วันนี้มาแนะนำสถานที่เที่ยวบ้านเกิดผมหน่อย อยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่บางแพ ไปเที่ยวด้วยกันครับ 





การเดินทางผมใช้เส้น พุทธมนฑล ตรงไปจนถึงเส้นเพชรเกษม ข้ามสะพานเลี้ยวขวา ขับตรงไปผ่านนครปฐม เข้าราชบุรี พอถึงแยกบางแพ ไม่ต้องขึ้นสะพานให้เลี้ยวซ้ายขับไปเรื่อยๆ อุทยานจะอยู่ทางขวามือครับ จะมีป้ายบอก  (ใครมาเช้าหน่อยจะเลยไปเที่ยวตลาดน้ำดำเนินก่อนก็ได้นะครับ ใช้เส้นทางเดียวกัน แต่ตลาดน้ำต้องขับเลยไปหน่อย)

ซื้อบัตรก่อนครับ ราคาตามป้ายเลย

มีบัตรก็ลุยได้เลยครับ ทางเข้าจะเป็นทางเดียวกับทางออก แต่ละจุดจะมีร่มให้ยืม

ทำตามกฏด้วยครับ 







เส้นทางเดินชมอุทยานจะร่มรื่นอย่างนี้ตลอดครับ 

เข้ามาถึงฝนตกปรอยๆ ฤกษ์ดีเชียว





เข้ามาเจออาคารเชิดชูเกียรติ เป็นจุดแรกที่แสดงหุ่นขี้ผึ้ง(ไฟเบอร์กลาส) บุคคลสำคัญ พร้อมแสดงเกียรติประวัติ คุณงามความดีของหลายๆท่าน 

ข้างในอาคารเป็นห้องโถงติดแอร์ ต้องถอดรองเท้าเข้าไปชม

ภายในมีหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญ อาทิ ครูมนตรี ตราโมท, สืบ นาคะเสฐียร, ศ.มล. ปิ่น มาลากุล, ศ. สัญญา ธรรมศักดิ์, ประธานาธิบดีโฮจิมินห์, เติ้ง เสี่ยวผิง, เหมาเจ๋อตุง, แม่ชีเทเรซา ใครเป็นใครดูตามป้ายเอาแล้วกันนะครับ บางท่านผมถ่ายออกมาไม่สวยเลยไม่ได้เอามาลงครับ





ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นผู้บุกเบิกแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติของประเทศไทย







ลุงคนนี้เป็นหุ่นขี้ผึ้ง ปั้นเหมือนมาก 

คุณสืบ นาคะเสฐียรครับ





ประธานาธิบดี โฮจิมินห์

แม่ชีเทเรซา ท่านได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ เพื่อช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจากทั่วมุมโลก





ประธานาธิบดีเหมาเจ๋อตุง และ ประธานาธิบดีเติ้งเสี่ยวผิงนักปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคม เพื่อพาชาวจีนสู่ความทันสมัย





ออกจากอาคารเชิดชูเกียรติ มีห้องน้ำไว้บริการ สะอาดดีครับ

หลังจากนั้นผมก็ไปยังจุดที่สอง เป็น ลานพระพุทธรูปสามสมัย เป็นลานร่มรื่นจัดแสดงผลงานปฏิมากรรมที่งดงาม ฐานพระพุทธรูปเป็นการจำลองโบราณสถานจากสถานที่ต่างๆ ได้อย่างเหมือนสถานที่จริง บริเวณนี้ทางอุทยานฯ ได้แบ่งพื้นที่การจัดแสดงพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ออกเป็นสามส่วนสามสมัย 

พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง ปางมารวิชัย แบบขัดสมาธิ ฐานพระจำลองมาจากอุทยานประวัติศาสตร์ จ.พระนครศรีอยุธยา









ที่สอง พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัยแบบขัดสมาธิราบ ฐานพระจำลองมาจากอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย









ที่สาม พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ปางมารวิชัย แบบขัดสมาธิเพชร ฐานพระจำลองมาจากวัดป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย






หลังจากนั้นผมก็มาจุดที่สามครับ “ถ้ำชาดก” เป็นการจำลองถ้ำขึ้นมา ในถ้ำติดเครื่องปรับอากาศ จัดแสดงหุ่นจำลองเกี่ยวกับทศชาติชาดก พระชาติสุดท้ายของเจ้าชายสิทธัตถะ คือ พระเวชสันดรชาดก ตอน ชูชกขอสองกุมาร ซึ่งเป็นเรื่องราวที่แสดงถึงคติธรรม คำสั่งสอน เพื่อให้คนเรารู้จักความพอดี







ชูชกได้สองกุมารไปรับใช้ ในถ้ำยังมีอีกหลายมุมครับ มีทั้งชูชกท้องแตกตาย ไม่บรรยายแล้วกันครับ มาดูเอาเอง












ต่อไปจุดที่ สี่ เป็นกุฏิพระสงฆ์ 4 ภาค แต่มี 5 หลังครับ ก่อนถึงกุฏิ แวะดื่มน้ำก่อนครับ ขายนะครับ ไม่ใช่ฟรี 555 









ทางเดินไปยังกุฏิพระสงฆ์ร่มรื่นมาก

หลังแรกจะเป็น กุฏิพระสงฆ์ภาคกลาง มี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) , สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) 





ถัดไปก็จะเป็นภาคเหนือ มีครูบาศรีวิชัย , หลวงปู่แหวนสุจิณโณ 

ถัดไปเป็นภาคใต้ มี , หลวงปู่ทวด , พระอาจารย์ทิม 









กุฏิสุดท้ายเป็น หอสวดมนต์ จะมีพระทั้งหมด 5 รูป จำไม่ได้แล้วครับ ว่ามีพระเกจิรูปใดบ้าง




จุดที่ห้า เป็นเรือนไทยสี่ภาค มีทั้งภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคอีสาน, ภาคใต้ ปลูกไปตามเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ภายในตกแต่ง ห้องตามวิถีชีวิตของชาวบ้านแต่ละภาค มีการจัดหุ่นและการแต่งกายให้เหมาะสมกับบรรยากาศครับ




































ระหว่างทางจะไปยังจุดสุดท้ายมีน้ำตก ที่พักผ่อน ร้านกาแฟ ไว้ให้พักด้วยครับ









มาถึงจุดสุดท้ายแล้วครับ





ลานพระโพธิสัตต์อวโลติเตศวร







สำหรับใครที่มาเดินทางวัน เสาร์-อาทิตย์ พอตอนเย็นจะขับเลยไปตลาดน้ำอัมพวาต่อก็ได้นะครับ ประมาณสิบกว่ากิโลเอง ไปทางเดียวกับตลาดน้ำดำเนิน แต่เลยไปอีก ส่วนผมขอกลับไปนอนที่ราชบุรีดีกว่า บ๊าย บายครับ





ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