้ไม่ได้แยกโซนเปียก โซนแห้ง เพียงแค่ปูกระเบื้องยกระดับชักโครกขึ้นมานิดนึงห้องพักพูล วิลล่าก็จะมีประมาณนี้ หลังจากนั้นก็เดินสำรวจภายในรีสอร์ทนอกจากห้องพักพูล วิลล่าหลัง 1 ห้อง ยังมีห้องพักหลายแบบ ทุกห้องมีอ่างแช่น้ำแร่ให้ทุกหลังแต่ขนาดอ่างจะไม่เท่ากันแล้วแต่จะพักห้องไหน ไม่ได้เข้าไปดูในห้องได้แต่เดินผ่านเล่นๆภายในรีสอร์ทมีร้านอาหาร ชิราคาวาโกะ จำหน่ายอาหารด้วยแต่ผมไม่ได้ใช้บริการนะครับ ตอนบ่ายๆเห็นมีลูกค้ามาใช้บริการอยู่เมือนกันสรุป ที่พักสวนผึ้ง ออนเซน รีสอร์ท ห้องพักพูล วิลล่า เป็นบ้านพักหลังใหญ่ ชั้นล่างมีห้องนอนใหญ่ 2 ห้อง ห้องครัว 1 ห้อง ห้องนั่งเล่นส่วนกลาง 1 ห้อง ห้องน้ำ 3 ห้อง รวมห้องน้ำข้างนอก 1 ห้อง อ่างแช่น้ำแร่ 2 อ่าง ชั้นบนมีห้องนอนเล็ก 1 ห้องพร้อมห้องน้ำ 1 ห้อง ติดแอร์ทั้งหลัง ทุกห้องนอนรวมถึงห้องนั่งเล่น แอร์เย็นฉ่ำทุกห้อง อุปกรณ์ในครัวมีให้พร้อม ผ้าเช็ดตัว เช็ดผม ผ้านวม ผ้าห่ม หมอน เครื่องเป่าผมมีให้ทั้ง 3 ห้อง น้ำแรงมาก ห้องสะอาด หอมถึงห้องน้ำ ที่ชอบคือปลั๊กไฟมีให้เสียบทุกจุดเยอะมากไม่ต้องแย่งกัน น้ำแร่ในบ่อเป็นน้ำร้อนแช่สบายตัว ขาดแค่ทีวี ไม่มีให้ ไวไฟของรรีสอร์ทมาไม่ถึง แต่พวกเนท 3 จี 4 จี แรงดี ใช้ได้ทั้ง 3 ค่าย
ชอบรีสอร์ท บรรยากาศดี ห้องสะอาด อุปกรณ์มีให้ครบ เหมาะกับมาพักผ่อนกับครอบครัว
ข้อเสีย - รถสาธารณะมาไม่ถึง ต้องมีรถส่วนตัวถึงสะดวก ห้องพักพูล วิลล่า เล่นระดับมากไปหน่อย ไม่เหมาะกับคนสูงอายุแต่เหมาะกับเด็กๆวัยรุ่น ไม่มีทีวี นอกนั้นให้ผ่านหมด ถ้ามีโอกาสจะพาครอบครัวไปอีก ชอบแช่น้ำแร่ ถ้าหน้าหนาวน่าจะฟินกว่านี้ ใครสนใจ เข้าไปดูในเฟสของรีสอร์ทได้ครับ คลิกเลย
ถึงตอนเย็น เริ่มตั้งวง ญาติเตรียมชุดหมูกระทะมาทำกิน (อุปกรณ์เตาปิ้งไฟฟ้าหมูกระทะกับอาหารเตรียมมาจากบ้าน นอกนั้นพวกจานชามช้อนเป็นของรีสอร์ท)
วันเสาร์ที่ 10 ก.ย.65 ตัดมาตอนเช้า 05.50 น.ขับรถไปตลาดโอ๊ะป่อย ห่างจากรีสอร์ทประมาณ 9 กม.ไม่ไกลครับ วิ่งตามกูเกิ้ล คลิกเลยมาถึงแล้วเอารถเข้าไปจอดในวัดท่ามะขามได้เลย มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกเรื่องจราจรและที่จอดรถตลาดอยู่ตรงข้ามกับวัดทางเข้าตลาดตลาดจะเปิดเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ 7.00 น. - 14.00 น. และเปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่ต่อเนื่องจากวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น เช่นหากมีวันหยุดเป็นวันพฤหัส แต่วันศุกร์ไม่หยุด ตลาดจะไม่เปิดวันพฤหัส(ตามเพจ) แต่ผมไปถึง 06.00 น.ก็เข้าตลาดได้เห็นมีนักท่องเที่ยวมากันเยอะอยู่เหมือนกันบรรยากาศภายในตลาดติดแม่น้ำภาชี มีของกินและสินค้าพื้นเมืองขายเยอะเลยครับ ตกแต่งตลาดได้น่าเดินมา ไม่บรรยายให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกันชอบหมูปิ้งร้านนี้ น้องเค้าห่ออย่างสวย มีโต๊ะอาหารให้นั่งกินด้วยระหว่างรอตักบาตร ซื้ออาหารมากินเล่น ก๋วยจั๊บอร่อยอ่ะประมาณ 7.30 น.เตรียมใส่บาตร ที่ตลาดมีของจำหน่ายใส่บาตรชุดละ 49 บาทวันนี้นักท่องเที่ยวมาใส่บาตรกันเยอะเหมือนกันได้เวลาใส่บาตร พระจะยืนบนแพมารับบาตร ถือเป็นจุดขายของตลาดโอ๊ะป่อย
