พัฒนาชีวิตด้วยปัญญา และความดี
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 มกราคม 2558
 
All Blogs
 

ข่าวดีมาแล้ว

(ข่าวดีมาแล้วครับ) "รัสเซียสนใจซื้อยางพาราจากไทย 2.8 แสนตัน รองรับการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น"

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเดนิส แมนทูรอฟ รมว.อุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซีย ได้เข้าพบหารือกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ โดยรัสเซียสนใจจะซื้อสินค้าเกษตรและอาหารจากไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งยางพารา

พล.อ.ฉัตรชัย เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างไทยและรัสเซียอันดีและยาวนานกว่า 117 ปี และพร้อมที่จะยกระดับความสัมพันธ์ในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง โดยรัสเซียแสดงความสนใจที่จะซื้อสินค้าเกษตร และอาหารจากไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยางพาราที่ต้องการซื้อจากไทย จำนวน 80,000 ตัน ในระยะแรก และระยะต่อมาจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ตัน เพื่อรองรับตลาดการผลิตรถยนต์ของรัสเซียที่คาดว่าจะสามารถผลิตได้ 3 ล้านคัน ในปี 2559 และไทยพร้อมที่จะเป็น แหล่งสำรองอาหารและสินค้าเกษตรให้รัสเซีย อาทิ สินค้าข้าว ยางพารา สินค้าประมง ผักและผลไม้ ตลอดจนสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่เพียงแต่สนับสนุนการซื้อขายโดยตรงเท่านั้น แต่พิจารณาให้มีการร่วมลงทุนระหว่างกันอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนที่ไทยมีศักยภาพ

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายให้มีการจัดคณะแลกเปลี่ยนผู้แทนการค้า, ภาคเอกชนระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับตลาดของทั้งสองฝ่าย และไทยเชิญชวนให้รัสเซียมาร่วมออกงานแสดงสินค้าในไทย ซึ่งมีหลายกิจกรรมในปี 2558 เพื่อโอกาสในการขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน

ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาด้านการเงินการธนาคาร ที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่จะอำนวยความสะดวกให้การค้าขายสองฝ่ายคล่องตัวมากขึ้น โดยเสนอให้จัดตั้งกลไกชำระเงิน โดยใช้เงินสกุลของแต่ละประเทศเป็นตัวกลางชำระเงินแทนเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งทั้งสองฝ่ายอาจพิจารณาใช้สกุลเงินหยวนเป็นตัวกลาง และจะมีการส่งคณะผู้แทนจากธนาคารไทยไปหารือกับธนาคารรัสเซีย และเจรจาจัดทำ MOU ระหว่างกันต่อไป

สำหรับเรื่องการลงทุน รัสเซียเสนอให้มีกลไกหารือในระดับรัฐมนตรี เพื่อหารือด้านการลงทุนระหว่างกัน ขณะเดียวกันรัสเซียได้จัดตั้งกลไกดังกล่าวกับเวียดนามแล้ว

ส่วนภาพรวมการค้าระหว่างไทย-รัสเซียนั้น รัสเซียนับเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) และอันดับที่ 24 ของไทยในตลาดโลก ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ในอาเซียนของรัสเซีย(รองจากเวียดนาม) และอันดับที่ 35 ของโลก โดยระยะ 5 ปีที่ผ่านมา(2552-2556) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่าเฉลี่ย 4,329 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยในปี 2557 (ม.ค.-พ.ย.) การค้าระหว่างไทย-รัสเซีย มีมูลค่า 4,662 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 9

ยินดีกับชาวสวนยางด้วยครับ grin emoticon

อ่านเจาะลึกหุ้นรายตัวที่นี่ครับ
//www.naiwaen.com/?cat=9
— กับ นายแว่นธรรมดา



หาบทความเก่าไม่เจอ?"

เพื่อนๆ ที่หาบทความเก่าๆ ในเว็บนายแว่นธรรมดาไม่เจอ
แนะนำให้เข้าไปหาที่ site map ตาม link นี้นะครับ
//www.naiwaen.com/?page_id=1773

มีครบทุกบทความในเว็บ หาอะไรรับรองเจอแน่นอนครับ

“เปิดรับสมัครสมาชิก”

เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยท่านที่สมัครจะได้รับของที่ระลึกจากนายแว่นธรรมดา“พวงกุญแจ นกฮูกนำโชค”สัญญาลักษณ์แห่งภูมิปัญญา และความโชคดีร่ำรวย สนใจรายละเอียดการสมัครติดตามได้ที่นี่เลยครับคลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดการสมัครสมาชิก

แนะนำเว็บไซค์สำหรับคนอยากมีบ้านหลังแรก และต้องการมองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

//www.topofliving.com/ (โดยนายแว่นธรรมดา เช่นเคยครับผม)

logo-topofliving2




 

Create Date : 16 มกราคม 2558
2 comments
Last Update : 16 มกราคม 2558 9:02:04 น.
Counter : 1029 Pageviews.

