Bloggang.com : weblog for you and your gang
ทาสอารมณ์ (Amish II)
ทาสอารมณ์ (Amish II)
27 กันยายน 2555
จากเรื่องเล่าของคุณนิ้วกลม เมื่อหลายปีก่อนมีข่าวครึกโครมเรื่องของคนขับรถที่บุกเข้าไปในโรงเรียนและฆ่าเด็กชาว Amish เสียชีวิตไป 5 ศพ และยิงตัวตายตามโดยไม่ทราบสาเหตุ ข่าวแบบนี้นับวันจะเกิดขึ้นบ่อยจนรู้สึกเฉยๆไปแล้วครับ เหมือนฆาตกรรมเรียนแบบประมาณนั้น แต่ความน่าสนใจไม่ได้อยู่ตรงจุดนี้แต่เป็นเหตุการณ์หลังจากนั้นมากกว่า คือในงานศพของฆาตกรนั้น ปรากฏว่าแขกที่ไปร่วมงานกลายเป็นชาว Amish เสียกว่าครึ่ง โดยชาว Amish มาแสดงความเสียใจกับการจากไปและอภัยให้กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น และยังเชิญภรรยาฆาตกรร่วมทานอาหารเพื่อแสดงความเห็นใจอีกด้วย
ฟังเรื่องราวแล้ว หลายๆท่านคงรู้สึกเหมือนผม ว่าเรื่องแบบนี้มีจริงในโลกด้วยหรือ มันมีอยู่จริงๆครับ และเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาเสียด้วย และถ้าใครไม่รู้จักชาว Amish ขอบอกนะครับว่าหลักของชีวิตพวกเค้าคือ ครอบครัว เพื่อน ชุมชน และศาสนา เค้ามีความผู้พันธ์ภายในครอบครัวสูงมาก แน่นอนเด็กๆที่จากไปย่อมเป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจของครอบครัวและชุมชน แต่...แทนการตอบโต้ด้วยอารมณ์(เหมือนที่กำลังเกิดขึ้นกับคนบางกลุ่มในตอนนี้) ชาว Amish เลือกที่จะให้อภัยและแสดงความเห็นใจกับผู้เป็นต้นเหตุของความทุกข์ยากที่เกิดขึ้น เรื่องราวนี้ทำให้ผมตื้นตันจนน้ำตาซึมเลยทีเดียว
ผมไม่เชื่อว่าชาว Amish ไม่รู้สึกโกรธแค้นต่อฆาตกร แต่การแสดงออกนั้นตรงข้ามกับความรู้สึกอย่างแน่นอน หรือนั่นเองคือ อิสรภาพ ที่แท้จริง อิสระจากความรู้สึกนึกคิดของตนเอง อิสระจากภายใน ก่อเกิดการกระทำที่อยู่เหนืออารมณ์ ผมเชื่อเช่นนั้น
เชื่อว่าหลายท่านยังไม่รู้จักชาว Amish นัก เลยขอนำเรื่องราวของชาว Amish มาแนะนำสักนิดนะครับ
ย้อนอดีตไปเมื่อศตวรรษที่ 15 ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์ มีชนชาวคริสเตียนกลุ่มหนึ่งแยกตนออกมาจากกลุ่มชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกบังคับให้เลือกในการ "เป็น"หรือ "ไม่เป็น" คาทอลิก
ดังนั้น จึงเกิดชนชาวคริสเตียนกลุ่มใหม่แยกตัวออกมาและเรียกตนเองว่า Anabaptists ในช่วงเวลานั้น กลุ่มอนาแบปติสต์ถูกต่อต้านและรุกรานอย่างรุนแรงจากกลุ่มผู้นับถือคาทอลิก บ้างถูกเผาทั้งเป็นหรือจับมาทรมาน จึงทำให้อนาแบปติสต์หาทางหนีไปสู่ดินแดนอื่นเพื่ออิสรภาพในความเชื่อของตน และแตกออกเป็นสามกลุ่ม คือ Amish, Mennonites และ Hutterites
ทั้งสามกลุ่มเดินทางมาสู่โลกใหม่ หรืออเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยอามิชไปฝังรกรากเป็นชุมชนใหญ่อยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย โดยเฉพาะเมือง Lancaster ซึ่งที่นั่นคือ ชุมชนอามิชที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
ชาวอามิชเป็นกลุ่มชนที่เคร่งศาสนา รักสันโดษ และปฏิเสธเทคโนโลยีทุกประเภท ไม่ขับรถ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่ใช้ไฟฟ้า เชื่อในความช่วยเหลือเจือจานกันในชุมชน และไม่แต่งงานกับคนนอกชุมชนอย่างเด็ดขาด ทั้งหญิงชายจะต้องแต่งงานกับอามิชด้วยกันเท่านั้น ซึ่งหากหญิงชายใดต้องการแต่งงานกัน จะต้องผ่านความเห็นชอบจากพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายเสียก่อน และเมื่อแต่งงานแล้ว จะไม่คุมกำเนิด เนื่องจากขัดกับความเชื่อทางศาสนา และทั้งครอบครัวจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่