ตลาดจัดระเบียบการใส่บาตรได้ดี ถึงนักท่องเที่ยวจะเยอะแต่ไม่มีแย่งหรือแซงคิว ขอชมเลยครับ หลังจากตักบาตรเสร็จได้เวลากลับเข้าที่พัก ลาตลาดด้วยภาพนี้แล้วกันครับ กลับเข้าที่พักมากินอาหารเช้าของรีสอร์ท (ผมจองที่พักพร้อมอาหารเช้า)
อาหารเป็นบุฟเฟ่ต์ ไม่ค่อยอลังการเท่าไหร่ โดยรวมชอบผัดซีอิ๋วกับข้าวต้ม ส่วนแฮมไม่อร่อยเลย แต่ก็ยังมีอย่างอื่นอร่อยบ้างเฉยๆบ้างคละกันไปพอรับได้ครับอิ่มแล้วก็ไปนั่งเล่นนอนเล่น เวลา 12.00 น.ได้เวลาเช็คเอาท์ กลับบ้านแวะกินก๋วยเตี๋ยวตัวเมืองราชบุรีร้านนี้กินตั้งแต่ตอนผมยังไม่ย้ายมาอยู่ นนท์ รสชาติจะออกหวานนำ เครื่องแน่น ส่วนความอร่อยให้ภายยืนยันแล้วกันครับเวลา 15.00 น.ได้เวลาเดินทางกลับบ้าน ขากลับแวะซื้อของฝากร้านแม่กิมฮวยนิดหน่อย หลังจากนั้นยิงยาว ฝนตก รถติดตลอดทางกว่าจะมาถึงบ้านนนทบุรีเวลา 18.37 น.ระยะทางทั้งหมด 374.8 กม.เป็นการจบทริปกับครอบครัวใหญ่แบบประทับใจ ถ้ามีโอกาสจะไปนอนเล่นที่นี่อีกครับ
สรุป ค่าใช้จ่าย
วันศุกร์ที่ 9 ก.ย.65 สวนผึ้ง ออนเซน ห้อง ออนเซน พลูวิลล่า 1 คืน 9,300 บาท (ราคาห้อง 8,700 บาทรวมอาหารเช้า เสริมที่นอน 600 บาท 2 ชุดชุดละ 300 บาท) ร้านข้าวแกง พนิดา ปลาช่อน 395 บาท (ข้าวราดแกง 2 อย่าง 3 จาน 135 บาท/ข้าวราดแกง 1 อย่าง 1 จาน 40 บาท/กับข้าว 2 ถ้วย 100 บาท/ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำ 1 ถ้วย 50 บาท/ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน 50 บาท/น้ำเปล่าขวดใหญ่ 20 บาท) ถั่วทอด 2 กระปุก 120 บาท บริจาคอาหารสัตว์เขาประทับช้าง 200 บาท ร้านสงกรานต์ ไก่ย่าง ส้มตำ 615 บาท (ไก่ย่าง 1 ตัว 200 บาท/ปลาเผา 1 ตัว 150 บาท/ตำไทย 45 บาท/ตำปูปลาร้า 45 บาท/ข้าวเหนียว 2 ห่อ 20 บาท/ลาบหมู 90 บาท/น้ำแข็ง 1 กระติก 20 บาท/แก้ว 5 บาท/เป๊ปซี่ 40 บาท) น้ำตกเก้าโจน 60 บาท (ผู้ใหญ่ 3 คนคนละ 20 บาท เด็กเล็กกับผู้สูงอายุไม่คิด) กาแฟ 1 แก้ว 25 บาท
วันเสาร์ที่ 10 ก.ย.65 ตลาดโอ๊ะป่อย ชุดตักบาตร 194 บาท (4 ชุดชุดละ 49 บาท) ก๋วยจั๊บ 1 ชาม 30 บาท ขนมบ้าบิ่น 20 บาท ข้าวเหนียวหมูทอด 75 บาท (3 ห่อห่อละ 25 บาท) ข้าวเหนียวหมูปิ้ง 90 บาท (3 ห่อห่อละ 30 บาท) ผลไม้ข้างทาง สวนผึ้ง เมล่อนเหลือง 150 บาท (1 ลูก) สับปะรด 100 บาท (4 กก.100 บาท) มันเทศ 100 บาท (3 กก.100 บาท) ราชบุรี ก๋วยเตี๋ยวเจ๊ทรัพย์ 400 บาท (8 ชาม/น้ำเก็กฮวย 2 แก้ว/น้ำชาดำเย็น 1 แก้ว/น้ำเปล่า 1 ขวด) ของฝากร้านแม่กิมฮวย 1,078 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 12,952 บาท
Create Date : 27 กันยายน 2565 |
|
3 comments |
Last Update : 27 กันยายน 2565 14:56:08 น. |
Counter : 2742 Pageviews. |
|
|
|
เยอะนะครับ 555