 

อุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะนี้กำลังการผลิตมีมากกว่าความต้องการของตลาด ทำให้อัตราการซื้อรถยนต์มีอัตราลดลง การชะลอตัวของตลาดรถยนต์ย่อมมีผลต่อความต้องการชิ้นส่วน อุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถยนต์ ซึ่งประเทศในอาเซียน รวมทั้งประเทศไทย เป็นผู้ผลิตและมีส่วนแบ่งที่สำคัญในตลาดรถยนต์

ในขณะเดียวกัน ความต้องการยางธรรมชาติได้ลดลงอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลมาจากการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรปและเอเชีย ขณะเดียวกันเมื่อน้ำมันดิบมีราคาลดลง ย่อมทำให้ยางรถยนต์ที่ผลิตจากยางเทียมซึ่งเป็นผลิตผลมาจากน้ำมันปิโตรเลียมลดลง ยางเทียมเป็นคู่แข่งโดยตรงกับยางพารา ประกอบกับเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วที่ราคายางรถยนต์ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์ในจีนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการขยายเนื้อที่เพาะปลูกยางพารากันอย่างขนานใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยที่ขยายเนื้อที่เพาะปลูกไปทั่วภาคอีสานและภาคเหนือ แต่ประเทศอื่นที่ไม่เคยปลูกยางพารา หรือเคยปลูกเล็กน้อย เช่น จีน เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา ก็หันมาปลูกยางพารากันหมด ปริมาณการผลิตยางพาราจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากในขณะนี้ ราคายางพาราจึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงที่สุดสำหรับประเทศไทย เพราะเป็นประเทศที่ขาดแคลนแรงงานและมีค่าแรงที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ต้องคิดว่าจะมีนโยบายที่จะรองรับกับปัญหาราคายางพาราตกต่ำอย่างไร คงต้องเริ่มคิด เริ่มทำเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะสภาวการณ์ราคายางพาราตกต่ำคงจะต้องมาถึงแน่ ๆ ในอนาคตข้างหน้านี้

 

โดย: 2547 IP: 171.97.104.178 19 มกราคม 2558 21:40:42 น.  

 

PLE คาดปี 58 รายได้แตะ 1 หมื่นลบ.มาร์จิ้น 10-11% สูงกว่าปีนี้ รับงาน...

นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการ บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 58 รายได้จะพุ่งแตะ 1 หมื่นล้านบาท จากปี 57 ที่คาดว่าจะทำได้ 7-8 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 8.7 พันล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin:GP)จะสูงขึ้นเป็น 10-11% จากปีนี้ทำได้ระดับเฉลี่ย 8%

อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้รายได้จะหดตัวลง แต่คาดว่ากำไรจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.52 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเลือกงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่สามารถขยับอัตรากำไรขั้นต้นมาที่ 8-9% โดยในไตรมาส 3/57 คาดว่าจะเริ่มพลิกเป็นกำไร จากไตรมาส 2/57 ที่มีผลขาดทุนราว 37.27 ล้านบาท

"ครึ่งปีแรกงาน slow ไปเยอะ overhead สูงขึ้น ทำให้มาร์จิ้นปีนี้ลดลงไปเหลือเฉลี่ย 8% เทียบกับปีก่อนทำไห้ 10-11% ตอนนี้เรารับงานที่มี Gross Profit Margin ที่ 10-12% เรามีโอกาสเลือกงานมากขึ้น ยิ่งถ้าภาครัฐมีงานออกมามาก ผู้รับเหมาก็หันไปทำงานภาครัฐ ภาคเอกชนจะหาผู้รับเหมายากขึ้น ตั้งเป้าว่าปีหน้าจะมี GP ที่ 10-11%"นายเสวก กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าในปี 58 เป็นโอกาสที่จะได้รับงานใหม่เพิ่มเข้ามาประมาณ 4.4 - 6.6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากงานภาครัฐที่เป็นโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานตามยุทธศาสตร์การขนส่ง หลังจากงานในปีนี้เข้ามาน้อยมาก โดยครึ่งปีแรกได้รับงานใหม่เพียง 4.5 พันล้านบาท และในไตรมาส 4 นี้ มีงานรอเซ็นสัญญา 1.3 พันล้านบาทซึ่งเป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า และอีก 2 งานราว 1 พันล้านบาทที่อยู่ระหว่างเจรจา จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog) 1.2 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยรับรู้ถึงปีหน้า