เมื่อทั้งหญิงชายอายุสิบหกปี จะได้อภิสิทธิ์ให้เดินทางไปใช้ชีวิตที่ใดก็ได้ช่วงหนึ่ง เพื่อที่จะกลับมาเลือกว่าจะอยู่ในชุมชนต่อไปหรือออกไปเผชิญโลกนอกชุมชน
หากเลือกที่จะออกไปเผชิญโลก หนุ่มสาวคนนั้นจะต้องออกจากชุมชนไป คนที่เลือกจะเป็น Amish ต่อไปต้องรับศีลแบ๊บติสต์และใช้ชีวิตตามแบบ Amish ที่เคร่งครัด
Amish เป็นชุมชนสังคมเกษตรกรรม เด็กๆทุกคนต้องทำงานอย่างหนักตั้งแต่เด็ก โดยเชื่อว่าเด็กๆจะรู้จักคุณค่าของตนเองจากการรับผิดชอบในงานที่ทำ ไม่มีทีวี โทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ ความบันเทิงของ Amish คือการได้นั่งสนทนากันภายในครอบครัว และกีฬาของเด็กๆ Amish เคร่งครัดในศาสนา แต่ก็ไม่งมงายไร้เหตุผล ห้ามมีรูปเคารพบูชา(จริงๆพุทธศาสนาของเราก็ห้ามมีสิ่งเคารพบูชา แต่เพราะเรานับถือพุทธกันแต่ปาก ก็เลยเป็นเช่นที่เห็นกันอยู่) เครื่องจักรต่างๆที่นำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากชุมชนเสียก่อน วันนี้เราจึงยังคงเห็นชาว Amish สัญจรด้วยรถม้าอยู่เช่นเมื่อร้อยปีก่อน
ชาว Amish นั้นเคร่งศาสนามาก และชุมชนก็มีระเบียบที่เข้มงวดเด็ดขาด จัดเป็นชีวิตที่น่าอึดอัด แต่จากสถิติก็คือ เด็กๆชาว Amish เลือกที่จะเป็นและใช้ชีวิตแบบ Amish ถึงร้อยละ 95 เลยทีเดียว ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...
อาจเพราะว่าวิถีที่เคร่งครัดและจำกัดอิสรภาพจากทุกๆด้าน ทำให้เราสามารถเอาชนะความคิดอยากตามธรรมชาติของสัตว์ได้ และนั่นอาจเป็นความสุขที่แท้ เหมือนที่พระศาสดาของชาวพุทธทั้งหลาย ก็ได้ปฏิบัติด้วยการลิดรอนอิสรภาพทั้งหลายของตนลง และดำเนินชีวิตตามกรอบที่เคร่งครัดและยากลำบาก ซึ่งสุดท้ายแล้วสามารถเป็นอิสระจากอารมณ์ทั้งหลายได้ และประกาศว่านั่นคือความสุขอันประเสริฐ
อ่านต่อตอนหน้านะครับ..
Create Date : 28 กันยายน 2555
0 comments
Last Update : 28 กันยายน 2555 9:33:42 น.
Counter : 1801 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
nainokkamin
Location :
พิษณุโลก Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
Group Blog
สวนนกขมิ้น
ในความทรงจำ
Home Theater
เรื่องเล่า
มุมสะท้อน
หน้าต่างบานแรก
ห้องสมุด
ห้องครัว
เพื่อนในสวน
ห้องส่วนตัว
<<
กันยายน 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
28 กันยายน 2555
ทาสอารมณ์ (Amish II)
All Blogs
อยากกระโดดลงจากรถไฟคันนี้จังเลย (Amish IV)
ความเชื่อเปลี่ยนคนให้เป็นควาย
ตุ๊กตาไร้หน้า (Amish III)
ทาสอารมณ์ (Amish II)
อิสระจากอะไร (Amish I)
กฏหมายเพื่อการคุ้มครองสัตว์จะทำให้สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ไปจากโลก
วันนี้ฝนหนัก
เชือดพ่อน้องปลาบู่ให้คนไทยดูกับพระตุ๊ดข้างทาง
พม่าย้ายเมืองหลวงหนีน้ำไปแล้ว เมืองไทยล่ะ??? : 21 ต.ค. 54
ถึงเวลาล้มระบบเศรษฐกิจโลกแล้วหรือยัง? : 17 ต.ค. 54
Friends' blogs
pinuaoo2006
กาแฟสดกะพรรณไม้งาม
ดอกฝิ่นในสายลมหนาว
ooybangyom
the mynas
กะว่าก๋า
เจ๊ดา
นกฮูกสีน้ำตาล
coji
doyngam
DZym
canx
puipom
mutcha_nu
DR.MOO CAN DO
at heart
แม่เฮือน
แม่สลิ่ม
Lika ka
Patteera
Calla Lily
tanH2O
ซองขาวเบอร์ 9
Bug in the garden
Nagano
newyorknurse
bite25
อารีย์
Marquez
ทานะ
ฟ้าใสวันใหม่
เหนือฟ้า พาไป
wink99_th
deco_mom
peeamp
lastmoon
dinga27
คนสวนบ้านคลอง
กระแตไต่ไม้
ann3377
Webmaster - BlogGang
[Add nainokkamin's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.