นายเสวก กล่าวว่า ปีหน้าจะมีการประมูลรถไฟฟ้ารางคู่ 6 สัญญา รวมมูลค่าโครงการราว 1.25 แสนล้านบาท โครงการถไฟความเร็วปานกลาง 2 เส้นทาง คือหนองคาย-มาบตาพุด และ เชียงของ-เด่นชัย รวมมูลค่า 7 แสนล้านบาท ส่วนนี้คาดว่าจะเข้าไปรับงานเหมาช่วงจากจีนหรือญีปุ่นที่คาดจะมีความร่วมมือแบบรัฐ่ต่อรัฐ โดย PLE คาดว่าจะรับงานส่วนนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

นอกจากนั้น ยังมีงานรถไฟฟ้าขนส่งมวลขนในกรุงเทพและปริมณฑล ที่คาดว่าจะออกประมูล 3 เส้นทาง มูลค่าโครงการ 2-3 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 16 สัญญา บริษัทคาดว่าจะได้งานอย่างน้อย 1-2 สัญญา มุลค่างานประมาณ 1-3 หมื่นล้านบาท และโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่าราว 6.5 หมื่นล้านบาท โดย PLE ตั้งเป้าได้งานส่วนนี้ 5-6 พันล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะมีงานภาคเอกชนอีก 9 พันล้านบาท-1 หมื่นล้านบาท ได้แก่ งานก่อสร้างห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเดอะมอลล์และกลุ่มเซ็นทรัล

นายเสวก กล่าวว่า ในวันนี้บริษัทได้ลงนามแต่งตั้ง บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นกู้ระยะยาวอายุเกิน 9 เดือน แต่ไม่จัดอันดับเครดิต(Not Rated) คาดอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 5.5-6.5% โดยจะเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ เป็นการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับงานใหม่ แม้ว่าแต่ละงานจะมี Project Finance เป็นแหล่งทุนอยู่แล้ว ปัจจุบันบริษัทมีต้นทุนการเงินที่ 7.5-8% เป็นเงินกู้สถาบันการเงินหลักพันล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าโครงการโซโห(SOHO)นั้น นายเสวก กล่าวว่า ขณะนี้กำลังปรับรูปแบบโครงการว่าจะเป็นศูนย์ขายส่งหรือขายปลีก เพื่อให้เกิดความชัดเจนด้านการตลาด เพราะบริษัทอาจจะขายเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)ปีหน้า มูลค่าอย่างน้อย 1.5 พันล้านบาท หากการเจรจากันพันธมิตรสัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าเข้ามาเช่าพื้นที่โครงการทั้งหมดไม่สำเร็จ แต่หากการเจรจาสำเร็จบริษัทก็ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งกอง REIT คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุป

บริษัทยังมีการลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ที่ จ.อยุธยา ซึ่งร่วมทุนกับโรงสี โดย PLE ถือหุ้น 58% ผลการดำเนินงานขาดทุนเพราะราคาแกลบที่เป็นวัตถุดิบสำคัญมีราคาสูง แต่มีค่าอัตราส่วนเพิ่ม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ (Adder) เพียง 30 สต./หน่วย บริษัทจึงมีแผนจะย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้าดังกล่าวไปอยู่ที่ภาคใต้หรือภาคอีสาน ใกล้กับสวนยางพารา เพราะสามารถนำเปลือกยางพาราที่มีต้นทุนต่ำกว่ามาใช้แทน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน

รวมทั้งมีแผนจะขยายโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 โรง ซึ่งอาจเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 10 เมกะวัตต์ เงินลงทุนราว 700-800 ล้านบาท หรือโรงไฟฟ้าจากขยะ ขนาด 10 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เจรจาพันธมิตรอยู่ 2-3 ราย

 

โดย: 2 IP: 171.97.71.132 2 กุมภาพันธ์ 2558 9:26:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตี๋2555
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




สวัสดีครับผม "นายแว่นธรรมดา" ผู้เขียนหนังสือขายดี "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" หนังสือ "หุ้น 5 พารวย" และเป็นผู้ก่อตั้ง http://www.naiwaen.com เว็บไซค์การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และ Money Market อีกมากมาย
และ http://www.topofliving.com เว็บไซค์เกี่ยวกับการเลือกซื้อบ้านหลังแรก การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยนิยามส่วนตัวก็คือ ทำให้ความมั่งคั่ง กลายเป็นเรื่อง "สนุก"
หากต้องการข้อมูลข่าวสารการลงทุนอย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้ แวะไปกด LIKE ที่นี่นะครับ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada

ผมยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
Free counters!
New Comments
Friends' blogs
[Add ตี๋2555's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.